หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 338 เสี่ยงทาย
ราคาที่เหวินหลนสงเสนอออกมา ทำให้ทุกคนร้องเสียงหลง แม้ว่าหยกจักรพรรดิจะหายาก แต่ราคาของหยกที่สูงมากในวันนี้ ก็ยังมีราคาไม่สูงถึงเพียงนี้…หรืออาจจะพูดได้ว่าเป็นราคาที่สูงที่สุดในใต้หล้าก็ว่าได้
“แปดสิบล้าน? พี่เหวิน พี่กำลังล้อเล่นใช่ไหม?” หลังจากได้ยินราคาที่เสนอแล้ว หัวใจของเยี่ยเทียนก็ “เต้บตุบๆ” ขึ้นมาทันที
ต้องรู้ก่อนว่า ในปีหนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบแปดอัตราในการแลกเปลี่ยน เงินดอลลาร์ฮ่องกง นั้นมีค่าสูงกว่าเงินหยวนนิดหน่อย และเงินแปดสิบล้านดอลลาร์ฮ่องกง ก็ใกล้เคียงกับเงินแปดสิบห้าล้านหยวน?
เยี่ยเทียนไม่ใช่เทวดา เขาก็เป็นเหมือนคนทั่วไปที่จำเป็นต้องกินต้องใช้ และเงินทองก็เป็นสิ่งของล่อใจ ที่เขายากจะต้านทานได้เหมือนกัน และเนื่องจากผลจากการฝึกวรยุทธ์นั้น เยี่ยเทียนจึงมีความกระหาย ในเรื่องเงินทองมากกว่าบุคคลธรรมดาทั่วไปอยู่บ้าง
เมื่อเห็นหยกจักรพรรดิเป็นมันวาวเย็นยะเยือกอยู่ในมือ เยี่ยเทียนจึงตกอยู่ในความลังเล เพียงแค่เขาพยักหน้า เงินแปดสิบล้านก็จะสามารถเข้ากระเป๋าเขาได้เลย บวกกับเงินจำนวนหนึ่งที่ถังเหวินหย่วนให้กับเขา ก็จะทำให้ตัวเองกลายเป็น มหาเศรษฐีทันที
แต่หลังจากฟังคำพูดของจั่วเจียจวิ้นแล้ว ทำให้เยี่ยเทียนรู้ว่า หยกจักรพรรดิแบบนี้ ใช่ว่าเจอแล้วจะเรียกร้องมันมาได้ หากวันนี้ขายไป ต่อมาภายหลังถ้าอยากจะตามหาอีก เกรงว่าจะยากมาก
และแท้จริงแล้วเยี่ยเทียนก็อยากเก็บหยกชิ้นนี้เอาไว้เพื่อเจียระไนเป็นสิ่งของบางอย่างแล้วหล่อเลี้ยงไว้ภายในเรือนสี่ประสาน ถ้าหากโชคดี หลังจากสองสามปีผ่านไปก็จะสามารถสร้างเครื่องรางของขลังออกมาสองสามชิ้นก็เป็นได้
“พ่อหนุ่ม แปดสิบล้านไม่น้อยนะ นอกจากคุณเหวินแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าเสนอราคานี้!”
“ถึงแม้หยกจักรพรรดิจะมีน้อย แต่ก็ขายไม่ได้ราคาสูงขนาดนี้หรอก ถือว่าคุณเหวินใช้เงินเยอะมากจริงๆ…”
ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังใช้ดุลพินิจพิจารณาผลได้และผลเสียนั้น พวกคนที่อยู่ข้างๆ ต่างก็พูดโน้มน้าวกันยกใหญ่ ความจริงพวกเขาไม่ได้อยากช่วยให้ เหวินหลนสงได้หยกชิ้นนั้นหรอก แต่มีเจตนาอย่างอื่น
ต้องรู้ก่อนว่า ถ้าอยากสร้างกระแสให้หยกแข็งกลายเป็นอัญมณีเกรดเดียวกันกับเพชรนั้น จำเป็นต้องใช้ เงินจำนวนมากในการซื้อขายถึงจะได้ และการเสนอราคาของเหวินหลนสงนั้นก็เป็นการสร้างกระแสที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ขอเพียงเยี่ยเทียนขายหยกชิ้นนี้ พรุ่งนี้ก็จะมีรายงานพาดหัวข่าว “หยกราคาสูงเทียมฟ้า” ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์รายใหญ่ต่างๆ ของฮ่องกง เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จะทำให้หยกแข็งพัดกระพือฮือโหม ไปทั่วฮ่องกงระยะหนึ่ง และคนที่ได้ประโยชน์ก็คือพวกพ่อค้าเครื่องประดับที่อยู่ในเหตุการณ์เหล่านี้นั่นเอง
