หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 290 คลื่นที่ยังไม่สงบ
“ในที่สุดก็ไม่เสียแรงที่ใช้กำลังไปมากขนาดนี้ แต่วิชาพ่อมดแม่หมอที่ทำร้ายคนและตัวเองแบบนี้ ต่อไปจะต้องใช้ให้น้อยหน่อย!”
พอกลับมาถึงเรือนสี่ประสานเยี่ยเทียนยังรู้สึกตื่นเต้นดีใจไม่หยุด แต่ก็รู้สึกหนาวสะท้าน เพราะหลังจากที่เขาใช้วิชาเสร็จแล้ว ไม่เพียงรู้สึกว่าพลังถูกดูดออกไปทั้งตัว แม้แต่เส้นลมปราณก็ยังได้รับความเสียหายอยู่บ้าง
เส้นลมปราณของเยี่ยเทียนได้รับบาดเจ็บครั้งที่แล้ว เป็นผลมาจากการช่วยท่านนักพรตพลิกชะตาฝืนลิขิต เขาไม่คิดว่าการใช้วิชานี้ จะมีพลังสวนกลับที่รุนแรงกว่าการพลิกชะตาฝืนลิขิตเสียอีก
และพลังสวนกลับนี้ยังมีความรุนแรงมาก มันแอบทำลายเส้นลมปราณของเยี่ยเทียนอย่างเงียบๆ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาบรรลุด่านฮว่าจิ้งมาได้ เกรงว่าอีกสักพักเขาคงจะล้มนอนบนเตียงจนลุกไม่ขึ้น
“การดื่มกินบนโลกมนุษย์ล้วนถูกกำหนดโดยสวรรค์ นับจากวันนี้ไปตัวเองต้องพยายามแสดงวิชาให้น้อยลง มิฉะนั้นไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องถูกสวรรค์เล่นงานจนตายแน่”
เวลานี้เยี่ยเทียนก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นในใจ เขาระมัดระวังมากขึ้นเมื่อเทียบกับตอนที่เพิ่งลงมาจากเขา หลังจากวรยุทธ์ของเขาบรรลุในครั้งนี้ จึงทำทุกอย่างอย่างกำเริบเสิบสานเกินไปจริงๆ
ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เยี่ยเทียนได้แต่ขลุกตัวอยู่ในเรือนสี่ประสานเพื่อรักษาเส้นลมปราณที่บาดเจ็บ
ในระหว่างนี้เฝิงเฮ่ยหยู๋ก็อยากจะพาผู้น้อยมาเยี่ยมแต่ก็ถูกเยี่ยเทียนปฏิเสธ เฝิงเฮ่ยหยู๋จึงได้แต่ฝากคำพูด สองสามประโยคผ่านทางโจวเซี่ยวเทียน เขารู้ว่าเฝิงเฮ่ยหยู๋กำลังตกอยู่ในพลังลึกลับ และมีบางปัญหา ที่อยากขอคำแนะนำจากตัวเอง
แต่เยี่ยเทียนไม่รู้ว่า ที่เฝิงเฮ่ยหยู๋มาเยี่ยมเยียนเขา เป็นเพราะความต้องการของชิวเหวินตง เพราะว่าวันที่สองหลังจากที่เยี่ยเทียนไปท้าทายแล้ว ชิงเหวินตงก็ได้รับข้อมูลว่า เฟ่ยเฮ่อเหว่ยฆ่าตัวตายขณะถูกขังอยู่ในคุก
ชิวเหวินตงรู้จักเฟ่ยเฮ่อเหว่ยมาสิบยี่สิบปีแล้ว เขาจึงรู้จักนิสัยของเฟ่ยเฮ่อเหว่ยเป็นอย่างดี หมอนั่นมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวรักชีวิตเป็นที่สุด จึงไม่มีทางฆ่าตัวตายเด็ดขาด ทำให้เรื่องนี้มีความแปลกประหลาดอยู่ไม่น้อย
ในความคิดของชิวเหวินตง เยี่ยเทียนจะต้องเข้าหาผู้มีอำนาจและซื้อตัวของผู้คุมขังในคุกอย่างแน่นอน แล้วจึงสร้างสถานการณ์ให้เฟ่ยเฮ่อเหว่ยฆ่าตัวตาย แต่การคาดเดาเช่นนี้ทำให้ชิวเหวินตงรู้สึกหายใจเย็นวูบ และแอบดีใจที่ตัวเองไม่ได้ล่วงเกินเยี่ยเทียน
ดังนั้นวันที่สองที่เฟ่ยเฮ่อเหว่ยฆ่าตัวตาย พวกนักเลงที่เป็นลูกน้องของชิวเหวินตง ก็ได้รับแจ้งข่าว แล้วจึงรู้ว่าในเมืองปักกิ่งปรากฏตัวบุคคลที่ไม่อาจหาเรื่องได้ แต่เยี่ยเทียนไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลย
เนื่องจากต้องอาศัยพลังชีวิตแห่งฟ้าดินที่เกือบมีสภาพไม่ปกติที่อยู่ภายในลานบ้านของเรือนสี่ประสาน เยี่ยเทียนจึงใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์เต็มในการซ่อมแซมเส้นลมปราณที่ได้รับความเสียหาย หลังจากที่เขาเบิกเนตรตรวจสอบ ภายในร่างกายแล้ว จึงได้โล่งอก
“ลุงเว่ย ลุงมาได้ยังไงครับ?”
