หนึ่งเซียนยากเสาะหา - ตอนที่ 405 ยืนยันและปฏิเสธ
ตอนที่ 405 – ยืนยันและปฏิเสธ
สำนักตานเสียเป็นหนึ่งในห้าสำนักใหญ่ผู้ฝึกเต๋าของอวิ๋นจง ถึงปัจจุบันนี้จะอ่อนแอ แต่สืบทอดลงมาหลายหมื่นปี มีศิษยานุศิษย์นับไม่ถ้วน ยงหรูอวี้และฉิวเฉิงรั่วอยู่ที่สำนักเช่นนี้ ทั้งยังเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน พูดโดยเหตุผล สายตาจะไม่แคบสั้น ในเมื่อพวกเขารู้ว่านี่คือทักษะวิญญาณศพ จะมากจะน้อยก็ย่อมทราบวิธีจัดการจำนวนหนึ่ง
ยงหรูอวี้และยงหรูอวี้สบตากัน ก้มหน้าครุ่นคิด
“ซือเกอ” ผ่านไปครู่หนึ่ง ฉิวเฉิงรั่วเอ่ยปากอย่างลังเลอยู่บ้าง “เจ้าเมืองเหมยนี้มิใช่ไม่รู้ศักดิ์ฐานะของพวกเรา เหตุใดยังหลอกพวกเราเข้ามา ไม่เพียงแต่พวกเรา ในผู้ฝึกมารเหล่านั้นก็มียอดฝีมือของสามแดนมารใหญ่ เจ้าเมืองซิงลั่วเล็ก ๆ อย่างเขาคนเดียวล่วงเกินได้หรือ”
ยงหรูอวี้ใคร่ครวญชั่วขณะ กล่าวว่า “เรื่องนี้น่าสงสัยจริง ๆ แต่ว่าพวกเราค้นพบผลึกมารเข้าจริง ๆ เจ้าเมืองเหมยนี้มีเจตนาไม่ดีเป็นเรื่องที่แน่นอน”
“แต่ว่า……”
“ในเมื่อเรื่องมาวางอยู่ตรงหน้าแล้ว พวกเราจะปฏิเสธอีกก็ไร้ความหมาย พูดได้เพียงว่า เรื่องนี้จะต้องมีปัจจัยที่พวกเรามองข้ามไป” ยงหรูอวี้พูดกับฉิวเฉิงรั่วจบก็หันมาทางโม่เทียนเกอและเนี่ยอู๋ชาง “สหายเต๋าทั้งสอง ซือเม่ยข้าพูดได้ไม่ผิด ตามสามัญสำนึก เมืองซิงลั่วเป็นเพียงแดนมารเล็ก ๆ แห่งหนึ่งของอาณาจักรเป่ยหลิน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ก็ล่วงเกินกลุ่มอำนาจเบื้องหลังพวกเราไม่ได้”
“ดังนั้น เจ้าเมืองเหมยผู้นี้ทำอย่างนี้จะต้องสามารถได้รับผลประโยชน์มหาศาล มากถึงขนาดที่เขาสามารถเพิกเฉยต่อกลุ่มอำนาจเหล่านี้ หรือว่า ละทิ้งเมืองซิงลั่ว” โม่เทียนเกอนวดหัวคิ้วต่อไป
“มิผิด” ยงหรูอวี้เอ่ย “เมื่อครู่ข้าคิดอยู่สักพัก รู้สึกว่ายังมีบางอย่างไม่ถูกต้อง ถึงแม้ว่าพวกเราผู้ฝึกตนก่อเกิดตานสิบห้าคนถูกเขาร่ายทักษะวิญญาณศพทั้งหมด สำหรับเขาแล้วก็มิใช่ผลประโยชน์ที่ใหญ่โตจนเกินไป หลังจากถูกทักษะวิญญาณศพควบคุม ระดับการฝึกตนของผู้ฝึกตนถึงจะไม่ตกต่ำลง ความแข็งแกร่งกลับจะไม่สู้ดังเดิม สาเหตุนี้ คิดว่าสหายเต๋าทั้งสองล้วนทราบอยู่แก่ใจ”
โม่เทียนเกอและเนี่ยอู๋ชางล้วนพยักหน้า คนที่มีวิจารญาณเป็นของตนเองกับหุ่นเชิดหนึ่งตัว พลังอำนาจย่อมไม่เหมือนกัน นี่เป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดเจน
ยงหรูอวี้กล่าวต่อว่า “หุ่นเชิดก่อเกิดตานสิบห้าตัว ฟังแล้วน่ากลัวมาก แต่สำหรับผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่แล้วจะนับเป็นอะไรได้เล่า ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่เทียบกับผู้ฝึกตนก่อเกิดตานแล้วจะพูดว่าใช้หนึ่งสู้ร้อยก็ไม่เกินเลยไป หากไม่มีวิธีการพิเศษ ถึงจะเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นต้นหนึ่งคนก็ไม่เกรงกลัวหุ่นเชิดก่อเกิดตานทั้งกลุ่ม”