แน่นอนว่า ต่อให้เยี่ยเทียนไม่ขาย พวกเขาก็ยังสามารถสร้างกระแสได้เหมือนเดิม และมีบางคนแม้แต่ หัวข้อก็คิดไว้เรียบร้อยแล้ว “เจ้าพ่อแห่งวงการตลาดหุ้นเสนอเงินซื้อหยกเนื้อดีชั้นหนึ่ง ราคาแปดสิบล้านดอลลาร์ฮ่องกง แต่ไม่สามารถซื้อได้” และคาดว่าหัวข้อแบบนี้จะสามารถดึงดูดสายตาผู้คนได้แน่นอน
หลังจากครุ่นคิดอยู่ในใจนานครึ่งวัน ในที่สุดเยี่ยเทียนจึงเงยหน้า และเอ่ยปากพูด “พี่เหวินครับ หยกชิ้นนี้ผมก็ชอบมากเหมือนกัน ผมอยากจะเจียระไนหยกออกมาด้วยมือผมเอง พี่ดูสิครับ…”
เยี่ยเทียนยังเป็มหนุ่ม จึงไม่กลัวว่าจะหาเงินไม่ได้ในอนาคต แต่หยกชั้นดีที่สามารถนำมาทำเป็นของขลัง ได้แบบนี้ใช่ว่าจะหาเจอได้ง่าย ดังนั้นหลังจากที่พิจารณาซ้ำแล้วซ้ำอีก สุดท้ายเขาจึงปฏิเสธราคาที่เสนอมาของเหวินหลนสง
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน เหวินหลนสงจึงถอนหายใจยาว พลางโบกมือพูด “ไม่เป็นไร พี่เหวินคนนี้เป็นคนที่ เล่นแล้วรู้จักยอมแพ้ ศิษย์น้องเยี่ย จะว่าไปแล้วระดับในการดูโหงวเฮ้งของนายไม่อยู่ในแบบของศิษย์พี่เลยนี่นา!”
ตอนแรกเหวินหลนสงรู้สึกสงสัยในตัวของเยี่ยเทียน นั่นเป็นเพราะเขาเป็นศิษย์น้องของจั่วเจียจวิ้น แต่ตอนนี้เขาเลื่อมใสเยี่ยเทียนอย่างสุดจิตสุดใจ หลังได้เจอหน้ากันและสังเกตสีหน้าแล้ว ก็สามารถดูออกมาว่า ตัวเองเป็นคนชอบใช้เงิน แม้แต่ “ศิษย์พี่จั่ว” ก็ยังไม่มีความสามารถนี้
“พี่เหวินครับ หยกแข็งนี้ได้รับมอบเป็นของขวัญจากพี่ เยี่ยเทียนก็รู้สึกละอายใจ เอาอย่างนี้แล้วกัน รอให้เจียระไนออกมาเสร็จแล้ว ผมจะมอบให้พี่หนึ่งชิ้นครับ!”
เมื่อเห็นความใจกว้างของเหวินหลนสงแล้ว ในใจของเยี่ยเทียนจึงรู้สึกดีกับเขาขึ้นมาไม่น้อย ไม่ว่าจะพูดอย่างไร แท้จริงแล้วหินหยกนี้ก็เป็นของเหวินหลนสง และถือว่าเยี่ยเทียนได้รับน้ำใจของเขาไว้แล้วกัน
เยี่ยเทียนลองคำนวณนิดหน่อย พลางคิดว่าหยกแข็งขนาดเท่ากำปั้นนี้ สามารถทำเป็นกำไลมือได้สองอัน กับจี้อีกสิบกว่าอัน ถึงตอนนั้นเขาจะมอบให้เหวินหลนสงหนึ่งอัน เพื่อเป็นการคืนน้ำใจของเขา
“ไม่ต้อง น้องเยี่ย น้องพูดแบบนี้พี่รู้สึกไม่ดีเลย”
เหวินหลนสงโบกมือปัดเป็นระวิง เพราะก่อนที่จะแกะหยกออกมานั้นเยี่ยเทียนได้เตือนเขาก่อนหน้าแล้ว แต่ตัวของเขาไม่เชื่อว่ามีหยกอยู่ในหิน ตอนนี้พอแกะออกมาแล้วเป็นหยกจริงๆ จึงสามารถพิสูจน์ได้ว่าเขามีตาหามีแววไม่ ฉะนั้นจะมีหน้าเรียกเอาเครื่องประดับหยกจักรพรรดิฟรีๆ จากเยี่ยเทียนได้อย่างไร?
