หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 299 มาเยือนครั้งแรก
ในตอนแรกบทสนทนาของเยี่ยเทียนและถังเหวินหย่วน ก็ทำให้แอร์สาวสวยตกตะลึงกันไปแล้ว แต่เพราะพวกเธอได้รับการฝึกมาอย่างเข้มงวด ในเรื่องของการสนทนาของเจ้านาย จะต้องเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
แต่ที่ได้ยินเมื่อซักครู่นั้นคือถังเหวินหย่วนจะยกเครื่องบินลำนี้ให้กับเยี่ยเทียน แอร์สาวสวยเหล่านี้ก็มีสีหน้าตกตะลึง เป็นแถบ เพราะพวกเธอรู้ราคาของเครื่องบินลำนี้ดี
ต้องรู้ก่อนว่า เครื่องบินลำนี้ทั้งโลกมีห้าสิบลำ แค่ลำพังเครื่องบินลำเดียวก็สนนขายในราคาสามสิบกว่าล้านดอลล่าร์ นี่ยังไม่รวมเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งที่หรูหราภายใน ราคาทั้งหมดรวมกันก็ประมาณสี่สิบกว่าล้านดอลล่าร์ได้
แค่เครื่องบินราคาแพงขนาดนี้ ถังเหวินหย่วนกลับทำเป็นของเล่น เอ่ยปากจะยกให้คนอื่นอย่างง่ายดาย แอร์สาวที่นั่งอยู่แอบคิดไม่ดีขึ้นมาแล้ว
“เฮ้ เครื่องบินลำนี้ยกให้ฉัน ฉันก็ดูแลไม่ไหวอยู่ดี ช่างมันเถอะ”
เยี่ยเทียนก็เห็นสีหน้าของแอร์สาวพวกนั้นที่นั่งอยู่ด้านหน้าเขา ตอนที่คุยกลับไม่ได้เรียกถังเหวินหย่วนว่าเหล่าถัง
ที่แผ่นดินใหญ่ชื่อเสียงของถังเหวินหย่วนไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่ แต่ตาแก่นี่ที่ฮ่องกงเป็นประเภทที่สามารถเลือก ข้าราชการระดับสูงได้ ฐานะทางสังคมไม่ใช่แค่สูงธรรมดา
อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ตอนที่ถังเหวินหยวนออกเดินทาง ปาปารัซซี่รอบกายมากกว่าพวกดาราเสียอีก หากเยี่ยเทียนพูดไม่ระวัง กลัวว่าจะได้ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ฮ่องกง
ถังเหวินหย่วนก็รู้สึกได้ถึงแอร์สาวไม่กี่คนที่ยืนอยู่ด้านข้าง หากเขาจะสนทนากับเยี่ยเทียนก็ดูจะไม่สะดวก โบกมือขึ้นพลางกล่าวว่า “เอาเถอะ ที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว พวกเธอไปพักเถอะ “
“ค่ะ คุณถัง!” หัวหน้าแอร์รับคำ พาแอร์สาวสามคนที่เหลือเข้าสู่ที่พักพนักงานบนเครื่องและยังปิดประตูอย่างแน่นสนิท
“อาเวย คนหนุ่มนั่นเป็นใครกันถึงกล้าเรียกหัวหน้าว่าเหล่าถัง”
“ฉันว่าน่าจะเป็นคนมีชื่อเสียงจากแผ่นดินใหญ่ซักคนแหละไม่อย่างนั้นใครจะกล้าเรียกคุณชายถังแบบนั้นกัน”
“ฉันว่าไม่ใช่ พี่น้องที่นี่มีใครมีอำนาจวาสนาขนาดนั้นกัน พวกเธอไม่รู้ ชายหนุ่มคนนั้นเอาง้าวจันทร์เสี้ยวขึ้นเครื่องบินมาด้วย หนักมากๆ!”
