หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 285 แนะนำ
ตอนที่ขาของตัวเองที่เตะออกกำลังจะโดนเยี่ยเทียน เฝิงเฮิงอยู่ก็เปลี่ยนจากการเตะเป็นการเกี่ยว นี่คือกระบวนท่า เตะซ้อนแตะ ที่เฝิงเฮิงอยู่ชำนาญ
เวลานั้นเท้าขวาของเยี่ยเทียนเตะออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะถูกเฝิงเฮิงอยู่เกี่ยวเข้าที่เท้าทำให้เขาเสียการทรงตัว แต่ทันใดนั้นเท้าขวาของเยี่ยเทียนก็เพิ่มความเร็วในการเตะ พุ่งตรงไปที่ต้นขาของเฝิงเฮิงอยู่
การเตะครั้งนี้ใช้ความเร็วมากจริงๆ ทำให้ทุกคนประหลาดใจในฝีมือการเปลี่ยนท่าของเยี่ยเทียน ทุกคนไม่คิดว่าเยี่ยเทียนที่พึ่งเตะออกไป จะหมุนตัวแล้วเตะ รัวๆ ออกไปอีก
โชคดีที่เมื่อกี้เฝิงเฮิงอยู่ใช้แรงไปแค่สามส่วนเท่านั้น ยังไม่แก่เกินไป พอมีแรงที่จะโต้กลับ ใช้พลังที่เหลืออยู่โต้กลับทันที ด้วยการเตะสวนและยกน่องขึ้นมารับจากการเตะของเยี่ยเทียนที่เพิ่มความเร็วอย่างฉับพลัน
“ป๊าบ” เสียงที่ดังขึ้นเกือบเป็นสาเหตุให้ทุกคนโยนแก้วลงพื้นพร้อมกัน ตอนแรกทุกคนเข้าใจว่าเยี่ยเทียนจะต้องถูกเฝิงเฮิงอยู่เกี่ยวล้มลงอยู่ที่พื้น อย่างไม่คาดคิด หลังจากถูกเตะไปสองเท้า กลับกลายเป็นเฝิงเฮิงอยู่ที่ต้องถอย และยังคงถอยแล้วถอยอีก ถอยออกไปหลายก้าวจึงสามารถทรงตัวอยู่ได้
เมื่อฝ่ายหนึ่งโจมตีด้วยการบุก ก็ช่วยไม่ได้ที่อีกฝ่ายหนึ่งก็จะต้องตั้งรับเพื่อป้องกันการถูกโจมตี และหาวิธีพลิกแพลงที่จะโต้กลับ เฝิงเฮิงอยู่ที่เป็นปรมาจารย์ของมวยแปดสุดยอด ตอนนี้ไม่สามารถใช้เท้าซ้ายยันพื้นไว้ได้แล้ว ตอนนี้ก็ยังถูกเยี่ยเทียนกระหน่ำเตะสวนกลับตลอดเวลา
“ดี” ในสนามที่ได้ยินแต่เสียงลมหายใจของทุกคน ก็มีเสียงของโจวเซี่ยวเทียนแทรกขึ้นมา
โจวเซี่ยวเทียนฝึกฝนมวยแปดสุดยอดมาก่อน ดูวิธีการใช้ฝ่าเท้านั้นออก ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวของเฝิงเฮิงอยู่นั้นดูเรียบง่าย แต่การเปลี่ยนแปลงกระบวนท่าอย่างรวดเร็ว ก็ทำให้ยากในการระวังป้องกัน เป็นตัวของโจวเซี่ยวเทียนก็ยังยากที่จะแก้ไข
แต่ว่าเยี่ยเทียนก็มีท่วงท่าที่รวดเร็วและว่องไวเหมือนกัน เขาไม่ได้สู้กับวิชากังฟูของเฝิงเฮิงอยู่เลย เขากำลังใช้กลยุทธิ์บังคับให้เฝิงเฮิงอยู่ต้องคอยระวังป้องกันตัวเองตลอดเวลา และรู้สึกว่ากำลังเสียเปรียบเล็กน้อย