“พี่เหวิน เรื่องนี้ค่อยว่ากันอีกทีนะครับ…”
เยี่ยเทียนมองเห็นคนอื่นยังโอบล้อมกันอยู่ จึงอดขมวดคิ้วไม่ได้ พลางหันไปถามจั่วเจียจวิ้น “ศิษย์พี่ หยกแข็งของพี่ตรงนั้นแกะออกได้หรือยังครับ?”
จั่วเจียจวิ้นพยักหน้าแล้วพูด “เกือบแล้ว คังกั๋วกำลังมองอยู่ เอาเป็นว่า….พวกเราไปหาสถานที่ดื่มน้ำชากันก่อนดีไหม อีกสักพักท้องก็เริ่มหิวแล้ว!”
การพนันหยกแข็งในครั้งนี้ได้ดำเนินมาหนึ่งวันเต็ม และตอนเช้าทุกคนต่างก็ทานของกินไปนิดหน่อย เมื่อได้ยินจั่วเจียจวิ้นพูดเช่นนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกท้องร้อง “จ๊อกๆ” ขึ้นมาทันที
“วันนี้น้องชายคนนี้ได้แกะหยกจักรพรรดิสำเร็จ ถือว่าเป็นความโชคดีสำหรับการทำธุรกิจเครื่องประดับ และหยกในฮ่องกงของพวกเรา เอาอย่างนี้แล้วกัน ให้ทางสมาคมเป็นเจ้าภาพ แล้วพวกเราก็ไปทานข้าวด้วยกันดีไหมครับ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของจั่วเจียจวิ้นแล้ว ทีมผู้จัดงานการซื้อขายในครั้งนี้จึงยืนขึ้น เดิมทีพวกเขาได้จัดงานเลี้ยง ตอนกลางคืนไว้แล้ว เพียงแต่ทุกคนต่างก็ยุ่งอยู่กับการแกะหยกแข็งจึงไม่ได้ไปร่วมเท่านั้นเอง
“ให้คุณจั่วเป็นเจ้าภาพดีกว่า และขอให้เพื่อนๆ ได้โปรดรับคำเชื้อเชิญไปด้วยกันจะเป็นพระคุณยิ่ง!”
หากนี่เป็นการพนันอยู่บนเกาะที่อยู่ตรงข้ามอย่างแท้จริง เยี่ยเทียนก็คงจะต้องเอาเงินใส่ซองแล้ว ในฐานะศิษย์พี่ของเยี่ยเทียน แน่นอนว่าจั่วเจียจวิ้นไม่สามารถให้พวกร้านค้าขายเครื่องประดับเป็นเจ้าภาพอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงเหมาเอาไว้ที่ตัวเองทั้งหมด
“ได้ ถ้าปรมาจารย์จั่วเป็นเจ้าภาพก็จะต้องไปอย่างแน่นอน!”
“ถูกแล้ว ทุกคนต้องไป เรื่องนี้คุ้มค่าที่จะเฉลิมฉลอง!”
พลังในการเรียกร้องของจั่วเจียจวิ้นนั้นมีมากกว่าทีมผู้จัดงานเสียอีก เพียงแค่ร้องเรียก ทุกคนที่อยู่ในงานต่างก็ตกลงทันที และมีบางคนเริ่มห่อหยกแข็งที่ยังไม่ได้แกะเอาไปใส่ในรถแล้ว
พ่อค้าที่มาร่วมงานการซื้อขายอัญมณีและเครื่องประดับนั้นส่วนมากจะพาลูกน้องที่เชื่อใจมาด้วยอยู่แล้ว บวกกับการช่วยเหลือของพนักงานที่อยู่ในงาน ทำให้หยกแข็งที่เป็นของตัวเองถูกจัดใส่รถอย่างรวดเร็ว จากนั้นขบวนรถหรูหรานับสิบคันก็ได้เคลื่อนตัวไปยังเขตเมืองฮ่องกงอย่างโอฬารพันลึก
ถึงแม้พ่อค้าอัญมณีเหล่านี้จะไม่ใช่มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเกาะฮ่องกง แต่ก็มีฐานะระดับหนึ่ง ตอนที่จั่วเจียจวิ้นเหมาห้องจัดเลี้ยงทั้งหมดในโรงแรมฟูราม่านั้น ถือว่าเป็นการช่วยเยี่ยเทียนจัดเงินใส่ซองแล้ว
ชาวฮ่องกงชอบดื่มชา สามารถดื่มชาตั้งแต่ตอนเช้าถึงบ่ายจนกระทั่งตอนกลางคืนก็ยังดื่มได้ หลังจากนั่งลงแล้ว ขนมและของว่างต่างๆ ก็จัดวางอยู่บนโต๊ะ ทำให้บรรยากาศดูคึกคักขึ้นมาทันที
เยี่ยเทียนกับจั่วเจียจวิ้น หลิวติงติง รวมทั้งเหวินหลนสงแล้วก็ยังมีคู่หนุ่มสาวเพื่อนรักของหลิวติงติง นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน หลังจากทานของไปนิดหน่อยแล้ว จั่วเจียจวิ้นจึงพูดกับเหวินหลนสงว่า “อาสง พี่แพ้การพนันในวันนี้ หลังจากหนึ่งเดือนผ่านไป นายค่อยมาหาพี่นะ!”
