หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 335 การเงินรั่วไหล (1)
“เอ่อ…เอ่อคือน้องเยี่ยเทียน นี่ล้อกันเล่นรึเปล่าเนี่ย?” พอได้ฟังคำทำนายของเยี่ยเทียน เหวินหลวนสงก็จ้องไป ที่เยี่ยเทียนอย่างกับเห็นสัตว์ประหลาด
เหวินหลวนสงเป็นคนดวงแข็งมาตั้งแต่สมัยหนุ่ม แม้ว่าจะประสบกับวิกฤตการณ์การเงินในเอเชียครั้งนี้ ก็ไม่ได้รับความเสียหายอะไรมาก ดังนั้นเมื่อเยี่ยเทียนบอกว่าวันนี้เขาจะทั้งเสียทรัพย์ แล้วยังมีทรัพย์รั่วไหลอีก เหวินหลวนสงจึงไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
คนแบบเหวินหลวนสงนั้น ถึงจะเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยอยู่ แต่กลับเชื่อมั่นในตัวเองยิ่งกว่า ถ้าคำทำนายนี้เปลี่ยนให้จั่วเจียจวิ้นเป็นคนพูด เหวินหลวนสงก็อาจจะพอเชื่ออยู่สักหกเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อเยี่ยเทียนเป็นคนพูดออกมา เขากลับเห็นเป็นเรื่องตลกขบขันไปเลย
เยี่ยเทียนหัวเราะฮ่าๆ “พี่เหวิน คำพูดที่เป็นความจริงนี่…มันก็มักจะไม่น่าฟังเสมอแหละนะ ผมก็บอกไปหมดแล้ว เชื่อไม่เชื่อก็เป็นเรื่องของพี่แล้วละนะ”
เยี่ยเทียนก็ไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรกับเหวินหลวนสง เขาจะดีจะร้ายอย่างไรก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเยี่ยเทียนอยู่แล้ว วันนี้ที่ดูโหงวเฮ้งให้ก็ถือว่าให้เกียรติเขามากแล้ว
“ความจริงชนะคำพูดเสมอ น้องเยี่ยจะมาดูพี่กะเทาะหินหน่อยไหมล่ะ?”
เหวินหลวนสงได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะออกมาเช่นกัน ด้วยสถานะของเขาย่อมไม่ไปถือสาเยี่ยเทียนอยู่แล้ว และจะว่าไป เขาก็เป็นคนไปขอฟังคำทำนายเอง จริงๆ
“ดีครับ ไหนๆ ก็กำลังว่างอยู่ ผมขอดูพี่เหวินกะเทาะหินหน่อยแล้วกัน” เยี่ยเทียนพยักหน้า คนเต็มสนามที่นี่ ถ้าไม่ใช่กำลังพนันหิน ก็กำลังกะเทาะหินกันทั้งนั้น ไม่ดูแล้วจะให้ไปทำอะไรล่ะ?
เหวินหลวนสงไม่ได้มาคนเดียว เขายังพาผู้เชี่ยวชาญด้านการพนันหินมาด้วยคนหนึ่ง เมื่อครู่นี้ผู้เชี่ยวชาญก็ร่างเส้นเป็นแนวที่จะตัดไว้บนหินเรียบร้อยแล้ว เหวินหลวนสงเพียงแค่ต้องตัดไปตามเส้นนี้เท่านั้น
เหวินหลวนสงเป็นลูกค้ารายใหญ่ของงานในวันนี้ เมื่อเขาจะกะเทาะหิน ก็ต้องทำให้ฝูงคนแห่กันเข้ามา ชมดูเป็นธรรมดา แม้แต่จั่วเจียจวิ้นก็เข้ามาดูด้วย ถึงอย่างไรเขาก็ได้ตกลงพนันกับเหวินหลวนสงไว้แล้ว
“ครืด…ครืดๆ…”
เมื่อเสียงแหลมเสียดหูที่เกิดจากโลหะเลื่อยลงไปบนหินดังขึ้นมา ผิวชั้นนอกก็ถูกเหวินหลวนสงผ่าออกไปแล้ว วิธีการตัดหินของเขาคล้ายกับเยี่ยเทียนอยู่มาก โดยลงมีดไปทีเดียวอย่างรวบรัดหมดจด
“ได้…ได้กำไรแล้ว”
“จริงด้วย เห็นหยกแล้ว!”
