หนึ่งเซียนยากเสาะหา - ตอนที่ 393 - เจ้าเมืองเชิญพบ
ตอนที่ 393 – เจ้าเมืองเชิญพบ
ได้ยินเสียง แล้วยังสัมผัสได้ถึงปราณมารอันพลุ่งพล่านของอีกฝ่าย โม่เทียนเกอและเนี่ยอู๋ชางหยุดอยู่กับที่อย่างประหลาดใจ หมุนตัวมองไปทางประตู
ผู้ที่ร้องหยุดพวกเขาเป็นผู้ฝึกมารก่อเกิดตานขั้นกลางผู้หนึ่ง ดูอายุประมาณสามสิบปี ผมดำเคราสั้น จมูกตะขอ ทำให้คนผู้นี้ดูเฉียบแหลมและอึมครึม
“สหายเต๋าท่านนี้ เรียกพวกข้าหรือ” โม่เทียนเกอเห็นคนผู้นี้สายตาตกอยู่บนร่างของนางกับเนี่ยอู๋ชาง จึงส่งเสียงถามออกมา
คนผู้นี้สังเกตดูทั้งสองคนอย่างละเอียดหนึ่งรอบแล้วจึงกล่าวว่า “มิผิด สหายเต๋าทั้งสอง ข้าแซ่เหลียง เป็นผู้อาวุโสการพิธีของเมืองซิงลั่ว”
ฟังวาจานี้แล้ว โม่เทียนเกอและเนี่ยอู๋ชางกุมมือคารวะโดยพร้อมเพรียง “ที่แท้เป็นผู้อาวุโสเหลียง”
ผู้อาวุโสเหลียงท่านนี้เห็นพวกนางทั้งสองท่วงทีสงบนิ่ง ไม่ถ่อมตัวไม่เย่อหยิ่ง จึงรู้ว่าพวกนางล้วนเป็นคนที่ประสบการณ์กว้างไกล บนใบหน้าเจือรอยยิ้มหนึ่งส่วน คารวะตอบเอ่ยว่า “สหายเต๋าทั้งสองมิต้องเกรงใจ ไม่ทราบเรียกขานอย่างไรหรือ”
โม่เทียนเกอระงับรอยยิ้ม พูดตามสัตย์ ผู้อาวุโสเหลียงท่านนี้ไม่ยิ้มก็ช่างเถิด ก็แค่มองดูอึมครึมสักหน่อย พอยิ้มขึ้นมาทำให้คนรู้สึกว่ามีเจตนาร้ายทันที
“จ้ายเซี่ยฉินเวย” ถึงในใจจะแอบยิ้ม บนใบหน้านางยังคงรักษามารยาทอันหาที่ติไม่ได้เอาไว้
เนี่ยอู๋ชางเพียงกุมมือ เอ่ยอย่างชืดชาว่า “เทียนฉาน”
“อ้อ ที่แท้เป็นสหายเต๋าฉินและสหายเต๋าเทียนฉาน” ผู้อาวุโสเหลียงพูดหนึ่งประโยคแล้วตรงเข้าประเด็นหลัก “ไม่ทราบทั้งสองท่านมาถึงเมืองซิงลั่วข้ามีกิจธุระใดหรือ”
โม่เทียนเกอมองเนี่ยอู๋ชางแวบหนึ่ง กับเรื่องติดต่อผู้คน เนี่ยอู๋ชางไร้ความสนใจ จึงยกคางขึ้นเป็นสัญญาณให้โม่เทียนเกอไปตอบ
โม่เทียนเกอจึงเอ่ยว่า “พวกข้าเพียงผ่านมายังที่นี่ ท่องไปตามใจชอบเท่านั้น”
“อ้อ? ที่แท้เป็นเช่นนี้” สายตาของผู้อาวุโสเหลียงวนไปวนมาบนร่างทั้งสอง คล้ายกับกำลังชั่งน้ำหนักว่าวาจานี้ของนางเป็นจริงหรือเท็จ ถัดจากนั้น ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้ม “สหายเต๋าทั้งสองระดับการฝึกตนโดดเด่น สามารถมาถึงเมืองซิงลั่วของข้า หาได้ยากโดยแท้ ไม่ทราบจ้ายเซี่ยจะได้รับเกียรติให้เชิญสหายเต๋าทั้งสองไปเป็นแขกที่จวนเจ้าเมืองหรือไม่”
ได้ยินวาจานี้แล้ว โม่เทียนเกอกับเนี่ยอู๋ชางสบตากันอย่างประหลาดใจ พวกนางล้วนเป็นคนที่เดินทางอยู่ข้างนอกบ่อย ๆ พบเห็นมากความรู้กว้างขวาง กลับเป็นครั้งแรกที่พบกับสถานการณ์ประเภทนี้ ระหว่างผู้ฝึกตน น้อยมากจะมีทัศนคติอบอุ่น นอกเสียจากจะมีความคิดผูกมิตรเช่นเดียวกันจึงจะเป็นเช่นนี้ ขณะนี้พวกนางเพียงแรกมาถึงซิงลั่ว ผู้อาวุโสเหลียงท่านนี้ถึงกับมาเชื้อเชิญกันโดยบังเอิญขนาดนี้ ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ที่พบพานโดยบังเอิญ หรือว่ามีจุดประสงค์อะไร?
คิดเยี่ยงนี้แล้ว โม่เทียนเกอถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “ขอบังอาจถามผู้อาวุโสเหลียง สรุปว่ามีเรื่องอันใดหรือ หากเป็นเพียงการทำความรู้จักกัน มิสู้รอให้ข้ากับสหายเต๋าเทียนฉานจัดแจงที่พักแล้วค่อยไปจวนเจ้าเมืองสักรอบ เป็นอย่างไร”
“นี่ไม่ต้องแล้ว” ผู้อาวุโสเหลียงแววตาวูบขึ้น มองไปรอบด้าน พอเขามา พนักงานต้อนรับคนนั้นก็ไปยืนอยู่ด้านข้างแต่แรกแล้ว เหล่าพนักงานของโรงเตี๊ยมทั่วไปเพียงมองอยู่ไกล ๆ ไม่กล้าขึ้นหน้า
เขาเอ่ยว่า “ไม่ปิดบังทั้งสองท่าน เรื่องนี้เป็นคำสั่งของท่านเจ้าเมือง ในช่วงนี้ ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานขึ้นไปที่ปรากฏตัวที่ซิงลั่วข้าทุกคนล้วนต้องเชิญไปยังจวนเจ้าเมือง”
โม่เทียนเกอตะลึงไป เห็นผู้อาวุโสเหลียงใบหน้าเต็มไปแล้วความเคร่งขรึม ถึงไร้เจตนาจะบังคับ แต่ทัศนคติยืนกราน นางจึงเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสเหลียงโปรดอภัย พวกข้าล้วนเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน หากไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนกลับไม่สะดวกจะไปกับผู้อาวุโสเหลียงแล้ว”
วาจานี้ของนางชัดเจนมาก ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานนั้นอาศัยกำลังสะกดข่มง่ายดายเพียงนั้นหรือ เจ้าเมืองของเมืองซิงลั่วนี้ก็เป็นเพียงผู้ฝึกมารจิตวิญญาณใหม่ขั้นต้นคนหนึ่ง ถึงพวกนางจะเทียบไม่ได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ผู้ใดก็สามารถเหยียบย่ำ หากว่าผู้อาวุโสเหลียงท่านนี้อธิบายดี ๆ พวกนางอยู่ที่เมืองซิงลั่ว ไม่อาจไม่ไว้หน้าเจ้าเมืองสักเล็กหน่อย แต่หากอะไร ๆ ก็ไม่ยอมพูด เพียงอาศัยอำนาจบังคับเชื้อเชิญ เช่นนั้นพวกนางก็จะไม่งอมือให้ถูกมัดอย่างเรียบ ๆ ร้อย ๆ
เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสเหลียงเห็นจนชินแล้ว บนใบหน้าไม่มีแววอึดอัด ยิ้มแล้วกล่าวว่า “สหายเต๋าทั้งสองไม่ต้องตึงเครียดไป เพียงแค่ว่าเจ้าเมืองมีเรื่องขอร้องเท่านั้น ส่วนจะเป็นเรื่องใด ที่นี่ไม่สะดวกจะบอก หากสหายเต๋าทั้งสองไม่ถือสา พวกเราเดินไปพลางพูดไปพลางเถิด”
ทัศนคติของผู้อาวุโสเหลียงท่านนี้สงบนิ่งเกินไปแล้ว ดูท่าไม่เหมือนกับจะมีแผนร้ายอะไรจริง ๆ โม่เทียนเกอกับเนี่ยอู๋ชางสบตากันแวบหนึ่ง เนี่ยอู๋ชางถ่ายทอดเสียงเอ่ยว่า “ไปดู ๆ ก็ไม่เป็นไร”
โม่เทียนเกอครุ่นคิด พยักหน้าช้า ๆ เงยหน้าขึ้นเอ่ยกับผู้อาวุโสเหลียงว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ตามผู้อาวุโสเหลียงไปสักรอบ”
ได้ยินวาจานี้แล้ว ผู้อาวุโสเหลียงเผยรอยยิ้มออกมา กล่าวอย่างเกรงอกเกรงใจว่า “ขอบคุณสหายเต๋าทั้งสองมากที่ให้ความร่วมมือ โปรดตามข้ามา” ว่าแล้ว ผู้อาวุโสเหลียงท่านนี้ก็ออกจากโรงเตี๊ยม
โม่เทียนเกอมองแผ่นหลังของเขา กวักมือเรียกพนักงานที่ต้อนรับพวกนางในตอนแรก “คนผู้นี้เป็นผู้อาวุโสการพิธีของพวกเจ้าจริง ๆ หรือ ช่วงนี้มีผู้ฝึกตนก่อเกิดตานคนอื่นถูกเชิญเข้าจวนเจ้าเมืองหรือไม่”
พนักงานนั้นลังเลไปหน่อยแล้วจึงตอบอย่างนอบน้อมว่า “ผู้อาวุโส เรื่องประเภทนี้มิใช่สิ่งที่ผู้ฝึกตนทั่วไปที่อาศัยอยู่ที่เมืองซิงลั่วอย่างข้าจะสามารถรู้ได้ อีกอย่าง ผู้อาวุโสก่อเกิดตานปรากฏตัวบนโลกน้อยมาก ผู้อาวุโสก่อเกิดตานที่โรงเตี๊ยมเราเคยต้อนรับในระยะนี้มีสองท่าน แต่ว่า ท่านผู้นี้เป็นผู้อาวุโสการพิธีของเมืองซิงลั่วเราจริง ๆ เรื่องนี้ไม่แปลกปลอม”
เขาเพิ่งจะพูดออกมา ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังที่แต่งกายด้วยชุดผู้ดูแลร้านทางด้านข้างก็เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสทั้งสอง เรื่องนี้ข้าน้อยพอจะทราบมาบ้าง เพิ่งเมื่อวานนี้ มีผู้อาวุโสก่อเกิดตานท่านหนึ่งที่โรงน้ำชาถูกเชิญไปยังจวนเจ้าเมือง”
“อ้อ ขอบคุณมาก” โม่เทียนเกอพูดกับพวกเขา หมุนตัวออกจากประตู เนี่ยอู๋ชางก็ตามไป
“สหายเต๋าเนี่ย” โม่เทียนเกอถ่ายทอดเสียง “ท่านใช้จิตหยั่งรู้สัมผัสดูหน่อยว่าในเมืองมีผู้ฝึกตนก่อเกิดตานอันใดหรือไม่”
ผ่านไปครู่หนึ่ง เนี่ยอู๋ชางตอบว่า “มิผิด นอกจากข้าท่านและผู้อาวุโสเหลียงคนนั้น มีเพียงตะวันออกของเมืองที่มีผู้ฝึกตนก่อเกิดตานเคลื่อนไหว”
โม่เทียนเกอพยักหน้าแสดงว่าเข้าใจ เจ้าเมืองของเมืองซิงลั่วเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นต้น ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานของเมืองซิงลั่วไม่ควรจะน้อยเช่นนี้ ดูท่าผู้อาวุโสเหลียงนั้นพูดไม่ผิด ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานล้วนถูกเชิญไปจวนเจ้าเมืองแล้ว จวนเจ้าเมืองมีกำแพงอาคม พวกนางสำรวจไม่ได้
ทั้งสองคนเดินออกจากโรงเตี๊ยม ผู้อาวุโสเหลียงนั้นรออยู่ในที่ไม่ไกล เห็นพวกนางออกมาก็เผยรอยยิ้มทักทาย “สหายเต๋าทั้งสอง เชิญ”
โม่เทียนเกอพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม ตามผู้อาวุโสเหลียงไปกับเนี่ยอู๋ชาง
มีผู้อาวุโสผู้นี้นำทาง เหล่าผู้ฝึกตนระดับต่อรอบด้านพากันหลีกทางให้ ยกที่ว่างที่ค่อนข้างใหญ่ให้กับทั้งสาม
“ผู้อาวุโสเหลียง” เนี่ยอู๋ชางเลิกงอบ กล่าวว่า “เจ้าเมืองเชิญพบสรุปว่ามีจุดประสงค์ใด สามารถพูดได้ไหม”
ผู้อาวุโสยกมือตั้งอาณาเขตกั้นเสียง เอ่ยว่า “สหายเต๋าทั้งสองมาที่เมืองซิงลั่วข้าไร้เรื่องสำคัญเลยใช่ไหม”
คำถามนี้โม่เทียนเกอทั้งสองเคยตอบแต่แรกแล้ว สถานการณ์อย่างในเวลานั้นมีความเป็นไปได้มากว่าจะพูดไปงั้น ๆ ผู้อาวุโสเหลียงคนนี้ถามอย่างรอบคอบอีกรอบ
โม่เทียนเกอเอ่ยว่า “มิผิด ข้ากับสหายเต๋าเทียนฉานท่านนี้เพียงผ่านมาที่นี่ ตั้งใจจะเดินเล่นเพิ่มประสบการณ์สักรอบเท่านั้น”
ผู้อาวุโสเหลียงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็ดี” เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ไม่ปิดบังทั้งสองท่าน เริ่มตั้งแต่สองเดือนก่อน เจ้าเมืองได้เชิญสหายเต๋าก่อเกิดตานที่ปรากฏในเมืองซิงลั่วเราทั้งหมดไปในจวนเจ้าเมือง นั่นเพื่อกระทำเรื่องราวหนึ่ง”
“อ้อ?” ด้วยขนาดของเมืองซิงลั่ว ไม่พูดมาก ระยะเวลาสองเดือนน่าจะเพียงพอให้เชิญผู้ฝึกตนก่อเกิดตานได้สิบกว่าคนแล้วกระมัง ยิ่งบวกกับผู้ฝึกตนก่อเกิดตานในเมืองแต่เดิม คาดว่าต้องมียี่สิบสามสิบคนแล้ว เรื่องอะไรต้องการผู้ฝึกตนก่อเกิดตานมากขนาดนี้
“เรื่องนี้สรุปว่าเหตุใด เมื่อไม่มีคำอนุญาตของเจ้าเมือง ข้าไม่อาจเปิดเผยล่วงหน้า แต่ว่าโดยคร่าว ๆ เรื่องก็เป็นอย่างนี้ แน่นอนว่าสหายเต๋าทั้งสองไม่จำเป็นต้องกังวลใจ เจ้าเมืองเชิญทุกท่านทำธุระล้วนจ่ายค่าตอบแทน”
“ผู้อาวุโสเหลียง” เขาพูดจบ เนี่ยอู๋ชางกล่าวอย่างเย็นชาทันทีว่า “หรือว่าเรื่องนี้พวกเราไม่สามารถปฏิเสธ”
ผู้อาวุโสเหลียงคนนี้ฟังจนอึ้ง มองเนี่ยอู๋ชางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า “อันนี้จ้ายเซี่ยไม่ทราบ จ้ายเซี่ยเพียงรับผิดชอบการเชิญสหายเต๋าก่อเกิดตานที่ปรากฏที่เมืองซิงลั่วไปยังจวนเจ้าเมือง เรื่องราวจะมีเจ้าเมืองอธิบายให้กับทุกท่านเอง แต่ว่า จนถึงวันนี้ไม่มีคนปฏิเสธสักคนจริง ๆ”
โม่เทียนเกอเลิกคิ้ว ไม่พูดไม่จา เรื่องนี้ไม่ปกติอยู่บ้าง ระยะเวลาสองเดือน ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานที่ปรากฏตัวที่เมืองซิงลั่วทุกคนล้วนถูกเชิญ ถึงกับไม่ปฏิเสธสักคนหรือ ต้องทราบว่า ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานเหล่านี้ปรากฏตัวบนโลกมนุษย์ กว่าครึ่งคือมีธุระต้องกระทำ ที่ท่องเที่ยวไปทั่วอย่างนางกับเนี่ยอู๋ชางกลับมีน้อยมาก คนเหล่านั้นมีธุระอยู่กับตัว เหตุใดกลับไม่ปฏิเสธ แค่เพียงว่าคนที่เชิญพวกเขาทำธุระคือผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่คนหนึ่งหรือ
การล่วงเกินผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่คนหนึ่งเป็นเรื่องที่เหล่าผู้ฝึกตนก่อเกิดตานล้วนอยากหลีกเลี่ยงจริง ๆ แต่ในหมู่ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานมีเท่าไหร่ที่ศักดิ์ฐานะไม่สามัญ ภูมิหลังแข็งแกร่ง? อิทธิพลของเมืองซิงลั่วนี้ในแดนมารของอาณาจักรเป่ยหลินก็เพียงสามารถนับว่างั้น ๆ พวกเขาเพื่อไม่ให้ล่วงเกินเจ้าเมืองซิงลั่วคนหนึ่งก็เลยฝืนใจตัวเองกระนั้นหรือ
อย่างนี้ดูไปแล้ว ถ้าไม่ใช่ค่าตอบแทนน่าทึ่ง เหล่าผู้ฝึกตนก่อเกิดตานยากจะปฏิเสธ ก็คือเจ้าเมืองซิงลั่วผู้นี้วางอุบาย พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธ สรุปว่าเป็นอย่างใดเล่า
โม่เทียนเกอมองเนี่ยอู๋ชาง เนี่ยอู๋ชางก็กำลังมองนาง
“สหายเต๋าโม่ ท่านเห็นว่าอย่างไร” เนี่ยอู๋ชางถ่ายทอดเสียงลับ
หากเป็นอย่างแรกก็ช่างเถิด ถ้าเป็นอย่างหลัง พวกนางไปจวนเจ้าเมืองสุ่มสี่สุ่มห้ามิใช่ทางเลือกที่ดีเลย เข้าไปในเขตแดนของคนเขาก็คือการอนุญาตให้คนอื่นบงการ
แต่หากไม่ไปก็มิใช่หนทาง ทัศนคติของผู้อาวุโสเหลียงคนนี้ถึงจะยังนับว่าไม่เลว แต่หนักแน่นมาก พวกนางอยู่ที่เมืองซิงลั่วแล้ว หากตอนนี้ไม่ไป ถ้าเจ้าเมืองผู้นั้นลงมือด้วยตนเอง สำหรับพวกนางแล้วเป็นเรื่องที่ยุ่งยากประการหนึ่ง
โม่เทียนเกอใคร่ครวญชั่วครู่ เอ่ยปากว่า “ผู้อาวุโสเหลียง หากจ้ายเซี่ยไม่อยากไปพบเจ้าเมืองเล่า ท่านจะว่าอย่างไร”
ผู้อาวุโสเหลียงผู้นี้ได้ยินแล้วกลับยิ้ม “นี่มิใช่ครั้งแรกที่จ้ายเซี่ยตอบคำถามข้อนี้ สหายเต๋าฉิน แต่ก่อนก็เคยมีสหายเต๋าก่อเกิดตานหลายท่านแสดงออกมาว่ามีธุระกับตัวไม่สะดวกจะไป จ้ายเซี่ยเกลี้ยกล่อมไม่ได้จริง ๆ เจ้าเมืองก็เลยออกหน้าด้วยตนเอง ภายหลังสหายเต๋าหลายท่านนั้นล้วนตกลงแล้ว”
ผู้อาวุโสเหลียงเพียงพูดอย่างชืดชาไม่กี่คำ โม่เทียนเกอกลับฟังเรื่องมากมายออกจากในนั้น ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานหลายคนนั้นมีความเป็นไปได้มากว่าแสดงออกด้วยทัศนคติยืนกรานว่าจะไม่ไปจวนเจ้าเมือง ไม่แน่ว่ายังจะแข็งขืนจากไปด้วย ส่วนผู้อาวุโสเหลียงผู้นี้ “เกลี้ยกล่อม” ที่พูดเป็นไปได้มากว่าเป็นการใช้กำลังบังคับเชื้อเชิญกัน หากสู้ไม่ได้ก็จะรายงานต่อเจ้าเมือง ส่วนเจ้าเมืองของเมืองซิงลั่วผู้นี้หลังจากออกหน้าด้วยตนเองแล้วสรุปว่าเป็นการใช้กำลังหรือว่าใช้ผลประโยชน์ให้คนอื่นตกลงกลับไม่ทราบแล้ว
นี่ทำให้โม่เทียนเกอยิ่งไม่มั่นใจ สรุปจะไปหรือไม่ไปล่ะ หากไม่ไป กว่าครึ่งคือต้องต่อสู้ อีกทั้งเป็นไปได้มากว่าจะต้องเผชิญกับผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ หากไป โชคเคราะห์ยากทำนาย
“สหายเต๋าโม่ พวกเราก็ไปดู ๆ แล้วกัน” เมื่อได้ยินเสียง โม่เทียนเกอก็หันหน้าไปมอง เนี่ยอู๋ชางขยิบตาให้นาง ถ่ายทอดเสียงมากว่า “วิธีซ่อนเร้นของข้า ท่านก็รู้อยู่ ข้าคิดว่าท่านก็มีวิธีหลบหนีที่ผู้คนไม่ล่วงรู้กระมัง?”
————
ตอนที่ 394 – เจ้าเมืองขอการสนับสนุน