“ใช่เลย”
เมื่อได้รับการยืนยันของโม่เทียนเกอ ยงหรูอวี้พูดไปอีกรอบว่า “เช่นนั้นคำถามก็วนกลับมาอีกแล้ว เจ้าเมืองเหมยนี้สรุปแล้วสามารถได้รับผลประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้ จึงสามารถสั่งให้เขาไม่คำนึงถึงผลตามหลัง” รอบนี้ ยังไม่ทันมีคนตอบ ยงหรูอวี้ก็ตอบเสียงทุ้มแล้วว่า “ข้าคิดได้ข้อหนึ่ง หลอมสร้างหุ่นเชิดก่อเกิดตานมากขนาดนี้ออกมาแล้ว เขามีการใช้งานเป็นพิเศษ สามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของตนเองอย่างยิ่งยวด!”
ได้ยินวาจานี้ โม่เทียนเกอคิดทบทวนอย่างละเอียดในใจ
การวิเคราะห์ของยงหรูอวี้ไม่มีปัญหาเลย หากไม่มีผลประโยชน์เพียงพอ เจ้าเมืองเหมยไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้จริง ๆ ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานมากขนาดนี้ ปิดซ่อนร่องรอยไม่ได้เลย ผู้ฝึกตนระดับสูงของอวิ๋นจงมีไม่น้อย กลุ่มอำนาจใหญ่ทุก ๆ กลุ่มจะต้องมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่หลายคน จิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายก็พบเห็นไม่น้อย เจ้าเมืองเหมยไม่กลัวกลุ่มอำนาจเบื้องหลังพวกเขาจะมาล้างแค้นถึงประตูบ้าน นั่นแปลว่าผลประโยชน์นี้เพียงพอให้เขายืนอยู่ในหมู่ผู้ฝึกตนชนชั้นผู้นำ ไม่กลัวผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลาย!
วิเคราะห์มาถึงตรงนี้ มีความเป็นไปได้สองประการปรากฏขึ้น หนึ่งคือ ผลประโยชน์นี้สามารถทำให้เขาเลื่อนขึ้นเป็นจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลาย นี่เป็นความเย้ายวนที่ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ที่ระดับชั้นชะงักงันผู้ใดก็ไม่อาจต้านทาน สองคือ นี่สามารถทำให้เขาได้รับอาวุธเวทเลิศล้ำหรือว่าณานศักดิ์สิทธิ์สะท้านฟ้า ไม่กลัวว่าผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่เหล่านี้จะมาล้างแค้นถึงประตูบ้าน
คิดถึงตรงนี้ โม่เทียนเกอถามว่า “สหายเต๋ายง ทางข้ามีการวิเคราะห์สองประการ ท่านรู้สึกว่าประการใดเป็นไปได้มากกว่า”
รอจนโม่เทียนเกอพูดการวิเคราะห์สองประการออกมา ยงหรูอวี้บีบหัวคิ้วครุ่นคิด ชั่วครู่ให้หลัง ตอบว่า “อย่างหลัง”
“เพราะอะไร” โม่เทียนเกอถาม
“เพราะว่า……ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานของเมืองซิงลั่วเหล่านั้นคล้ายจะรู้เรื่อง” ยงหรูอวี้พูด
โม่เทียนเกอตะลึง ใคร่ครวญโดยละเอียด เรื่องราวนี้ ถึงเจ้าเมืองเหมยจะไม่ได้อธิบายต่อลูกน้องของเขา แต่ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานเหล่านั้นก็ไม่มีทางไม่รู้เรื่องสักนิดเด็ดขาด เพราะว่าการลวงพวกเขาเข้ามาในหลุมพรางนี้ ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานเหล่านั้นก็มีส่วนร่วม อย่างเช่นผู้อาวุโสเหลียง อย่างเช่นคนพวกนั้นที่เปิดกำแพงอาคม ของพวกนี้ปิดพวกเขาไม่ได้
