หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 307 บุญคุณความแค้น
เวลาบ่ายของฮ่องกงตรงกับเวลาดึกสงัดของอเมริกา ในสำนักงานของตึกศูนย์การค้าอันหรูหรา ยังคงส่องสว่างด้วยแสงไฟ
ซ่งเสี่ยวหลงเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารหนาปึกที่ตรวจเสร็จบนโต๊ะ ใช้มือกดนวดบริเวณขมับ ใบหน้าคมคายฉายแววอ่อนล้า
ในแง่หนึ่งซ่งเสี่ยวหลงเป็นผู้ดูแลที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ในอเมริกาไม่มีการทำงานล่วงเวลา แต่เขายังคงทำงานจนดึกทุกวัน เมื่อจัดการงานในมือหมดแล้วถึงจะยอมพักผ่อน
แต่เมื่อเหนื่อยล้าถึงขีดสุดกลับมีแรงฮึดขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเขาได้ข่าวว่าเยี่ยเทียนออกจากปักกิ่งไปที่ฮ่องกงแล้ว
ไม่นานมานี้ตอนที่เขาไปประเทศไทย ชาญ ทองทวนได้บอกกับเขาว่ามีอาจารย์คืออาจารย์ทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ที่ไม่ยอมให้ตนไปที่ประเทศจีนอันลึกลับนั้น จึงตอบปฏิเสธคำเชิญของซ่งเสี่ยวหลงให้ชาญ ทองทวน ออกจากสำนักมา
ไม่เพียงเท่านี้ ซ่งเสี่ยวหลงยังเคยไปหานักฆ่านานาชาติ แต่เมื่อได้ยินว่าเหยื่ออยู่ที่ปักกิ่ง นักฆ่าพวกนั้น ก็ขอถอนตัวกันหมด
ฆ่าคนนั้นง่าย แต่เมื่อฆ่าแล้วจะหลบหนีออกจากปักกิ่งนั้นยุ่งยากมาก ถึงได้เงินค่าจ้างเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่คงไม่มีโอกาสได้ใช้ พวกเขาไม่อยากเอาชีวิตมาเสี่ยง
แต่เมื่อซ่งเสี่ยวหลงกำลังจะออกจากประเทศไทย ชาญ ทองทวนก็ได้รับปากเขา เมื่อเยี่ยเทียนเดินทางออก จากแผ่นดินจีนและชาญ ทองทวนต้องได้รับค่าจ้างสมน้ำสมเนื้อ จึงจะยอมช่วยซ่งเสี่ยวหลงลงมือ
ตอนนี้เยี่ยเทียนออกจากปักกิ่งไปแล้ว ในความคิดของซ่งเสี่ยวหลงคือเยี่ยเทียนรนหาที่ตายเอง
ซ่งเสี่ยวหลงหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้น เพิ่งจะกดเลขไปได้สองตัวก็วางสาย พลางใช้ความคิด แล้วนำเอาโทรศัพท์ดาวเทียมออกมาใช้
คนอเมริกาจำนวนมากไม่ทราบว่าการสื่อสารของพวกเขาในแต่ละวันนั้นถูกองค์กรระดับประเทศดักฟังอยู่ แต่ซ่งเสี่ยวหลงกลับรู้เรื่องนี้
“ขอสายอาจารย์ชาญ ทองทวน!” เมื่อโทรติดมีคนรับสาย ซ่งเสี่ยวหลงสนทนาด้วยภาษาไทยอย่างคล่องแคล่ว
ตอนที่ซ่งเสี่ยวหลงอายุยี่สิบปีเคยถูกอาหญิงที่มีศรัทธาลึกซึ้งในศาสนาพุทธส่งตัวไปอยู่ที่วัดกับพระในประเทศไทย สามปี เขาจึงได้เรียนภาษาไทย
แม้แต่ตอนนี้ที่ติดต่อกับชาญ ทองทวน เพราะในช่วงสามปีนั้นที่เขาอยู่กับพระสงฆ์ในวัด ได้เคยเห็นฤทธิ์เดช ของไสยศาสตร์มาด้วยตาของตัวเอง จึงคิดว่าจะใช้วิธีนี้มาจัดการกับเยี่ยเทียน
“ซ่ง คุณจะหาผมเหรอ?”
ได้ยินเสียงชาญ ทองทวนดังมาตามสาย ซ่งเสี่ยวหลงนั่งหลังตรง แล้วพูดด้วยความเคารพว่า “อาจารย์ ตอนนี้เยี่ยเทียนอยู่ที่ฮ่องกงแล้ว!”
