หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 197
“ตอนเพียรหาแทบตายหาไม่เจอ พอเจอกลับได้มาเสียง่ายๆ……”
หิ้วกระเป๋าบรรจุวัตถุโบราณออกจากอาคาร เยี่ยเทียนหันกลับมามอง คิดไม่ถึงว่าคนที่หลบหลีกเขาถึงสองครั้ง กลับกลายเป็นแก๊งปล้นหลุมศพ
ตอนเห็น “เถ้าแก่เจี๋ย” ในครั้งแรก เยี่ยเทียนก็รู้สึกว่ามีกลิ่นคนตายจากร่างกายเขา มีแค่คนที่วนเวียนอยู่ในหลุมศพเป็นเวลานานเท่านั้นที่ไม่สามารถชะล้างกลิ่นนี้ออก
หยกไม่กี่ชิ้นซึ่งวางอยู่บนโต๊ะกาแฟ เผยให้เห็นสถานะของคนผู้นั้นโดยสมบูรณ์ จากกระแสพลังของหยก เยี่ยเทียนสัมผัสถึงกลิ่นอายของคนในที่เกิดเหตุเมื่อวานได้อย่างชัดเจน
แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ คนที่ทำหยกนี้กลับไม่ใช่ “เถ้าแก่เจี๋ย” คนนั้น ทำให้เยี่ยเทียนไม่อาจเห็นท่าทีของ “ผู้เชี่ยวชาญ” ในใจกลับรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง
มองดูจากในห้องมีกระป๋องเบียร์และก้นบุหรี่กระจัดกระจายอยู่เต็มห้อง น่าจะมีคนกลุ่มหนึ่งเพิ่งออกไป ในเมื่อคนที่ตามหาไม่อยู่ บวกกับครั้งนี้มาคุยการค้ากับพ่อ เยี่ยเทียนจึงไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด
แต่ตอนเยี่ยเทียนจากไปได้ทิ้งร่องรอยไว้บนร่าง “เถ้าแก่เจี๋ย” ซึ่งทำให้เยี่ยเทียนสามารถคาดเดาที่อยู่ของพวกเขาได้อย่างง่ายดายในอนาคต ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ก็ไม่อาจรอดพ้นจากขอบเขตการควบคุมของเยี่ยเทียน
ไม่เพียงเท่านี้ เยี่ยเทียนยังหยิบเส้นขนสองสามเส้นออกมาจากห้องอย่างแนบเนียน ด้วยของเหล่านี้ เยี่ยเทียนก็พออนุมานบางสิ่งได้อย่างคร่าวๆ แล้ว
“พวกแก๊งนี้ ปล่อยไว้ไม่ได้!”
เยี่ยเทียนเงยหน้าขึ้นมองไปบนตึก ตัดสินใจอยู่ภายใน เพราะเมื่อครู่เขารู้สึกถึงจิตสังหารของ “เถ้าแก่เจี๋ย” คนนั้นได้อย่างชัดเจน หากวันนี้ไม่ได้มาเป็นเพื่อนพ่อ ไม่แน่ว่าอาจเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ
เยี่ยตงผิงยื่นมือโบกเรียกแท็กซี่คันหนึ่งให้หยุด เห็นลูกชายยังยืนอยู่ตรงนั้น ก็อดร้องเรียกไม่ได้ “มองอะไรน่ะ? ยังไม่รีบมาอีก!”
“มาแล้วครับ……” เยี่ยเทียนตอบรับ มุดเข้าไปในรถแท็กซี่
หลังจากมาถึงเรือนสี่ประสาน เยี่ยตงผิงร้องเรียกลูกชายหนึ่งเสียง ทั้งสองมาที่โกดังวัตถุโบราณในสวนหลังบ้าน
ในการปรับแต่งโกดังนี้ เยี่ยตงผิงใช้เงินไปไม่น้อย ไม่เพียงแค่ติดตั้งอุปกรณ์ลดความชื้นภายใน แม้แต่หลอดไฟฟ้ายังเป็นหลอดแบบพิเศษที่ไม่มีรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อลดความเสียหายให้กับสมบัติล้ำค่าเหล่านั้นของเขา
หลังจากเข้ามาภายในโกดัง เยี่ยตงผิงก็ถือแปรงมาด้วย เพื่อทำความสะอาดดินบนเครื่องสัมฤทธิ์ทีละชิ้นให้สะอาด แล้วพูดกับเยี่ยเทียนว่า “มาช่วยหน่อยสิ เครื่องสัมฤทธิ์พวกนี้ต้องใช้น้ำยาเคลือบทุกชิ้น จริงสิ ถ้าลูกไม่มีธุระก็มาช่วยพ่อจับหยกพวกนี้เล่นหน่อยได้ไหม?”