เมื่อเข้าไปในห้องพักสาวๆก็พากันถกเถียงจ๊อกแจ๊กจอแจ เมื่อซักครู่ที่ถังเหวินหย่วนและเยี่ยเทียนคุยกัน ทำให้พวกเธอเถียงกันวุ่นวาย
แต่ว่าทายไปทายมาก็ไม่รู้ว่าเยี่ยเทียนที่แบกง้าวจันทร์เสี้ยวเล่มใหญ่กับสัตว์เลี้ยงขึ้นมาบนเครื่องบิน สรุปว่ามีฐานะอะไรกันแน่
……
“เยี่ยเทียน เดี๋ยวพอถึงฮ่องกงแล้ว ฉันมีเรื่องบางอย่างอยากจะรบกวนนายหน่อย…” รอจนแอร์สี่คนเข้าไปยังห้องพักผ่อนบนเครื่องแล้ว ถังเหวินหย่วนก็มองมาที่เยี่ยเทียน
“เรื่องอะไรกัน”
เยี่ยเทียนเงยหน้ากล่าวต่อว่า “แต่ว่าเหล่าถัง พูดตามตรง ครั้งนี้ที่ฉันไปฮ่องกงก็เพื่อแก้ไขเรื่องบางอย่าง พอถึงตอนนั้นนายก็อย่าสนิทสนมกับฉันมากเกินไป!”
“เยี่ยเทียน ตกลงว่านายมีเรื่องอะไรกันแน่ตาแแก่อย่างฉันหากเป็นที่ฮ่องกงก็พอจะมีอำนาจอยู่บ้าง ถึงเวลานั้นฉันช่วยนายแก้ปัญหาก็เรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอ”
เห็นเยี่ยเทียนแบกง้าวจันทร์เสี้ยวมาด้วย ในใจของถังเหวินอยู่ก็ตะขิดตะขวงอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในยุทธภพมานาน แต่ตอนนี้มันยุคอะไรแล้วคนอื่นอยากจะหาเรื่องตัวเอง ยังมีใครใช้อาวุธต่อสู้กันอยู่อีก
เยี่ยเทียนส่ายหัว กล่าวว่า “เหล่าถัง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายเลย อีกอย่างอีกฝ่ายจะมาหรือไม่มายังไม่รู้เลย!”
ตู้เฟยเพียงแต่บอกเยี่ยเทียนว่าซ่งเสี่ยวหลงไปประเทศไทยไปหาชาญ ทองทวนแล้ว แต่ว่าชาญ ทองทวน จะยอมลงมือหรือไม่ เรื่องนี้แม้แต่ลูกศิษย์คนนั้นของตู้เฟยก็ยังตอบไม่ได้ เยี่ยเทียนก็ได้แต่กลัวว่า จะเป็นอันตราย ต่อครอบครัวจึงได้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าเท่านั้น
เขาให้ตู้เฟยปล่อยข่าวออกไปว่าตัวเองรออยู่ฮ่องกงเป็นเวลาหนึ่งเดือน มั่นใจว่าต่อให้ชาญ ทองทวนไม่มา ซ่งเสี่ยวหลงก็ต้องไม่พลาดโอกาสนี้แน่
จะต้องรู้ก่อนว่า การเข้าออกของคนในประเทศและต่างชาติมีการตรวจที่เข้มงวดเป็นอย่างมาก บางคนที่มีประวัติที่อยู่ต่างประเทศ เมื่อเข้ามาก็จะถูกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับตาดู อยากจะขยับตัวทำอะไรก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
แต่ฮ่องกงเป็นเมืองนานาชาติ ทุกวันมีคนต่างชาติเข้าเข้าออกเป็นจำนวนไม่น้อย ที่นี่อยากจะหานักฆ่าฝีมือดี มีประสบการณ์ประเภทนี้ ก็จะไม่เป็นที่สนใจของหน่วยงานท้องที่เท่าไหร่นัก
“เอาน่า เหล่าถัง นายบอกเรื่องที่จะให้ฉันช่วยมาดีกว่า”
เห็นถังเหล่าหย่วนหน้าตาเกรงใจ เยี่ยเทียนก็ไม่พูดอะไรมาก แวดวงต่อสู้แตกต่างจากคนธรรมดามาก แม้ว่าเป็นมหาเศรษฐีอย่างถังเหวินหย่วนเองก็เถอะไม่มีทางที่จะเข้ามายุ่งเรื่องนี้ได้เลย