หลังจากที่สามารถทรงตัวได้ สีหน้าของเฝิงเฮิงอยู่ก็จริงจังขึ้นมา ท่าทีที่ดูผ่อนคลายเมื่อกี้ก็ไม่มีให้เห็นแล้ว ตะโกนออกมา “ฝีมือเยี่ยม วีรบุรุษก็ต้องมาจากพวกหนุ่มๆ เหล่านี้ ฉันต้องขอคำแนะนำแล้ว”
หลายปีที่ผ่านมาเฝิงเฮิงอยู่ได้ปะลองกับพวกคนรุ่นหลัง ส่วนมากก็จะใช้แต่ท่านี้ แทบจะเอาชนะได้ตลอด แต่ทว่าวันนี้ที่เขาได้ประลองกับเยี่ยเทียน ก็ถูกเยี่ยเทียนแก้ไขและตอบโต้ได้อย่างสบาย
“ฝ่าเท้าเมื่อกี้ ฉันใช้กำลังไปแค่สามส่วน”
เยี่ยเทียนยิ้มแล้วผงกสีรษะ หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ตอนที่ถูกอาจารย์หยงหรูรุ่ยของเฝิงเฮิงอยู่ใช้วิชา เกี่ยวฝ่าเท้า ทำให้ตัวเขากลิ้งไปหลายตลบ ในวันนี้ก็เท่ากับว่าได้กู้ชื่อเสียงกลับมาแล้ว
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน เฝิงเฮิงอยู่ก็สะเทือนใจขึ้น เมื่อกี้ที่เขาดึงขากลับมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ใช้พลังหกถึงเจ็ดส่วนเพื่อมาป้องกัน แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเยี่ยเทียนจะใช้ไปแค่สามส่วน ก็ทำให้เขาได้รับแรงสะเทือน จนต้องถอยออกถึงห้าหกก้าว
“เจ้าหนุ่ม พวกเรามาประลองกันอย่างจริงจังด้วยมือเปล่าเถอะ”
ผ่านการฝึกฝนมาสิบปี ปกติแล้วเฝิงเฮิงอยู่จะไม่หวั่นไหวกับคำพูดของเยี่ยเทียน แต่ครั้งนี้เขาไม่บอกว่าจะต่อให้เยี่ยเทียนสามกระบวนท่าอีกแล้ว ทันใดนั้นก็ตะโกนออกมา แล้วก็เริ่มลงมือกับเยี่ยเทียนก่อน
การโจมตีของเฝิงเฮิงอยู่มีพลังที่เหนือกว่าโจวเซี่ยวเทียน หลังจากที่ได้พัก ตอนนี้เขาใช้พลังและสมาธิอยู่ที่สายตาและมือของเขา ใช้แขวนแกว่งขึ้นลงอย่างหนักและรวดเร็วราวกับพายุที่โหมกระหน่ำ ทุบไปที่เยี่ยเทียน
นี่เป็นกระบวนท่าที่โหดร้ายและอันตรายมาก โดยเฉพาะเมื่อเฝิงเฮิงอยู่ เป็นผู้ใช้ออกมาทุกกระบวนท่าไม่ว่าจะเป็นการ พุ่งโจมตี ประชิดตัว ผลักดัน แสดงท่าออกมาพร้อมกัน เป้าหมายคือโจมตีเข้าไปทั่วร่าง
หลังจากที่อาจารย์ได้ตายจากไป นี้เป็นครั้งแรกของเฝิงเฮิงอยู่ที่ใช้พลังและฝีมือทั้งหมดในการลงมือ ไม่ได้เก็บกักไว้แต่น้อย
เฝิงเฮิงอยู่เชื่อว่าภายในประเทศ คนที่สามารถป้องกันท่าของเขาได้ เกรงว่าไม่เกินสามคน แน่นอนว่า เฝิงเฮิงอยู่ไม่ได้นับเยี่ยเทียนอยู่ในสามคนนั้นด้วย
“ทำได้ดี”
เห็นท่าทางของเฝิงเฮิงอยู่ เยี่ยเทียนก็รู้สึกสงบใจไว้ไม่อยู่ ไม่ขยับขาทั้งสองข้าง มือทั้งสองเคลื่อนไหว เหมือนดั่งผีเสื้อที่บินอยู่ในสวนดอกไม้ ป้องกันการโจมตีของเฝิงเฮิงอยู่ที่บุกเข้ามา