ไม่ว่าหยกโบราณจะคุณภาพดีขนาดไหน หลังขุดขึ้นมาจากดินแล้ว แน่นอนว่าต้องขาดความแวววาวอย่างเคย กลายเป็นสีหม่นมัว
อย่างไรก็ตามหลังผ่านมือคนจับเล่นมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง สีจะกลับกลายอ่อนนุ่มบริสุทธิ์ สะอาดแวววาว ที่สำคัญสีสันอันหลากหลายจะรวมเข้าไปในเนื้อหยก เช่นเดียวกับเมฆที่บดบังดวงอาทิตย์ นกกระสาร่ายรำท่องฟ้า ล้ำค่ามีราคาทั้งพิสดารน่าสนใจ
เนื้อหยกฮั่นเหล่านี้ไม่เลวนัก เยี่ยตงผิงไม่อยากใช้แรงงานคนขัดถูอย่างมักง่าย หากไม่ระมัดระวัง หยกจะเกิดความเสียหาย
“พ่อ เก็บหยกพวกนี้ไว้เล่นเองเถอะ ผมไม่สนใจหรอก……”
เยี่ยเทียนส่ายหน้า จับถูหยกเป็นงานใช้ฝีมือ เปลืองพลังงานมาก หากเขามีเวลาขนาดนั้นมิสู้เอาหยกใหม่แกะสลักทำค่ายกลมาเล่นดีกว่า ผ่านไปสามถึงห้าปีบางทีอาจกลายเป็นของขลังขึ้นมา
“เด็กบ้า เลี้ยงเสียข้าวสุก!” เยี่ยตงผิงจ้องลูกชายอย่างไม่สบอารมณ์ แต่กลับทำอะไรเยี่ยเทียนไม่ได้ ตั้งแต่ที่เด็กคนนี้เริ่มมีความคิดของตนเอง ก็ดูเหมือนจะไม่ฟังคำอะไรของตนอีก
“พ่อ พวกเขาไปขโมยหลุมศพทหารสักที่ใช่ไหม ถ้านี่ไม่ใช่ของใช้สัมฤทธิ์ก็ต้องเป็นชุดเกราะทหาร……”
เยี่ยเทียนพูดพลางเอาดาบสั้นชุบทองที่อยู่บนพื้นหยิบขึ้นมาถือ ในมือนั้นคือดาบทองแดงที่มีฝักยื่นออกมาข้างนอก เขาอดตกตะลึงไม่ได้ ไม่ใช่เพราะความคมกริบของมัน แต่เป็นเพราะบนมีดเต็มไปด้วยสนิมเขรอะ ดูเหมือนของชำรุดทรุดโทรมก็ไม่ปาน
“หืม? ของนี้มีบางอย่างแปลกๆ?” ขณะคิดว่าจะวางลงพื้น จู่ๆ เยี่ยเทียนก็สัมผัสพลังชั่วร้ายซึ่งปกคลุมอยู่ เยี่ยเทียนวางฝักทองแดงลง แล้วพิจารณาอย่างละเอียด
จากด้านคมของมีดสามารถเห็นได้ว่า นี่คือดาบสั้นทำจากทองแดง แต่ลวดลายด้านบนแฝงด้วยประกายทองคำ คงจะเพิ่มทอง ดีบุกหรือเหล็กและวัสดุอื่นๆ เข้าไปด้วย ว่ากันโดยทางการคงจะเป็นดาบสั้นโลหะผสม
“เฮ้ยๆ ลูกกำลังทำอะไรน่ะ? หากรอยสนิมนี่หลุดไปก็หมดราคาแล้ว……”
เยี่ยตงผิงกำลังยุ่งอยู่กับตะเกียงสัมฤทธิ์ในมือของเขา จู่ๆ ข้างหูได้ยินเสียง “ตึง ตึง ” ลอยมา เงยหน้าขึ้นเห็น ลูกชายกำลังเคาะมีดสั้นด้วยค้อนเล็กๆ จึงอดร้อนรนไม่ได้
ต้องเข้าใจก่อนว่า การขายเครื่องทองสัมฤทธิ์นั้นต้อง “เก่า” ของยิ่ง “เก่า” จึงจะยิ่งมีราคา
ดาบสั้นนี้แม้ไม่สะดุดตาอะไร แต่ด้ามก็เป็นงานฝีมือจากทองคำ สามารถขายออกไปได้เป็นหมื่นเป็นพันหยวน แต่หากเยี่ยเทียนขัดเอาสนิมออกจนหมด เกรงว่ากระทั่งพันหยวนก็ยังขายไม่ได้
“พ่อ ของชิ้นนี้ผมจะเอา พ่อไม่ต้องมาสนใจหรอก”
มองไปยังส่วนที่สนิมหลุดออกของคมมีด สายตาของเยี่ยเทียนถึงกับเผยแววตกตะลึง เอื้อมมือไปหยิบฝักดาบที่อยู่บนพื้น โดยไม่รอให้พ่อพูดอะไร เยี่ยเทียนก็หายวับออกไปจากโกดัง
“เด็กบ้านี่ มาปล้นพ่อหรอกเรอะ!” เห็นลูกชายหยิบสมบัติไปอย่างนั้น เยี่ยตงผิงก็ส่ายหน้าอย่างจะยิ้มหรือร้องไห้ก็ไม่ออก จัดการของที่รับมาในคราวนี้ต่อ
“ล้ำค่า ของนี้หากอยู่ในสมัยโบราณ ต้องมีราคาถึงทองพันชั่งอย่างแน่นอน!”
หลังจากกลับมาที่ห้องตัวเอง เยี่ยเทียนมองไปที่ดาบสั้นอย่างเบิกบานใจ ตัวดาบซึ่งเดิมทีมีสนิมเขรอะราวกับท่อนเหล็ก เริ่มโผล่เค้าโครงออกมาให้เห็น
รอยสนิมก่อนหน้านั้น กลับเป็นสนิมที่ปนเปื้อนมาจากตัวฝักดาบ หลังจากถูกเยี่ยเทียนใช้ค้อนเล็กทุบ ก็หลุดออกไปเองโดยอัตโนมัติ บนผิวด้านในคมมีดและปลายแหลม ยังแกะสลักอักษรหยินกับหยางตรงข้ามกัน
เยี่ยเทียนหาผ้าหยาบมาหนึ่งผืน ออกแรงขัดถูตรงตัวดาบ เช็ดดินที่ติดอยู่บนลวดลายของตัวดาบแล้ว ดาบสั้นซึ่งมีรอยแกะสลักอย่างละเอียดตรงคมมีด ไร้ซึ่งการซ้อนทับของลวดลายก็ปรากฎขึ้นมา
“ราชวงศ์ฮั่นเก่าแก่ประมาณสองพันปีมาแล้ว ดาบเล่มนี้ไม่มีสนิมเกาะมาพันปี คิดว่าด้านในคงจะมีโครเมียม สมัยก่อนคงเป็นอาวุธที่คมมาก ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าของที่แท้จริงคือใคร ?”
พิจารณาดาบสั้นที่อยู่ในมือ ในใจของเยี่ยเทียนยังรู้สึกตื้นตัน ต้องเข้าใจด้วยว่า โครเมียมนั้นเป็นโลหะที่ทนทานต่อการกัดกร่อน และปริมาณแร่โครเมียมในโลกนั้นมีน้อยมาก สกัดออกมาไม่ได้ง่ายนัก
อีกทั้งโครเมียมเป็นโลหะทนอุณหภูมิสูง จุดหลอมเหลวประมาณสี่พันองศา เยี่ยเทียนไม่เข้าใจว่าในสมัยโบราณที่ยังอาศัยการหลอมเหล็กด้วยเครื่องเป่าลมนั้น หลอมโลหะชนิดนี้ได้อย่างไร?