หลังจากได้ฟังเยี่ยเทียนจบ ถังเหวินหย่วนก็กล่าวว่า “เรื่องมันมีอยู่ว่า ฉันมีเพื่อนเก่าแก่อยู่คน ปี 1990 ถูกคนลักพาตัวไป ตอนนี้ผ่านไปแปดปีแล้วยังไม่มีข่าวอะไรเลย ฉันอยากให้นายช่วยดูหน่อย ว่าเขาคนนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า”
“ใครกัน”
เยี่ยเทียนชะงักงันไปและกล่าวอย่างยิ้มๆ ต่อไปว่า “เหล่าถัง เมื่อกี๊นายไม่ได้คุยว่าตัวเองมีอิทธิพลที่ฮ่องกงยังไงบ้าง อยู่เลยเหรอทำไมเรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้”
ที่สำคัญคือแก๊งลักพาตัวพวกนี้ไม่ได้อยู่ที่ฮ่องกง ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่หมดหนทางแบบนี้””
ถังเหวินหย่วนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ ชี้ไปที่นิตยสารเล่มหนึ่งบนโต๊ะชา “นายดูเอาเถอะ สามีของเธอ เฮ้อ เพื่อนเก่าหลายสิบปีแล้ว หากนายมีทาง ก็ช่วยกันหน่อยเถอะ!”
“ฟอบส์ นิตยสารฟอบส์”
เยี่ยเทียนหยิบขึ้นมาดู ที่แท้ก็เป็นนิตยสารอังกฤษ ถึงแม้เขาจะเรียนมหาวิทยยาลัยไม่จบ แต่ภาษาอังกฤษก็พอได้อยู่ อ่านบทความไม่ได้มีอุปสรรคหรือเปลืองแรงใดใด
แต่ในปี 1998 การจัดอันดับจากนิตยสารฟอบส์ไม่ได้รับความสนใจเท่าไหร่นักในประเทศ เยี่ยเทียนเพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้ ข้อมูลที่เรียงลำดับอยู่ด้านใน กลับดึงความสนใจของเขา
“แม่เจ้าเว้ย ผู้หญิงคนนึงถูกจัดอันดับเป็นเศรษฐีในเอเชียติด 10 อันดับแรก เหล่าถัง ลำดับเธอสูงกว่านายอีก” เมื่อดูเสร็จถังเหวินหย่วนก็ชี้ไปที่รูปของผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ตรงประวัติย่อ เยี่ยเทียนเดาะลิ้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“มีเงินก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดีอ่า เพื่อนเก่าฉันตอนปีแปดศูนย์ก็ถูกลักพาตัวไปครั้งหนึ่ง จ่ายค่าไถ่ตัวไป สิบล้านกว่าดอลล่าร์ คนไม่เป็นอะไร แต่หลังจากปีเก้าศูนย์ถูกลักพาตัวไปแล้วก็ไม่มีข่าวคราวของเขาอีกเลย”
ถังเหวินหย่วนส่ายหัว กล่าวต่อว่า “ทิ้งมรดกไว้หลายพันล้าน ตอนนี้กลายเป็นต้นตอปัญหาแล้ว ไปร้องศาลมาหลายปีแล้ว ทะเลาะกันจนมองหน้าไม่ติด”
“ปีแปดศูนย์ก็มีเงินสิบล้านกว่าดอลล่าร์ เหล่าถัง ลักพาตัวพวกเศรษฐีเรียกค่าไถ่ที่ฮ่องกงนี่ ถือว่าเป็นช่องทางลัดทำเงินหรือเปล่า”
เยี่ยเทียนกล่าวอย่างทึ่งๆ ปีแปดศูนย์มีเงินสิบล้านดอลล่าร์ หากไว้ถึงตอนนี้ เกรงว่ามูลค่าต่ำสุด ก็หลายพันล้านแล้วงานลักพาตัวเรียกค่าไถ่นี้ได้เงินเร็วกว่าไปปล้นธนาคารอีก!