ฮ่องกงเพิ่งจะกลับคืนเป็นของรัฐบาลจีนได้ปีเดียว ชาวต่างชาติรวมทั้งคนเชื้อสายจีนต่างรู้สึกว่าฮ่องกงไม่ได้เป็น ของอังกฤษ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศจีนมากนัก
“ส่งรูปมาให้ผม แล้วหาที่อยู่ของเขาตอนนี้มาด้วย อีกสองวัน ผมจะไปฮ่องกงเอง!”
เสียงเงียบไปชั่วขณะ เสียงโลหะกระทบกันดังมาตามสาย ทำให้ซ่งเสี่ยวหลงต้องยกหูโทรศัพท์ให้ห่างออกจากหู
“ขอบคุณอาจารย์มากครับ เงินหนึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐเดี๋ยวผมจะโอนไปให้!” ซ่งเสี่ยวหลงไม่ได้กล่าวต่อ วางสายลงแล้วยิ้มอย่างพอใจ
ในประเทศยากจนแบบนี้ทำอะไรก็ง่าย ฆ่าคนๆหนึ่งใช้เงินแค่ล้านดอลลาร์ ถ้าไปจ้างนักฆ่าระดับโลกเสียเงินค่าจ้าง สิบล้านดอลลาร์ยังไม่มีใครรับทำเลย
“ถ้าชาญ ทองทวนเกิดพลาดล่ะจะทำยังไง?” สีหน้าของซ่งเสี่ยวหลงปรากฏแววเหี้ยม “เยี่ยเทียน แกต้องตาย!”
เอื้อมมือไปเปิดคอมพิวเตอร์ตรงหน้า แล้วเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์หนึ่ง เข้ารหัสลงทะเบียน แล้วเว็บไซต์นักฆ่าก็ปรากฏ บนจอขึ้น
ซ่งเสี่ยวหลงเคยติดต่อกับองค์กรลับใต้ดินในจีนอยู่บ่อยครั้ง จึงคุ้นเคยกับโลกมาเฟียเป็นอย่างดี
เขากรอกข้อมูลของเยี่ยเทียนและรูปภาพลงไปในเว็บไซต์ แล้วใช้มือถือดำเนินการบัญชีส่วนตัวธนาคารสวิส โอนเงินสิบล้านดอลลาร์เข้าไปในบัญชีของเว็บไซต์
ข้อมูลนี้จะถูกส่งออกไป เมื่อมีคนรับงาน ข้อมูลก็จะถูกซ่อนไว้ ถ้านักฆ่าคนแรกทำงานพลาด ข้อมูลถึงจะปรากฏขึ้นได้อีกครั้งที่หน้าเว็บไซต์
ส่วนเรื่องกำหนดเวลา ซ่งเสี่ยวหลงให้ไว้หนึ่งเดือน เพราะเขาได้ข่าวว่า เยี่ยเทียนจะอยู่ในฮ่องกงในเวลาประมาณนี้
ถ้าในหนึ่งเดือน นักฆ่าไม่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้ หรือนั่นก็คือเยี่ยเทียนไม่ตาย เงินสิบล้านดอลลาร์ก็จะถูกโอนกลับเข้าบัญชีธนาคารสวิสของเขาเหมือนเดิม
การปกปิดข้อมูลของผู้ลงประกาศนั้นเป็นไปอย่างมิดชิดที่สุด มีเพียงนักฆ่าระดับที่เหมาะสมเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์เห็นข้อมูล ส่วนผู้ลงประกาศคนอื่นจะไม่ทราบข้อมูลเหล่านี้
ซ่งเสี่ยวหลงเชื่อว่า นักฆ่าระดับพระกาฬหลายคนคงอยากรับงานนี้ เพราะเงินค่าจ้างสิบล้านดอลลาร์ เป็นแรงบันดาลใจ คนที่จะให้ไปฆ่าก็ไม่ใช่เศรษฐีหรือคนมีชื่อเสียงที่ไหน เป็นเพียงแต่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบกว่าธรรมดาคนหนึ่ง