เสียงของการประทะกันระหว่างฝ่ามือ กำปั้นและเท้าของเยี่ยเทียนกับเฝิงเฮิงอยู่ทำให้เกิดเสียง “ป๊าบ ป๊าบ” ขึ้นมา ปนกับเสียงร้องของเฝิงเฮิงอยู่ที่ส่งออกมา จึงค่อนข้างแปลกประหลาด
ทั้งสองประทะกันด้วยท่าทางที่รวดเร็วและว่องไวมาก คนในสนามนอกจากชิวเหวินตงกับโจวเซี่ยวเทียน คนอื่น ๆ ก็ดูไม่ออกว่าใครเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ
เห็นชิวเหวินตงที่ตกตะลึงจนตาค้าง พวกลูกศิษย์ก็สามารถเดาได้ว่า เพื่อนเก่าของอาจารย์นั้น ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เปรียบ
เป็นอย่างที่พวกเขาคิดไว้ ในเวลานั้นในใจของเฝิงเฮิงอยู่ก็ตกใจ เขาคิดไม่ถึงว่าบนโลกนี้ จะมีคนซักกี่คนที่สามารถใช้แต่สองมือโดยที่เท้าไม่ขยับก็สามารถป้องกันการโจมตีดั่งสายฝนที่โหมกระหน่ำของตัวเองได้
มากไปกว่านั้นฝ่ามือทั้งสองของเยี่ยเทียนเหมือนกับมีแม่เหล็ก ทุกครั้งที่เขาตอบโต้ มันทำให้การเคลื่อนไหวของเฝิงเฮิงอยู่ช้าลง การใช้กระบวนท่าไม่ต่อเนื่อง มีอยู่หลายครั้งที่เฝิงเฮิงอยู่เกือบจะพ่ายแพ้ กำลังของเยี่ยเทียนแข็งแกร่งมากในที่สุดเฝิงเฮิงอยู่ก็ล้มลงบนพื้น
เฝิงเฮิงอยู่ยิ่งสู้ยิ่งอกสั่นขวัญหาย ในตอนที่เขาโจมตีนั้น เยี่ยเทียนทำเพียงแค่ป้องกัน เขายังไม่มีหนทางทำอะไรได้ การประลองกันของทั้งสองคนก็เหมือนกับอาจารย์กำลังสอนเคล็ดวิชาให้ลูกศิษย์
เฝิงเฮิงอยู่ก้าวระดับขึ้นมาเป็นครูมวยแล้ว เขาเชื่อว่าครูมวยคนอื่นไม่มีทางที่จะสามารถป้องกันการถูกโจมตีนี้ได้ คาดไม่ถึงว่าในขณะที่ขาทั้งสองของเยี่ยเทียนไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แม้แต่ก้าวเดียว ก็สามารถทำได้
“เปลี่ยนแปลงพลัง”
คำหนึ่งผ่านเข้ามาในหัวของเฝิงเฮิงอยู่ ก็ทำให้เขาสะดุ้งตกใจเป็นพิเศษ เพราะว่าตลอดชีวิตของอาจารย์ ไม่เคยแตะต้องการเปลี่ยนแปลงพลังของวิชานี้เลย
ถ้าเกิดว่าเจ้าหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้ ไม่สามารถเข้าถึงการเปลี่ยนแปลงพลังที่เขาพูดกัน คงไม่สามารถ ทำให้พลังกำปั้นของเขาสลายไปอย่างง่ายดาย
นึกถึงตอนนี้ เฝิงเฮิงอยู่ก็เกิดกลัวจนขึ้นสมอง เมื่อเก็บพลังกำปั้นก็เหมือนกับเก็บมือถอยหลัง แต่ทว่าสิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ ฝ่ามือที่เหมือนกับแม่เหล็กของเยี่ยเทียนกลับแข็งแกร่งขึ้นมาทันที ทำให้ร่างกายของตัวเองโซซัดโซเซ ไม่มีแม้แต่วิธีที่จะควบคุมมัน
