หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 215
หลังจากได้ยินคำพูดของจี่หรานแล้ว เยี่ยเทียนจึงหัวเราะ แล้วพูดไม่หยุดปาก “ถ้าหากพี่จี่สามารถโน้มน้าวคุณตู้ได้ ก็จะดีมากครับ ไปกันเถอะ ทุกคนเข้าไปข้างในกันดีกว่าครับ!”
“แน่นอนครับ คุณเยี่ยเทียนวางใจได้ เหล่าตู้ยังพอจะฟังการโน้มน้าวของผมอยู่บ้าง!” ถึงแม้เยี่ยเทียนจะเรียกเขาว่าพี่จี่ แต่จี่หรานก็ไม่กล้าทำตัวยิ่งยโส
เพราะคนที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่เพียงแต่สามารถทำให้มาเฟียอย่างหม่าเหล่าซานกลายเป็นใบ้กินแล้ว แม้แต่ตระกูลซ่งก็ยังมาทักทายเขาโดยเฉพาะ และในคำพูดเสียงของคุณชายจี่ก็ไม่กล้าแสดงความเมินเฉยชะล่าใจแม้แต่น้อย
และตรงจุดศูนย์กลางที่มีคนสองสามคนที่อยู่หน้าประตูก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ตัว
คุณชายเหรินคนที่เคยวางมาดอันโอหังและหยิ่งจองหองกลับไม่มีให้เห็นได้อีกต่อไป แม้แต่คุณชายจี่ที่ชอบวางตัวอยู่เหนือคนอื่นมาตลอด ก็ยังยิ้มให้เยี่ยเทียนไม่หยุด
ตอนนี้สวีเจิ้นหนานได้สติกลับมาแล้ว เขาจึงเข้าไปถามเยี่ยเทียนใกล้ๆ “เยี่ยเทียน นาย…นายรู้จักพวกเขาเหรอ?”
ตอนนั้นเหรินเจี้ยนพาหม่าเหล่าซานมาหาเรื่องเยี่ยเทียน ซึ่งก็คือคืนนั้น ถึงแม้สวีเจิ้นหนานจะอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี เขาก็จำใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ได้แล้ว
“รู้จักสิ…” เยี่ยเทียนพยักหน้า จากนั้นจึงพูดอย่างเคร่งขรึม ” ผมจะบอกี่ใหญ่นะ พี่ต้องมั่นใจในตัวเองหน่อย และท่าทางเมื่อครู่จะทำให้ใครดูกัน?”
“อวี๋ชิงหย่าเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำพูดของนาย ใช่สิ นายเป็นคนพูดถึงไม่รู้ยากยังไงล่ะ!” สวีเจิ้นหนานตอบกลับด้วยความไม่พอใจ
เยี่ยเทียนจึงส่ายหน้า แล้วพูด “ตอนนี้ชิงหย่าไม่ได้ไปหาท่านประธานซางคนนั้นแล้วเหรอ? ผู้หญิงก็ชอบตามดาราเป็นธรรมดา ไม่เห็นจะมีอะไรน่าแปลก? นายต้องยืดตัวตรง แล้วคุณเว่ยถึงจะชื่นชมนาย อีกอย่าง ถ้าหากเว่ยหรงหรงเชื่อฟังนาย นายยังจะชอบเธอไหม?”