ตามความตั้งใจของซ่งเสี่ยวหลง เขาไม่อยากจ้างนักฆ่าไปฆ่าเยี่ยเทียนเท่าไหร่ เพราะถ้าเยี่ยเทียนตาย จากการฆาตกรรม จะต้องมีคนคิดว่าเขาไปคนลงมือแน่ ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่อาหญิงที่รักของเขาเองก็ตาม
แต่ซ่งเสี่ยวหลงทนรอต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะลูกพี่ลูกน้องซ่งเสี่ยวเจ๋อตายเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ ตอนแรกคิดว่า เขาจะส่งคนสนิทไปทำให้เกิดอุบัติเหตุกับเยี่ยเทียนบ้าง
แต่ซ่งเสี่ยวหลงคาดไม่ถึงว่า ซ่งเวยหลันผู้ซึ่งไม่เคยสนใจงานจัดการทรัพย์สินของบริษัทมาก่อน อยู่ดีๆก็สั่งให้รองประธานกรุ๊ปบริษัทเดินทางไปประเทศจีน
รองประธานคนนี้เป็นคนสนิทสายตรงของซ่งเวยหลัน ติดตามเธอมาหลายปี ทุกทีจะรับผิดชอบเฉพาะงาน ของซ่งเวยหลัน ซ่งเสี่ยวหลงเคยแอบจะซื้อตัวเขาอยู่หลายทีแต่ไม่สำเร็จ
เหตุการณ์นี้ทำให้ซ่งเสี่ยวหลงติดใจมาตลอด เขารู้สึกเสมอว่า อาหญิงไม่เชื่อใจเขาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ดังนั้นจึงถือโอกาสที่เยี่ยเทียนไปฮ่องกงจัดการเก็บซะ จะได้แก้แค้นแทนลูกพี่ลูกน้องของเขา
มีทั้งชาญ ทองทวนและนักฆ่าระดับโลก ซ่งเสี่ยวหลงเชื่อว่ายังไงเยี่ยเทียนก็ไม่มีชีวิตรอดจากฮ่องกงไปได้แน่ ซ่งเสี่ยวหลงลบประวัติกาารท่องเว็บแล้วออกจากสำนักงานไป
………………
“เยี่ยเทียน นี่เป็นเป๋าฮื้อสองหัว เป็นสุดยอดของหอยเป๋าฮื้อเชียวนะ ไม่รู้ว่าอาติงไปหาซื้อมาจากไหน!”
ในห้องอาหารของบ้านพักหรูหราบนเขาป้านซาน จั่วเจียจวิ้นกำลังแนะนำอาหารขึ้นชื่อของฮ่องกงให้เยี่ยเทียนอยู่ อาติงแม้จะเป็นคนหยาบกระด้าง แต่อาหารที่นำมาในวันนี้ กลับถูกปากจั่วเจียจวิ้นมาก
“ขอบคุณครับศิษย์พี่ ผมทำเอง…” ต่อหน้าคนคุ้นเคยเขาจะไม่เกรงใจแล้ว อาหารเหล่านี้มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทานเข้าไปแล้วหลายคำ ทั้งหอยเป๋าฮื้อ ลานนมหมูย่าง
“เรามันคนฝึกมวยต้องกินให้เยอะ ศิษย์น้องเยี่ย วิชากังฟูนี่นายฝึกมาอย่างไร?” เห็นเยี่ยเทียนรับประทานอย่างอร่อย ก็พูดชมขึ้นมา
“เหอะๆ ศิษย์พี่ เพราะอาจารย์เมตตาตอนเด็กเลยให้ผมแช่น้ำยา ถ้าปรับสูตรยาสักหน่อย ผลน่าจะดีกว่าเดิม!”
เยี่ยเทียนยิ้มออกมา การที่วิทยายุทธของเยี่ยเทียนก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด ความจริงแล้วเป็นเพราะ ความจำที่เป็นเลิศ จำสิ่งที่อาจารย์สอนได้ทั้งหมด แต่บอกความจริงกับจั่วเจียจวิ้นไปไม่ได้ จึงยกยอให้เป็นความดี ของอาจารย์ไป
“ใช่ละ ศิษย์พี่ หลายปีที่ผ่านมาพี่เป็นยังไงบ้าง? ผมเห็นฝีมือพี่ อีกนิดเดียวก็ใกล้จะสำเร็จแล้ว?”
