หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 325 นักฆ่า (2)
จอร์จี้ คาร์เตอร์เป็นคนสัญชาติอเมริกัน แต่แท้จริงแล้วเป็นคนยูโกสลาเวีย พ่อของเขาเคยเป็นองครักษ์ให้กับ “ตีโต้” ผู้นำยูโกสลาเวียสมัยสงครามโลกครั้งที่2
แต่เนื่องจากปัจจัยหลายอย่าง สุดท้ายท่านคาร์เตอร์ได้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่อเมริกา จอร์จี้ คาร์เตอร์จึงเกิดที่อเมริกา นั่นเอง เพียงแค่ชื่อเท่านั้นที่ยังคงความยูโกสลาเวียเอาไว้เท่านั้น
ประชาชนของอเมริกาอนุญาตให้พกปืนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย จอร์จี้ คาร์เตอร์ตั้งแต่รู้ความเขาก็หยิบปืน ของพ่อมาเล่นแล้ว ตั้งแต่ปืนเมาเซอร์ที่เก่าแก่ที่สุดไปจนถึงอาวุธอัตโนมัติสมัยใหม่ เขาก็เล่นจนมีความชำนาญอย่างยิ่ง
ปี1970 เมื่อสงครามอเมริกากับเวียดนามกำลังจะสิ้นสุดลง เด็กหนุ่มอายุ 18 อย่างจอร์จี้ คาร์เตอร์เดินทางมาถึง เวียดนาม ตั้งแต่ผู้ที่ชื่นชอบปืนจนได้ไปถึงสนามรบจริง เขาได้รับการล้างบาปด้วยเลือดและไฟมาแล้ว
แต่หลังจากสงครามเวียดนามจบลง หลายคนที่ทุกข์ทรมานจากโรคสงคราม ก็รู้สึกอึดอัดอย่างมาก กับชีวิตที่สะดวกสบาย คนที่อยู่ในสงครามเวียดนามเป็นเวลาสองปีอย่างจอร์จี้ คาร์เตอร์ก็เป็นเช่นนั้น
หลังจากที่เป็นพนักงานธรรมดาของบริษัทมานานหลายปี จอร์จี้ คาร์เตอร์ก็พบโอกาสที่บังเอิญมากหนึ่งโอกาส จับพลัดจับผลูกระทำลงไปโดยไม่รู้ตัว เขายอมรับการจ้างงานของเศรษฐีคนหนึ่งและช่วยเขาสังหารคู่แข่งทางการค้า
ความตื่นเต้นของฮอร์โมนอะดรีนาลีนและรางวัลทางการเงินที่มากมายเมื่อฆ่าคน ทำให้จอร์จี้ คาร์เตอร์ค้นพบ เป้าหมายของชีวิตอีกครั้ง เขาจึงลาออกจากงานเดิมอย่างรวดเร็ว
ที่ไหนมีผู้คน ที่นั่นก็จะมีการต่อสู้และการแย่งชิง วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหา ก็คือการปลดปล่อยจิตวิญญาณออกจากร่างกาย ดังนั้นนักฆ่าจึงกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนรวย ตั้งแต่ต้นของยุค 80 จอร์จี้ คาร์เตอร์ก็กลายเป็นนักฆ่า ที่มีชื่อเสียงในวงการนักฆ่าระดับโลก
แต่ว่าจอร์จี้ คาร์เตอร์ปฏิบัติตัวระมัดระวังมาตลอด บวกกับเขามีประสบการณ์ด้านการต่อต้านนักสืบอย่างมาก และไม่มีใครรู้จักหน้าตาและชื่อที่แท้จริงของเขามานานกว่าสิบปี ดังนั้นเขาจึงมีฉายาว่า “ผี”
เป็นนักฆ่ามามากว่ายี่สิบปี คนที่ตายด้วยการลอบฆ่าของจอร์จี้ คาร์เตอร์มีมากกว่าสามร้อยคนในนั้นก็มีบรรดาคนรวยระดับโลกเป็นโหลแล้ว ดังนั้นเขาจึงถูกจัดเป็นอันดับสามของโลกในการเป็นนักฆ่าของเขา
