หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 316 ประลองฝีมือ (1)
“ของ…ของพวกนี้”
มองเห็นว่าท้ายรถของตัวเองมีแมลงมีพิษคลานออกมา สถิรพันธิ์ก็ตาค้าง เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าในกล่องท้ายรถของเขานั้นมีอะไรอยู่ข้างใน
เพียงคิดว่าเมื่อซักครู่ข้างหลังก้นของตัวเองมีกล่องที่บรรจุตะขาบและแมงป่องอยู่ข้างใน ขาทั้งสองข้างก็อ่อนแรงลง เกือบจะล้มลงอยู่กับพื้น
แมลงมีพิษนับพันคลานออกมา บนรถและพื้นหลังฝนตก น้ำเหลวเหนียวที่กระจัดกระจายไปทั่ว กลิ่นที่ไม่สามารถ บรรยายได้ กบและแมลงที่กำลังส่งเสียงบริเวณรอบๆ ในรัศมีร้อยเมตรก็เงียบลงทันที
พร้อมกับชาญ ทองทวนที่กำลังผิวปาก แมลงมีพิษเหล่านั้นก็เรียงเป็นแถวเหมือนทหาร ไต่ขึ้นไปบนกำแพงหินแล้วค่อยๆ หายเข้าไปในป่าทึบ
เห็นสัตว์เลี้ยงของตัวเองหายเข้าไปในป่าทึบหมดแล้ว ชาญ ทองทวนหันไปหาสถิรพันธิ์ พูดว่า “ขับรถขึ้นไปบนยอดเขา แล้วกลับลงมารับฉันที่นี่อีกประมาณหนึ่งชั่วโมง”
ในความคิดของชาญ ทองทวน เพื่อจัดการกับเยี่ยเทียนที่ดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไป มีวิธีการมากมายที่สามารถใช้ได้ เวลาหนึ่งชั่วโมงที่ใช้ ความจริงก็คือเวลาทั้งหมดที่ใช้ก็เพื่อข้ามสันเขานี้
“ครับ ท่านอาจารย์ ท่านไม่ต้องกังวล ผมกลับมาตรงเวลาแน่นอน” สถิรพันธิ์ที่เกิดความกลัวอยู่แล้ว ก็รีบสตาร์ทรถ เพียงแต่ว่ามือกับเท้าที่สั่น ต้องสตาร์ทอยู่หลายครั้งกว่าจะติด
แต่พอมองผ่านกระจกหลัง สถิรพันธิ์ ก็มองเห็นภาพที่ไม่อยากเชื่อ
เขาเห็นชาญ ทองทวน ขยับตัวพุ่งไปที่กำแพงหินด้วยความเร็วเหมือนดั่งลมที่พัดแรง ทันที่ที่รูปร่างที่สูงใหญ่ของเขากำลังจะพุ่งชนเข้ากับกำแพงหิน ทันใดนั้นตัวเขาก็แอ่นแล้วบินลอยขึ้น
ไม่ผิด ในสายตาของสถิรพันธิ์ ชาญ ทองทวน ลอยขึ้น รูปร่างที่อวบอ้วนเหมือนกับลูกโป่ง ลอยขึ้นเรื่อยๆ แรงโน้มถ่วงของโลกเหมือนจะไม่มีผลอะไรกับเขา
ถ้าเกิดว่าสถิรพันธิ์ สังเกตให้ดีก็จะพบว่า นิ้วมือของเขาที่หนากับแครอท แข็งแรงมากได้ตะกุยไปยังรอยแยกของกำแพงหินนั้น เพียงแค่ใช้สิบนิ้วนี้เท่านั้น เขาก็สามารถดึงเอาร่างใหญ่ๆ ของเขาปีนขึ้นไป
กำแพงหินสูงจากพื้นไม่เกินสิบกว่าเมตร ชั่วพริบตาเดียว ร่างกายของชาญ ทองทวนก็ยืนอยู่บนกำแพงหินแล้ว แต่ทว่ารถของสถิรพันธิ์ก็เลี้ยวขึ้นเขาไปอีกทางหนึ่งแล้ว จึงไม่เห็นเหตุการณ์ด้านหลังอีก
ยืนอยู่บนกำแพงหิน ชาญ ทองทวนหันไปด้านล่าง มองไปที่ชายวัยกลางคนท่าทางเซื่องซึม ที่ยืนอยู่นิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย ตะโกนว่า “ขึ้นมา”
เมื่อได้ยินคำสั่งของชาญ ทองทวน ชายคนนั้นค่อย ๆ เดินเข้าไปที่กำแพงหินด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกใดๆ กางแขนและขาออกเหมือนกับตุ๊กแกไต่ขึ้นกำแพงไป ด้วยความเร็วกว่าชาญ ทองทวนสามเท่า
“ไปกันเถอะ”
หลังจากรอให้ชายคนนั้นปีนขึ้นมา ชาญ ทองทวนก็ผิวปากออกมา เหล่าแมลงพิษที่คลานอยู่ด้านหน้าก็ร้องรับขึ้นมา ในระหว่างทางไม่ว่าจะเป็นหนูหรือนก ต่างก็แตกกระเจิงหลบหนีไปด้วยอาการกลัวจนตัวสั่น
