หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 348 หาคน (2)
“อัยโย่ ดวงดาว แสง จุด เด็กเร่ร่อน อีกนิดเดียวฉันจะปวดตายแล้ว”
จางจือซวนตบหน้าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเขาล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น ในมือของเธอถือน้ำยาอยู่ก็หกเต็มพื้น ใบหน้าขาวๆ มีรอยแดงของนิ้วมือทั้งห้าอยู่
“อีกนิดเดียว ก็ช่วยไม่ได้ แม่งเอ้ย ฉันยอมแพ้แล้ว และยังจะตบหน้าฉัน”
ใบหน้าของจางจือซวนเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ถึงแม้ว่ามันจะห่างกันวันหนึ่ง แต่ใบหน้าของเขา ยังคงบวมเหมือนหัวหมู ฟันที่เต็มปากก็เหลือแค่เจ็ดแปดซี่ พูดก็ไม่รู้เรื่อง
จางจือซวนรู้ว่า ตัวเองอยู่ในฮ่องกงก็ถือว่าอยู่ไปวันๆ ถูกหวาเซิ่งไล่ออกมา บริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ต่างๆ ก็ไม่มีใครกล้าจ้างเขา ผู้กำกับอย่างเขาได้ล่วงเกินเยี่ยเทียน ก็ถือว่าจบสิ้นอย่างเป็นทางการ
เป็นผู้กำกับใหญ่มาสิบกว่าปี จางจือซวนตลอดเวลาที่เขาเลิกงานไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการกินและการแต่งตัว เขาเองก็เตรียมตัวอพยพไปอยู่ที่ออสเตรเลียแล้ว ถึงอย่างไรฮ่องกงไม่มีที่ซุกหัวนอนให้เขา
แต่ว่าจางจือซวนคับแค้นใจ เขาโกรธเกลียดกับหวาเซิ่งที่ไร้ความปราณี เขาขายชีวิตของเขาให้สำหรับยี่สิบปีที่ผ่านมา คาดไม่ถึงว่ามันจะจบลงแบบนี้
แม้จะรู้อยู่ลึกๆ ว่าหวาเซิ่งทำเพื่อเขา ทำให้ไม่กล้าแสดงอาการเกลียดชังออกมา นอกจากนี้เขาก็ยังคงเดินไปขอโทษหวาเซิ่ง ทั้ง ๆ ที่ ปากเหมือนหมู
เพราะว่าจางจือซวนรู้ เพียงแค่เขาแสดงอาการไม่พอใจขึ้นมา มีโอกาสที่จะถูกจับเข้ากระสอบและโยนลงทะเล เป็นเรื่องปกที่เห็นได้บ่อยในบริษัทหวาเซิ่ง
เมื่อเป็นเช่นนี้ จางจือซวนก็นำความแค้นทั้งหมดย้ายไปที่เยี่ยเทียน หลังจากวันนี้ที่สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม เขาก็ได้สืบหาข้อมูลของเยี่ยเทียน
“บ้าเอ้ย จีนแผ่นดินใหญ่ ไม่ได้หลอกกันใช่ไหม ฉันกำจัดคนในครอบครัวไปครึ่งหนึ่งแล้วก็จะฆ่าแก คนฮ่องกงศรัทธาในฮวงจุ้ย แต่ว่าก็ไม่ทุกคนที่จะนับถือหรือเชื่อ”
จางจือซวนไม่ใช่ประเภทคนที่เชื่อในเรื่องผี หลังจากที่ภาพยนตร์ทุกเรื่องถูกเปิดตัว ก็เอาผลไม้ที่เตรียมไว้ไหว้เจ้าที่ ไปกิน ที่ผ่านมาก็ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น มักจะเยาะเย้ยคนที่สวดอ้อนวอนต่อพระเจ้าและนมัสการพระพุทธเจ้าตลอดทั้งวัน
