หนึ่งเซียนยากเสาะหา - ตอนที่ 417 หนีรอด
ตอนที่ 417 – หนีรอด
ในหุบเขาเล็ก ๆ อันไร้นามเละเทะไปหมด
ภายใต้พลังของเครื่องรางอาวุธเวท ม่านพลังเคลื่อนย้ายบนพื้นพังไปแล้ว ส่วนผู้ฝึกตนไม่กี่คนของเมืองซิงลั่ว ไม่มีสักคนที่โชคช่วยรอดพ้น ได้รับบาดเจ็บสาหัสกันทั้งหมด สำหรับผู้ฝึกตนที่หนีออกจากในถ้ำหมีจงคนอื่น พวกจินสือสามคนไม่มีโอสถเพียงพอ อวี้กุยเสียชีวิตไปแล้ว ยงฉิวสองคนก็ไม่ได้จะดีกว่าสักเท่าไหร่ ชีวิตร่อแร่
คนเดียวที่ยังนับว่าสบายดีก็คือผู้ฝึกกระบี่เจี้ยนซินคนนั้น ถึงเขาจะไปลงมือต่อเจ้าเมืองเหมย แต่เป้าหมายของเจ้าเมืองเหมยกลับเป็นเนี่ยอู๋ชางและโม่เทียนเกอ ไม่ได้สนใจเขา ดังนั้น เขาแค่ได้รับบาดเจ็บจากปราณมารของเจ้าเมืองเหมยเท่านั้น
ณ ขณะนี้เอง ตรงจุดที่ตั้งกำแพงอาคมซึ่งพังทลายไป มีคนบินออกมาหนึ่งคน
คนผู้นี้สวมชุดดำทั้งร่าง รูปร่างสูงใหญ่ คิ้วตาอึมครึม มือทั้งคู่ซ่อนในแขนเสื้อ พลังวิญญาณรอบด้านพลุ่งพล่าน ตอนที่แขนเสื้อของเขาถูกตีสะบัดขึ้นมา สามารถมองเห็นแสงสีเงินเล็กน้อยได้เลือนราง
สายตาของเขามองไปยังทิศทางที่เจ้าเมืองเหมยหายลับไปอย่างเฉยชาแล้วก้มหน้ามองสถานที่เกิดเหตุ ร้องหึเสียงเย็นหนึ่งคำ โบกมือขวา ปราณมารไหลทะลักออกมา โจมตีใส่ร่างของผู้ฝึกตนที่บาดเจ็บสาหัสหลายคนนั้น
“ท่าน……” ผู้อาวุโสเหลียงที่บาดเจ็บหนักแต่ไม่ตายตื่นตะหนกสุดจะบรรยาย “ท่านไม่ตาย?!”
คนผู้นี้หัวเราะเสียงเย็นคำหนึ่ง เอ่ยปากอย่างอึมครึมว่า “ท่านนึกว่าข้าเป็นคนโง่เขลากลุ่มนี้หรือ” พูดจบ มือปลอมสีเงินยกขึ้น ปราณมารก้อนนี้กระแทกใส่ร่างผู้อาวุโสเหลียง ผู้อาวุโสเหลียงที่บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วไม่เหลือลมปราณในทันที
คนคนนี้เคลื่อนไหวไม่หยุด หนึ่งมือปราณมารหนึ่งก้อน ในพริบตาเดียวก็แทบจะฆ่าล้างคนในที่แห่งนี้จนสิ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนเมืองซิงลั่วหรือว่าผู้ฝึกตนที่ถูกหลอกเช่นเดียวกับเขา
คนเหล่านี้ถึงจะล้วนมีอาการบาดเจ็บสาหัสบนร่าง แต่ดูจากสภาพที่คนคนนี้แทบจะไม่เปลืองแรงสักนิด เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งไม่สามัญ
เห็นเช่นนี้แล้ว เจี้ยนซินสะบัดแขนเสื้อ กระบี่บินเปล่งเสียงร้องสดใส จับจ้องคนผู้นี้อย่างตื่นตัวไร้ที่เปรียบ
คนผู้นี้กลับแค่เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ไม่มีความตั้งใจจะลงมือ โบกมือเก็บกระเป๋าเอกภพของผู้ฝึกมารทั้งหลายเข้ากระเป๋า เอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกว่า “อันอื่น ๆ ให้ท่านเถอะ” พูดจบ สะบัดแขนเสื้อ บินหนีจากไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่เจ้าเมืองเหมยไล่ล่า
เจี้ยนซินผ่อนลมหายใจ กุมอกไอออกมาหนึ่งคำ
คนคนนี้ ก่อนที่เขาจะเข้าสถานที่ลับก็สังเกตเห็นแล้ว เป็นก่อเกิดตานขั้นกลางขีดสุดเหมือนกัน มือปลอมคู่นั้นมองแวบเดียวก็รู้ว่าพลังไม่ธรรมดา ไม่ใช่พวกง่าย ๆ โดยเด็ดขาด ตามคาด ตอนที่พวกเขากับเจ้าเมืองเมืองประลองปัญญาประลองความกล้ากัน คนผู้คนซ่อนลึกอยู่ในโพรงถ้ำ ไม่เผยร่องรอยแม้เศษเสี้ยว รอจนพวกเขาชักจูงเจ้าเมืองเหมยไป เขาค่อยหนีอย่างสบาย ๆ!