เหตุผลหลักก็เพราะว่าจอร์จี้ คาร์เตอร์จะไม่รับงานที่ค่าจ้างมากกว่า 10 ล้านดอลล่าร์ขึ้นไป ไม่เช่นนั้นลำดับของเขาก็คงจะอยู่ที่หนึ่งตั้งนานแล้ว “ผี” ฉายานี้ ในโลกของนักฆ่ามันหมายความว่าความตาย
เล่นปืนไรเฟิลไปสักครู่ จอร์จี้ คาร์เตอร์ก็ค้นหาชิ้นส่วนของเครื่องกลกองนั้นอีกครั้งและประกอบมันขึ้นมา ผ่านไปเพียงครู่เดียว ปืนพกขนาดเล็กก็ปรากฏในมือของเขา
สำหรับค่าตัวของนักฆ่าอย่างพวกเขา อยู่ที่การปกปิดความลับของงานที่รับมาและการสังหารเหยื่อโดยการยิงเพียงนัดเดียว ดังนั้นแทนที่จะใช้อาวุธปืนที่มีอานุภาพสูง นักฆ่าเหล่านี้กลับชื่นชอบอาวุธที่พกพาง่ายมากกว่า
สุดท้ายเขาก็พบท่อเหล็กหนึ่งอัน ในกองเครื่องกลเหล่านั้น จอร์จี้ คาร์เตอร์หยิบกระสุนปืนสีเหลืองส้ม ออกมา 20 กว่านัด
เขานำท่อเหล็กและของเหล่านั้นไปที่วิลล่าด้วย จอร์จี้ คาร์เตอร์ใช้มีดตัดจุกปิดท่อเหล็กที่เป็นฟูกค่อนข้างหนาบริเวณด้านล่างออก แล้วจึงซ่อนส่วนประกอบของปืนไรเฟิลที่ยังไม่ได้ประกอบและกระสุนเข้าไป
หลังจากที่จัดการเสร็จ จอร์จี้ คาร์เตอร์ตบมือแล้วไปเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเป็นชุดที่สบายๆ ต่อร่างกาย โดยไม่รีบเร่งเขาออกจากวิลล่าไป เช่ารถมาหนึ่งคันและขับเที่ยวในฮ่องกง
สำหรับภูเขาไท่ผิงซาน จอร์จี้ คาร์เตอร์ตั้งไว้เป็นจุดสำคัญ เขาเฝ้าสังเกตการณ์ที่จุดชมวิวบนยอดเขาเป็นเวลานาน และระหว่างนั้นเขาจงใจใช้เหตุผลว่าหลงทางในการหาลู่ทางเข้าไปที่วิลล่าของคนรวย
แน่นอนว่า ขับไปไม่ถึง 30 เมตร จอร์จี้ คาร์เตอร์ก็ถูก รปภ.เชิญออกไปอย่างมีมารยาท มาตรการรักษาความปลอดภัย อย่างเข้มงวด ทำให้จอร์จี้ คาร์เตอร์รู้สึกถึงความยุ่งยากเล็กน้อย
เนื่องจากวิลล่าหลังนั้นของถังเหวินหย่วนตั้งอยู่ใต้ตีนเขา วิลล่าทั้งหลังถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ถ้าต้องการหาจุดยิงที่เหมาะสมบนยอดเขา เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้
จากปัญหาที่พบเจอตรงหน้านี้ จอร์จี้ คาร์เตอร์ไม่ได้สนใจเท่าไหร่เพื่อสังหารหัวหน้าขุนศึกของแอฟริกา เขาเคยใช้เวลาหนึ่งเดือนอยู่ในป่าที่เต็มไปด้วยยุงพิษ เงื่อนไขในฮ่องกงนั้นดีกว่าเป็นร้อยเท่า
ตอนที่กลับไปภายในคืนนั้น จอร์จี้ คาร์เตอร์ซื้อกล่องเครื่องดนตรีมาหนึ่งอัน ในวันที่สองเขาไปเช่ารถอีกครั้ง เริ่มขับรอบๆ เขาไท่ผิงซาน แต่ครั้งนี้เขาเปลี่ยนความสนใจไปที่รถยนต์ที่เข้าออกวิลล่าเหล่านั้นแทน
……
ผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ได้ประลองฝีมือกับชาญ ทองทวน ช่วงเวลานั้นจั่วเจียจวิ้นพักรักษาตัว อยู่กับเยี่ยเทียน ระหว่างนี้เขาได้เรียนรู้วิชาที่หายสาบสูญจากเยี่ยเทียนได้มากมาย
ด้วยใบจ่ายยาของเยี่ยเทียนและยาเม็ดสองเม็ดสุดท้ายที่อาจารย์เหลือเอาไว้ให้ สภาพของจั่วเจียจวิ้น ก็ดีขึ้นเจ็ดแปดส่วนแล้ว เพียงแต่ว่าแขนขวาของเขากลับถูกทำร้ายไปถึงกล้ามเนื้อและกระดูก
ในเวลานี้พื้นหินอ่อนภายในห้องรับแขกถูกถอนออกหมดแล้ว ถังเหวินหย่วนเดิมทีอยากจะให้คนงานปูพื้นไม้หนึ่งชั้น เป็นการชั่วคราว แต่ก็ถูกเยี่ยเทียนไล่ออกมา ทำให้พื้นผิวตอนนี้เป็นเพียงซีเมนต์หนึ่งชั้น
หลังจากที่เยี่ยเทียนสอนวิชาโจมตีให้กับจั่วเจียจวิ้นในห้องรับแขก จั่วเจียจวิ้นเปิดปากพูดว่า “เยี่ยเทียน วันนี้ไปนั่งเล่นที่บ้านฉันสิ?”
ศิษย์น้องมาถึงฮ่องกงทั้งที ศิษย์พี่อย่างตนเอง แน่นอนว่าจะต้องต้อนรับกันสักหน่อย เพียงแต่ว่า ไม่รู้ว่าเยี่ยเทียนทำไมถึงไม่ยอมก้าวออกจากวิลล่านี้สักที และไม่ให้ถังเหวินหย่วนและคนอื่นๆเข้ามาด้วย
หลังจากได้ยินคำเชิญชวนของจั่วเจียจวิ้น เยี่ยเทียนส่ายหัวและตอบว่า “ศิษย์พี่ ฉันรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ เรื่องนี้มันยังไม่จบ เอาไว้ผ่านไประยะหนึ่งก่อนค่อยว่ากันนะ!”
การฝึกฝนถึงขั้นนี้ของเยี่ยเทียน นอกจากการมอง การได้ยิน การได้กลิ่น การได้รส การสัมผัส สัมผัสทั้งห้านี้จนมีสัมผัสที่หก การรับรู้ถึงความอันตรายนั้นเป็นสิ่งที่มีมากกว่าคนปกติอีก
ถึงแม้เราจะไม่ดูดวงของตนเอง แต่ความสามารถของการรับรู้ล่วงหน้า การรู้สึกล่วงหน้า การตัดสินล่วงหน้าแบบนั้น กลับทำให้ใจของเยี่ยเทียนรู้สึกไม่สงบนิ่งเอาซะเลย เหมือนกับว่าวิกฤติยังไม่จบซะงั้น
เดิมทีเยี่ยเทียนก็อยากจะให้จั่วเจียจวิ้นกลับไปรักษาตัวที่บ้าน เพื่อเป็นการลดการติดร่างแหไปอีกคน แต่จั่วเจียจวิ้นเองคงไม่ทิ้งโอกาสการเรียนรู้วิชากับเยี่ยเทียนอันนี้แน่นอน ถึงจะพูดอย่างไรก็คงไม่ยอมจากไป เยี่ยเทียนจึงทำได้เพียงตามใจเขา
แต่ว่าตอนนี้จั่วเจียจวิ้นเชิญเยี่ยเทียนไปที่บ้านของเขา เยี่ยเทียนกลับไม่สามารถปฏิเสธได้เลย ดูจากอันตรายในวันที่เขาสู้กับชาญ ทองทวน ถ้าหากเป็นคนธรรมดา ก็คงเป็นศพไปแล้ว
จั่วเจียจวิ้นฟังออกว่าเยี่ยเทียนหมายความอะไร จึงใช้มือขวาตบโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าอย่างแรง พูดด้วยความโกรธว่า “ตระกูลซ่งทำมากเกินไปแล้ว เยี่ยเทียน หรือนายไปหาซ่งเวยหลันกับฉันที่อเมริกา เล่าเรื่องนี้ให้เธอฟัง?”