จั่วเจียจวิ้นเลือกหินหยกในครั้งนี้เลือกไม่เจอเนื้อดีเท่าไร แต่ไม่สามารถนับหยกจักรพรรดิชิ้นนั้นของเยี่ยเทียนได้ ทว่ามูลค่ารวมทั้งหมดแล้วยังสู้หยกที่แกะแล้วของเหวินหลนสงไม่ได้ ดังนั้นจั่วเจียจวิ้นจึงพูดเช่นนี้
“ขอบคุณปรมาจารย์จั่วครับ!”
หลังจากได้ยินคำพูดของจั่วเจียจวิ้นแล้ว เรื่องที่เหวินหลนสงกลุ้มใจในวันนี้จึงหายไปทันที เขาขอร้องจั่วเจียจวิ้นมาหนึ่งปีเต็มก็ยังไม่เคยได้รับคำตอบที่ชัดเจน ไม่คิดว่าวันนี้จะสามารถเอาเปรียบจั่วเจียจวิ้นได้
“ศิษย์พี่ครับ แผลของพี่เกรงว่าจะต้องใช้เวลารักษาสามถึงห้าเดือน ช่วงนี้พี่อย่าเพิ่งทำนายโชคชะตาให้คนอื่น ไปก่อนนะครับ”
เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน เยี่ยเทียนกลับขมวดคิ้วขึ้นมา พลางคิดว่าเขาเป็นคนฉลาดระดับไหน ถึงรู้ว่าจั่วเจียจวิ้นกำลังใช้วิธีเช่นนี้เพื่อชดเชยให้กับเหวินหลนสงที่เสียหายของที่นี่ให้ตัวเองอยู่
จั่วเจียจวิ้นโบกมือ พลางยิ้มพูด “ไม่เป็นไร แผลแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่เสียเวลาหรอก”
“ไม่ได้ครับ ถ้าไม่ระวังแผลของพี่ ก็อาจจะบาดเจ็บถึงแก่นแท้ได้นะครับ”
เยี่ยเทียนส่ายหน้า แล้วจึงหันหน้าไปหาเหวินหลนสง พลางพูด “เอาอย่างนี้ดีไหมครับ พี่เหวิน ผมจะเป็นคนทำนายโชคชะตาให้พี่เองเอาไหมครับ? อย่างอื่นไม่กล้าพูด แต่ผมสามารถทำนายโชคชะตา อีกยี่สิบปีข้างหน้าให้พี่ได้ครับ!”
“นายจะเป็นคนทำนายเหรอ?!” จั่วเจียจวิ้นกับเหวินหลนสงพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกใจตื่นออกมาพร้อมกัน พลางเบิกตาโตจ้องมองเยี่ยเทียน
ถึงแม้วันนี้เยี่ยเทียนจะเผยฝีมือตอนที่อยู่กับเหวินหลนสงไปแล้ว โดยบอกถึงโชคชะตาของเขาในวันนี้ แต่ใบหน้าที่ยังหนุ่มของเยี่ยเทียนเมื่อเทียบกับอำนาจและชื่อเสียงของจั่วเจียจวิ้นที่สั่งสมมานานกว่าสิบปี ทำให้เขายังเชื่อมั่น “ปรมาจารย์จั่ว” มากกว่า
ส่วนจั่วเจียจวิ้นนั้น เขารู้ว่าวรยุทธ์ของเยี่ยเทียนนั้นอยู่ในขั้นสูงสุด แต่วิชาการโจมตีทุกแขนง กับการเสี่ยงทายทำนายโชคชะตานั้นมีความแตกต่างกัน ฉะนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าในวิชานรลักษณ์ศาสตร์ ของเยี่ยเทียนมีระดับความลึกซึ้งแค่ไหน
หลังจากมองเห็นสีหน้าของทั้งสองคนแล้ว เยี่ยเทียนจึงหัวเราะพลางพูด “ทำไมครับ ศิษย์พี่ ไม่เชื่อใจผมเหรอ? สำนักเสื้อป่านของพวกเรามีชื่อเสียงในเรื่องการเสี่ยงทายพยากรณ์ หรือแม้แต่สิ่งนี้ผมก็ไม่เป็น?”