“รวยเร็วน่ะใช่ แต่ตายก็เร็วด้วย” ถังเหวินหย่วนยิ้มเย็นออกมา
หลังจากเพื่อนเก่าถูกลักพาตัวไป ที่ฮ่องกงก็เกิดแก๊งลักพาตัวเศรษฐีทั้งหลายขึ้นโดยเฉพาะ และยังประสบความสำเร็จหลายครั้ง ค่าไถ่รวมกันเป็นเงินสูงถึงสิบล้านดอลล่าร์ฮ่องกง คดีนี้เกี่ยวข้องกับเศรษฐีดังในฮ่องกงหลายคน
แต่ทว่าในปีนี้ แก๊งนี้กลับก่อเหตุขึ้นในแผ่นดินใหญ่ และถังเหวินหย่วนก็ได้รับข่าวที่แน่ชัดมาเรียบร้อยแล้ว เป้าหมายห้าคนแรกที่ลักพาตัว อีกไม่นานก็จะถูกตัดสินยิงเป้าประหารชีวิต
“แหะๆ คนเป็นผู้กระทำบางทีก็โหดร้ายกว่าธรรมชาติอีก”
เยี่ยเทียนหัวเราะ หลังจากกล่าวขึ้นมาลอยๆ แล้ว ก็มองไปที่ถังเหวินหย่วน กล่าวว่า “ถึงเวลานั้นนายก็นัดเจอกับสุภาพสตรีแซ่กงคนนี้หน่อย แต่ต้องเป็นหลังจากถึงฮ่องกงแล้วภายในสามวัน หลังจากพ้นสามวันไปแล้วฉันไม่ต้อนรับแขก!”
เยี่ยเทียนลองคำนวนดูแล้วระยะเวลาอยางมากสามวัน ซ่งเสี่ยวหลงน่าจะมีปฏิกิริยาตอบกลับมาบ้าง หากตอนที่กำลังประทะกันมีคนนอกอยู่ด้วย เยี่ยเทียนจะต้องไขว้เขวแน่ ดังนั้นจึงร้องขอออกไปแบบนั้น
“ได้ รอให้นายพักผ่อนแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะจัดการ พอดีจะได้แนะนำนายให้เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของฉันรู้จัก” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ถังเหวินหย่วนก็ยิ้มแหย “พรุ่งนี้นายห้ามเรียกฉันว่าเหล่าถังนะ หากแพร่งพรายออกไปตาแก่คนนี้ไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหน”
หลังจากนั่งเครื่องบินมาสามชั่วโมง เครื่องบินส่วนตัวของถังเหวินหย่วนก็ลงจอดที่สนามบินฮ่องกง เครื่องบินเพิ่งหยุดสนิท รถลีมูซีนคันยาวหรูหราก็มาจอดเทียบข้างเครื่องบิน
“สมกับเป็นเมืองทางใต้ อากาศร้อนจริงๆ!”
หยิบทวนเยี่ยเยว่เพิ่งเดินลงจากเครื่องบิน เยี่ยเทียนก็รับรู้ได้ถึงความร้อนที่โจมตีเข้ามา หากเทียบกับอากาศในฤดูใบไม้ผลิของปักกิ่ง หอคอยไข่มุกนี่ก็เข้าสู้หน้าร้อนเรียบร้อยแล้ว
“จีจี…จีจี!”
เหมาโถวเดิมที่อยู่ในอ้อมกอดของถังเสวี่ยเสวี่ย ยิ่งไม่ถูกกับอากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ รีบมุดออกมาจากอ้อมกอดของถังเสวี่ยเสวี่ยไวราวฟ้าผ่า อุ้งเท้าทั้งสี่กอดง้าวจันทร์เสี้ยวไม่ห่างและไม่ยอมปล่อยแม้แต่น้อย
ถังเสวี่ยเสวี่ยมองเหมาโถวอย่างไม่พอใจ กล่าวเสียงต่ำอย่างงอนๆ ว่า “เหมาโถวดื้อ ไม่ยอมให้ฉันอุ้ม กลับไปไม่ให้ปลากินแล้ว!”