ดังนั้นวันนี้เมื่อเหล่านักแสดงรู้เรื่องของเยี่ยเทียน จากการบอกเล่าของเฉินจิ้งหลัน จางจือซวนก็ตกลงใจว่าจะต้องแก้แค้นเยี่ยเทียน เพื่อบรรเทาความเกลียดชังในหัวใจ
จางจือซวนกัดฟัน ข้างนอกก็มีเสียงกริ่งดังขึ้น ผู้หญิงที่เดินออกไปจากห้อง ก็กลับเข้ามาแล้วพูดว่า “พี่ซวน มีคนมาหาค่ะ”
“ให้เขาเข้ามา เธอกลับไปก่อน’’ ตอนที่จางจือซวนกำลังพูดบาดแผลบนใบหน้าก็เกิดปวดขึ้นมา เจ็บปวดจนแสยะปาก กวักมือให้ผู้หญิงคนนั้นรีบออกไป
ชายคนหนึ่งรูปร่างสูงประมาณหนึ่งจุดหกเมตร สีผิวที่ดำมืดเดินเข้ามาในห้อง สายตามองไปรอบ ๆห้องอย่างระวังตัว พูดว่า “พี่จาง ไม่รู้ว่าแกตามหาฉันมีเรื่องอะไร”
เจ้าผู้ชายผิวดำผอมคนนี้พูดกวางตุ้งยังคงไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ จางจือซวนได้ยินก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที พยักหน้าพูดว่า “พูดเวียดนามเถอะ ฉันก็พอพูดได้อยู่บางคำ”
“ได้ พี่จาง แก๊งเวียดนามของพวกเรากับ ชินปังของพวกแกเราต่างไม่เคยติดต่อกันเลย ฉันไม่รู้ว่าที่ตามหาฉันนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่” หลังจากที่พูดภาษาตัวเอง ผู้ชายผิวดำผอมคนนั้นคำพูดคล่องขึ้นกว่าเดิม
จางจือซวนพยักหน้า พูดว่า “หลวนเก้อหนาน เรื่องนี้กับชิงปังมีส่วนเกี่ยวข้องกัน ครั้งแรกที่แกมาฮ่องกงถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะฉัน ปานนี้แกคงตายไปนานแล้ว เรื่องนี้ยังจำได้อยู่ไหม”
ในปีเจ็ดศูนย์ในตอนนั้นหลวนเก้อหนานลี้ภัยจากเวียดนามมาที่ฮ่องกง ในตอนนั้นเขามีบาดแผลจากอาวุธปืน แต่ก็ไม่กล้าไปรักษาที่โรงพยบาล บังเอิญไปเจอเข้ากับจางจือซวน
จางจือซวนที่เคยอาศัยอยู่ในเวียดนามช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในตอนนั้นก็เกิดสงสาร หาหมอส่วนตัวเพื่อเอากระสุน ออกจากตัวของหลวนเก้อหนาน ความจริงคือข่วยชิวิตเขาไว้
หลังจากนั้นคนเวียดนามก็เข้ามาในฮ่องกงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่คนพวกนี้คือคนที่เคยทำสงคราม ไม่มีอะไรเกินความสามารถของพวกเขา พึ่งพาการขโมยเพื่อรักษาชีวิตเท่านั้น ในปีแปดศูนย์ ก็เริ่มมีความขัดแย้งกันกับมาเฟียฮ่องกง