ในสายตาของเยี่ยเทียน สวีเจิ้นหนานเหมือนเป็นพวกบ้าทารุณตัวเองคนหนึ่ง ยิ่งเว่ยหรงหรงชี้มือชี้ไม้ให้เขามากเท่าไร เขาก็ยิ่งสบายใจมากเท่านั้น คนหนึ่งชอบตี อีกคนหนึ่งชอบรับ ถือว่าทั้งสองคนเกิดมาคู่กันจริงๆ
“จริงเหรอ?” สวีเจิ้นหนานมองเยี่ยเทียนกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย
“ถ้าไม่เชื่อนายก็กลับมหาลัยฯ ไปเลย!” เยี่ยเทียนถลึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ จากนั้นตัวเองจึงเป็นฝ่ายเดินนำเข้าไปในรีสอร์ทที่คล้ายกับบ้านไร่
หากจะพูดว่าที่นี่คือรีสอร์ท ควรจะพูดว่าเป็นฟาร์มจะเหมาะสมกว่า เพราะเมื่อก้าวเข้าไปในลานบ้านก็มองเห็นศาลาพักร้อนสีแดงกับต้นหลิวเขียวขจีกระทบเข้ามาในดวงตา และทางเดินที่ทอดยาวของศาลาพักร้อนกลับเป็นสถานที่สำหรับให้คนปิ้งย่างบาร์บีคิว
ภายในฟาร์มยังมีบ่อเลี้ยงปลาสองสามบ่อ และยังมีศาลาพักร้อนที่สร้างอยู่ข้างบ่ออีกด้วย ทุกคนสามารถตกปลาในศาลาพักร้อน และหลังจากตกปลาได้แล้วก็สามารถนำไปปิ้งย่างในศาลาได้เลย ซึ่งมีความสะดวกเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ภายในฟาร์มยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิงอย่างห้องร้องคาราโอเกะ ห้องเล่นหมากรุกและห้องเล่นไพ่ต่างๆ โดยสร้างห้องไม้ไผ่ที่มาจากไม้ไผ่ทั้งหมด เมื่อนั่งอยู่ภายในห้องจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความเป็นธรรมชาติอย่างเต็มที่ อีกทั้งกิจการจะดีมากเมื่อถึงวันหยุดสุดสัปดาห์
“ท่านสุภาพสตรีสาวสวยทุกท่านครับ บริษัทของพวกเรามีแพลนจะสร้างภาพยนตร์กำลังภายในเรื่องใหญ่ในครึ่งปีหลัง ตอนนี้พวกเรายังไม่ได้กำหนดตัวนางเอกและตัวประกอบ ถ้าหากทุกท่านสนใจ สามารถไปเทสหน้ากล้องที่บริษัทได้นะครับ…”
ภายในศาลาพักร้อนที่ติดกับบ่อเลี้ยงปลาแห่งหนึ่งของฟาร์ม ท่านประธานชาง กำลังนั่งพูดเกลี้ยกล่อมบรรดาสาวๆ อยู่ในนั้นพอดี แต่กลุ่มหญิงสาวที่รายล้อมเข้ามามีมากเกินไปจริงๆ ทำให้เขายังไม่สามารถกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนได้ในตอนนี้
“ผมกล้ารับประกัน ขอเพียงได้เล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ จะต้องดังแน่นอน และยังดังเป็นพลุแตกอีกด้วย อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ด้อยไปกว่าเสี่ยวเยี่ยนจื่อ…”
คำพูดของซางปู้ฉี่ทำให้ดวงตาของหญิงสาวสองสามคนเปล่งเป็นประกาย เพราะความดังก็หมายถึงการมีเงิน และไม่ใช่ทุกคนที่จะมีฐานะทางบ้านที่ดี เหมือนเว่ยหรงหรง อีกอย่างงานพิธีกรในปีนี้ก็ใช่ว่าจะมีเงินกันทุกคน
“เอ๊ะ เหล่าจี่ เหรินเจี้ยน พวกนายสองคนทำอะไรกันอยู่? ทำไมถึงช้าขนาดนี้?”
เมื่อมองเห็นจี่หรานกับเหรินเจี้ยนเดินเข้ามาในลานบ้านอยู่ไกลๆ ท่านประธานซางจึงพูดกับผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ “สองคนนั้นถือว่าเป็นเจ้าของเงินเชียวนะ คุณชายเหรินลงทุนภาพยนตร์มาให้ผมสองสามเรื่องแล้ว ส่วนท่านประธานจี่ก็เป็นนักธุรกิจทางด้านวัฒนธรรม ทำกิจการซื้อขายของโบราณและของเก่าขนาดใหญ่!”
ถือว่าซางปู้ฉี่คนนี้ค่อนข้างมีสัจจะ เขาไม่ลืมที่จะคุยโวโอ้อวดให้กับจี่หรานและเหรินเจี้ยน เพียงแต่เมื่อมองเห็นเยี่ยเทียนอยู่ที่นี่ ทำให้พี่ชายสองคนนั้นไม่มีความคิดที่จะเหล่สาวในเวลานี้เลย
“คนนี้คือใครเหรอ?” หลังจากที่เดินเข้ามาใกล้ๆ แล้ว ซางปู้ฉี่จึงพบว่า ยังมีคนอื่นเดินตามหลังจี่หรานกับเหรินเจี้ยนเข้ามาอีกด้วย เขาจึงอดที่จะตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้
” เหล่าซาง ยังไม่รีบมาทักทายคุณเยี่ยอีก?” พอเดินเข้ามาในศาลา จี่หรานก็ส่งสายตาเป็นสัญญาณให้ซางปู้ฉี่ไม่หยุด
“คุณเยี่ย? ใครคือคุณเยี่ยเหรอ?”