เยี่ยเทียนหัวเราะขึ้นมากล่าวว่า “เสวี่ยเสวี่ย ปลานี่ไม่ให้ไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นเหมาโถวจะงอแงเอานะ”
หลังจากได้ฟังคำของเยี่ยเทียนแล้ว ถังเสวี่ยเสวี่ยก็รีบกล่าวว่า “ไม่หรอก พี่เยี่ยเทียน คฤหาสน์หลังใหม่ที่คุณตาซื้อมีสระว่ายน้ำสองอันแหน่ะ สามารถปล่อยปลาลงไปได้เยอะแยะมากมายเลย!”
“ฉันซื้อคฤหาสน์มาก็เพื่อให้พวกเธอเลี้ยงปลาหรือไงกัน” คำกล่าวของหลานสาวทำให้ คุณตาถังจะหัวเราะก็ไม่ออกจะร้องไห้ก็ไม่ปาน หลังจากเรียกเยี่ยเทียนขึ้นมาบนรถ ก็ขับตรงไปที่คฤหาสน์บนสันเขาทันที
เมื่อรถขับมาถึงครึ่งเขา เยี่ยเทียนก็มองประเมินทั้งสี่ด้านเล็กน้อย รีบกล่าวชมอย่างอดไม่ได้ “สถานที่นี้ดี มีแม่น้ำโค้งเป็นรูปมังกร ทิศตะวันออกเป็นทะเล นี่เป็นสถานที่ที่ฮวงจุ้ยรวมเอาทรัพย์เข้าที่ดีที่หนึ่งเลย!”
โบราณว่าไว้สถานที่ที่เป็นมงคลจะต้องไม่ขาดน้ำ ก่อนมองภูเขาให้มองน้ำก่อน มีภูเขาแต่ไม่มีน้ำให้หยุดค้นหา แต่ที่นี่ภูเขาแม่น้ำครบ สภาพภูมิศาสตร์ไม่ธรรมดา มีน้ำขนาบทั้งสองข้าง หากอาศัยอยู่ที่นี่ไม่อยากมีทรัพยสิน เงินทองนั้นเป็นไปไม่ได้เลย
ทางขึ้นเขา กลับมองเห็นป้อมรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยท่าทางเข้มงวด แต่ทว่าหลังจากเห็นรถคันนี้และใบผ่านทางแล้ว ตลอดทางก็ราบรื่นไร้อุปสรรค
“สถานที่ดีนี่ ฉันว่า คฤหาสน์หลายหลังด้านล่างนั้นขายอยู่ทั้งนั้นใช่มั๊ยรอให้ฉันมีเงินก่อนก็จะมาซื้อซักหลัง!”
ในตอนที่รถแล่นผ่านกลางเขา เยี่ยเทียนเห็นคฤหาสน์เรียงกันห้าหลัง เขารู้สึกได้ว่า ด้านในไม่มีคนอาศัยอยู่
ถังเหวินหย่วนกล่าวอย่างหัวเราะขึ้นมาว่า “คฤหาสน์หลายหลังนั่นสำหรับเช่าไม่ขาย แต่หากนายอยากจะซื้อ ฉันจะเลือกทำเลที่ดีกว่านี้ให้”
“ช่างเถอะ ฉันแค่พูดลอยๆ เท่านั้น สถานที่แบบนี้ฉันจ่ายไม่ไหวหรอก”
เยี่ยเทียนส่ายหัว ที่นี่แม้ฮวงจุ้ยจะดี แต่ไม่ใช่ที่ที่คนธรรมดาจะอยู่ได้ หากมีใครที่ชะตาไม่ต้องกันมาอาศัยอยู่ จะกลายเป็นหาเรื่องร้ายให้ตัวเอง
……