ตำแหน่งของจั่วเจียจวิ้นในโลกของคนจีนนานาชาตินั้นสูงมาก เขาจึงมีช่องทางของตนเองที่สามารถ ติดต่อกับซ่งเวยหลัน เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนเป็นแม่เมื่อเจอลูกชายของตนเองกำลังถูกไล่ฆ่า จะไม่รู้สึกอะไรเลย?
เยี่ยเทียนได้ยินจึงส่ายหัวและพูดว่า “ช่างเถอะศิษย์พี่ เขาคงไม่รู้เรื่องนี้หรอก ฉันจัดการเรื่องนี้เองได้ อย่าไปรบกวนใจเขาเลยดีกว่า”
เยี่ยเทียนพูดคุยกับพ่อก่อนที่จะมาฮ่องกงแล้ว เดิมทีเขาต้องการบอกแม่เรื่องที่พ่อปิดบังเรื่องของซ่งเสี่ยวหลง แต่เยี่ยตงผิงได้บอกเขาเรื่องหนึ่งทำให้เยี่ยเทียนลบความคิดนี้ออกไป
ที่แท้ปี 1998 เป็นช่วงเวลาที่บุคลากรระดับสูงของประเทศกำลังเปลี่ยนแปลง ในเวลาต่อมา ประมุขของตระกูลซ่ง ในตอนนั้นซ่งเฮ่าเทียนก็อาจจะถอนตัวออกจากอำนาจส่วนกลางของประเทศ และนั่นก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งหมดต่อตระกูลซ่ง
การสูญเสียอำนาจ อุตสาหกรรมภายในประเทศของตระกูลซ่งก็ถูกส่งมอบให้กับประเทศตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว อนาคตของตระกูซ่งจะเป็นอย่างไรต่อไป เป็นสิ่งที่ซ่งเฮ่าเทียนจะต้องคิดไตร่ตรององ
และที่ซ่งเหวยหลันเป็นผู้ควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศของตระกูลซ่ง เธอจึงมีประโยชน์และกลายเป็นบุคคลสำคัญขึ้นมาทันที เธอกำลังเตรียมการทุกอย่าง ต้องการให้ลูกชายเข้าสู่ตระกูลซ่งอย่างสมเกียรติในภายภาคหน้า
ดังนั้นเรื่องที่สำคัญนี้ เยี่ยเทียนจึงไม่ต้องการให้แม่ของตนต้องเป็นห่วง และที่สำคัญเขายังกลัวว่าซ่งเสี่ยวหลง จะกลายเป็นสุนัขจนตรอก หลังจากที่ซ่งเวยหลันรู้เรื่องของเขาแล้ว จะเป็นโทษต่อแม่
ถึงแม้เยี่ยเทียนสามารถเดาออกได้ ถึงไม่สิบก็แปดส่วน แต่เขาก็ได้ลืมความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับซ่งเสี่ยวหลงไปแล้ว
ซ่งเวยหลันเลี้ยงดูซ่งเสี่ยวหลงตั้งแต่เด็กจนโต ความรู้สึกที่มีต่อเขาก็มีมากมาย แล้วซ่งเสี่ยวหลงชำนาญ เรื่องการแสดง เวลาอยู่ต่อหน้าซ่งเวยหลันเขาแสดงออกมาอย่างถูกต้องเที่ยงธรรม บวกกับความสามารถที่โดดเด่น เขาจึงได้รับความสำคัญจากซ่งเวยหลันอย่างมาก