ประธานซางตกตะลึงเล็กน้อย แล้วจึงเงยหน้ามองเยี่ยเทียน จู่ๆ จึงร้องเสียงหลงออกมาปาก “ไอโยว โอ้แม่เจ้า”
เดิมทีซางปู้ฉี่นั่งอยู่บนราวกั้นของศาลาพักร้อน หลังจากร้องตะโกนออกไปแล้ว ร่างกายของเขาจึงเอนไปข้างหลังทั้งตัว พลางหัวเราะแล้วจึงตกลงไปในบ่อเลี้ยงปลาที่อยู่ด้านหลัง
“เหล่าซาง คุณเป็นอะไร?”
“รีบไปช่วยเร็วเข้า ประธานซาง จับมือของผมไว้!”
การตกน้ำของซางปู้ฉี่ ทำให้เกิดสียงร้องสะดุ้งตกใจออกมาภายในศาลาพักร้อน และสายตาของหญิงสาวที่ให้ความสนใจไปยังท่านประธานซางในตอนนั้น จึงมองไปที่เยี่ยเทียนไม่หยุด พวกเธอมั่นใจว่า ประธานซางตกน้ำเพราะเห็นคนคนนี้แน่นอน
“สุดยอด เป็นถึงขนาดนี้เลยเหรอ?”
เมื่อเห็นการตอบสนองที่รุนแรงของเจ้าอ้วนแล้ว เยี่ยเทียนจึงอดที่จะคลำหน้าของตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ “ถึงหน้าตาของพี่จะไม่หล่อเป็นที่น่าจับตามองของสาวๆ แต่ก็ไม่น่าจะทำให้คุณตกใจได้ถึงขนาดนี้นะ?”
เยี่ยเทียนไม่รู้ว่า ตอนนั้นที่เหรินเจี้ยนมาหาเรื่องเขา เป็นเพราะถูกยุยงจากเจ้าอ้วนคนนี้เสียส่วนใหญ่ ดังนั้นหลังจากที่เกิดเรื่อง เขาก็ได้รับการตักเตือนจากผู้ใหญ่ในบ้าน และประธานซางที่ไม่เคยถูกตีมาตั้งแต่เด็ก กลับถูกท่านผู้เฒ่าของบ้านใช้เข็มขัดตีก้นอย่างแรง
ดังนั้นถ้าจะพูดว่ากลัวเยี่ยเทียน ซางปู้ฉี่ก็เป็นรองจากคุณชายเหรินเท่านั้น เมื่อเห็นเยี่ยเทียนปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าอย่างคาดคิดไม่ถึง เมื่อเขาได้สติจึงคิดจะไปซ่อนอยู่ข้างหลัง แต่ไม่คิดว่าข้างหลังจะเป็นบ่อเลี้ยงปลา จึงทำให้เขาตีลังกาหงายหลังตกลงไปเช่นกัน
โชคดีที่บ่อเลี้ยงปลาไม่ลึกมาก บวกกับแขนที่ยาวของตู้เฉียง จึงคว้าคอเสื้อของซางปู้ฉี่ที่ลอยขึ้นมาเอาไว้ได้ แล้วจึงลากเขาขึ้นมาข้างบน
“เยี่ยเทียน ทำไมคนนี้ถึงกลัวนายจัง?” อวี๋ชิงหย่าก็มองออก ว่าประธานซางเหมือนจะกลัวเยี่ยเทียนมาก
เยี่ยเทียนได้ยินแล้วจึงหัวเราะขึ้นมา พลางพูดกระซิบข้างหูของอวี๋ชิงหย่า “ตอนนั้นที่ฉันเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เคยมีคนมาดักรอที่หน้ามหาลัยฯ อยู่ครั้งหนึ่ง เธอยังจำได้ไหม?”