“เร็ว เอาน้ำมาล้างดูหน่อยซิ!”
ทันทีที่หินครึ่งหนึ่งหล่นลงบนพื้น คนที่ตาดีมองเห็นหน้าตัดก็ร้องฮือฮากันขึ้นมาทันที เนื่องจากบรรยากาศพาไป ถึงตัวเองจะไม่ใช่คนที่พนันหินได้กำไร แต่ก็ยังอดตื่นเต้นจนเลือดลมสูบฉีดไม่ได้
อาจารย์พนันหินที่เหวินหลวนสงเชิญมานั้นชำระล้างเศษหินที่หน้าตัดออก ถือไฟฉายที่มีกำลังความสว่างสูง ส่องเข้าไปข้างใน แล้วหันหน้ามาบอกเหวินหลวนสงว่า “เนื้อหยกธรรมดา กำไรก็ถือว่าได้อยู่ แต่ไม่เยอะเท่าไร”
มองจากผิวชั้นนอกก็ดูดีอยู่ แต่เนื้อหยกกลับคุณภาพต่ำไปหน่อย จัดอยู่แค่ประเภทเนื้อน้ำมันสีคล้ำเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงข้างในจะมีหยกอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ราคาก็คงยากที่จะสูงกว่าหยกก้อนที่เยี่ยเทียนกะเทาะออกมาได้
“ไม่เป็นไรครับอาจารย์หลิว คุณไปทางโน้นกะเทาะเอาหยกออกมานะ เดี๋ยวผมจะผ่าต่อเลย!”
เหวินหลวนสงโบกมืออย่างไม่ได้ติดใจอะไร เพราะเขาก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าจะได้เงินเท่าไร และตอนนี้เขาก็มีกำลังใจฮึกเหิมอยู่พอดี เยี่ยเทียนบอกว่าเขาจะเสียทรัพย์ แล้วทรัพย์ก็จะรั่วไหล แต่เถ้าแก่เหวินไม่เชื่อคำทำนายเพี้ยนๆ นี่หรอก!
เหวินหลวนสงแบกก้อนหินทรงรี หนักประมาณเจ็ดแปดสิบชั่งขึ้นไปไว้บนเครื่องตัดหินเป็นก้อนถัดไป แล้วเริ่มเดินเครื่องจักร ฟันเลื่อยอัลลอยอันคมกริบปล่อยเสียง “วื้ดๆ” ออกมาพร้อมเริ่มหมุนด้วยความเร็วสูง
เปลือกนอกของหินดิบก้อนนี้ดูดีอย่างยิ่ง เห็นสีสันและประกายชัดเจน ลายเส้นมังกรแผ่คลุมไปบนหินมากกว่าครึ่งค่อน เหวินหลวนสงต้องจ่ายเงินไปตั้งแปดล้านถึงจะซื้อหินดิบก้อนนี้มาได้
และลายเส้นที่ร่างไว้บนเปลือกชั้นนอกนี้ก็เป็นฝีมือคาดคะเนของเหวินหลวนสงเอง เขาร่างเส้นไว้ที่มุมซ้ายบน ซึ่งเป็นส่วนที่นูนปูดออกมาพอดี ดูคล้ายกับหน้าผากของเทพเจ้าแห่งความอายุยืนยาว
โดยทั่วไปแล้ว ตำแหน่งลักษณะนั้นมักจะไม่เกิดหยกขึ้นมาข้างใน ถ้าลงมีดตรงนี้ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะผ่าโดน ส่วนเชื่อมต่อระหว่างหินกับหยกพอดี การที่เหวินหลวนสงร่างเส้นไว้ตรงนี้ก็ถือว่าถูกต้องตามหลักการแล้ว
“ครืด…ครืดคราด!” เสียงแหลมเสียดหูที่เกิดจากโลหะเสียดสีกับหินดังขึ้นมา แล้วหินก้อนนั้นก็ถูกผ่าออกเป็นสองส่วน ส่วนที่ปูดออกมานั้นร่วงลงไปบนพื้นอย่างหนักหน่วง
“กำไร…กำไรอีกแล้ว…”
คนที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดนั้น มองเห็นสีเขียวหย่อมหนึ่งปรากฏที่หน้าตัดอย่างชัดเจน แต่ทันทีที่กำลังจะ กู่ก้องร้องป่าวออกไปนั้นก็กลับพบว่า บนหน้าตัดของหินก้อนที่หล่นลงไปบนพื้นนั้น ก็เหมือนจะมีสีเขียวด้วยเช่นกัน