เช้าวันนี้เยี่ยเทียนกำลังต้มหม้อยาให้ถังเสวี่ยเสวี่ยอยู่ในห้องครัว เมื่อได้ยินเสียงกริ่งประตูดังมาจากข้างนอก เยี่ยเทียนจึงเดินไปดู กลับเห็นเว่ยหรงหรงประคองพ่อของตัวเอง และกำลังยืนอยู่หน้าประตูเรือนสี่ประสาน
ตอนที่เว่ยหงจวินนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ถึงแม้จะมีสภาพที่น่าสงสารและเวทนามาก แต่แท้จริงแล้วล้วนเป็นแผลภายนอก เพียงแค่พักรักษาตัวหนึ่งสัปดาห์ ก็สามารถนำผ้าพันแผลที่พันรอบตัวออกได้ แต่หน้าผากของเขายังมีผ้าพันแผลพันรอบอยู่
“ลุงเว่ยก็มาขอบคุณนายยังไงล่ะ!”
สีหน้าของเว่ยหงจวินตื่นเต้นมาก เขาอยู่ในเมืองปักกิ่งมาไม่เคยถูกหยามขนาดนี้มาก่อน วันที่เกิดเรื่องวันนั้นมีเพื่อน มาเยี่ยมเขามากมาย เว่ยหงจวินจึงรู้สึกอายมาก แต่แค่การพลิกฝ่ามือของเยี่ยเทียนก็สามารถกำจัดเฟ่ยเฮ่อเหว่ยได้เรียบร้อย ทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจมาก
ถึงแม้ในสายตาของคนมากมาย การเกิดเรื่องของเฟ่ยเฮ่อเหว่ยไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเว่ยหงจวินเลย แต่เว่ยหงจวินรู้อยู่แก่ใจ ว่าการฆ่าตัวตายของเฟ่ยเฮ่อเหว่ย ต้องเป็นฝีมือของเยี่ยเทียนแน่นอน
“ลุงเว่ย เรื่องบางเรื่องรู้อยู่แก่ใจก็พอ เชิญเข้าไปนั่งข้างในครับ…”
เยี่ยเทียนพยักหน้า พาเว่ยหงจวินกับลูกสาวสองคนพ่อลูกเข้าไปในเรือนสี่ประสาน ช่วงนี้เขาปิดบ้าน พักรักษาตัวมาตลอด จึงอยากรู้ความเคลื่อนไหวหลังจากที่เกิดเรื่องเหล่านั้น
“หรงหรง เธอไปเล่นกับเสวี่ยเสวี่ยเถอะ เธอเป็นเด็กผู้หญิง อยู่ในเรือนสี่ประสานทั้งวันคงเบื่อแย่!”
หลังจากเข้าไปในห้องรับแขกแล้ว เยี่ยเทียนจึงหาเรื่องให้เว่ยหรงหรงแยกตัวออกไป เพราะผู้หญิงคนนี้เป็นคนขี้ระแวง กลัวว่าเอาไปพูดกับคนข้างนอกได้ง่าย
หลังจากนั่งลงแล้ว ก็ยังเห็นสีหน้าที่ตื่นเต้นของเว่ยหงจวินอยู่ เยี่ยเทียนจึงโบกมือ แล้วพูด “ลุงเว่ย ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ เรื่องงานก่อสร้างแก้ปัญหาได้แล้วใช่ไหมครับ?”