ร่างกายที่อ้วนมากเหมือนจะทำอะไรก็ลำบากของชาญ ทองทวนแต่พออยู่ในป่านี้กลับกลายเป็นว่าเขา ทำอะไรก็คล่องแคล่วว่องไว เหยียบย่ำพื้นที่เปียกลื่นปีนขึ้นไป ชายวัยกลางคนที่ดูแข็งแรงตามหลังเขาอยู่อย่างไม่คลาดสายตา
………………
เยี่ยเทียนหันหลังกลับไป ชี้ไปที่บ้านพักตากอากาศที่อยู่ในป่าทึบเขียวชอุ่มนั้น พูดกับจั่วเจียจวิ้นว่า “รีบมา ชาญ ทองทวนอยู่อีกฝั่ง”
จั่วเจียจวิ้นภายในใจก็ยังมีส่วนที่ไม่ค่อยเชื่อ ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ใช่หรอก อาติงบอกว่ามีคนมากมายคอย ติดตามชาญ ทองทวนอย่างใกล้ชิด ทำไมถึงปล่อยให้เขาหนีออกมาได้”
ต้องขอบอกว่าพวกแก๊งตบตีฆ่าฟันยังเทียบไม่ได้กับหัวหน้าของสามเหลี่ยมทองคำ การต่อสู้ก็เทียบไม่ได้กับแก๊งใหญ่ แต่ว่าการเฝ้าติดตามสถานการณ์ของคนหนึ่งอย่างใกล้ชิด กลับคือความถนัดของพวกเขา
“ไม่ผิดแน่นอน ที่นั้นมีลมปราณพิฆาตอยู่”
ทันใดนั้นหน้าผากของเยี่ยเทียนก็มีรอยย่นขึ้นมา ทำไมถึงเป็นสองคน ลมปราณของคนนั้นค่อนข้างแปลกประหลาด เขาไม่เคยเจอพลังลมปราณแบบนี้มาก่อน
เยี่ยเทียนสามารถเข้าถึงขั้นตอนของการใช้สมาธิในการควบคุมพลัง หลังจากที่เข้าถึงขั้นตอนนี้แล้ว อวัยวะบนใบหน้าทั้งห้าของคน ก็จะมีความรู้สึกไวเป็นพิเศษ สามารถล่วงรู้อนาคตที่คลุมเครือ การรับรู้และการทำนาย
เมื่อครู่ความสามารถการรับรู้ของเยี่ยเทียนสังเกตการมาถึงของชาญ ทองทวนเพียงแต่ว่าเมื่อเขา ได้รับปฏิกิริยาโต้ตอบของพลังเพิ่งรู้ว่า คนที่อยู่ข้างๆ ชาญ ทองทวน ระดับความอันตรายของเขา ยังเหนือกว่าชาญ ทองทวน
ส่วนภายในป่าทึบนี้ซ่อนไปด้วยพลังอัปมงคลของพวกแมลงมีพิษ เยี่ยเทียนไม่ได้ใส่ใจ เหมือนกับของเล่นอาจทำร้ายคนธรรมดาทั่วไปได้ แต่ถ้าเกิดจะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ กลับเป็นไปไม่ได้
“หรือว่าจะเป็นทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ มาแล้ว”
เยี่ยเทียนรู้สึกหัวใจเต้นแรง ถึงแม้เขามั่นใจว่าเขามีความสามารถที่สูง เมื่อถามกับตัวเองถึงการทำความเข้าใจ กับวิธีและการนำพลังพิเศษไปใช้ ในโลกนี้ไม่มีใครสามารถเทียบเขาได้ แต่สำหรับพระสงฆ์แก่รูปนั้น ไม่กล้าแม้แต่น้อยที่จะดูถูก
อย่างอื่นไม่ต้องพูด ก็ดูที่ทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ในปีเดียวกันได้ใช้วิชาควบคุมจิตใจ สังหารนายพล อาวุโสกว่าสิบนายของกองกำลังทหารของอังกฤษและฝรั่งเศส ทำให้ประเทศไทยไม่ถูกยึดเป็นอาณานิคมในครั้งนั้น แม้แต่หลี่ซั่นหยวนเองก็รู้สึกละอายที่ไม่สามารถทำได้
ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นรัฐกันชนในเวลานั้น ก็ด้วยการที่ ทักษิณ สวรรค์ศักสิทธิ์ เป็นผู้ลอบสังหารและข่มขู่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาได้รับชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเอเชียอาคเนย์
“ศิษย์พี่ ไป กลับไป”
เยี่ยเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หันตัวเดินไปอีกทางหนึ่ง ถ้าเกิดว่าเป็นทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์จริง เยี่ยเทียนไม่มีทางที่จะให้จั่วเจียจวิ้นลงมือ
ในการประลองฝีมือในยุทธภพฉีเหมิน การมีชีวิตอยู่หรือตายเกิดขึ้นได้ในชั่วพริบตาเดียว การสืบทอดวิชาเลี้ยงพวกแมลงมีพิษไว้ทำร้ายผู้คน ก็เป็นอีกเล่ห์เหลี่ยมหนึ่งที่ใช้กัน