พวกคนดูก็รู้สึกเพลินเพลิน เมื่อครู่การปะทะกันของกำปั้นและเท้าของทั้งสองคนดูไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ แต่ก็ยังคงน่าดู ใครจะรู้ว่าหลังจากนั้นเฝิงเฮิงอยู่ ก็เสียการทรงตัวเซซ้ายเซขวา เหมือนกับคนเมา
แม้ว่าพวกลูกศิษย์ยังฝึกฝนวิชากังฟูไม่สำเร็จ แต่ไม่ว่าใครก็ดูออกว่า เฟงเฮิงหยูไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยเทียน ความแตกต่างของทั้งสองเหมือนกับเด็กอายุสามขวบกับคนที่มีพลังเหมือนกับผู้ใหญ่วัยสามสิบ
“พอแล้ว ไม่แกล้งแกแล้ว เดี๋ยวอาจารย์ของแกจะไปฟ้องอาจารย์ของฉันได้ว่า ฉันแกล้งคนรุ่นหลัง”
เยี่ยเทียนยิ้มขึ้นมาทันที มือซ้ายวาดไปที่ต้นแขนของเฝิงเฮิงอยู่ หลังจากวาดครึ่งวงกลม ตัวของเขาก็กระโดดถอยมาหนึ่งก้าว ตั้งแต่ที่ประลองฝีมือกัน นี้ก็คือครั้งแรกที่เยี่ยเทียนก้าวเท้า
ถูกเยี่ยเทียนวาดในครั้งนี้ ตัวของเฝิงเฮิงอยู่ที่อยู่ในสนามก็หมุนเหมือนกับลูกข่างขึ้นมาทันที หลังจากที่หมุนไปเจ็ดแปดรอบถึงได้กลับมาทรงตัวได้อีกครั้ง
เวลานี้เฝิงเฮิงอยู่ มีใบหน้าที่แดงก่ำ ผมที่เคยหวีเสยไปด้านหลัง ทั้งหมดก็กลับห้อยลงมา เหมือนเพิ่งสระผมเสร็จ หยาดเหงื่อไหลออกมาจากแก้ม
ในตัวของเฝิงเฮิงอยู่มีไอร้อนระเหยออกมา เป็นเพราะว่าเขาใช้พลังอย่างเต็มที่ หลังจากเห็นท่าทางของเฝิงเฮิงอยู่แล้ว เยี่ยเทียนก็ขมวดคิ้ว ตะโกนว่า “ปิดรูขุมขุน กลั้นลมหายใจ หลังจากนั้นค่อยๆ ผ่อนออกมา แกก็สามารถเขาถึงลมปราณแฝงแล้ว”
“อะไรนะ”
เฝิงเฮิงอยู่หลังจากที่ถูกหมุนจนมึน เมื่อได้ยินเยี่ยเทียนพูด ก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง แท้จริงแล้วเขาก็มีฝีมือในการฝึกฝนลมปราณแฝงนี้อยู่แล้ว แต่เมื่อถูกเยี่ยเทียนชี้แนะแบบนี้ ก็ยิ่งเข้าใจมากขึ้น
เฝิงเฮิงอยู่มีความคิดถึงไหน ร่างกายของเขาก็ขยับตาม ขาทั้งสองแยกออกจากกันเหมือนกับเลขแปด ในตัวอักษรจีน สองมืออยู่ระหว่างจุดตันเถียน มองไปข้างหน้า
“ส่งมันมาให้ฉัน” เฝิงเฮิงอยู่ตะโกนออกไป ไอร้อนที่วนเวียนอยู่ภายนอกร่างกายของเขา ทันใดนั้นก็ค่อย ๆ ดูดซึมกลับเข้าไปในร่างกาย”