เว่ยหงจวินพยักหน้า พลางพูด “แก้ไขเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มนั่นที่นอนอยู่โรงพยาบาลพอได้ยินว่า เฟ่ยเฮ่อเหว่ยเกิดเรื่อง ก็เซ็นสัญญาการรื้อถอนในวันนั้น ได้เงินแล้วก็ชิ่งเลย ตอนนี้งานก่อสร้างดำเนินการอย่างปกติ”
ไม่เพียงเท่านี้ วันที่เฟ่ยเฮ่อเหว่ยเกิดเรื่อง ชิวเหวินตงก็มาเยี่ยมเว่ยหงจวินที่โรงพยาบาล และยังตบหน้าอกต่อหน้าคนมากมาย บอกว่าต่อไปถ้ามีคนของเว่ยหงจวินที่ไหน นั่นคือความยุ่งยากของทหารเลวอย่างเขา
คำพูดของชิวเหวินตง ทำให้เถ้าแก่เว่ยที่ต้องขายหน้าเพราะถูกตี ได้รับการชดใช้กลับมาอย่างสมบูรณ์
“เรื่องนั้นของเฟ่ยเฮ่อเหว่ย ตำรวจวินิจฉัยว่ายังไงครับ?”
เยี่ยเทียนพูดเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ความจริงในใจกลับสนใจเป็นอย่างมาก ช่วงนี้เขาพักรักษาตัวอยู่ในบ้านตลอด จึงไม่รู้ว่าเรื่องนี้จัดการเป็นอย่างไรบ้าง?
“เสพยา ฆ่าตัวตาย!”
หลังจากพูดคำวินิจฉัยของฝั่งตำรวจแล้ว เว่ยหงจวินจึงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เยี่ยเทียน นายวางใจได้ ทั้งชีวิตนี้ของลุงเว่ยจะไม่พูดออกไปแม้แต่คำเดียว แม้แต่หรงหรงก็จะไม่รู้…”
ตอนนี้เว่ยหงจวินก็ไม่รู้ว่าเยี่ยเทียนมีอารมณ์แบบไหน เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มที่เขารู้จักมาสองสามปี เวลาลงมือจะโหดเหี้ยมขนาดนี้
ถึงแม้เรื่องนี้จะเกิดขึ้นเพราะเขา แต่เวลาที่เถ้าแก่เว่ยเผชิญหน้ากับเยี่ยเทียนนั้น ในใจของเขาอดรู้สึกหนาวเย็นไม่ได้ แม้แต่คำพูดก็ยังต้องระมัดระวัง
“เหอะ เหอะ ลุงเว่ย ถ้าลุงพูดออกไปก็ต้องมีคนเชื่อด้วยสิ แต่เท่าที่ผมรู้ เหมือนเฟ่ยเฮ่อเหว่ยจะไม่ได้เสพยานะ?” เยี่ยเทียนรู้สึกเคลือบแคลงใจ เพราะว่าชิวเหวินตงเคยบอกเขาถึงเรื่องที่เฟ่ยเฮ่อเหว่ยควบคุมลูกน้อง
“ทางตำรวจบอกว่าเขาเสพยา อย่าง นั้นก็ต้องเสพยา พวกเราไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” เว่ยหงจวินได้ยินแล้วจึงหัวเราะขึ้นมา เขามีคนรู้จักอยู่ในวงการมากมาย ถ้าอยากจะสืบข้อมูลจึงง่ายมาก
ที่สถานคุมขัง มักจะเกิดเรื่องทุกปี และคดีที่จัดการกับพวกที่ “ตายแล้ว” จึงจัดการได้อย่างคล่องแคล่วมาก
บวกกับเฟ่ยเฮ่อเหว่ยได้หย่ากับภรรยานานแล้ว ที่บ้านจึงไม่มีใคร ถ้าไม่มีใครแจ้งความ ก็ต้องถูกตัดสินแบบนี้ และศพก็ถูกเผาไปในวันที่สอง จึงเป็นการตายอย่างไร้ร่องรอย
แน่นอนว่า ผู้คุมเวรในคืนนั้นก็ต้องถูกซ้อม และหลังจากเกิดเรื่องก็ถูกไล่ออกเพื่อตรวจสอบ