ตอนนี้พวกเขาพ่ายแพ้ทั้งสองฝ่าย คนผู้คนออกมาจากในโพรงถ้ำถึงกับยังไม่ลืมที่จะฉวยโอกาสฆ่าคนชิงสมบัติ เป็นจิตใจอันละเอียดรอบคอบและอำมหิตจริง ๆ ละโมบเห็นแก่ประโยชน์!
โชคดีที่คนผู้คนไม่มีเจตนาจะเป็นศัตรูกับเขา ก็ใช่ ถึงเขาจะมีอาการบาดเจ็บบนตัว แต่ไม่อาจเทียบกับคนที่บาดเจ็บสาหัสพวกนั้น หากสู้กันขึ้นมาไม่แน่ว่าจะแพ้เขา ในเมื่อเขาฉลาดขนาดนี้ ย่อมได้กำไรแล้วก็ไป รั้งอยู่ที่นี่นานไปยังไม่รู้ว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไร
คิดถึงตรงนี้ เจี้ยนซินเงยหน้ามองทิศทางที่โม่เทียนเกอและพวกหนีไป ในแววตามีความกังวลเศษเสี้ยวแวบผ่าน เขาจำได้ว่า หมอกหลงทิศก็อยู่ทิศทางนั้น หากพวกนางสองคนโชคดีจะสามารถหนีเข้าหมอกหลงทิศ อย่างนั้นยังมีโอกาสหนีเอาชีวิตรอด แต่ว่า ภายใต้การไล่โจมตีของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ พวกนางจะสามารถรอดไปถึงเวลานั้นไหม
เจี้ยนซินคิดอยู่ครู่หนึ่ง ส่ายหน้า เก็บกระเป๋าเอกภพที่เหลืออยู่บนพื้น ใช้กระบี่บินหนีไปจากที่นี้ในทิศทางตรงกันข้ามเช่นกัน
เขารักถนอมชีวิตของตนเองยิ่งกว่า เรื่องมาถึงตอนนี้ ได้แต่ภาวนาให้พวกนางโชคดีแล้ว
ณ ขณะนี้ โม่เทียนเกอกำลังรีบร้อนหลบหนี
นางไม่ทราบว่าทำไมเจ้าเมืองเหมยถูกการโจมตีนั้นของพัดแห่งสวรรค์และโลกาสกัดเอาไว้ ตอนนี้ก็มิใช่เวลาจะสืบเสาะเรื่องนี้ โชคดีที่ครั้งนี้ลมปราณของเจ้าเมืองเหมยยิ่งมายิ่งไกล จนกระทั่งนางเข้าหมอกหลงทิศอย่างปลอดภัย เขาก็ไม่ได้ไล่มาแล้ว
โม่เทียนเกอถอนหายใจโล่งอก ระยะห่างเท่านี้ นางไม่แม้แต่จะจำเป็นต้องอาศัยไม้บรรทัดย่อพสุธาก็มีเวลาพอจะหนีเข้าโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน
ก้มหน้ามองดูเนี่ยอู๋ชางที่ยังคงสิ้นสติ สังเกตได้ว่าปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มของนางขยายไปถึงมือของตนเองแล้ว ในดวงตานางมีความลังเลเล็กน้อยแวบผ่าน สุดท้ายยังคงกดหว่างคิ้ว เปิดโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน
หนึ่งลมหายใจ สองลมหายใจ สามลมหายใจ……ตั้งแต่ต้นจนจบลมปราณของเจ้าเมืองเหมยอยู่ห่างไปไกลขนาดนั้น ในที่สุด มุกที่หว่างคิ้วส่องสว่างขึ้นมาปกคลุมนางกับเนี่ยอู๋ชางทั้งคู่
เห็นเรือนน้อยและสายน้ำอันคุ้นเคยอีกรอบ โม่เทียนเกอประดุจถูกสูบเรี่ยวแรงทั้งกาย ทิ้งตัวนั่งในเรือนน้อย แทบจะขยับไม่ไหว
ไม่ใช่แค่เพราะว่านางถูกเจ้าเมืองเหมยโจมตี พลังวิญญาณในกายปั่นป่วนและร่างกายก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ยิ่งกว่านั้นคือเพราะจิตใจตึงเครียด แทบจะแตะขอบเขตพังทลายแล้ว
วิกฤติในครั้งนี้ว่ากันอย่างเคร่งครัดแล้วไม่ได้อันตรายเท่าครั้งนั้นที่ภูเขามาร แต่ว่าตอนนั้นข้างกายนางมีฉินซี เขาประสบการณ์ล้นเหลือ มักจากหลบเลี่ยงอันตรายได้ล่วงหน้า ส่วนครั้งนี้ นางกลับแทบจะอาศัยกำลังตัวคนเดียวเผชิญกับการไล่โจมตีของจิตวิญญาณใหม่ผู้ฝึกตนอย่างโดดเดี่ยว