เช่นนั้นแล้ว เรื่องราวก็มีความเป็นไปได้สองประการ ประการแรกคือ ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานเหล่านี้ทราบทั้งหมด เช่นนั้นเรื่องราวนี้ไม่เพียงสามารถมอบผลประโยชน์ต่อเจ้าเมืองเหมย ยังสามารถมอบผลประโยชน์ให้พวกเขา จึงทำให้พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวกลุ่มอำนาจเบื้องหลังผู้ฝึกตนที่ถูกลวงเหล่านี้ไปด้วย อีกประการหนึ่งคือ เจ้าเมืองเหมยไม่ได้บ่งบอกทั้งหมด หรือว่าใช้เหตุผลอื่นอื่น ๆ มาอำพรางลูกน้องของตัวเอง แต่เช่นนี้แล้ว ทำไมคนเหล่านี้ถึงได้ช่วยเหลือเจ้าเมืองเหมยอย่างสุดกำลังเล่า นิสัยของผู้ฝึกตนคือเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ผู้ฝึกมารยิ่งเป็นเช่นนี้ ไม่ปฏิเสธว่ามีคนบางคนที่มีความภักดีของโลกปุถุชน แต่ไม่ใช่ทั้งหมดเป็นอันขาด หรือว่า ผู้ฝึกตนเหล่านี้จริง ๆ ถูกเจ้าเมืองเหมยควบคุมเอาไว้แต่แรกแล้ว ไม่เป็นตัวของตัวเอง? นี่มิใช่เป็นไปไม่ได้ แต่ดูจากท่าทางของผู้อาวุโสเหลียงคนนั้น ความเป็นไปได้น้อยยิ่ง
ด้านหนึ่งปฏิเสธ ด้านหนึ่งยืนยัน ผลสรุปชัดเจนมากแล้ว การวิเคราะห์ของยงหรูอวี้ไม่ผิด หากสิ่งที่ได้รับเป็นอาวุธเวทเลิศล้ำหรือว่าณานศักดิ์สิทธิ์สะท้านฟ้า เช่นนั้นเป็นไปได้มากว่าอาวุธเวทหรือณานศักดิ์สิทธิ์นี้สามารถคุ้มครองผู้ฝึกตนเหล่านี้ของเมืองซิงลั่ว ดังนั้นพวกเขาจึงช่วยเหลือเจ้าเมืองเหมยสุดกำลัง
แต่ความเป็นไปได้อีกอย่างก็ไม่สามารถปัดตกไปทั้งหมด ถึงอย่างไรคนเป็นสิ่งมีชีวิต เจ้าเมืองเหมยผู้นี้สรุปว่าทำอะไร พวกเขาล้วนไม่ทราบ บางที เจ้าเมืองเหมยใช้วิธีการอะไรทำให้ลูกน้องผู้ฝึกตนก่อเกิดตานเหล่านี้ไม่อาจไม่ช่วยเขา ถึงเวลาหากเขาได้รับระดับการฝึกตนที่สูงส่งลึกล้ำ ขนาดที่ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขนาดปลายเหล่านั้นก็ทำอันใดเขาไม่ได้ เมืองซิงลั่วแล้วอย่างไร เกี่ยวอะไรกับเขาหรึอ เทียบกับการที่ตนเองสามารถเลื่อนขึ้นเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายจนขค้นไปสู่จุดสูงสุด เจ้าเมืองคนหนึ่งนับเป็นอะไรเล่า เมืองซิงลั่วทั้งเมืองก็เป็นแค่เด็กถูกทิ้งที่มีก็ได้ไม่มีก็ได้
พูดถึงตรงนี้ ยงหรูอวี้เคาะหน้าผาก ทุกข์ใจถึงสิบส่วน “แต่ข้าคิดไม่ตกจริง ๆ ว่าการใช้ทักษะวิญญาณศพหลอมสร้างหุ่นเชิดก่อเกิดตานมากขนาดนี้จะมอบผลประโยชน์ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ให้กับเขาได้อย่างไร”
“พวกเราละเลยความเป็นไปได้ประการหนึ่ง” เนี่ยอู๋ชางที่เงียบงันมาโดยตลอดจู่ ๆ กล่าวขึ้นมา “บางที ผลึกมารนี้ไม่ได้เอาไว้ใช้ร่ายทักษะวิญญาณศพเลย”
ยงหรูอวี้ฟังจนตะลึงงัน “ไม่ได้จะร่ายทักษะวิญญาณศพ?”