พออธิบายเสร็จ เยี่ยเทียนก็รีบเปลี่ยนเรื่องคุยไปเป็นเรื่องของจั่วเจียจวิ้น บอกตามตรง ในโลกที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ อันแสนจะเจือจาง การฝึกฝนวิชาของจั่วเจียจวิ้นสามารถก้าวหน้าขนาดนี้ได้นั้นไม่ธรรมดาเลย
“ตอนที่ฉันจากอาจารย์มานั้น วิชากังฟูก็ได้ก้าวหน้าแบบเงียบๆแล้ว แต่หลังจากนั้นยี่สิบปีกลับไม่พัฒนาขึ้นเลย จนถึงตอนที่ฉันอายุสี่สิบกว่าแล้ว เกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่ในชีวิต จนทำให้เป็นได้อย่างทุกวันนี้
จั่วเจียจวิ้นไม่ได้ปิดบังเยี่ยเทียนแต่อย่างใด ได้เล่าทุกเรื่องที่แม้แต่หลานของตัวเองยังไม่รู้ให้เยี่ยเทียนฟัง
เพราะวิชาสำนักเสื้อป่านที่สาบสูญ ทำให้จั่วเจียจวิ้นจึงได้แต่เรียนวิชาผูกกว้าทำนาย และวิชาฮวงจุ้ย จากหลี่ซั่นหยยวนเท่านั้น สำหรับวิชาการต่อสู้นอกสำนักกลับไม่ได้ศึกษามากนัก
ตอนที่จั่วเจียจวิ้นอายุสี่สิบต้นๆ เป็นวัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ เคยไปเที่ยวประเทศเอเชียอาคเนย์ เพื่อเสาะแสวงหาสำนักวิชาแปลกประหลาด คิดว่าจะฝึกเพื่อชดเชยวิชากังฟูที่บกพร่องของตน
แต่ใครจะรู้ว่าพอไปถึงประเทศไทย ได้ไปค้างคืนในวัดแห่งหนึ่ง กลับได้พบกับพระภิกษุชรามาขอประลองวิชากับเขา
ตอนนั้นจัวเจียจวิ้นเป็นผู้ที่มีพลังอันเก็บซ่อนไว้ และเคยไปขอคำชี้แนะจากอาจารย์ด้านหมัดมวยผู้มีชื่อเสียง หลายท่าน พอวัดกำลังกันแล้วก็ไม่ได้ด้อยกว่ากันเท่าไหร่ แม้ว่าวิชาเวทย์จะยังไม่กล้าแข็ง แต่ไม่ได้แสดงออกถึงความด้อยกว่า จึงได้ตกลงประลองกับภิกษุชรารูปนั้น
แต่จั่วเจียจวิ้นคิดไม่ถึงว่า ภิกษุชราจะเชี่ยวชาญด้านไสยเวท ทั้งยังเป็นศาสตร์สายดำ ปากบอกแค่ขอประลองวิชา แต่กลับปล่อยแมลงมีพิษใส่จั่วเจียจวิ้น
จั่วเจียจวิ้นโดนแมลงพิษกัดเข้าที่มือขวา พิษของมันไปอุดกั้นเส้นลมปราณ เขาจึงรวบรวมกำลังที่เหลือ รีบหนีออกมาจากวัด ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนนักมวยที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนช่วยส่งเขากลับฮ่องกงในคืนนั้นเลย
กลับถึงฮ่องกงแล้ว จั่วเจียจวิ้นนอนรักษาตัวอยู่สามปี ใช้ยาแก้พิษยาบำรุงสารพัดตำรับ ถึงจะสามารถขับพิษร้ายออกจากร่างกายได้
แต่ในระหว่างนี้วิชาของจั่วเจียจวิ้นที่ไม่เคยคืบหน้า อยู่ๆก็พัฒนาอย่างรวดเร็ว สามารถสำเร็จในส่วนที่ยากที่สุดไป ถึงสองครั้ง ขาดเพียงแค่นิดเดียว ก็จะบรรลุขั้นสูงสุด
“ประเทศไทยอีกแล้ว?” เยี่ยเทียนตะลึง แล้วกัดฟันถามต่อว่า “ศิษย์พี่ พระรูปนั้นชื่ออะไร?”
“ทำไม นายมีบุญคุณความแค้นกับหมอไสยศาสตร์ในประเทศไทยเหรอ?”
จั่วเจียจวิ้นถามอย่างสงสัย แล้วตอบว่า “คนๆ นั้นชื่อนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ มีชื่อเสียงมากในประเทศไทย คนไทยอาจจะไม่รู้ว่ากษัตริย์ชื่ออะไร แต่ถ้าเอ่ยชื่อคนๆ นี้ไม่มีใครไม่เคยได้ยิน!”
หลังอาการบาดเจ็บหายดีแล้ว จั่วเจียจวิ้นรีบไปสืบชื่อของภิกษุรูปนั้น
เขาเคยคิดจะกลับไปเมืองไทยอีกครั้งเพื่อแก้แค้น แต่คิดไปคิดมา วิชาเวทย์ของตัวเองเทียบไม่ได้เลยกับคุณไสยชั้นสูง ของภิกษุเฒ่า ถ้าไปคงเอาชีวิตไปทิ้ง จั่วเจียจวิ้นจึงได้แต่ทนเก็บความแค้นไว้เอง
……