หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 367 ออกจากภูเขา
ในวันนี้ ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสามคนต่างก็กินเหล้าเมามาย ไม่มีใครใช้กำลังภายในในการลดแอลกอฮอล์เลย ชายชราสองเด็กหนุ่มหนึ่ง ต่างก็อัดอยู่ในบ้านเล็กๆแคบๆของโก่วซินเจียแล้วก็หลับใหลลงไป
วันที่สองท้องฟ้ายังไม่สว่าง ไก่ขันที่เลี้ยงในวัดเริ่มร้องขึ้นมา เยี่ยเทียน โก่วซินเจียและจั่วเจียจวิ้นทั้งสามในเวลานั้นเริ่มลืมตาแล้วก็ยิ้มขึ้นมา มิตรภาพระหว่างพี่น้องสำนักเดียวกันนั้นอบอุ่นไปในหัวใจของทั้งสามคน
ถึงไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด และอายุของคนสามคนถึงจะต่างกันมาก แต่ที่มาจากสำนักเสื้อป่านด้วยกัน กลับทำให้พวกเขาสนิทกันมากกว่าพี่น้องเสียอีก
“ภูเขานั้นสะอาดบริสุทธิ์ นักพรตเต๋าถูกปนเปื้อนด้วยฝุ่นสีแดงอีกครั้ง!”
หลังจากโก่วซินเจียตื่นขึ้นมา พอมาถึงในบ้านก็ยืดเส้นยืดสาย เมื่อมองสถานที่ที่อยู่มากว่าสิบปี ในใจกลับละทิ้งบางอย่างไม่ได้
“ศิษย์พี่ สำหรับพี่แล้วการเข้าออกทางโลก ยังไม่เหมือนกันอีกเหรอ”
เยี่ยเทียนได้ยินแล้วก็ยิ้มขึ้น ถึงแม้ว่าร่างกายจะได้รับพิษของงู แต่อายุเขายังน้อยและแข็งแรง ได้รีบการฟื้นฟูมาสองสามวันแล้ว ถึงแม้ร่างกายจะอ่อนแอลงบ้าง แต่ความกระตือรือร้นไม่แตกต่างจากเมื่อก่อน
“ศิษยพี่ใหญ่ ที่นี่ยังมีของอะไรที่ยังไม่เอาไปอีกไหม เดี๋ยวผมจะให้คนมาเก็บกวาดสักหน่อย” จั่วเจียจวิ้นเดินออกมาจากในบ้าน ในมือถือโทรศัพท์มาอีกหนึ่งเครื่อง ใบหน้าก็ยิ้มด้วยสีหน้าเจื่อนๆ
ตั้งแต่เมื่อวานตอนกลางคืนจนถึงตอนนี้ มือถือของจั่วเจียจวิ้นคิดไม่ถึงว่าจะไม่ได้รับหลายสิบสาย เขากับเยี่ยเทียนถ้าหากไม่กลับไป เกรงว่าถังเหวินหย่วนก็คงขึ้นมาภูเขาพระพุทธรูปนี้แล้ว
โก่วเจียซินเป็นคนง่ายๆสบายๆ การไม่ละทิ้งบางอย่างในใจก็หายไปอย่างรวดเร็ว มองไปรอบๆแล้วพูดว่า “นอกจากดาบมูรามาสะนั่น ฉันก็ไม่มีของที่มีค่าอะไรอีก”
จั่วเจียจวิ้นพยักหน้าแล้วพูดว่า “งั้นพวกเราเดินไปกันเถอะ ผมเรียกรถมารับแล้ว”
การหายตัวไปของเยี่ยเทียน เรื่องนี้มีส่วนพัวพันอย่างมาก เมื่อก่อนเขาก็ได้ฆ่าทหารรับจ้างของเทียนหลงจนเกิดเป็นเรื่องใหญ่ขึ้น จั่วเจียจวิ้นก็อยากจะรีบกลับฮ่องกงให้เร็วที่สุด พอถึงตอนนี้ต่อให้คนคิดไม่ดีกับเยี่ยเทียน ก็ไม่ถึงกับไล่ยิงเสียงดังเอะอะเหมือนวันก่อน