สามารถฝังดาบสั้นชนิดนี้ไปพร้อมกับคนตาย เจ้าของจะต้องเป็นผู้มีอำนาจมากในสมัยโบราณ เพียงแต่ต่อให้ตอนยังมีชีวิตเคยไร้เทียมทานแค่ไหน หลังตายไปก็เป็นเพียงฝุ่นธุลี
“นี่คืออาวุธสังหารอย่างแท้จริง ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ นี่……นี่เป็นของขลังชนิดหนึ่ง ฮ่า ฮ่าๆ ที่แท้ก็เป็นของขลังนี่เอง!”
เยี่ยเทียนจิตใจเบิกบาน เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังชั่วร้ายที่แผ่ออกมาจากดาบสั้นเล่มนี้ ทีแรกยังรู้สึกประหลาดใจ แต่หลังจากตรวจตราอย่างละเอียด จากที่แปลกใจกลับกลายเป็นเบิกบานอย่างมาก
เยี่ยเทียนเป็นผู้ฝึกจิตในลัทธิเต๋ามาแต่เด็ก พลังการควบคุมถือว่าแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่ในเวลานี้ เป็นครั้งแรกที่ตัวเองควบคุมอาการตื่นเต้นไม่อยู่ จนหัวเราะลั่นออกมา
ดาบมีทองคำเป็นส่วนประกอบ ทองคำไม่สามารถทำลายได้ สิ่งของที่ถูกสร้างเป็นอาวุธร้ายแรงชนิดนี้ จึงอันตรายกว่าพลังพิฆาตภายในหินหยกมากมาย สามารถแทรกซึมเข้าสู่จิตใจผู้คน ทำให้เกิดภาพลวงตาขึ้นได้
ต้องเข้าใจด้วยว่า ไม่เพียงแต่ร่างกายที่สามารถดูดซับวิญญาณชั่วร้าย แต่อาวุธแหลมคมก็ทำได้เช่นกัน เมื่ออาวุธชิ้นหนึ่งฆ่าคนจำนวนมาก จะกลายเป็นอาวุธอันชั่วร้าย โดยพื้นผิวของมันจะรวบรวมพลังชั่วร้ายจากผู้ที่ถูกมันสังหาร
เช่นเดียวกับเหล่าแม่ทัพโบราณที่ฆ่าคนตายเหมือนผักปลา จิตสังหารบนร่างกายพวกเขา พลังพิฆาตทั้งหลายส่วนมากมาจากอาวุธ เวลาแม่ทัพทั้งสองฝ่ายรบกัน มักต่อสู้กันด้วยดาบจนพลังพิฆาตพุ่งสู่ขีดสูงสุด หากสภาพจิตใจก็อ่อนแอลงเพียงเล็กน้อย ก็จะกลายเป็นปีศาจภายในดาบ
หากสิ่งนี้เป็นเพียงของมีคมหรือมีพลังพิฆาตแฝงอยู่ เยี่ยเทียนคงไม่ดีใจขนาดนี้ ประเด็นสำคัญคือ ดาบสั้นเล่มนี้หลังจากผ่านการถนอมรักษาในฮวงจุ้ยสุสานโบราณ ก็ได้กลับกลายเป็นของขลัง
ตามทฤษฎีโดยทั่วไปว่ากันว่า เครื่องรางของขลังจะนำพาสิ่งดีงามขจัดความชั่วร้าย ก่อเกิดประโยชน์ต่อผู้พกพาอย่างใหญ่หลวง
แต่ยังมีเครื่องรางของขลังบางประเภท กลับนำมาใช้ห้ำหั่นกัน เครื่องรางของขลังเหล่านี้เต็มไปด้วยความชั่วร้าย สามารถใช้สะกดจิตฝ่ายตรงข้าม ทั้งขณะเดียวกันยังใช้พลังชั่วร้ายยับยั้งการโจมตีจากอีกฝ่ายได้ อย่างไรก็ตามเงื่อนไขสำหรับการกลายร่างเป็นเครื่องรางของขลังนั้นเข้มงวดมาก ไม่เพียงแต่ต้องดูดซับความชั่วร้ายจากเลือดของคนตายอย่างเต็มที่ แต่ยังต้องสร้างค่ายกลฮวงจุ้ย แล้ววางเอาไว้ในพื้นที่มีพลังหยินเข้มข้น จนพันปีให้หลังยังปรากฎออกมาเพียงไม่กี่ชิ้น
คนโบราณกล่าวไว้ว่ากระแสจิตของดาบ จะแจ้งเตือนภัยอันตรายให้กับเจ้าของ โดยเฉพาะเครื่องรางของขลังจะสัมผัสถึงพลังโจมตีชั่วร้ายจากภายนอก แล้วส่งสัญญาณเตือนด้วยเหตุนั้น
อาจพูดได้ว่า เครื่องรางของขลังประเภทนี้ เป็นความใฝ่ฝันของเหล่าหมอดูฮวงจุ้ยทุกคน เยี่ยเทียนได้ดาบสั้นเล่มนี้มาด้วยความบังเอิญ ในใจจึงเบิกบานและประหลาดใจจนยากจะบรรยาย
หลังจากดีใจอย่างบ้าคลั่ง เยี่ยเทียนก็นั่งไขว่ห้างบนเตียง วางดาบสั้นไว้ด้านหน้า ค่อยๆ หลับตาลง ส่งพลังชีวิตไปยังดาบสั้นนั้น ราวกับว่าถูกยั่วยุ พลังชั่วร้ายอันเยือกเย็น พุ่งพล่านออกมาจากดาบสั้นทันใด ส่งผลให้อุณหภูมิทั้งห้องราวลดลงหลายส่วน
หลังจากที่พลังชั่วร้ายปะทุขึ้น ตรงไปกัดกร่อนยังตัวของเยี่ยเทียน เยี่ยเทียนกลับไม่มีท่าทีต่อต้านแม้แต่น้อย ยอมให้พลังร้ายนั้นแทรกซึมเข้าไปในตัวของตน ชั่วพริบตาพลังหนาวเย็นได้เข้าสู่ร่างกาย จนหน้าผากของเยี่ยเทียนมีเหงื่อเม็ดเล็กซึมออกมา
ทว่าในร่างกายของเยี่ยเทียน ในขณะนี้เต็มไปด้วยพลังชีวิตอันพุ่งพล่าน พลังชั่วร้ายเหล่านั้นไม่อาจทำลายกล้ามเนื้อและกระดูกของเยี่ยเทียน จึงได้แต่เพียงวนเวียนอยู่รอบนอก และพลังชีวิตในตัวของเยี่ยเทียน กลับไหลล้นออกมารวมกับพลังชั่วร้ายเหล่านี้ทีละน้อย
เยี่ยเทียนดูไม่ผ่อนคลายต่อกระบวนการเหล่านี้เท่าไหร่นัก เม็ดเหงื่อที่หน้าผากไหลซึมลงไม่หยุด สีหน้าก็เริ่มซีดเซียวขึ้นมา
หลังจากผ่านไปประมาณสิบสองนาที ทันใดนั้นดาบสั้นที่อยู่ตรงหน้าเขาก็ส่งเสียงแหลมใสขึ้นทีหนึ่ง พลังชั่วร้ายที่แทรกซึมสู่ตัวของเยี่ยเทียน ไหลลงไปในดาบราวกับสายน้ำ
“ฮ่าๆ สำเร็จแล้ว!”
เยี่ยเทียนคว้าดาบสั้นตรงหน้าเขา โดยไม่สนใจจะเช็ดเหงื่อตรงหน้าผาก ทันใดนั้นสัมผัสถึงเลือดเนื้อได้เชื่อมต่อกับหัวใจ และพลังชั่วร้ายภายในดาบก็ไม่อาจทำร้ายเขาได้อีก