หลับตาพักผ่อนสักครู่ จู่ ๆ ได้ยินเนี่ยอู๋ชางส่งเสียงครวญคราง โม่เทียนเกอลืมตา มองเห็นเนี่ยอู๋ชางที่ถูกนางโยนไว้ด้านข้าง ตะลึงงันทันที
ตั้งแต่ที่ดูดซับตัวประหลาดนั่น เนี่ยอู๋ชางถูกปกคลุมด้วยปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มไปทั้งร่าง ดุจหนอนไหมที่อยู่ในรังไหม ไม่ไหวติง ทว่า ณ ขณะนี้ ปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มรอบกายนางกลับเริ่มพลุ่งพล่านไม่หยุด เหมือนกับไม่เสถียรมาก
โม่เทียนเกอสังเกตอย่างละเอียดครู่หนึ่ง ค้นพบว่า ปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มเหล่านี้กับพลังวิญญาณในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนจะปะทะกัน
“ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ” นางพึมพำกับตัวเอง ขณะที่กำลังครุ่นคิด จู่ ๆ สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่มือซ้าย ก้มหน้าลงดู กลับเป็นตอนที่ลากเนี่ยอู๋ชางหนีเอาชีวิตรอดถูกปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มของนางกัดกร่อน
ปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มกับปราณตายที่นางพบในตอนแรกคล้ายคลึงกันมาก มีพลังในการกัดกร่อนเหมือนกัน ดังนั้น ก่อนเข้าสู่โลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน นางเคยกังวลว่าถ้าเผื่อว่าปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มก็ขัดขวางไม่ให้นางเข้าโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน อย่างนั้นนางก็ได้แต่ซ่อนกายอยู่ในหมอกหลงทิศ เล่นซ่อนหากับเจ้าเมืองเหมยแล้ว โชคดีที่เรื่องประเภทนี้ไม่ได้เกิดขึ้น ปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มนี้เมื่อเทียบกับปราณตายแล้ว รุนแรงน้อยลงหนึ่งส่วน บริสุทธิ์มากขึ้นหนึ่งส่วน
แต่ตอนที่นางตัดสินได้ว่าปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มกับโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนไม่ได้ขัดแย้งกันเลย ขณะนั้นก็ค้นพบอีกว่า สถานการณ์คล้ายจะไม่ได้เรียบง่ายขนาดนี้เลย
สมมุติว่าปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มนี้เป็นปราณมารอันบริสุทธิ์ยุคปฐมกาล อย่างนั้นพลังวิญญาณในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนก็เป็นพลังวิญญาณอันบริสุทธิ์ที่สุดในโลกยุคนี้ คำนวณเช่นนี้ การที่ทั้งสองสิ่งมีความขัดแย้งกันก็มิใช่เป็นไปไม่ได้
เห็นกับตาว่าปราณทั้งสองปะทะกันยิ่งมายิ่งรุนแรง โม่เทียนเกอลังเลนิดหนึ่งแล้วตั้งม่านพลังรอบ ๆ เนี่ยอู๋ชางสกัดพลังวิญญาณไว้ข้างนอก ผ่านไปครู่หนึ่ง เนี่ยอู๋ชางสงบลงไปช้า ๆ ตกอยู่ในห้วงหลับลึกต่อไป ทำให้นางถอนหายใจโล่งอก