“ไม่…ไม่ ศิษย์น้อง วิชาของนายมีความแข็งแกร่งมากกว่าของพี่เป็นร้อยเท่า ดังนั้นเรื่องการเสี่ยงทายทำนายโชคชะตา ก็ต้องเชี่ยวชาญอยู่แล้ว”
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว จั่วเจียจวิ้นจึงรีบโบกมือทันที และหันไปพูดกับเหวินหลนสง “อาสง พี่ขอพูดอย่างไม่ปิดบัง เยี่ยเทียนคือลูกศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้มาจากอาจารย์ของพี่โดยตรง มีตำแหน่งที่สูงกว่าพี่ เขายอมทำนายโชคชะตาให้นาย ถือว่าเป็นความโชคดีของนายมากนะ!”
ถึงแม้ไม่รู้ว่าความสามารถในด้านนี้ของเยี่ยเทียนจะเป็นอย่างไรกันแน่ แต่จั่วเจียจวิ้นก็ไม่ทำให้ศิษย์น้อง เสียหน้าอยู่แล้ว และคำพูดเหล่านี้จึงทำให้ในใจของเหวินหลนสงเกิดความลังเลขึ้นมา เพราะแท้จริงแล้วในใจของเขา อยากจะให้จั่วเจียจวิ้นช่วยทำนายโชคชะตาให้เขามากกว่า
แต่เมื่อนึกถึงเยี่ยเทียนที่ได้ดูโหงวเฮ้งให้เขาก่อนหน้านี้ ในที่สุดเหวินหลนสงก็ตัดสินใจ แล้วพูด “อย่างนั้นรบกวนน้องเยี่ยด้วยนะครับ ไม่ทราบว่าน้องเยี่ยจะว่างเมื่อไหร่ครับ?”
เยี่ยเทียนพูดอย่างสบายๆ “อันนี้ไม่ต้องอาบน้ำถือศีลกินเจครับ ตอนนี้ก็ทำได้เลย”
“ตอนนี้ก็ได้?” เหวินหลนสงตกตะลึงเล็กน้อย
“แน่นอนว่า จะต้องหาห้องส่วนตัวที่เงียบๆ ห้องหนึ่ง ผมก็สามารถดูดวงให้พี่ตอนนี้ได้เลยครับ” เยี่ยเทียนพยักหน้า เพราะการที่ได้รับหยกแข็งเนื้อดีชั้นหนึ่งที่มีมูลค่านับร้อยล้านหนึ่งชิ้นในวันนี้ กับการช่วยเหวินหลนสงดูดวง ก็ถือว่าไม่ได้รับของของเขามาฟรีๆ
“ได้ อย่างนั้น…อย่างนั้นพี่จะไปจัดการ!”
เหวินหลนสงรีบลุกขึ้นยืน แล้วจึงเรียกพนักงานเข้ามาให้พาพวกเขาสองสามคนเข้าไปในห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง แน่นอนว่าหลิวติงติงและคนอื่นๆ ก็เดินตามเข้าไปเช่นกัน
หลังจากเข้าไปนั่งข้างในแล้ว เยี่ยเทียนจึงพลิกมือขวาขึ้น แล้วจึงเห็นเหรียญเหลืองอันหนึ่งปรากฏอยู่ในฝ่ามือของเขา เขามองไปที่เหวินหลนสงแล้วพูด “พี่เหวินครับ ช่วยแจ้งวันเดือนปีเกิดของพี่ด้วยครับ”
“พี่เกิดปีหนึ่งพันเก้าร้อยห้าสิบเอ็ด…” เมื่อเห็นเยี่ยเทียนพกเหรียญกษาปณ์ทองแดงที่ใช้ในการเสี่ยงทายติดตัวมาด้วย ทำให้เหวินหลนสงเริ่มเชื่อมั่นในตัวเขามากขึ้น
แต่เถ้าแก่เหวินกลับไม่รู้ว่า เหรียญต้าฉีทงเป่าเป็นสิ่งของที่เยี่ยเทียนพกติดตัวตลอดเวลา เและนำมาใช้ในการเสี่ยงทายอย่างครั้งนี้น้อยมาก