“ศิษย์น้องเยี่ย เป็นอะไรไป’’ เห็นสีหน้าของเยี่ยเทียนที่เครียดขึ้นมา จั่วเจียจวิ้นก็รีบตามขึ้นไป
เยี่ยเทียนไม่ได้ปิดบัง ไม่อ้อมค้อมพูดออกไปว่า คนที่ติดตามชาญ ทองทวนมาที่ฮ่องกงคือผู้มีฝีมือสูง “ศิษย์พี่ การประลองครั้งนี้ให้ฉันรับช่วงต่อเถอะ’’
เยี่ยเทียนได้ยินข่าวตั้งแต่แรกแล้วว่า มีคนมาถึงฮ่องกงสองคน เพียงแต่ว่าคนนั้นมีรูปร่างหน้าตา ที่โหดร้ายและน่ากลัว ไม่เหมือนทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ที่จั่วเจียจวิ้นพูดถึง
ตอนแรกเยี่ยเทียนคิดว่าชายคนนั้นเป็นแค่ผู้ติดตาม ชาญ ทองทวนเท่านั้น แต่เมื่อกี้จากพลังงานที่เขาสัมผัสได้ กลับทำให้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
ลมหายใจของชายคนนั้นแปลกมาก ภายในร่างกายแฝงไว้ด้วยไอของวิญญาณร้าย ดูเหมือนว่าเขาเป็นเครื่องรางโจมตีในร่างกายมนุษย์ ขนาดที่ว่าเยี่ยเทียนสัมผัสไม่ได้ถึงพลังชีวิตในตัวเขาเลย เยี่ยเทียนไม่เข้าใจว่าเขาสามารถ มีชีวิตอยู่ได้อย่างไร
ทำให้หัวใจของเยี่ยเทียนเต้นแรงขึ้นไปอีก เพราะกังวลกับวิชาควบคุมจิตใจ วิชาควบคุมจิตใจเป็นหนึ่งในสองวิชาในเอเซียอาคเนย์ที่เทียบเท่ากับวิชาใช้แมลงมีพิษ ในที่ราบสูงหยุนกุ้ย เขตหูหนานตะวันตก
“จีจี……จีจี!”
ในตอนที่เยี่ยเทียนเดินไปข้างๆ สระน้ำ ทันใดนั้นก็มีเงาสีขาวเงินสะท้อนออกมา มุ่งตรงมาที่ไหล่ของเยี่ยเทียน กรีดร้องอย่างต่อเนื่อง
เยี่ยเทียนรู้สึกสงสารลูบคลำไปที่หัวของเหมาโถว ยิ้มแล้วพูดว่า “เกิดอะไรขึ้น แกก็สัมผัสมันได้ใช่ไหม”
เหมาโถวเป็นสัตว์ที่มีนิสัยชอบอยู่ในที่อากาศหนาวเย็น เยี่ยเทียนพามันมาถึงฮ่องกง กลับทำให้เจ้าตัวน้อย ตัวนี้ลำบาก ในสองวันนี้มันหดหู่ไม่มีชีวิตชีวา ได้แต่นอนแช่อยู่ในน้ำถึงสองวัน พายุฝนวันนี้ก็ทำให้มันอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย
“จีจี……จีจี……”
เหมาโถวกระโดดลงมาจากไหล่ของเยี่ยเทียน ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา กรงเล็บน้อย ๆ คู่หนึ่งชี้ไปที่หลังภูเขา ส่งเสียงร้องน่าสงสาร
“ฮือ? เธออยากรับมือกับพวกแมลงมีพิษเหล่านั้นหรอ
เยี่ยเทียนขมวดคิ้ว ใช้เวลาอยู่กับเหมาโถวค่อนข้างนาน เขาก็ค่อยๆ เข้าใจภาษามือและเท้าของเหมาโถว
เสียงร้องของมัน เหมือนตอนที่เยี่ยเทียนเจอเจ้าเฟอร์เณ้ตสายฟ้าบนเขาที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ ราวกับว่าเป็นตัวเดียวกัน ในตอนนั้นแม่ของเหมาโถวถูกงูบินฆ่า ก็มีเสียงร้องแบบนี้เช่นกัน
“ไม่ได้ อันตรายเกินไป แกต้องอยู่ที่นี้”
เยี่ยเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็สั่นหัว แม้ว่าเหมาโถวจะความเร็วเหมือนสายฟ้าแลบ เขาเองยังตามจับไม่ได้ แต่ว่าวิชาควบคุมจิตใจนั้นสามารถควบคุมแมลงมีพิษเหล่านั้นได้ น่าจะมีวิธีจัดการมันได้
หลังจากที่ได้ยินเยี่ยเทียน เหมาโถวก็ร้อนใจ ดูจากการกระทำของมัน แมลงมีพิษที่อยู่หลังภูเขานั้น ถือว่าเป็นอาหารรสชาติชั้นดีเลยทีเดียว กลืนกินแมลงมีพิษพวกนี้เข้าไป ก็สามารถกระตุ้นพัฒนาการของมันได้ ของล่อใจอย่างนี้ไม่สามารถหยุดได้ด้วยคำพูดของเยี่ยเทียน
“จีจี!”