โก่วซินเจียครุ่นคิดสักพักหนึ่ง ในมือที่ถือดาบมูรามาสะมาด้วย ส่งให้กับยี่ยเทียนถือ พูดว่า “พวกนายไปรอฉันที่ด้านล่างภูเขาสักพักหนึ่ง ฉันจะไปบอกลาเจ้าอาวาสซิงหยุนต้าก่อน อาศัยที่คนอื่นมาหลายสิบปี ก็ต้องคืนให้เขา”
โก่วเจียซินถึงแม้จะอายุมากกว่าซิงหยุนเกือบสิบปี แต่เขาก็บำเพ็ญเพียรอย่างหนัก ช่วงชีวิตต้องยาวนานกว่าซิงหยุนแน่นอน
ซิงหยุนกับโก่วซินเจียเป็นพระภิกษุรูปหนึ่ง อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งสองเป็นเพื่อนกันมาครึ่งชีวิต ถ้าภูเขาพระพุทธรูปแห่งนี้มีสิ่งเดียวที่โก่วซินเจียทิ้งไม่ลง ก็คงมีแค่อาจารย์ซิงหยุนแล้วแหละ
“ได้ ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเราจะไปรอคุณที่ด้านล่างภูเขา”จั่วเจียจวิ้นพยักหน้า หลังจากที่รู้ที่ไปที่มาบางอย่างของโก่วซินเจีย ในใจของเขาก็เคารพพระซิงหยุนอย่างเป็นที่สุด
ต้องรู้ว่า คุณเจียงคนนั้นเป็นคนที่มีอำนาจใหญ่โตในไต้หวัน ชิงหยุนกล้าที่จะรับโก่วซินเจียในขณะที่ทุกคนไม่ยอมรับ นี่ก็ถือว่าเป็นคนที่ใจกล้า
หลังจากที่ออกจากวัดลัทธิเต๋า โก่วซินเจียก็เดินเข้าไปในภูเขาต่อ เยี่ยเทียนกับจั่วเจียจวิ้นกลับเดินลงจากภูเขา แต่พอมาถึงหน้าประตูทางขึ้นเขา คิ้วของจั่วเจียจวิ้นก็ขมวดขึ้น
“ศิษย์พี่ พวกเขาเป็นใครกัน”
เมื่อเห็นผู้ชายผิวขาวที่ตัวใหญ่น่าเกรงขามสี่คนยืนอยู่หน้าประตู เยี่ยเทียนถึงกับจับดาบมุรามาสะให้แน่นเข้าไปอีก ค่อยๆก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่มีเสียง ยืนอยู่ที่ด้านหน้าของจั่วเจียจวิ้น
จั่วเจียจวิ้นถึงแม้วิชากังฟูจะดี แต่ความสามารถเมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่อันตราย ยังเทียบกับยี่ยเทียนไม่ได้มาก ใกล้กันขนาดนี้ ถ้าอีกฝ่ายควักปืนออกมาไล่ยิง จั่วเจียจวิ้นต้องหลบไม่ได้อย่างแน่นอน
“พลังพิฆาตแรงมาก”
เยี่ยเทียนขยับไปข้างหน้าอีก ทันใดนั้นชายผิวขาวทั้งสี่คน ก็รู้สึกเหมือนกับว่าถูกพลังบางอย่างกดดัน ต้องสูดหายใจถี่เร็วขึ้น ราวกับว่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาคือมังกรยักษ์ในตำนานตะวันตก
ในเวลานั้นสายลมพลันนิ่งสนิท ดาบญี่ปุนในมือของเยี่ยเทียนก็ส่งเสียงขึ้นเบา ๆ ราวกับว่าอยากกระโดดออกมาจากฝักเพื่อดื่มเลือดของศัตรู
