หนึ่งเซียนยากเสาะหา - ตอนที่ 425 เกาะหนานจี๋ที่หายไป
ตอนที่ 425 – เกาะหนานจี๋ที่หายไป
พอได้ฟังเรื่องห้าปราชญ์จากเสี่ยวชุ่นแล้ว โม่เทียนเกอก็ครุ่นคิดใหม่ว่าจะไปที่ไหน
ชัดเจนมากว่าคลื่นลมที่เจดีย์มารสวรรค์ชักนำมามิใช่สิ่งที่จะคลี่คลายได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ และในหลายวันนี้ นางซึ่งอยู่ที่เมืองเทียนเสวี่ยได้ค้นพบว่าผู้ฝึกตนที่มุ่งหน้าไปยังทะเลกุยสวียิ่งมายิ่งมาก ไม่เพียงผู้ฝึกตนก่อเกิดตานขึ้นไปเหล่านั้น ยังมีผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังและหลอมรวมพลังวิญญาณ ถึงพวกเขาจะรู้ว่าตนเองไม่มีหวังเลย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะไปชมดูความครึกครื้น ไม่แน่ว่าจะสามารถฉกฉวยผลประโยชน์มาได้จริง ๆ
โม่เทียนเกอเห็นกับตาว่าทั่วทั้งอวิ๋นจงเริ่มพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน ในใจไม่สงบยิ่งขึ้นไปอีก ถึงจะบอกว่าทะเลกุยสวีตั้งอยู่ทิศใต้ของอวิ๋นจง ห่างจากที่นี่เป็นสิบหมื่นแปดพันลี้ สู้กันดุเดือดอีกเท่าใดก็ไม่ส่งผลกระทบมาถึงเมืองเทียนเสวี่ย แต่ว่า การที่ผู้ฝึกตนมากขนาดนี้ถูกม้วนเข้าไป กลับเป็นสัญญาณเริ่มต้นของความวุ่นวายครั้งใหญ่
ต้องทราบว่า ผู้ฝึกตนเหล่านั้นของทะเลกุยสวี ท้ายที่สุดยังต้องกลับไปที่สำนักต่าง ๆ พวกเขาผูกความแค้นที่ทะเลกุยสวี จะสามารถพักผ่อนได้อย่างไร หากลงไม้ลงมือครั้งใหญ่จริง ๆ ถึงเวลานั้น ทั่วทั้งอวิ๋นจงล้วนจะถูกม้วนเข้าไป
คิดถึงตรงนี้ โม่เทียนเกอคิ้วกระตุก นางไร้ความปรารถนาต่อวัตถุศักดิ์สิทธิ์อะไรนี่เลย ที่รั้งอยู่อวิ๋นจงก็แค่อยากจะทำธุระให้เสร็จเท่านั้น แต่สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ หากรั้งอยู่ที่อวิ๋นจงนานไป เกรงแต่ว่านางก็จะถูกม้วนเข้าไปอย่างไม่เต็มใจ
ทำอย่างไรเล่า ไปเสาะหาหลิงอวิ๋นเฮ่อ นี่ไม่ใช่ความคิดที่ดี ทะเลกุยสวีในปัจจุบันนี้เป็นสถานที่แห่งความขัดแย้ง รออยู่ที่นี่? นอกเสียจากนางจะปิดประตูไม่ออกไป มุ่งมั่นกับการฝึกตน มิฉะนั้น อวิ๋นจงพอวุ่นวายขึ้นมาก็ยุ่งยากมากสำหรับนาง
อีกอย่าง นางมีลางสังหรณ์ว่าในเมื่อเจดีย์มารสวรรค์ปรากฏบนโลกแล้ว เช่นนั้นวัตถุศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ เล่า? การไปเสี่ยงโชคไม่ดีเลย ความปั่นป่วนที่วัตถุศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้นำมาเป็นไปได้มากว่าจะส่งผลกระทบต่ออวิ๋นจงหลายปีหลายสิบปี จนถึงขนาดเป็นร้อยปี
หากเป็นเช่นนี้ นางก็ไม่จำเป็นต้องรั้งอยู่ที่อวิ๋นจงอีกแล้ว
หลังจากชั่งน้ำหนักช่วงสั้น ๆ โม่เทียนเกอตัดสินใจได้ในที่สุด ยอมแพ้กับศาสตร์แห่งซู่หนี่ว์ กลับเทียนจี๋
ช่องทางระหว่างเทียนจี๋กับอวิ๋นจง นางเคยเดินมารอบหนึ่งแล้ว ไปอีกรอบไม่ยากเลย แค่เสียเวลามากหน่อยเท่านั้น และเวลาครึ่งปีกว่า ๆ สำหรับผู้ฝึกตนแล้วไม่ถือว่านานมากเลย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จะต้องเสียเวลาอยู่ที่อวิ๋นจงทำไมเล่า ศาสตร์แห่งซู่หนี่ว์มาถึงมือไม่ได้ไปสักระยะ มิสู้กลับเทียนจี๋ ผ่านไปสิบยี่สิบปีค่อยมาใหม่
ตัดสินใจแล้วก็ดำเนินการ วันรุ่งขึ้นโม่เทียนเกอส่งข้อความให้เสี่ยวชุ่น บอกว่าตนเองมีธุระสำคัญอื่น ต้องจากไปทันที อาจจะอีกนานมากถึงจะกลับมา ให้เขาแจ้งกับหลิงอวิ๋นเฮ่อ จากนั้น อาศัยม่านพลังเคลื่อนย้ายตรงไปยังเกาะเป่ยจี๋
ม่านพลังเคลื่อนย้ายของอวิ๋นจงเป็นสิ่งธรรมดาอย่างยิ่ง แต่ก็ต้องเป็นเมืองใหญ่ที่คนไป ๆ มา ๆ อย่างเมืองเทียนเสวี่ยถึงจะมี ในหลายวันมานี้ มีคนเคลื่อนย้ายไปเมืองใหญ่ทิศใต้ไม่ขาดตอน ม่านพลังเคลื่อนย้ายเกาะเป่ยจี๋ที่เคยคึกคักกลับมีไม่กี่คน
พอได้ยินว่าที่ที่โม่เทียนเกออยากไปไม่ใช่เมืองใหญ่ทิศใต้ ผู้ฝึกตนที่เฝ้าม่านพลังเคลื่อนย้ายประหลาดใจถึงสิบส่วน แต่ด้วยระดับการฝึกตนที่จำกัด ไม่กล้าถามมากความ รอจนโม่เทียนเกอชำระค่าธรรมเนียมก็เปิดใช้งานม่านพลังเคลื่อนย้ายอย่างนอบน้อม ส่งนางจากไป
เปิดใช้งานม่านพลังเคลื่อนย้าย ชั่วขณะให้หลัง แสงจากลง โม่เทียนเกอลืมตา เป็นภายในหออวี้หลินของสำนักเทียนเหยี่ยนเกาะเป่ยจี๋แล้ว
พอเห็นว่าผู้ที่เดินลงมาจากม่านพลังเคลื่อนย้ายเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานคนหนึ่ง ผู้ฝึกตนที่เฝ้าม่านพลังเคลื่อนย้ายประหลาดใจถึงสิบส่วน ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังที่เป็นผู้นำลังเลเล็กน้อย ขึ้นหน้ามาต้อนรับ เอ่ยว่า “ยินดีต้อนรับผู้อาวุโสสู่เกาะเป่ยจี๋ขอรับ”
อีกฝ่ายสุภาพขนาดนี้ โม่เทียนเกอก็ยิ้มพยักหน้าตอบรับ
คนคนนี้เห็นนางท่าทีเป็นมิตรก็เกิดความรู้สึกดีหนึ่งส่วน ถามอย่างสุภาพว่า “ไม่ทราบผู้อาวุโสมาเกาะเป่ยจี๋เป็นครั้งแรกหรือไม่ขอรับ มาล่าอสูรมาร หรือว่าเยี่ยมสหาย หากมีเรื่องให้ช่วยโปรดบอกมาได้เลยขอรับ”
โม่เทียนเกอส่ายหน้าเบา ๆ “เมื่อก่อนก็เคยมาเกาะเป่ยจี๋รอบหนึ่งแล้ว ไม่ต้องทำเช่นนี้หรอก”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้ ผู้เยาว์มากความไปแล้ว” ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังคนนี้พูดเสร็จ แต่กลับยังคงไม่ได้ถอยไป ลังเลชั่วครู่ รวบรวมความกล้าถามว่า “โปรดยกโทษที่ผู้เยาว์หยาบคาย หลายเดือนมานี้ ผู้ฝึกตนที่มาเกาะเป่ยจี๋น้อยยิ่ง ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานอย่างผู้อาวุโสยิ่งไม่มี เหตุใดผู้อาวุโสกลับเลือกมาในเวลานี้เล่าขอรับ”
เห็นโม่เทียนเกอเลิกคิ้วคล้ายกับไม่พอใจ ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังคนนี้รีบเอ่ยว่า “ผู้เยาว์เพียงใคร่รู้ หากผู้อาวุโสไม่สะดวกก็เพียงถือเสียว่าผู้เยาว์ไม่ได้ถามเถอะขอรับ”
จุดประสงค์ที่โม่เทียนเกอเดินทางมาไม่สะดวกที่จะบอกคนอื่น ในเมื่อผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังผู้นี้รู้ความ นางก็ไม่พูดอะไรมาก เพียงเอ่ยว่า “ไม่สะดวกจะพูดจริง ๆ ข้าไปได้รึยัง”
ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังรีบถอยไปหนึ่งก้าว “แน่นอนขอรับ ผู้อาวุโสเชิญตามสะดวก”
โม่เทียนเกอไม่ได้พูดมากอีก ก้าวเท้าเดินออกจากหออวี้หลิน
รอจนร่างของนางหายไปแล้ว เด็กสาวหลอมรวมพลังวิญญาณที่ตามอยู่ข้างกายผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังถามอย่างอยากรู้ว่า “ซือฟุ ตอนนี้ซือจู่ก่อเกิดตานในสำนักเราส่วนใหญ่ล้วนไปที่ทะเลกุยสวี เหตุใดผู้อาวุโสท่านนี้กลับอยากมาที่เกาะเป่ยจี๋เล่าเจ้าคะ”
ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังทอดมองที่ซึ่งร่างของโม่เทียนเกอหายลับไป ส่ายหน้าเอ่ยว่า “ก็เพราะอย่างนี้ล่ะ เหวยซือถึงรู้สึกว่าผู้อาวุโสท่านนี้เป็นคนที่ชาญฉลาด”
“อ้อ?” เด็กสายไม่เข้าใจ “เพราะอะไรเจ้าคะ”
ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังมองดูลูกศิษย์เยาว์วัยของตนเอง ยิ้มเอ่ยว่า “เจ้าคิดดูเองสิ ผู้อาวุโสระดับสูงมากขนาดนั้นเร่งรุดไปทะเลกุยสวี ในนั้นระดับจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายมีเท่าไหร่ ถึงตอนท้ายสุดผู้ที่สามารถสมปรารถนาก็คือผู้ฝึกตนชั้นสุดยอดเหล่านั้น ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานนอกจากบุญหล่นทับจึงจะเป็นไปได้ที่จะได้รับผลประโยชน์อะไรบ้าง ส่วนความเป็นไปได้ที่มากที่สุดก็คือ ไม่เพียงไม่ได้รับผลประโยชน์ ยังจะต้องขาดทุน”
“อา……” เด็กสาวตระหนักแล้ว “ก็เพราะอย่างนี้ ผู้ที่อยู่เฝ้าในสำนักเราจึงล้วนเป็นซือจู่ก่อเกิดตานที่เยาว์วัยมีอนาคตหรือเจ้าคะ”
ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังพยักหน้า
เด็กสาวเอียงศีรษะอีก เอ่ยอย่างฉงนว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมบรรพจารย์ผูกจิตวิญญาณทั้งสองยังต้องพาซือจู่ก่อเกิดตานเหล่านั้นออกจากสำนักเล่าเจ้าคะ พวกเราไม่สนเรื่องนี้มิใช่ยิ่งดีหรือ”
ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังส่ายหน้ายิ้มเอ่ยว่า “ขอเพียงเป็นเรื่องราวบนโลกหล้าย่อมสามารถวัดกำไรได้หมด การตามไปเสี่ยงโชคย่อมต้องเสี่ยงอันตรายมาก เจ้าคิดดู วัตถุศักดิ์สิทธิ์ห้าชิ้นที่ห้าปราชญ์ทิ้งเอาไว้ ตำนานนั่นที่มันเกี่ยวข้อง เลื่อนเป็นแปลงเทพเลยนะ นี่เป็นเรื่องที่ผู้ฝึกตนใต้หล้าทั้งมวลล้วนมุ่งหวัง มีคนจำนวนมากที่เพื่อเลื่อนขึ้นระดับก่อเกิดตานสักครั้งยังสามารถเดิมพัน อย่าว่าแต่แปลงเทพเลย แม้ว่านี่เป็นเพียงตำนานก็คุ้มค่าที่พวกเขาจะเสี่ยงชีวิตแล้ว”
“แต่ว่า……”
ไม่รอให้เด็กสาวพูดจบ ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังเอ่ยอีกว่า “มีเพียงคนสองประเภทที่สามารถเมินเฉยต่อตำนานอย่างนี้ หนึ่งคือ ประเภทพวกเราที่ไม่มีความหวังเลย สองคือ พวกเขาที่มีคุณสมบัติสูงส่ง มีโอกาสสูงมากที่จะเลื่อนขึ้นจิตวิญญาณใหม่ ไม่จำเป็นต้องเดิมพัน” พูดถึงตรงนี้ ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังส่ายหน้าถอนหายใจเอ่ยว่า “ดูท่าผู้อาวุโสท่านนี้ไม่เพียงชาญฉลาด ทว่าคุณสมบัติก็ไม่อ่อนด้อย”
บทสนทนาของรุ่นเยาว์ไม่กี่คนนี้ โม่เทียนเกอย่อมไม่ทราบ พอเดินออกจากหออวี้หลิน นางก็ค้นพบว่า เกาะเป่ยจี๋เทียบกับแต่ก่อนแล้วเงียบเหงาไปมากมาย เสียงที่ร้องค้าขายบนถนนเบาบาง คนที่ตั้งแผงล้วนห่อเหี่ยว
ดูท่าวัตถุศักดิ์สิทธิ์ปรากฏบนโลกครั้งนี้ สิ่งที่ได้รับผลกระทบไม่ใช่แค่ผู้ฝึกตนระดับสูง ผู้ฝึกตนระดับต่ำก็ไม่อาจหลีกเลี่ยง ไม่ต้องพูดถึงข่าวซุบซิบทุก ๆ วันในเมืองเทียนเสวี่ย แม้แต่เกาะโดดเดี่ยวในทะเลซึ่งห่างไกลกับแผ่นดินใหญ่อวิ๋นจงอย่างเกาะเป่ยจี๋ก็มีกระแสผู้คนลดฮวบ ธุรกิจเงียบเหงา
โม่เทียนเกอส่ายหน้า ขยายจิตหยั่งรู้อย่างฉับพลัน ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารอบกายไร้สิ่งน่าสงสัย แล้วจึงทะยานขึ้นไป มุ่งหน้าไปที่ทิศใต้สุดของเกาะเป่ยจี๋
เกาะเป่ยจี๋ไม่ได้ใหญ่มากเลย เพียงครู่เดียว โม่เทียนเกอก็มาถึงชายทะเลแล้ว
นางกำลังจะเหินขึ้น ข้ามช่องแคบตื้น ๆ ไปยังเกาะหนานจี๋ ทันใดนั้นกลับชะงักฝีเท้า สีหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลาย ยืนอึ้งอยู่กลางอากาศ
สุดลูกหูลูกตาเบื้องหน้าเป็นท้องทะเลอันไร้ขอบเขต มิใช่ช่องแคบยาวไม่เกินสองลี้ ยิ่งไร้ร่องรอยของเกาะหนานจี๋!
นี่มันเรื่องอะไร
อึ้งไปครู่หนึ่ง โม่เทียนเกอพ่นลมหายใจออกมา ยังคงบินไปทางใต้ สถานที่นี้นางไม่ได้จำผิด เกาะหนานจี๋อยู่ที่ตำแหน่งนี้ จะหายไปไม่เห็นเลยได้อย่างไร หรือว่าจะถูกอะไรปิดกั้นเอาไว้
บินไปถึงกลางอากาศของเกาะหนานจี๋ดั้งเดิม โม่เทียนเกอหมุนตัวหนึ่งรอบ กลับไม่ค้นพบสิ่งของอันใด น้ำทะเลยังคงเป็นน้ำทะเล ราวกับว่าที่นี่ไม่เคยมีเกาะเล็ก ๆ หนึ่งเกาะ
“เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร……” นางพึมพำกับตัวเอง ด้วยระดับการฝึกตนของนาง สามารถดูออกว่า บริเวณนี้ไม่มีส่วนที่ผิดปกติอะไรเลย น่าจะมิใช่สิ่งของประเภทม่านมายาปกคลุมเกาะนี้ แต่สรุปแล้วเกาะหนานจี๋ไปไหนเล่า
คิดอยู่ครู่หนึ่ง ยังคงไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไร โม่เทียนเกอหมุนตัวบินกลับเกาะเป่ยจี๋ ไปยังเมืองบนเกาะ
“น้องชายคนนี้” พอเข้าเมือง โม่เทียนเกอเรียกเด็กหนุ่มที่กำลังโฆษณาธุรกิจอยู่คนหนึ่ง
เด็กหนุ่มนี้น่าจะเป็นนายหน้า พอได้ยินเสียงเรียกก็หันหน้ามามองนาง เผยรอยยิ้มเอาใจใส่ทันที “ผู้อาวุโสท่านนี้ มีอะไรเรียกใช้หรือขอรับ ไม่ว่าจะหาคนหรือว่าถามทาง ซื้อสิ่งของหรือว่าพักโรงเตี๊ยม ผู้น้อยล้วนสามารถช่วยเหลือ”
โม่เทียนเกอไม่มีใจจะคุยกับเขาช้า ๆ กล่าวตรง ๆ ว่า “ข้าอยากถามข่าวอย่างหนึ่ง”
“นี่ก็ไม่มีปัญหาขอรับ ผู้อาวุโสโปรดพูด ผู้น้อยเติบโตที่นี่ เรื่องของเกาะเป่ยจี๋ไม่มีสิ่งที่ข้าไม่รู้!”
โม่เทียนเกอเมินคำอวดอ้างของเด็กหนุ่ม ถามว่า “เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าทางใต้ของเกาะเป่ยจี๋มีเกาะหนานจี๋”
“อา……” เด็กหนุ่มได้ยินวาจานี้ก็มองนางอีกหลายแวบ สุดท้ายพูดว่า “ที่ผู้อาวุโสพูดมิผิดเลย ทางใต้ของเกาะเป่ยจี๋เรา เดิมทีมีเกาะหนานจี๋จริง ๆ แต่ว่าเกาะนั้นเล็กมาก แล้วก็ไม่ได้มีของดีอะไร โดยพื้นฐานแล้วไม่มีคนไป คนที่มาจากข้างนอกแทบจะไม่รู้”
“เดิมที?” โม่เทียนเกอสัมผัสเฉียบคมได้ยินคำนี้ “เดิมทีหมายความว่าอะไร”
เด็กหนุ่มกล่าวว่า “ผู้อาวุโสมิทราบ บนเกาะหนานจี๋นั่นมีภูเขาไฟเล็ก ๆ เกาะหนานจี๋ก็ปรากฏขึ้นเนื่องจากการปะทุของภูเขาไฟ แต่ว่า ภูเขาไฟไม่ได้เคลื่อนไหวมานานหลายปีแล้ว คนส่วนใหญ่ล้วนลืมเรื่องนี้ไป แต่ว่าสามปีก่อน ภูเขาไฟนั่นจู่ ๆ ปะทุขึ้น หลังจากนั้นเกาะหนานจี๋ก็จมลง”
“จมลง?!” โม่เทียนเกอสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง บนเกาะหนานจี๋ปีนั้นมีภูเขาไฟ นางก็รู้อยู่ แต่นางคิดไม่ถึงว่าภูเขาไฟถึงกับปะทุขึ้น อีกทั้งจะทำเอาเกาะหนานจี๋จมไปเลย!
พูดอย่างนี้ เกาะหนานจี๋ตอนนี้ไม่คงอยู่แล้วหรือ ช่องทางเส้นนั้นเล่า ก็ไม่คงอยู่ด้วยหรือ
“……จะว่าไป สามปีก่อนเรื่องนี้ทำให้คนไม่น้อยกลัว ว่ากันว่าที่เกาะหนานจี๋มีผู้ฝึกตนจำนวนหนึ่งหนีออกมา ปุถุชนล้วนจมลงไปกับเกาะหนานจี๋ โชคดีที่ภูเขาไฟนั่นเป็นเพียงภูเขาไฟเล็ก ๆ เคลื่อนไหวไม่มาก ไม่ได้ส่งผลถึงเกาะเป่ยจี๋” พูดถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มมองโม่เทียนเกออย่างระมัดระวัง “ผู้อาวุโส ท่านไปเกาะหนานจี๋หาคนหรือไม่ขอรับ ถ้าหากเสาะหาผู้ฝึกตนเหล่านั้น ผู้น้อยสามารถช่วยท่านไต่ถาม น่าจะยังมีชีวิตอยู่”
ครึ่งค่อนวันให้หลัง โม่เทียนเกอส่ายหน้าอย่างมึนงง โยนศิลาวิญญาณไม่กี่ก้อนให้เขา หมุนตัวเดินจากไป
คนของเกาะหนานจี๋เป็นอย่างไร นางไม่แยแส แต่ว่า เกาะหนานจี๋จมไปแล้ว เช่นนั้นนางจะกลับไปอย่างไร
………………..
นางเอกจะรอบคอบระมัดระวังยังไงก็แพ้คนเขียนอะคะ เสกให้เกาะจมหายไปดื้อ ๆ เลย
ตอนที่ 426 – กลับไปอย่างไร