“นี่…หรือว่าตัดเสียไป?!” คนที่ตะโกนออกมาเมื่อครู่นั้น พอเห็นหินส่วนที่อยู่บนพื้นก็รีบหุบปากลงทันที
โดยปกติแล้ว ในบรรดาเครื่องประดับที่ทำจากหยกนั้น ถือว่ากำไลมีมูลค่ามากที่สุด กำไลหยกชั้นดีอาจขายได้ราคามากกว่าสิบล้าน สาเหตุก็เป็นเพราะว่า กำไลต้องใช้หยกมากและต้องเป็นหยกชิ้นใหญ่ด้วย และจะต้องทำจากหยกที่มีคุณภาพเสมอกันอย่างสมบูรณ์ตลอดทั้งชิ้น
ถ้าหยกที่จะใช้ทำกำไลถูกผ่าแตกไป ก็จะสามารถนำไปทำได้เพียงของจำพวกจี้ห้อยเล็กๆ ทำให้ราคาอาจตกลงไปมากถึงราวๆ หนึ่งล้าน ซึ่งนับว่าแตกต่างกันไม่น้อยเลย
ดังนั้นในการพนันหินหยนั้น ไม่ใช่ว่าพอกะเทาะออกมาแล้วเห็นสีเขียวก็จะแปลว่าได้กำไร แต่ยังต้องรักษาหยกที่อยู่ภายในหินให้มีสภาพสมบูรณ์อีกด้วย หากลงมีดไม่ถูกจุด แล้วผ่าแยกหยกก้อนนั้น ออกเป็นสองซีกไปละก็ อย่างนั้นราคาก็จะต่างกันราวฟ้ากับดินเลยทีเดียว
“ตัดเสียไปจริงๆ ด้วยสิ…”
“เฮ้อ น่าเสียดาย นี่มันน่าจะเอาไปทำเป็นกำไลได้ตั้งสองคู่เลยนะ!”
“นั่นน่ะสิ แถมเนื้อหยกยังดีมากด้วย จัดเป็นแบบหยกเฝยชุ่ยได้เลย ถ้าเอาไปทำเป็นกำไลละก็ อย่างน้อยๆ ก็ต้องได้ราคาไม่ต่ำกว่าสามล้านเลยละ!”
หลังจากผ่าหินออกมาแล้ว คนที่มารอชมก็ทยอยกันมุงเข้ามา แล้วแต่ละคนก็มีสีหน้าเศร้าเสียดาย หยกที่มีมูลค่าเกือบสิบล้านก้อนนี้ ตอนนี้อย่างมากก็คงเหลือแค่สามสี่ล้านเท่านั้น
หยกชิ้นนี้แม้จะเป็นหยกเฝยชุ่ย แต่สีเขียวกลับดูไม่ค่อยบริสุทธิ์นัก ความเข้มอ่อนของสีกระจาย อย่างไม่สม่ำเสมอกัน หากทำเป็นกำไลก็คงเหมาะอยู่ แต่ถ้านำไปเจียระไนเป็นหัวแหวน ก็คงจะได้มูลค่าต่ำกว่า หยกก้อนที่เยี่ยเทียนกะเทาะออกมามาก คงได้แต่นำไปแกะสลักเป็นจี้หลายๆ ชิ้นแล้วนำไปขายเท่านั้น
เหวินหลวนสงในตอนนั้น ก็ประสบกับสถานการณ์อย่างที่กล่าวมาข้างต้นนี้เอง หยกอย่างดีก้อนหนึ่งถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน มูลค่าจึงลดฮวบลงไปในทันที
“เฮ้อ ถ้ารู้แต่แรกจะได้ขัดเปลือกนอกดูก่อน นี่หยกก็อยู่ใกล้เปลือกหินมาก ขัดเดี๋ยวเดียวก็เห็นแล้วแท้ๆ!”
นี่ลงมีดไปแค่ครั้งเดียวก็สูญเงินไปเกือบสี่ล้านแล้ว แม้ว่าเหวินหลวนสงจะมั่งคั่งร่ำรวย แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บใจอยู่ดี หลังจากพิจารณาดูหยกที่ถูกตัดออกไปชิ้นนั้น ในใจก็รู้สึกคับแค้นเสียดายอย่างยิ่ง
เมื่อเหวินหลวนสงเหลือบตาขึ้นมาเห็นเยี่ยเทียนกำลังอมยิ้มอยู่ก็ใจหายวาบ นี่…นี่มันตรงกับที่เยี่ยเทียนบอกว่าจะเสียทรัพย์เลยนี่นา?