ค่อยๆ ปิดตาลง เฝิงเฮิงอยู่รู้สึกได้ถึงพลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา พลังที่เสียไปก่อนหน้านี้ ก็เหมือนกับว่าได้กลับคืนสู่ร่างกายแล้ว และยังมีพลังที่เหลือล้น
เฝิงเฮิงอยู่กระทืบเท้าซ้ายหนึ่งที กางต้นแขนออก ลมที่อยู่ตรงหน้าเขาก็เหมือนกับแตกกระจายออกมีเสียง ป๊าบ ออกมา เหมือนดั่งแส้ที่ถูกฟาด
“ลมปราณแฝง ฉันสามารถเข้าถึงลมปราณแฝงนี้ได้แล้ว” เฝิงเฮิงอยู่มีใบหน้าที่ดูมีความสุข เขาใช้เวลาอยู่กับเจ้าลมปราณแฝงนี้สี่ห้าปีแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะเข้าถึงได้ในตอนนี้
“อาจารย์ ผม เมื่อไหร่ผมจะสามารถเข้าถึงลมปราณแฝง”
เมื่อได้เห็นเฝิงเฮิงอยู่รำมวยมือเปล่าอย่างตั้งใจ โจวเซี่ยวเทียนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถเข้าถึงลมปราณแฝงนั้นได้เลย
“แกเหรอ? แกโชคดีกว่าเขา มากสุดก็หนึ่งปี แกก็จะสามารถเข้าถึงลมปราณแฝงได้”
เยี่ยเทียนได้ยินก็หัวเราะขึ้นมา พูดออกไปว่า “พักมวยแปดสุดยอดไว้ก่อน มาฝึกวิชากังฟูที่ตระกูลของแกที่ได้ถ่ายทอดมา ฝึกฝนและศึกษาเกี่ยวกับพลังภายในร่างกายให้ละเอียด เมื่อไหร่ที่แกสามารถส่งและควบคุมพลังนั้นได้ ก็จะสามารถเข้าถึงลมปราณแฝง”
ในสายตาของเยี่ยเทียน พรสวรรค์กับโอกาสของโจวเซี่ยวเทียนมีมากกว่าร้อยเท่า เมื่อเทียบกับเฝิงเฮิงอยู่ เฝิงเฮิงอยู่อายุสี่สิบกว่าปีเพิ่งจะเข้าถึงลมปราณแฝง แต่ว่าโจวเซี่ยวเทียนใช้เวลาแค่ปีเดียวในเรือนนั้น จะมีแค่แปดเก้าในสิบ ที่จะสามารถเข้าถึงพลังที่แสดงออกของฝั่งตรงข้าม
หลังจากที่ได้ยินเยี่ยเทียน ดวงตาทั้งสองของโจวเซี่ยวเทียนขยายขึ้นมา พยักหน้า พูดว่า “อาจารย์ ผมจะตั้งใจอย่างแน่นอน”
บทสนทนาของทั้งสองคนทำให้เฝิงเฮิงอยู่เกิดประหลาดใจขึ้นมา หลังจากที่ได้เห็นเยี่ยเทียน เฝิงเฮิงอยู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ทว่าก็ยังเดินมา
“รุ่นพี่เยี่ยเทียน ขอบคุณคำชี้แนะของพี่มาก”
ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือ เฝิงเฮิงอยู่ที่เดินไปตรงหน้าของเยี่ยเทียน ทันใดนั้นก็ใช้มือซ้ายกำเข้าที่มือขวา วางไว้ตรงกลางอก โค้งตัวลงเก้าสิบองศา แสดงความเคารพเยี่ยเทียน
มือซ้ายเป็นตัวหนังสือ มือขวาเป็นการต่อสู้ ทั้งสองมือประสานกันแสดงถึงความปรารถนาที่จะเรียนรู้ รอคำแนะนำจากอาจารย์หรือรุ่นพี่ การกระทำของเฝิงเฮิงอยู่ นั้นหมายความว่าเขาได้ยอมรับว่าเยี่ยเทียนเป็นรุ่นที่สูงกว่า
……