เวลาที่เยี่ยเทียนมองมาที่คอของพวกเขา ผู้ชายผิวขาวทั้งสี่คน ถึงกับอดไม่ได้ที่จะสั่นเทาไปทั้งตัว ร่างกายก็ขนลุกขนพองขึ้น ในสมองก็อดคิดถึงการตายของทหารรับจ้างเมื่อสองสามวันก่อนไม่ได้
“คุณเยี่ย สวัสดีครับ ผมชื่อมาราไกย์ ดามัวดี้ สามคนนี้เป็นทีมของผม พวกเราได้รับการไหว้วาน ให้มาคุ้มครองคุณ
ทหารรับจ้างพวกนี้เป็นคนที่ซ่งเวยหลันส่งมา วันนั้นหลังจากที่หาเยี่ยเทียนไม่พบ พวกเขาก็ถูกจั่วเจียจวิ้นไล่กลับไป แต่ก็ยังคงสะกดรอยตามจั่วเจียจวิ้นทุกการเคลื่อนไหว
เมื่อวานจั่วเจียจวิ้นมาที่ภูเขาพระพุทธรูป คนพวกนี้ก็ตามเข้ามา แต่วัดอยู่บนภูเขาพระพุทธรูปนั้นอยู่สุดลูกหูลูกตา พวกเขาก็ไม่มีวิธีที่จะเข้าไปหา ก็ได้แค่เฝ้ารอที่ด้านล่างภูเขา
ในฐานะหัวหน้าทีมทหารรับจ้างชุดนี้ ไม่เพียงแต่ขนที่ลุกออกมา เขาก็ยังจำรูปลักษณ์หน้าตาของเยี่ยเทียนได้ขึ้นใจ เมื่อรู้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเต็มไปด้วยพลังพิฆาต ที่พวกเขาต้องมาปกป้องในครั้งนี้
แต่ในตอนนี้มาราไกย์ก็ได้รู้แล้ว ทหารรับจ้างทั้งยี่สิบสองคนที่ถูกเยี่ยเทียนฆ่าตายไป ในใจก็อดที่จะเป็นกังวลไม่ได้ คนที่เหมือนเทพการฆ่าคนนี้ จำเป็นต้องให้พวกเขาปกป้องด้วยเหรอ
“ปกป้องผมเหรอ”เยี่ยเทียนฟังภาษาอังกฤษของฝ่ายตรงข้ามเข้าใจ เมื่อได้ยินก็อดที่จะตะลึง ถามว่า “พวกคุณได้รับคำสั่งจากใครเหรอ”
“คุณเยี่ย คุณนายซ่งจากอเมริกาเป็นคนจ้างมา ระยะเวลาคุ้มครองมีผลหนึ่งปี หวังว่า…หวังว่าคุณจะไม่ทำให้พวกเราทำงานลำบาก”
เมื่อหันไปเผชิญหน้ากับจั่วเจียจวิ้น มาราไกย์ในใจยังคิดว่าได้เปรียบฝ่ายตรงข้าม แต่ตอนนี้เมื่อยืนต่อหน้าเยี่ยเทียน ความเย่อหยิ่งในใจของเขานั้นก็ได้หายไปตั้งนานแล้ว
ถึงแม้ว่าตัวเองจะมั่นใจในการใช้ปืนที่แม่นยำ มาราไกยก็ไม่มั่นใจว่า จะชักปืนออกมาทันก่อนที่ดาบเล่มนั้นในมือของฝ่ายตรงข้ามจะตัดคอตัวเขาเสียก่อน
ดังนั้นมาราไกย์ไม่กล้าพูดถึงหน้าที่การรับผิดชอบความปลอดภัยให้กับเยี่ยเทียนอะไรพวกนั้น เขาแค่ขอร้องเยี่ยเทียนให้พวกเขากับเพื่อนอีกสามคนที่ตามมา ใช้เวลาที่ถูกจ้างหนึ่งปีนี้อยู่ด้วยก็เท่านั้น
“เยี่ยเทียน เป็นคนที่แม่คุณส่งมา ผมได้ตรวจสอบแล้ว”จั่วเจียจวิ้นเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว กระซิบข้างหูเยี่ยเทียน
“พวกเขาไม่มีประโยชน์อะไร จะมาเพิ่มความวุ่นวายให้มากกว่า”