ครั้งก่อนที่ซ่งเสี่ยวเจ๋อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซ่งเวยหลันแต่งตั้งผู้สอบสวนภายในประเทศแยกต่างหาก ไม่ใช่เพราะว่าสงสัยซ่งเสี่ยวหลง แต่เธอไม่ต้องการให้คนของตระกูลซ่งเข้ามาเกี่ยวข้องมากเกินไป และก็เพื่อปูทางให้ลูกชาย สามารถเข้ามารับช่วงต่อดูแลทรัพย์สินของตระกูลซ่งในภายภาคหน้าได้อย่างราบรื่น
คนภายในของตระกูลซ่งที่อยู่ต่างประเทศ คนแก่บางคนของตระกูลซ่งถูกซ่งเวยหลันค่อยๆซื้อตัวไปเรียบร้อย เพียงแต่ว่าเธอคงคิดไม่ถึงว่า ซ่งเสี่ยวหลงที่เธอดูแลกับมือดั่งลูกแท้ๆ จะจัดการเยี่ยเทียนด้วยทุกวิถีทาง
ส่วนตู้เฟยเคยถูกเยี่ยเทียนห้ามปรามไว้แล้วว่า ห้ามนำเรื่องซ่งเสี่ยวหลงที่ไปหาชาญ ทองทวนไปบอกให้คนตระกูลซ่งได้รับรู้ ดังนั้นจนถึงตอนนี้ การกระทำของซ่งเสี่ยวหลงจึงไม่เล็ดลอดออกไป
“เยี่ยเทียน นายจะหลบแบบนี้ไม่ได้ หรือ…ฉันไปอเมริกาเหนือแทนนาย ไปจัดการไอ้หนุ่มนั่นแทนนายดีไหม?”
เมื่อเห็นว่าเยี่ยเทียนไม่เห็นด้วยกับวิธีการของตนเอง จั่วเจียจวิ้นจึงคิดถึงกลยุทธ์ถอนฟืนใต้กระทะ ตามที่เยี่ยเทียนพูด เรื่องเหล่านี้ซ่งเสี่ยวหลงเป็นคนทำ งั้นก็ให้ซ่งเสี่ยวหลงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย โลกนี้ก็จะสงบนิ่งลงไม่ใช่หรือ?
“เป็นวิธีที่ดีอย่างหนึ่ง…”
เยี่ยเทียนครุ่นคิดสักครู่ เงยหน้ามองผ้าและเฝือกที่พันแขนของจั่วเจียจวิ้น ส่ายหัวและพูดว่า”ศิษย์พี่ เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน รอผ่านไปสักระยะหนึ่งฉันไปเองดีกว่า ฉันจะได้แวะไปที่สำนักงานใหญ่หงเหมินสักหน่อย!”
“แผลแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก…”จั่วเจียจวิ้นรู้ว่าเยี่ยเทียนเป็นห่วงแผลของตนเอง ตอนที่กำลังจะพูดออกมา โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น
“อืม ทราบแล้ว พี่ถัง ขอบคุณมากนะ!”
รับสายพูดคุยแค่ไม่กี่คำ จั่วเจียจวิ้นก็วางสายและมองไปที่เยี่ยเทียนพูดว่า”ถังเหวินหย่วนโทรมา วันนี้เขาให้เชฟของโรงแรมฟูราม่าทำอาหารฝรั่งมาส่ง”
ถึงแม้ผู้คนจะเข้ามาไม่ได้ แต่อาหารสามมื้อของเยี่ยเทียน ถังเหวินหย่วนเลือกแต่อาหารชั้นเลิศทั้งนั้น เขาให้เชฟที่มีชื่อเสียงทำเสร็จและส่งเข้ามา
……