เหมาโถวส่งเสียงแหลมออกมา ค่อยๆ หายตัวไปต่อหน้าเยี่ยเทียน มารู้ตัวอีกที ก็อยู่ห่างไปสิบกว่าเมตรแล้ว
“เจ้าตัวน้อย ไม่เชื่อฟังอีกแล้วนะ”
เห็นท่าทางของเหมาโถว เยี่ยเทียนรีบเร่ง รีบวิ่งตามไป แต่กลับถูกจั่วเจียจวิ้นสกัดไว้แล้ว
“ศิษย์น้องเยี่ย ไม่ต้องเสียแรงเปล่า เจ้าสัตว์ตัวเล็กพวกนี้วิ่งเร็วอย่างกับสายฟ้าแลบ ฉันกับเธอก็ตามมันไม่ทัน ฉันคิดว่าชาญ ทองทวนก็จับมันไม่ได้เหมือนกัน”
ครั้งแรกที่เห็นเหมาโถว จั่วเจียจวิ้นอาจอิจฉาเป็นพิเศษ เจ้าตัวน้อยที่แสนรู้อะไรขนาดนี้ มันเหมือนการเปิด จิตวิญญาณของปัญญา จั่วเจียจวิ้นเต็มไปด้วยเชื่อมั่นในเหมาโถว
“ดี พวกเรากลับไปที่สนามกันเถอะ”
เยี่ยเทียนคิดไว้ก็คือ เหมาโถวไม่กลัวที่อากาศเย็น แต่ว่าพวกแมลงมีพิษที่อยู่ตรงพื้น และความเร็วของมัน อยู่ในป่าลึกลับนี้ก็เหมือนกับปลาได้น้ำ ชาญ ทองทวนอยากทำร้ายมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ความเร็วของเหมาโถวเรียกได้ว่าเหมือนกับสายฟ้าแลบ เงาขาวหิมะโพลนที่ข้ามผ่านท้องฟ้า ก็กระโดดข้ามกำแพงรั้วสูงๆ ค่อยๆ หายไปอยู่ด้านหลังของภูเขาท่ามกลางพุ่มไม้เขียวชอุ่ม
“ฮือเรื่องอะไรกัน”
เพิ่งข้ามผ่านสันเขา ก็สามารถมองเห็นเนินเขาลาดเอียงที่มีบ้านพักตากอากาศตั้งอยู่ ทันใดนั้นชาญ ทองทวนก็เห็นว่ากองทัพแมลงมีพิษที่อยู่ตรงหน้าของเขา หยุดชะงักอยู่กับที่
“วี๊ด วี๊ด”
ชาญ ทองทวนผิวปาก ใช้คาถาเรียกให้สัตว์เลี้ยงของเขาออกมา แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ พวกแมลงมีพิษพวกนั้นก็ฝืนใจกันเข้ามาอีกไม่กี่เมตร แล้วพากันหันหลังคลานกลับไปด้านหลัง
งูสามเหลี่ยมตัวหนึ่งความยาวประมาณหนึ่งเมตรที่เลื้อยขึ้นไปบนขากางเกงของชาญ ทองทวน แต่ว่าเลื้อยไป ถึงแค่ช่วงเอวก็ไหลลงมา แค่ชั่วพริบตาเดียวก็ตัวแข็งขึ้นมาทันที
งูที่หัวแบนราบตัวหนึ่งก็ถูกชาญ ทองทวนดึงออกมาจากแขนเสื้อ ตามองไปที่ข้างหน้าป่าทึบ ลิ้นที่ขยับเข้าออกของงู ทำท่าพร้อมจะโจมตี
……