เยี่ยเทียนส่ายหน้า คาดไม่ถึงกับพฤติกรรมของแม่ตัวเอง ที่อยากให้ตัวเองปลอดภัย รีบจัดการซ่งเสียวหลงที่ไม่รู้เรื่องอะไรให้เสร็จก็ไม่ใช่โอเคแล้วหรือ
“มากเท่าไรก็ตกใจมากเท่านั้น ตอนนี้คุณก็มีปัญหารอบด้าน ก็เอาไว้ข้างกายเถอะ
จั่วเจียจวิ้นถึงแม้จะรู้สึกว่าทหารับจ้างที่มีฝีมือพวกนี้ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร แต่มีพวกเขาอยู่ข้างกาย อาจจะทำให้หลายคนที่กำลังหาเรื่องเดือดร้อนพะว้าพะวงได้
“เอาเถอะ”
เยี่ยเทียนถอนหายใจ มองมาที่มาราไกย์แล้วพูดว่า “ตามผมมาก็พอ แต่ผมไม่อยากให้พวกคุณมารบกวนชีวิตประจำวันของผม ตั้งแต่วันนี้ไป นอกจากมีเกิดเรื่องขึ้น ให้พวกคุณออกห่างจากผมยี่สิบเมตร”
คำพูดของบอดี้การ์ดทุกคนต่างก็เข้าใจ แต่ที่ประเทศจีน บอดี้การ์ดไม่ใช่ทุกคนที่จะมีได้ โดยเฉพาะบอดี้การ์ดที่เป็นชาวต่างชาติ เยี่ยเทียนกลับไม่อยากได้รับการปฏิบัติเหมือนหมีแพนด้าที่อยู่นอกประเทศจีน
เมื่อยี่ยเทียนพูดออกมา พลังพิฆาตที่อยู่ในตัวนั้นก็หายไปในพริบตา ทำให้หลายคนถึงกับถอนหายใจ มาราไกย์รีบพูดว่า “ครับ คุณเยี่ย พวกเราจะทำตามวิธีของคุณ”
ตั้งแต่เห็นหน้าเยี่ยเทียนครั้งแรก ในใจของมาราไกย์ก็เข้าใจเป็นอย่างดี นี่คือคนที่มีพลังอย่างมากทั้งในและนอก ถ้าแม้แต่เขายังรับมือไม่ได้ ลูกน้องไม่กี่คนก็คงรับมือไม่ได้เหมือนกัน
ดังนั้นคำขอของเยี่ยเทียนถึงแม้จะไม่สอดคล้องกับกฎการคุ้มครองของบอดี้การ์ด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มาราไกย์รับปากรับคำ ต้องรู้ว่า ทำงานเสร็จในหนึ่งปีนี้ เงินสามสิบล้านเหรียญอเมริกาก็เพียงพอสำหรับพวกเขาสองสามคนที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่
“พอแล้ว งั้นตอนนี้พวกคุณก็ออกห่างหน่อยได้ไหม”
เยี่ยเทียนโบกไม้โบกมือ แต่ไหนแต่ไรเขาก็ชินกับการใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ถูกพวกมาราไกย์ติดตามอีก เนื้อตัวก็รู้สึกไม่สบาย หากไม่ใช่เพื่อไว้หน้าของแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบคนนั้น เยี่ยเทียนก็คงขับไล่คนเหล่านี้ออกไปตั้งนานแล้ว
มาราไกย์พยักหน้า รีบควักมือถือออกมา พูดว่า “คุณเยี่ย มือถือเครื่องนี้หวังว่าคุณจะพกติดตัวด้วย มันมีฟังก์ชั่นระบุตำแหน่งผ่านดาวเทียม ในกรณีฉุกเฉินเราจะหาคุณได้สะดวก”
“ได้ ผมจะเอาไปด้วย พวกคุณก็ไปกันได้แล้ว”
เยี่ยเทียนยื่นมือมารับ โทรศัพท์มือถือของเขาหายไปในคืนฝนตกนั้นอย่างไร้ร่องรอย เมื่อเหลือบมองไปที่โทรศัพท์ของมาราไกย์ที่เล็กกว่าโทรศัพท์เครื่องนั้นของตัวเอง เยี่ยเทียนก็ไม่ได้พูดอะไร
มาราไกย์รอให้ทุกคนโค้งคำนับนิดหนึ่งให้กับเยี่ยเทียน หลังจากนั้นกลับไปที่รถที่จอดห่างออกไปหลายสิบเมตร นี่ถึงรู้สึกว่าด้านหลังเสื้อของตัวเองเปียกไปหมด นี่ก็เห็นได้ว่าพวกถูกกดดันจากเยี่ยเทียนมากขนาดไหน
“ดาบมูรามาสะนี้เป็นดาบมารจริงๆ ·พลังพิฆาตนี้ไม่แตกต่างกับ มีดสั้น อู่เหินเลย ”หลังจากที่รอพวกมาราไกย์จากไป เยี่ยเทียนมองดาบมุรามาสะด้วยความประหลาดใจ
เมื่อเห็นเยี่ยเทียนควักดาบออกมาดู จั่วเจียจวิ้นรีบห้ามเขา แล้วพูดว่า “ศิษย์น้องเยี่ย ดาบเล่มนี้กลับไปวางไว้ที่บ้าน ไม่มีเรื่องอะไรห้ามเอาออกมาเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะทำให้เกิดภัยพิบัติได้”
ดาบมุรามาสะเล่มนี้ ตีขึ้นโดยช่างตีดาบที่มีชื่อเสียงที่อาศัยอยู่ในคูวานะในญี่ปุ่นยุคมูโรมาจิ ดาบที่ถูกตีออกมาในรุ่นแรก ๆ จะถูกสลักว่า “ สร้างโดย ซามูไร ตระกูล มุรามาสะ ” จึงเรียกด้ามเล่มนี้ว่า ดาบมุรามาสะ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
นอกจากนี้ญี่ปุ่นยังเป็นประเทศที่ผู้คนรักษาหน้า รักษาศักดิ์ศรีของตัวเอง โดยเฉพาะพวกซามูไรที่ต้องให้ยิ่งกว่าชีวิต เมื่อคราวบรรพบุรษของตระกูล “คิตะ” ได้ทำดาบ มุรามาสะ หายไป เมื่อกลับมาถึงบ้าน เกือบถูกสั่งให้ฆ่าตัวตายด้วยการผ่าท้องฮาราคีรี
ดังนั้นถ้าพวกเขารู้ว่าดาบเล่มนี้อยู่ในมือของเยี่ยเทียน เกรงว่าเยี่ยเทียนในวันข้างหน้าจะไม่สงบสุข มองจากมุมมองนี้ ดามมุรามาสะนี้เป็นของที่ไม่สามารถบรรยายได้
“ศิษย์พี่ ผมเข้าใจแล้ว”
หลังจากที่ได้ฟังจั่วเจียจวิ้นอธิบาย เยี่ยเทียนพยักหน้า ถ้าหากเป็นเขาหลายวันก่อน ไม่แน่ว่าอาจจะตั้งใจทิ้งมันไว้ และดึงดูดผู้คนในตระกูล คิตะมิยะ ให้มาล้างแค้นศิษย์พี่ใหญ่
แต่เมื่อผ่านค่ำคืนการลอบฆ่าในคืนฝนตก เยี่ยเทียนกลับโตไม่น้อย บุรุษตามที่โบราณได้กล่าวไว้ว่า การได้ยืนอยู่ในกำแพงที่อันตรายจะทำให้เข้าใจได้มากกว่า
“หือ เหล่าถังและคุณนายกงมาเองเลยเหรอ”
ในขณะที่เยี่ยเทียนพูดกับจั่วเจียจวิ้น รถตู้นักธุรกิจคันหนึ่งก็วิ่งมาที่หน้าประตูภูเขา ถังเหวินหย่วนและกงเสียวเสี่ยว คนหนึ่งอยู่หน้าคนหนึ่งอยู่หลังก็ลงมาจากรถ
……….