“ก็คือพวกเขาสองสามคนเนี่ยนะ?” อวี๋ชิงหย่าเอามือป้องปาก เมื่อมองเหรินเจี้ยนก็ยิ่งรู้สึกคุ้นหน้า เหมือนเขาจะเป็นคนที่ถูกเยี่ยเทียนแกล้งในงานเต้นรำตอนนั้นหรือเปล่า?
“ใช่ แต่พวกเขากลับตัวกลับใจแล้ว!” เมื่อเห็นจอกแหนสองสามอันติดอยู่บนศีรษะของเจ้าอ้วนสภาพดูไม่ได้ ทำให้เยี่ยเทียนกลั้นหัวเราะไม่อยู่
ซางปู้ฉี่ยังมีชุดกีฬาสำหรับตีกอล์ฟอยู่บนรถ หลังจากเขาไปหยิบเสื้อผ้าและเข้าไปอาบน้ำในฟาร์มแล้ว ประธานซางจึงกลับมายังสถานที่ที่ทุกคนอยู่ และถ้าหากเยี่ยเทียนไม่เอ่ยปาก เขาก็ไม่กล้าหนีไปไหน
จากความช่วยเหลือของพนักงานในฟาร์มในเวลานี้ ทุกคนจึงเริ่มปิ้งย่างบาร์บีคิว แต่เนื่องจากเรื่องทั้งหมดที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ จึงทำให้สายตาของหญิงสาวเหล่านั้นจ้องมองไปที่เยี่ยเทียนด้วยความประหลาดใจเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะเมื่อเห็นลักษณะท่าทางของเหรินเจี้ยนกับจี่หรานที่มีมาดใหญ่โต ก็ยิ่งทำให้ทุกคนงงมาก และรู้สึกเหมือน ทั้งสองคนนี้จะให้ความเคารพเยี่ยเทียนเป็นอย่างมาก ก่อนจะพูดหรือทำอะไร มักจะขอความคิดเห็นของเยี่ยเทียนอยู่เสมอ
ถึงแม้ตู้เฉียงจะรู้สึกแปลกใจกับการแสดงออกของทั้งสองคน แต่เยี่ยเทียนกับเขาก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน หลังจากพี่ชายอย่างเขาเพิ่งจะปิ้งปีกไก่เสร็จหนึ่งไม้ ก็รีบยื่นให้เว่ยหรงหรงอย่างขยันขันแข็ง “หรงหรง ผมเป็นคนย่างปีกไก่นี้เอง คุณชิมหน่อยนะครับ ตอนที่อยู่อเมริกา พวกเราก็ชอบไปปิคนิคปิ้งย่างบาร์บีคิวบ่อยๆ…”
“ขอบคุณค่ะ…” เมื่ออยู่ต่อหน้าของทุกคน เว่ยหรงหรงจึงได้แต่รับมา แต่เธอกลับไม่รู้ว่าสีหน้าของสวีเจิ้นหนานเริ่มดูไม่ได้ขึ้นมาอีกแล้ว
เมื่อเห็นตู้เฉียงพยายามแสดงความมีน้ำใจต่อหน้าเว่ยหรงหรงอีกครั้ง จี่หรานจึงฝืนยิ้มไม่หยุด จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วตบไหล่ของตู้เฉียง พลางพูด “ประธานตู้ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณนิดหน่อยครับ!”
“เรื่องอะไรครับ?” ตู้เฉียงตกตะลึงนิดหน่อย
“ไป ออกไปพูดข้างนอกดีกว่าครับ…” จี่หรานเดินออกไปข้างนอก จากนั้นตู้เฉียงจึงเดินตามหลังไปอย่างไม่รู้สาเหตุ
“หรงหรง ผมย่างน่องไก่ คุณจะลองทานหน่อยไหมครับ?” ตอนนี้สวีเจิ้นหนานก็ย่างอาหารที่อยู่ในมือเสร็จพอดี แต่ฝีมือการย่างของเขาสู้ตู้เฉียงไม่ได้อย่างเห็นได้ชัด เพราะน่องไก่นั่นทั้งดำและไหม้เกรียม
“ได้ครับ!”