ดูอย่างนี้แล้ว เนี่ยอู๋ชางน่าจะไม่ฟื้นขึ้นมาในระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนหน้านี้ตัวประหลาดนั่นแข็งแกร่งขนาดนั้น สามารถพูดได้ว่าเหนือล้ำระดับของเนี่ยอู๋ชางไปแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้ การกระทำของเนี่ยอู๋ชางก็คือการฝืนดูดซับปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มของตัวประหลาดนั่น ถ้าอยากจะฟื้นขึ้นมานางก็ต้องเปลี่ยนปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มเหล่านี้ทั้งหมดเป็นของตนเอง อย่างนี้ เวลาที่นางจะฟื้นขึ้นมาอย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นปี
นี่ทำให้โม่เทียนเกอทั้งดีใจทั้งกังวล ที่ดีใจคือ นางสามารถออกไปจากโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนก่อนที่เนี่ยอู๋ชางจะฟื้นได้อย่างสิ้นเชิง อย่างนี้จะไม่ต้องอธิบายอะไรกับนาง ที่กังวลคือ อย่างนี้ นางจะต้องดูแลเนี่ยอู๋ชางไประยะหนึ่ง
ไม่ว่าอย่างใด สถานการณ์เป็นอย่างนี้ไปแล้ว ได้แต่ปล่อยไปตามธรรมชาติ
คิดถึงตรงนี้ โม่เทียนเกอพักผ่อนสั้น ๆ แล้วสั่งให้หุ่นเชิดหินสลักสองตัวนั้นเก็บกวาดเรือนไม้หนึ่งหลัง ตั้งม่านพลังในเรือนไม้อย่างระมัดระวัง ตัดขาดพลังวิญญาณ จากนั้นย้ายเนี่ยอู๋ชางไปในเรือนหลังนั้น ปล่อยให้นางดูแลตัวเอง
จะย่อยปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มอย่างไร นางช่วยไม่ได้โดยสิ้นเชิง เวลานี้ได้แต่ดูตัวเนี่ยอู๋ชางเองแล้ว หากนางสามารถดูดซับปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มเหล่านี้ได้ทั้งหมด ไม่แน่ว่ายังจะสามารถถือเป็นโชคในคราเคราะห์ ระดับการฝึกตนพุ่งทะยาน แต่หากไม่สามารถดูดซับได้ทั้งหมด เกรงว่านางยังจะต้องรับปฏิกิริยาสะท้อนกลับ ผลลัพธ์ภายหลังสรุปแล้วเป็นอย่างไร โม่เทียนเกอก็เอาไม่ออก
จัดการเนี่ยอู๋ชางเสร็จแล้ว นางปล่อยอสูรวิญญาณสามตัว ส่งพวกมันไปฝึกตนตัวใครตัวมัน ตนเองปรับลมหายใจอยู่หลายวัน หลังจากควบคุมชั่วคราวก็เริ่มขบคิดเรื่องนี้
เรื่องของเจ้าเมืองเหมย มีเรื่องที่ค้างคาอยู่มากมาย
อันดับแรก อาการบาดเจ็บที่นางได้รับไม่เบา เนี่ยอู๋ชางต้องให้เวลาหลายปีย่อยปราณแห่งปีศาจแรกเริ่ม เกรงว่านางก็ต้องเสียเวลาหลายปีจึงจะสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บที่เหลืออยู่ได้อย่างสมบูรณ์
ต่อมา นางถูกปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มกัดกร่อน ถึงจะไม่ได้สาหัส แต่ก็ต้องเสียเวลาอยู่บ้างจึงสามารถขับออกจากในร่างกาย
สุดท้าย นางคิดไม่ตกอย่างสิ้นเชิงว่าเพราะอะไรเจ้าเมืองเหมยได้รับบาดเจ็บ
เวลาว่างระหว่างที่รักษาบาดเจ็บ โม่เทียนเกอย้อนคิดถึงสถานการณ์ในตอนนั้นรอบแล้วรอบเล่า ผ้าเช็ดหน้าไหมขาว, เครื่องรางวัชรปาณี, พัดแห่งสวรรค์และโลกา วัตถุสามอย่างนี้ทำให้นางเพียงได้รับบาดเจ็บสาหัสภายใต้การโจมตีของเจ้าเมืองเหมยแต่รักษาชีวิตเอาไว้ได้ ผ้าเช็ดหน้าไหมขาวและเครื่องรางวัชรปาณีไม่มีปัญหาเลย มีพัดแห่งสวรรค์และโลกาอย่างเดียวที่ตอนนั้นปลดปล่อยลมปราณอันศักดิ์สิทธิ์ที่เข้มข้นทว่าไพศาลออกมา
แต่หลังเหตุการณ์นางหยิบพัดแห่งสวรรค์และโลกาออกมากลับยังคงเป็นเหมือนแต่ก่อน เสาะหาลมปราณชนิดนั้นไม่พบเลย
ถ้าหากนางไม่ได้จดจำผิด ลมปราณนี้น่าจะเป็นลมหายใจแห่งเทพมังกรที่นางเคยสัมผัสได้ในศาลเจ้าเทพมังกร แดนซ่อนมังกรพังทลาย ศาลเจ้าเทพมังกรหายสาบสูญ กระดูกมังกรก็แตกหักอยู่บนพื้น ลมหายใจแห่งเทพมังกรก็อ่อนแรงไปมากแล้วในตอนนั้น หลังถูกนางเก็บกลับมาสร้างเป็นพัดแห่งสวรรค์และโลกา ลมหายใจแห่งเทพมังกรยิ่งยากจะสัมผัสได้ นี่ทำให้นางใคร่ครวญอยู่พักหนึ่งว่าวิธีหลอมสร้างอาวุธเวทผิดไปหรือไม่ ถึงอย่างไรแม้แต่โม่เหยาชิงก็ไม่ได้หลอมสร้างพัดแห่งสวรรค์และโลกาออกมา
แต่ฉินซีกลับบอกนางว่าวิธีการหลอมสร้างอาวุธเวทน่าจะไม่ผิด เพียงแต่ว่า แม้แต่ตอนที่โม่เหยาชิงคิดอาวุธเวทชิ้นนี้ออกมาก็ไม่เคยคิดว่าจะมีคนที่ถึงกับใช้กระดูกมังกรมาหลอมสร้างกระมัง ถึงอย่างไรกระดูกของอสูรปีศาจขั้นแปดขึ้นไปแบบธรรมดา ๆ ก็เพียงแตกหักยากเท่านั้น ไม่ได้แฝงลมปราณอันกล้าแข็งเช่นนี้เลย
โม่เทียนเกอยอมรับคำอธิบายนี้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร หลังจากผ่านการทดสอบ เมื่อใช้กระดูกมังกรหลอมสร้าง พัดแห่งสวรรค์และโลกาเล่มนี้ทนทานไร้ที่เปรียบ นี่เป็นข้อดีที่เห็นได้ชัด
แต่ว่า จะอย่างไรนางก็คิดไม่ถึงว่า สิ่งของนี้ถึงกับจะมีสักวันที่ปลดปล่อยลมหายใจแห่งเทพมังกรอันเข้มข้นเช่นนี้ออกมา
อย่าบอกนะว่า กระดูกเหล่านี้หลังผ่านการหลอมสร้างไปแล้ว อันที่จริงลมหายใจมังกรไม่ได้สลายไปเลย ทว่าถูกซ่อนอยู่ลึก ๆ?
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ โม่เทียนเกอตื่นเต้นดีใจขึ้นมา ถ้าเป็นแบบนี้ พลังที่พัดแห่งสวรรค์และโลกาของนางครอบครองจะไม่ใช่แค่อย่างตอนนี้เท่านั้น หากสามารถปลอดปล่อยลมหายใจแห่งเทพมังกรอันศักดิสิทธิ์และไพศาลนั้น พัดแห่งสวรรค์และโลกาของนางจะสามารถเทียบเคียงกับสมบัติวิญญาณโบราณกาลพวกนั้นได้อย่างสมบูรณ์
แต่ว่า ลมหายใจแห่งเทพมังกรนี้ต้องปลดปล่อยอย่างไรเล่า นางย้อนคิดถึงเหตุกาณ์ในตอนนั้นโดยละเอียด ปราณมารของเจ้าเมืองเหมยโจมตีมา……ถูกแล้ว! ปราณแห่งปีศาจแรกเริ่ม เจ้าเมืองเหมยถึงจะไม่สามารถดูดซับตัวประหลาดนั่น แต่เคยฝึกวิชาเวทเร้นลับนั้น บนร่างยังคงมีปราณแห่งปีศาจแรกเริ่ม!
………………..
สรุปว่าทุกคนที่เข้าตี้มาด้วยกันตายกันเกือบหมดเลยเหรอเนี่ย นึกว่ายงฉิวจะมีบทมากกว่านี้ซะอีก
ตอนที่ 418 – พักฟื้น