แต่มังกรที่แข็งแกร่งไม่สามารถบังคับหัวงู ด้วยการสนับสนุนของรัฐบาลฮ่องกง ในที่สุดแก๊งชาวเวียดนาม ก็ถูกกวาดออกจากฮ่องกง พลัดถิ่นไปสถานที่ต่างๆ เช่นอเมริกาเหนือ แต่ก็ยังมีคนส่วนน้อยที่ยังติดอยู่ที่นี่
คนเหล่านี้ใช้ฮ่องกงเป็นทางผ่านจากเวียดนามไปอเมริกาเหนือหรือออสเตรเลีย เริ่มต้นธุรกิจการลักลอบเข้าเมือง เนื่องจากสายงานที่แตกต่างกัน จึงไม่มีความขัดแย้งกับนายหน้าของฮ่องกง ค่อยมีชีวิตที่ดีขึ้น
หลวนเก้อหนานเป็นผู้อพยพรุ่นแรกๆ ของเวียดนาม ใช้เวลาสิบกว่าปีในการพัฒนา เขามีเส้นสายอยู่ทั้งในเวียดนาม และฮ่องกง สถานะของเขาก็ค่อยๆ ดีขึ้นเปลี่ยนมาเป็นนายหน้าแทน
นายหน้าทั่วไป ก็แค่เป็นตัวแทนในการแนะนำธุรกิจค้าขายกันแล้วก็คิดค่าใช้จ่าย แต่หลวนเก้อหนาน ทำธุรกิจตั้งแต่ค้าอาวุธจนถึงการค้ายาเสพติดไม่มีอะไรที่เขาไม่ทำ
การติดต่อของจางจือซวน เพื่อตามหามือสังหารในฮ่องกงถือว่าไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่มันยากตรงที่ถ้าเขาหาคนฮ่องกง หลังจากนั้นถ้าทำสำเร็จ เรื่องนี้หวาเซิ่งก็ต้องรับรู้ ดังนั้นจึงนึกถึงหลวนเก้อหนานขึ้นมา
เมื่อได้ยินจางจือซวนพูดถึงเรื่องในอดีต หลวนเก้อหนานเงียบไม่พูดจาครู่หนึ่ง พูดออกไปว่า “พี่จาง ฉันยังเป็นหนี้แกอยู่ แต่ว่าปีที่ผ่านมานี้ฉันก็ช่วยแกไปเยอะมาก”
จางจือซวนกัดฟันพูดว่า “นี้คือครั้งสุดท้าย ฉันให้แกหนึ่งล้าน ช่วยฉันฆ่าคนๆ หนึ่ง ขอเพียงฆ่ามันให้ตาย หลังจากนั้นแกก็จะไม่ติดหนี้ฉันอีกแล้ว”
หนึ่งล้านฆ่าคนอะไร อยู่ในฮ่องกง แค่ไม่กี่หมื่นก็สามารถซื้อชีวิตได้แล้ว เมื่อได้ยินจางจือซวนยินดีที่จะจ่ายหนึ่งล้าน หลวนเก้อหนานคิ้วก็ขมวดขึ้นมา
จางจือซวนเก็บรวบรวมข้อมูลจากบนโต๊ะโยนมันไว้ที่หน้าของหลวนเก้อหนาน พูดว่า “เขาชื่อเยี่ยเทียน เป็นคนจีนแผ่นดินใหญ่ ตอนนี้อายุน่าจะอยู่ประมาณยี่สิบเอ็ดยี่สิบสองแล้ว นี้คือรูปถ่ายของเขา”
เอาข้อมูลพวกนั้นมาดูอย่างละเอียดอีกรอบหนึ่ง หลวนเก้อหนานเหงยหัว พูดว่า “ฉันสามารถส่งข่าวออกไปให้แกได้ แต่ว่าไม่กล้ารับประกันว่าจะมีคนรับงาน”
“ดี มันน่าจะใกล้เดินทางออกจากฮ่องกงในเร็ววันนี้แล้ว ฉันไม่สนว่าแกต้องการจะเพิ่มเงินมากเท่าไหร่ ขอแค่ฆ่ามันให้ตายก็พอ หนึ่งล้านนั้นก็ถือว่าเป็นของแกแล้ว”
จางจือซวนพยักหน้า มือถือกระเป๋าหนังใบหนึ่งออกมาโยนให้หลวนเก้อหนาน พูดว่า “ในนั้นมีหนึ่งแสนดอลลาร์ฮ่องกง ถือว่าเป็นเงินมัดจำ รอให้เจ้าเด็กคนนั้นตายแล้ว ฉันก็จะโอนส่วนที่เหลืออีกเก้าแสนให้กับแก”
จางจือซวนเกลียดเยี่ยเทียนเข้ากระดูกดำ แต่เขารักชีวิตของตัวเองมาก เขาซื้อตั๋วเครื่องบินไป มาเก๊าพรุ่งนี้เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากว่าเยี่ยเทียนถูกฆ่า ก็ไม่มีใครสามารถหาเขาเจอ
ตกลง ฉันจะพยายามเต็มที่ หลวนเก้อหนานหยิบกระเป๋าหนังและข้อมูลบนโต๊ะขึ้นมา เดินออกไปจากบ้านของจางจือซวนเงียบ ๆ
……
“ขึ้นและลง ล่องลอยอยู่ในอุปสรรค นี่เป็นหน้าที่แสดงถึงคนตาย”
ในอีกด้านของเกาะฮ่องกง เยี่ยเทียนกลับไม่รู้ว่ากำลังมีคนวางแผนฆ่าตัวเอง เขากำลังใช้เหรียญทองแดงทำนายอย่างต่อเนื่อง คาดคะเนหาสาเหตุการตายของฝูอี้และตำแหน่งที่อยู่ตอนนี้
“ขั่น” กลายเป็น “ซุ่น” คาดไม่ถึงว่าหลังจากถูกฆ่าแล้วถูกโยนลงทะเลเหรอ”
หลังจากทำนายปากว้าอีกครั้ง ใจของเยี่ยเทียนเต้น ในตอนที่ฝูอี้ถูกฆ่าตายอยู่แถวที่มีการค้าขายเจริญรุ่งเรือง หลังจากนั้นศพฝูอี้ก็ถูกโยนทิ้งลงทะเล
“ขั่น” คือ ธาตุน้ำ โบราณว่าไว้ คนก็เหมือน เกลี่ยวคลื่น ม้า และ มังกร แปลได้ว่า ตอนนี้กำลังอยู่ในรถที่กำลังแล่นอยู่ในเมือง คือ “น้ำ” ขีดแรกที่เยี่ยเทียนดึงออกมา คำทำนายนี้ชี้ให้เห็นจุดแรกที่ฝูอี้ถูกมัดมือทั้งสองไพล่หลังไว้
ตัวต่อไปคือ “ซุ่น” คือ ธาตุไม้ น่าจะเป็นทางฝั่งเอเชียอาคเนย์
คุนขึ้นเจิ้นลงมีชีวิตออกมาสู่พื้นโลก ตายสภาพกลับสู่พื้นดิน
เกิ้นขึ้นเกิ้นลง สรรพสิ่งต่างๆ ในโลกนี้เริ่มจากจุดจบ
ยังคงทำนายปากว้าอย่างต่อเนื่อง เยี่ยเทียนจับเรียบเรียงที่ละขีดเข้าไว้ด้วยกัน เหตุการณ์เมื่อแปดปีที่แล้ว ในสมองของเยี่ยเทียนก็เกิดเป็นภาพค่อยๆ ชัดเจนขึ้นมา
ครั้งแรกที่ฝูอี้ถูกลักพาตัวไป เดิมที่แล้วเขาถูกซ่อนไว้ก่อนที่ มงก๊ก อย่างแน่นอน แต่ว่าผ้าคลุมหน้าเขาหลุดออก มองเห็นหน้าตาของพวกโจรลักพาตัวคนหนึ่งเข้า เลยทำให้พวกโจรลักพาตัวเกิดความคิดที่จะฆ่า
หลังจากฝูอี้ถูกฆาตกรรม พวกโจรก็พาเขาศพเขาขึ้นเรือหนีไปยังไต้หวัน พอไปถึงกลางมหาสมุทรแล้วก็เอาศพของฝูอี้ยัดกระสอบโยนทิ้งทะเลไป
เพื่อที่จะหลุดพ้นจากข้อกล่าวหา ทุกคนต่างก็บอกว่ามีคนผลักฝูอี้ตกลงไปในน้ำทะเล นี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญ ที่ตำรวจฮ่องกงยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการถึงการเสียชีวิตของฝูอี้
เยี่ยเทียนในการทำนายครั้งนี้ทำให้เขาสูญสิ้นพลังมากที่สุด ช่วงเวลาที่กำลังทำนาย ก็รู้สึกนอนหลับไม่สนิท หลังจากที่ตื่นขึ้นมาก็เดินลมปราณ พลังก็กลับมาเหมือนเดิม แล้วก็ทำนายต่อ ทำเช่นนี้มาแล้วสามวัน
“ฮือ มีการตอบสนองแล้ว”
ในวันที่สามเวลาก่อนรุ่งอรุณ หลังจากที่เยี่ยเทียนทำนาย ทันใดนั้นในใจก็มีความรู้สึกหวิวๆ ขึ้นมา รู้สึกเหมือนว่ามีลมหายใจขาดหายไป และอยู่ค่อนข้างไกล
“นี่ ทำไมถึงไปถึงไต้หวันแล้วละ”
หยิบเอาแผนที่พื้นที่มหาสมุทรของเอเชียอาคเนย์ใช้เวลาอยู่กับมันครึ่งค่อนวัน เยี่ยเทียนมองไปที่ช่องแคบมหาสมุทร กับเกาะเล็ก ๆ สีหน้าแสดงอาการมึนงง แต่นี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีอย่างยิ่ง
ต้องรู้ว่า น้ำทะเลที่ขึ้นลง เป็นไปได้อย่างมากที่มันจะดึงดูดสิ่งของบางอย่างให้จมลงสู่ก้นทะเล ถ้าเกิดว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ แม้ว่าเยี่ยเทียนจะมีความสามารถแค่ไหน ก็ไม่มีวิธีหรือหนทางที่จะหาซากกระดูกของฝูอี้เจอเลย
“ได้ อย่างไรก็นอนก่อนเถอะ”
เยี่ยเทียนง่วงจนไม่สามารถฝืนต่อไปได้ เดินคอตกไปเข้านอน สามวันในการทำนาย ทำให้เยี่ยเทียน สูญเสียพลังไปมาก
นอนถึงช่วงเวลากลางวันของวันที่สอง เยี่ยเทียนก็ตื่นขึ้น อาบน้ำเปลี่ยนชุด เดินลงมาที่ห้องรับแขก ก็เห็นกงเสี่ยวเสี่ยวสีหน้าเต็มไปด้วยความหวัง
เยี่ยเทียนใช้เวลาในการทำนายมาแล้วสามวัน กงเสี่ยวเสี่ยวก็ต้องทนทุกข์ทรมานถึงสามวัน ที่ผ่านมานี้เธอก็ให้ผู้ช่วยคอยดูแลธุรกิจของเธอทั้งหมด ใช้เวลาอยู่ที่นี้ตลอดเพื่อรอผลการทำนายของเยี่ยเทียน
แม้ว่ารอมาแล้วสองวัน เยี่ยเทียนก็ยังไม่สามารถทำนายได้ถึงร่องรอยของซากกระดูกของสามีเธอ กงเสี่ยวเสี่ยวภายในใจรู้สึกหมดหวัง ต้องรออีกกี่วัน เดิมทีใบหน้าที่แดงเลือดฝาด ก็เปลี่ยนเป็นซีดเซียวไร้เรี่ยวแรง
เยี่ยเทียนวันนี้ไม่ได้ทำกงเสี่ยวเสี่ยวผิดหวัง ไม่พูดอ้อมค้อม บอกไปว่า “ร่องรอยของซากกระดูกหาเจอแล้ว อยู่ที่ไต้หวัน”
“ไต้หวันอยู่ที่ไหนของไต้หวัน” กงเสี่ยวเสี่ยวกับถังเหวินหยวนส่งเสียงออกมาพร้อมกัน
“เรื่องของตำแหน่งผมไม่ค่อยแน่ใจ”
เยี่ยเทียนส่ายหัว เขาไม่มีข้อมูลที่ละเอียดของแผนที่ในไต้หวัน เลยไม่มีวิธีที่จะระบุตำแหน่งที่แน่ชัดออกมาได้ แต่ถึงเขาระบุออกมาแล้ว มันก็ยังเป็นการยากสำหรับ กงเสี่ยวเสี่ยวที่จะหาซากกระดูกเจอ
……….