แต่ก็ไม่ได้ใส่ร้ายเขาจริงๆ พอตรวจสอบจึงพบว่าผู้คุมขังธรรมดาคนหนึ่ง ไม่เพียงแต่เป็นตัวเชื่อม การซื้อขายเหล้ายาบุหรี่และของกินเท่านั้น ภายในหนึ่งปีเขาสามารถทำเงินจากที่คุมขังสองถึงสามแสนหยวน เมื่อเป็นเช่นนี้ ฝ่ายตำรวจจึงเกิดการปรับปรุงภายในแผนกอย่างเงียบๆ
“ลุงเว่ย ผมยังพูดคำนั้นเหมือนเดิม คนเราทำอะไร ฟ้ายังคงมองเห็นเสมอ ขอเพียงไม่ทำเรื่องที่ชั่ว ก็ไม่ต้องกลัวกรรมตามสนอง”
หลังจากรู้ผลการจัดการของเรื่องนี้แล้ว เยี่ยเทียนจึงโล่งอก เนื่องจากช่วงนี้เขาแสดงความสามารถออกมา อย่างล่อแหลมเกินไป จึงกลัวว่าจะถูกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจับตามอง เพราะเยี่ยเทียนคิดว่าบนโลกใบนี้ไม่ได้มี เพียงเขาคนเดียวที่รู้วิชาเหล่านี้
เว่ยหงจวินพยักหน้า พลางพูด “อืม เยี่ยเทียน นายวางใจได้ ต่อให้ลุงเว่ยได้กำไรนิดหน่อย ลุงก็จะไม่ทำเรื่องที่ไร้จิตสำนึกเหล่านั้น”
ถึงแม้จะผ่านประสบการณ์เรื่องนี้ แต่สำหรับเว่ยหงจวินแล้ว นอกจากลบล้างเรื่องที่ถูกตีได้แล้ว เขายังเป็นฝ่ายได้เปรียบอีกด้วย เพราะรหัสคำพูดชิวเหวินตงคือ ต่อไปพวกมาเฟียในเมืองปักกิ่ง จะไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งกับธุรกิจของเขาอีกเด็ดขาด
เว่ยหงจวินก็เป็นคนฉลาดจึงไม่ได้ถามความสัมพันธ์ของเยี่ยเทียนกับชิวเหวินตง หลังจากแสดงความขอบคุณกับเยี่ยเทียนแล้ว เขาก็พาลูกสาวกลับไป
พูดตามจริง ยิ่งรู้เรื่องของเยี่ยเทียนมากเท่าไร เวลาที่อยู่กับเขานั้น จะทำให้จิตใจของเถ้าแก่เว่ยรู้สึกกดดันมากขึ้น
“พี่เยี่ยเทียน พี่จะพาหนูออกไปเที่ยวเมื่อไรคะ?”
ตอนที่เยี่ยเทียนส่งเว่ยหงจวินกับลูกสาวสองคนพ่อลูกและเดินกลับมาในเรือนสี่ประสานนั้น ก็เจอกับสีหน้าที่โกรธเคืองของถังเสวี่ยเสวี่ยพอดี เด็กผู้หญิงคนนี้อยู่ในบ้านมาหนึ่งเดือนเต็ม และออกไปข้างนอกรวมแล้วไม่เกินสามครั้ง
ถึงแม้ตอนที่เธออยู่ที่ฮ่องกง หนึ่งเดือนจะออกไปข้างนอกได้เพียงหนึ่งครั้ง แต่จากร่างกายที่เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ถังเสวี่ยเสวี่ยจึงยิ่งมีความหวังอยากใช้ชีวิตเหมือนคนปกติมากขึ้น
“จะพาเธอออกไปวันนี้ เธอโทรหาพี่ชิงหย่า วันนี้พวกเราจะไปซื้อรถกัน!”
เยี่ยเทียนได้ยินแล้วจึงหัวเราะขึ้นมา เขารักษาแผลมาหนึ่งสัปดาห์เต็ม จึงรู้สึกอึดอัดและน่าเบื่ออยู่บ้าง ดังนั้นจึงถือโอกาสทำตามสัญญาว่าจะซื้อรถ และไปขับรถเล่นด้วยกัน
“จริงหรือคะ? อย่างนั้นหนูจะไปโทรหาพี่ชิงหย่าค่ะ!”
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว ถังเสวี่ยเสวี่ยจึงร้องด้วยความดีใจ และกระโดดโลดเต้นวิ่งเข้าไปในห้อง ถึงแม้เธอจะอายุน้อยกว่าเยี่ยเทียนไม่กี่ปี แต่เธอไม่เคยได้สัมผัสกับคนนอกตั้งแต่เด็ก จึงมีลักษณะจิตใจเหมือน เด็กอายุสิบสองสิบสามขวบ
เยี่ยเทียนมองดูถังเสวี่ยเสวี่ยที่ตื่นเต้นดีใจ เขาก็รู้สึกติดอารมณ์ของเธอไปด้วยพลางคิดในใจว่า “รอให้เหล่าถังกลับมาก่อน ก็จะสามารถเปิดเส้นลมปราณหยางภายในร่างกายของเด็กผู้หญิงคนนี้ได้!”
ถังเสวี่ยเสวี่ยพักอยู่ในเรือนสี่ประสานที่มีพลังจักรวาลเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว ทำให้ความหนาวเย็นภายในร่างกายของเธอถูกสกัดได้เรียบร้อย ขอเพียงเปิดเส้นลมปราณหยาง ในเส้นลมปราณพิเศษแปดเส้นได้ ก็สามารถทำให้พลังหยินหยางผสมผสานกัน และกำจัดพลังหยินพิฆาต ที่คุกคามเธอได้อย่างสิ้นเชิง
แต่มีจุดฝังเข็มทั้งหมดยี่สิบสี่จุดรวมตัวอยู่รอบๆ เส้นลมปราณหยาง แม้ว่าตอนนี้เยี่ยเทียนจะสามารถบรรลุ ด่านฮว่าจิ้งได้แล้ว แต่ก็ไม่สามารถช่วยเธอเปิดออกทั้งหมดได้ภายในวันเดียว ดังนั้นยังต้องเตรียมตัวอีกพอสมควร ถึงจะเริ่มลงมือได้
อวี๋ชิงหย่ากำลังจัดการเรื่องฝึกงานอยู่ในสถานีโทรทัศน์รายการทีวีพอดี หลังจากรับโทรศัพท์แล้วไม่เกินครึ่งชั่วโมง เธอก็รีบมาถึงเรือนสี่ประสาน เยี่ยเทียนนำรถซานทาน่าคันเก่าตกรุ่นขับออกมา แล้วพาทั้งสองคนมุ่งตรงไป ยังหมู่บ้านเอเชียนเกม
“พี่เยี่ยเทียน พี่จะซื้อรถเบนซ์เหรอคะ? รถคุณปู่ของหนูก็เป็นเบนซ์หมดเลยค่ะ เหมือนจะกันกระสุนได้อีกด้วย”
ขณะที่นั่งอยู่บนรถ ถังเสวี่ยเสวี่ยมองไปที่คนเดินถนนที่อยู่ข้างทางด้วยความสงสัย เพราะในฮ่องกงไม่เคยเห็น รถจักรยานเยอะขนาดนี้ และทุกอย่างที่อยู่ในประเทศจีนจึงเป็นความรู้สึกแปลกใหม่สำหรับเธอมาก
“เบนซ์? คือรถอะไร?” เยี่ยเทียนถามแบบไม่เข้าใจ เหมือนเขาไม่เคยได้ยินยี่ห้อนี้มาก่อน?
“ก็เมอร์เซเดสเบนซ์ไงค่ะ แต่ที่เสี่ยวเสวี่ยพูดว่าสามารถกันกระสุนได้นั้นต้องสั่งทำจากโรงงาน คันหนึ่งก็มากกว่าสิบล้านหยวน” อวี๋ชิงหย่ายิ้มพลางอธิบายให้เยี่ยเทียน
“พอเถอะ สิบกว่าล้าน ฉันซื้อไม่ไหวหรอก กลับไปฉันจะซื้อรถจักรยานสามคัน แล้วพวกเราก็ถีบกลับบ้าน!”
เยี่ยเทียนได้ยินแล้วจึงหัวเราะขึ้นมา เพราะช่วงที่ผ่านมานี้ การแก้ปัญหาเรื่องของเว่ยหงจวินที่เหมือนเมฆครึ้ม ที่กดดันอยู่ในหัวใจของเขาก็ได้ถูกกำจัดออกไปจนหมดสิ้น
……