เว่ยหรงหรงกลับไม่พูดอะไร รับมาและกัดไปหนึ่งคำ ทำให้พี่ใหญ่สวีอารมณ์ดีและสบายใจมาก ผู้ชายกับผู้หญิงเวลามีความรักก็เป็นอย่างนี้ แค่เรื่องเล็กน้อยก็สามารถทำให้พวกเขาต้องเป็นทุกข์เป็นร้อนได้
“ชิงหย่า อ่ะ ฝีมือของฉันดีกว่าพี่ใหญ่ใช่ไหม?” เยี่ยเทียนก็ยื่นปีกไก่ให้อวี๋ชิงหย่าเช่นกัน ส่วนผู้หญิงคนอื่นอีกสองสามคนจึงได้แต่พึ่งพาตัวเอง และรู้สึกอิจฉาคู่รักสองคู่นี้พอสมควร
“เอ๊ะ ผมคิดว่าประธานจี่ คุณ…คุณใส่ใจกว้างเกินไปแล้วนะครับ? เธอกับผมก็ยังไม่ได้แต่งงาน แต่กลับห้ามไม่ให้ผมจีบผู้หญิงคนนี้?” จู่ๆ เสียงของตู้เฉียงก็ดังขึ้นมาจากข้างนอก ทำให้ทุกคนมองออกไปข้างกันยกใหญ่
“เหล่าตู้ คุณอย่าทำเป็นไม่รู้ผิดชอบชั่วดี พี่กำลังช่วยนายอยู่นะ!” สีหน้าของจี่หรานเริ่มแดงขึ้นอยู่บ้าง พร้อมกับน้ำ เสียงที่สูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“ประธานจี่ คุณอย่าพูดมั่วๆ นะ ผมไม่มีแม้กระทั่งสิทธิ์ในการจีบผู้หญิงเลยใช่ไหมครับ?”
ตู้เฉียงก็รู้สึกโกรธเหมือนกัน เพราะสองปีที่ผ่านมาเขาช่วยจี่หรานและคนอื่นทำกำไรไปไม่น้อย และตัวเองก็ไม่เคยมีเรื่องอะไรขอร้องพวกเขาเลย จึงเป็นเหตุให้เขาไม่ค่อยไว้หน้าคุณชายจี่
“โอเค คุณก็คิดเสียว่าผมไม่ได้พูดก็แล้วกัน!” จี่หรานยิ้มอย่างเจื่อนๆ ให้เยี่ยเทียน เพื่อแสดงว่าตัวเองทำเต็มที่แล้ว
หลังจากเดินกลับมาตรงที่ปิ้งบาร์บีคิวด้วยความโมโห ตู้เฉียงก็ดึงมือของเว่ยหรงหรง แล้วพูด “หรงหรง ผมชอบคุณจริงๆ ผมอยากให้คุณให้โอกาสผม ผมจะ…ผมจะทำให้คุณมีความสุข!”
“อย่าค่ะ คุณอย่าทำแบบนี้ ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้ ตู้เฉียง ฉันมีแฟนแล้ว!” เว่ยหรงหรงไม่คิดว่าตู้เฉียงจะทำแบบนี้ จึงรู้สึกสับสนและตื่นตระหนกอยู่บ้าง จะว่าไปความเผ็ดร้อนของพริกก็ไม่อาจต้านทานการสารภาพรักของผู้ชายต่อหน้าสถานที่สาธารณะได้
“คุณยังไม่ได้แต่งงาน ผมก็มีสิทธิ์ที่จะจีบคุณได้!” ตู้เฉียงมีท่าทีที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่มาก
“คุณตู้ คุณสามารถจีบเว่ยหรงหรงได้แต่ผมคิดว่า การอยู่ร่วมกันของคนสองคน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการเปิดเผยและความจริงใจ ไม่ทราบว่าเรื่องที่คุณมีลูกชายสองคน คุณเคยพูดกับคุณเว่ยไหมครับ”
จู่ๆ เสียงของเยี่ยเทียนก็ดังขึ้นทันที เดิมทีเขาอยากจะให้ตู้เฉียงรู้สึกถึงความยากแล้วจึงถอยไป แต่ใครจะรู้ว่าพี่ชายคนนี้กลับแสดงความรักออกมาต่อหน้าทุกคน เมื่อเห็นท่าทางที่กำลังจะระเบิดของสวีเจิ้นหนาน เยี่ยเทียนจึงต้องเอ่ยพูดอย่างช่วยไม่ได้
“คุณ…คุณรู้ได้ยังไง?” หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน ตู้เฉียงจึงปล่อยมือเว่ยหรงหรงทันที พร้อมกับมองเยี่ยเทียนด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว