หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 375 สมาคมมวยวูซู
“พี่ใหญ่ ไม่กี่เดือนที่ไม่ได้เจอหน้ากัน ทำไมตอนนี้มันถึงกลายเป็นเหมือนไก่ชนไปเสียแล้ว”
เมื่อได้เห็นท่าทางโกรธเคืองของสวีเจิ้นหนาน เยี่ยเทียนมีความรู้สึกตลกนิดหน่อย ถูกคนทำร้ายจนกลายเป็นแบบนี้ ไม่นึกเลยว่ายังเสียงดังโหวกเหวกจะฆ่าคนอื่นให้ตาย
เห็นท่าทางของเยี่ยเทียนที่กลั้นขำ สวีเจิ้นหนานไม่สบายใจอย่างมาก พูดว่า “เยี่ยเทียน เจ้าหมอนี่ แกอย่าคิดดูถูกพี่ใหญ่คนนี้เชียว เมื่อวันก่อนรองหัวหน้าสมาคมคาราเต้ ถูกฉันถีบไปทีเดียวก็ล้มลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว และตอนนี้ฉันก็เป็นกำลังสำคัญที่สุดของสมาคมวูซู”
“ใช่ วันก่อนเจิ้นหนานของพวกเราสุดยอดมาก”
สวีเจิ้นหนานพูดไม่หยุด ทันใดนั้นก็มีเสียงใสของผู้หญิงดังขึ้นมา กลับเป็นหญิงสาวสี่คนที่เดินออกมาจากหอพัก คนหน้าสุดก็คืออวี๋ชิงหย่ากับเว่ยหรงหรง มือของทุกคนเต็มไปด้วยของ
“แหม หรงหรง มันเร็วมากที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเจิ้นหนานแล้ว”
“ก็ใช่ มันชวนให้ขนหัวลุกกว่าอวี๋ชิงหย่าเสียอีก”
พวกสาว ๆ เหล่านี้อยู่หอเดียวกันมาสี่ห้าปีแล้ว มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก เว่ยหรงหรงเพิ่งจะคุยโม้ถึงสวีเจิ้นหนาน แต่ก็ถูกคนจับได้
“ก็คือครอบครัวของพวกเราเอง เป็นอะไร พวกเธอแค่อิจฉา”
เว่ยหรงหรงแม่พริกขี้หนูฉายาของเธอไม่ได้มาเล่น ๆ ทันใดนั้นก็ยืดอกต่อต้านขึ้นมาทันที กลุ่มของผู้หญิงที่อยู่หน้าหอพักก็หัวเราะเสียงดังลั่นขึ้นมา ทำให้กลุ่มของผู้ชายที่เดินผ่านต่างก็พากันกลืนน้ำลาย
“ชิงหย่า เอาของมาให้ฉัน” รอให้พวกผู้หญิงล้อเล่นกันอย่างสนุกสนานเสร็จแล้ว เยี่ยเทียนก็เปิดท้ายรถ หลังจากนั้นก็รับของที่อยู่ในมือของอวี๋ชิงหย่ามา
หญิงสาวใบหน้ากลม ๆที่ดูทั้งสวยและหวานให้ความสนใจกับท่าทางของเยี่ยเทียน พูดว่า “ดู คนในครอบครัวของอวี๋ชิงหย่าก็ยังมีมารยาท พี่สุดหล่อ ว่ากันว่าแต่ก่อนพี่ก็เคยเรียนที่หวาชิง”
หลังจากที่ได้กลับมาที่มหาวิทยาลัย เยี่ยเทียนรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมามาก นึกถึงแต่ก่อนเหตุการณ์สมัยเข้าเรียน ใบหน้าที่ไร้เดียงสา พูดว่า “ใช่ครับ สวัสดีครับรุ่นพี่”
“เล่ามาเลย ว่าเป็นไงมาไงถึงได้มาจีบชิงหย่าเนี่ย”