“เจ้าหนุ่มคนนี้นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ แฮะ!”
ยามนั้นเหวินหลวนสงไม่กล้าดูถูกเยี่ยเทียนอีกแล้ว ในระหว่างการผ่าหินต่อจากนั้นก็ระวังแล้วระวังอีก เพียงแต่ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะโชคไม่ดีนัก หยกที่ได้ออกมาจึงมีแต่คุณภาพธรรมดาๆ ทั้งนั้น
เหวินหลวนสงไม่ได้ทำธุรกิจเพชรพลอย หินที่เขากะเทาะออกมาได้ปกติจะขายทิ้งไปในงานนั้นเลย และก็มีคนคอยคำนวณราคาให้อยู่ข้างๆ ตอนนี้หยกที่เหวินหลวนสงผ่าออกมาได้ทั้งหมด รวมแล้วก็เป็นมูลค่าประมาณ สี่สิบล้านเหรียญฮ่องกง
วันนี้เหวินหลวนสงจ่ายเงินไปแล้วทั้งหมดหกสิบล้านกว่าเหรียญฮ่องกง หักลบดูแล้วขาดทุนไปถึงยี่สิบล้าน ยิ่งทำให้คำทำนายของเยี่ยเทียนที่ว่าจะเสียทรัพย์นั้นแม่นเข้าไปใหญ่
แต่ยังดีที่ว่า ทางฝ่ายจั่วเจียจวิ้นก็ไม่ได้ผ่าเจอหยกชั้นเลิศอะไรออกมาเหมือนกัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็กะเทาะได้หยกเนื้อน้ำแข็ง เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หยกของเหวินหลวนสงก็นับว่ามีมูลค่าสูงกว่าเล็กน้อย
เรื่องนี้ก็พอจะช่วยปลอบใจเถ้าแก่เหวินได้บ้าง แม้จะเสียหายไปยี่สิบล้าน แต่ก็ยังสามารถชนะที่ท้าพนันกับ จั่วเจียจวิ้นไว้ว่า ถ้าตนชนะจะต้องช่วยพยากรณ์ให้หนึ่งครั้ง ซึ่งก็ถือว่าคุ้มแล้ว
ควรทราบว่า การเสี่ยงทายหรือพยากรณ์ให้คนเล่นหุ้นนั้น จะต้องใช้พลังจิตอย่างมาก อย่างที่เรียกกันว่าทำให้ อายุสั้นลงนั่นเอง ดังนั้นแม้เหวินหลวนสงจะเคยขอร้องหลายครั้งแล้ว แต่จั่วเจียจวิ้นก็ไม่ได้ตอบตกลง นี่จึงไม่ใช่ปัญหาที่เงินจะสามารถแก้ไขได้
แต่ถ้าเยี่ยเทียนได้รู้ความคิดในใจของเหวินหลวนสง ก็คงจะด่าเขาเป็นการใหญ่ว่าเป็นตัวล้างผลาญตระกูล จากนั้นก็เสนอให้บริการเสียเอง อย่างสมัยที่เขาเปิดบริษัทที่เมืองปักกิ่ง บริการพยากรณ์ชะตาครั้งหนึ่งก็คิดแค่ห้าหมื่นเท่านั้น
ตอนนี้เหวินหลวนสงได้กะเทาะหินดิบที่ซื้อมาหลายสิบก้อนนั้นไปจนหมดแล้ว ซึ่งก็คงจะมีแต่คนนอกวงการ อย่างเขาที่กล้าทำแบบนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น อย่างน้อยๆ ก็ต้องเหลือไว้ในคลังบ้างสักเจ็ดแปดก้อน
“ขนหินก้อนสุดท้ายนั่นมาเลย!” ขณะนั้นฝูงชนกำลังจะแยกย้าย เพราะคาดไม่ถึงเลยว่า เหวินหลวนสงจะยังเหลือหิน อยู่อีกก้อนหนึ่ง ซึ่งก็คือหินดิบที่เปลือกแตกไปบ้างแล้ว และมีขนาดใหญ่ที่สุดในงานครั้งนี้นี่เอง
รถตักดินคันหนึ่งขับเข้ามาเสียงดังครืนๆ หินก้อนใหญ่สุดเปรียบปานก้อนนั้นวางอยู่บนที่ตักของรถตักดิน เจ้าหน้าที่เจ็ดแปดคนต้องช่วยกันถึงจะจัดวางหินก้อนนั้นลงไปบนเครื่องตัดหินได้
“ก้อนนี้น่ะดูแล้วไม่น่ามีหยกหรอก!”
“ใช่ๆ ดูหน้าตัดนั่นสิ แม้แต่ลายหมอกหรือผลึกแก้วก็ไม่เห็นจะมีเลยสักนิด นี่มันของไม่มีราคาชัดๆ เลย”
“มันก็พูดยากอยู่นะ บนหินก้อนนี้ก็ยังมีลายเส้นมังกรอยู่หมือนกัน แสดงว่าเคยมีหยกก่อตัวขึ้นมาแล้ว!”
เมื่อเห็นหินดิบใหญ่มหึมาก้อนนี้ บรรดาคนที่มุงดูอยู่ก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา หินก้อนนี้มีราคาประมูลสูงถึงสิบล้าน ถ้าไม่ได้หยกเฝยชุ่ยออกมาสักสามสี่ชั่งเป็นอย่างต่ำละก็ อย่างนั้นก็ถือว่าขาดทุนแน่แล้ว
เยี่ยเทียนที่ยืนอยู่ข้างๆ เครื่องตัดหินเห็นหินดิบก้อนนี้ ก็อดหรี่ตาพิจารณาดูไม่ได้ คนอื่นๆ ต่างก็ไม่รู้ว่า ในใจเขารู้ดีว่าหินดิบก้อนนี้มีหยกขนาดเท่ากำปั้นซ่อนอยู่ภายใน
ถึงเยี่ยเทียนจะไม่รู้เลยว่าอะไรคือหยกคริสตัล หรือหยกเฝยชุ่ย แต่เขาสามารถรับรู้จากไอปราณได้ว่า ปราณวิเศษแฝงที่แฝงอยู่ในหยกขนาดเท่ากำปั้นก้อนนั้น เหมือนจะบริสุทธิ์ยิ่งกว่าก้อนที่เขาเพิ่งจะกะเทาะออกมาได้มากนัก
“หรือว่าเหตุทรัพย์รั่วไหลของเหวินหลวนสงจะเกิดขึ้นที่ตัวเขาเอง?”
เมื่อเหลือบไปเห็นเหวินหลวนสงจับคันโยกควบคุมเลื่อยของเครื่องตัดหินไว้แล้ว ในใจเยี่ยเทียนก็กระจ่างแจ้งขึ้นมาทันที และอดยิ้มออกมาไม่ได้ เถ้าแก่เหวินนี่โชคไม่ค่อยดีจริงๆ ที่มาเจอกับเขา
“ครืด…ครืดๆ…”
ระหว่างที่เสียงตัดหินดังขึ้นมาไม่หยุด หินดิบก้อนโตก้อนหนึ่งก็ร่วงลงไปบนพื้น แต่แล้วผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็กลับถอนใจออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
ไม่ต้องถามก็รู้ว่า การลงมีดครั้งนี้ประสบความล้มเหลว อย่าว่าแต่หยกเลย แม้แต่ผลึกใสที่กลายสภาพ มาจากสิ่งมีชีวิต ซึ่งมักจะพบพร้อมกับหยกก็ยังไม่มีเลย
“ตัดอีก!”
เหวินหลวนสงให้เจ้าหน้าที่หมุนเปลี่ยนทิศทางของหินก้อนนั้น เพื่อลองตัดอีกด้านหนึ่งดูบ้าง หินดิบก้อนนี้หนักถึงพันชั่ง ขนาดใหญ่พอๆ กับคนคนหนึ่ง ต่อให้ผ่าไปสองสามครั้งแล้วยังไม่เจอหยก ก็ยังไม่ถือว่าเป็นปัญหาอะไร
และเหวินหลวนสงก็จำที่เยี่ยเทียนบอกว่าเขาจะทรัพย์รั่วไหลได้เป็นแม่นมั่น หินดิบก้อนอื่นก็กะเทาะไปหมดแล้ว ถ้าเขาจะมีเหตุทรัพย์รั่วไหล ก็คงต้องเกิดได้แต่กับหินก้อนนี้แล้วละ
……