“มิผิด” เนี่ยอู๋ชางมองเขา เอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “สหายเต๋ายง หรือว่าผลึกมารได้แต่เอามาใช้ร่ายทักษะวิญญาณศพ?”
ยงหรูอวี้คิดครู่หนึ่ง ส่ายหน้า “ไม่รู้ วัตถุนี้ถึงจะน่ากลัว แต่ก็ล้ำค่า สรุปว่ามีประโยชน์อะไร ข้าก็ไม่ได้ทราบกระจ่างนัก เพียงแต่ว่า วัตถุนี้มีชื่อเสียงมากเกินไปว่าใช้กับทักษะวิญญาณศพ พอเอ่ยถึงผลึกมารจะคิดถึงทักษะวิญญาณศพทันที”
“ก็อย่างนั้นล่ะ” เนี่ยอู๋ชางพูดต่อ “จ้ายเซี่ยศึกษาทักษะสายมารมาบาง ทราบอย่างผิวเผิน ในเมื่อวัตถุนี้มีการใช้งานคือการดูดซับแก่นปราณอันเป็นเอกลักษณ์อย่างนี้ จะต้องไม่หยุดอยู่ที่การใช้ทักษะเพียงอย่างเดียวเป็นอันขาด ถึงขนาดที่ว่า สามารถประดิษฐ์ทักษะจำนวนหนึ่งตามคุณสมบัติของวัตถุนี้ได้เลย”
“มิผิด” ฉิวเฉิงรั่วพึมพำ “ซือเกอ ท่านจำข่าวลือนั่นได้ไหม ทักษะวิญญาณศพนี่เพราะว่าประมุขมารที่ณานศักดิ์สิทธิ์เลิศล้ำสักคนค้นพบผลึกมารแล้วถึงได้ประดิษฐ์ขึ้นมา”
“……” ยงหรูอวี้เช็ดเหงื่อบนใบหน้า สีหน้าซีดขาว เอ่ยอย่างหดหู่ว่า “เรื่องนี้ยิ่งมายิ่งยากจะจินตนาการ ข้า ข้ามัน……ไร้กำลังจริง ๆ……”
“สหายเต๋ายง!” โม่เทียนเกอมองเขา สายตาคมปลาบ “ท่านพูดอะไร หรือว่าตอนนี้ท่านยอมแพ้แล้ว”
บนใบหน้ายงหรูอวี้ปรากฏแววสิ้นหวัง “บุคคลที่สามารถเอาสิ่งนี้มาประดิษฐ์ทักษะชนิดหนึ่งเป็นผู้ที่พวกเราที่เป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานอย่างนี้จะสามารถต่อกรด้วยได้หรือ มิใช่ว่าข้ายอมแพ้ แต่เกินกำลังจริง ๆ”
เนี่ยอู๋ชางร้องหึเสียงเย็นคำหนึ่ง จ้องมองเขาอย่างเย็นชา “พวกเราให้พวกท่านคิดหนทาง เพราะว่าพวกท่านเข้าใจสถานการณ์ของอวิ๋นจง ไม่ได้จะให้ท่านหาทางตายของตัวเอง! ตอนนี้ทุกสิ่งล้วนเป็นเพียงการวิเคราะห์เท่านั้น ท่านก็จะตัดโอกาสรอดชีวิตของตัวเองแล้วหรือ ปลุกสติขึ้นมาให้ข้าเลย! ถ้าไม่อย่างนั้น ตอนนี้พวกเราก็สามารถสังหารท่านเสีย ไม่ให้ท่านมาทำลายขวัญกำลังใจอยู่ตรงนี้!”
………………..
ตอนที่ 406 – คนอื่น