“ก็คือว่า สาวสวยอันดับหนึ่งของคณะวารสารศาตร์ถูกคนมาตามจีบ” ต้องสารภาพออกมา
ระยะเวลาที่เยี่ยเทียนอยู่ในหวาชิงสั้นมาก นอกจากเว่ยหรงหรงแล้ว กับอวี๋ชิงหย่านักศึกษาคนอื่น ๆ ก็ไม่มีใครรู้จักเขา เมื่อเห็นเยี่ยเทียนพูดเก่งเช่นนี้ ทุกคนก็ต่างล้อมวงเข้ามา
“จำเป็นต้องเล่าจริง ๆ” สายตาปลิ้นปล้อนของเยี่ยเทียน
“ไม่เอาน่า อย่าทำอะไรแปลก ๆ”
อวี๋ชิงหย่ารู้จักเยี่ยเทียนเป็นอย่างดี ผลักเขาด้วยความโกรธ พูดว่า “พวกพี่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกเราก็ต้องแยกจากกันแล้ว วันนี้ฉันเป็นเจ้าภาพ พวกเราไปกินข้าวด้วยกันเถอะ”
“ได้นะ ชิงหย่า แต่ว่าพวกเราต้องเป็นคนเลือกสถานที่นะ”
“ก็คือ วันนี้แฟนเธออาจต้องหมดตัว”
หลังจากสาว ๆได้ยินคำพูดของอวี๋ชิงหย่าแล้ว ทุกคนก็ต่างผงกหัวตกลง
แต่ความจริงแล้วความหมายของพวกเธอคือตั้งใจที่จะควบคุมเยี่ยเทียน สาว ๆคณะวารสารศาตร์มีคนมาตามจีบอย่างไม่ขาดสาย อีกทั้งแฟนหนุ่มของพวกสาว ๆ ก็ต่างเป็นคนมีเงิน เพียงแต่ว่าวันนี้บังเอิญเจอเยี่ยเทียน ก็ต้องให้เขาเป็นเจ้าภาพแล้ว
“ไม่มีปัญหา คุณผู้หญิงทั้งหลาย เชิญขึ้นรถครับ” เยี่ยเทียนยิ้มพร้อมเปิดประตูรถ พูดกับสวีเจิ้นหนานว่า “พี่ใหญ่ พี่นั่งข้างหน้า”
สวีเจิ้นหนานได้ยินแล้วหยุดชะงักอยู่ครู่หนึ่ง พูดอย่างฝืน ๆว่า “เยี่ยเทียน ฉัน ฉันยังมีธุระที่ต้องจัดการ”
เยียเทียนหัวเราะกับท่าทางของสวีเจิ้นหนาน หัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ว่าเป็นการประลองของพวกนักศึกษาในสมาคมหรือ พี่ไปคนเดียวก็ไม่สามารถจัดการอะไรได้”
เยี่ยเทียน ไม่ใช่ว่าจะพูดอะไรก็ได้ ยูโดกับคาราเต้ของญี่ปุ่นอะไรพวกนี้ ต่างก็คือวิวัฒนาการดัดแปลงจากศิลปะการต่อสู้ของจีน ตอนนี้จะให้บอกว่าเป็นมวยวูซูของจีนก็ไม่ได้ นี่ไม่ใช่การหลอกอาจารย์หรือ
สวีเจิ้นหนานส่ายหัวอย่างจริงจัง พูดว่า “ไม่ได้ ฉันจำเป็นต้องไปดู เยี่ยเทียน ไม่อย่างนั้นพวกเธอก็ไปกินข้าวกันก่อน ฉันตามไปทีหลัง”
“เจิ้นหนาน ฉันจะไปกับเธอ” เว่ยหรงหรงครั้งนี้แสดงท่าทางอ่อนหวานพร้อมกับดึงแขนของสวีเจิ้นหนานพูดว่า “ฉันจะไปเชียร์และให้กำลังใจเธอ”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเว่ยหรงหรง ใบหน้าสวีเจิ้นหนานในเวลานั้นก็เต็มไปด้วยความสุขเบิกบาน ยืดอกมากกว่าเดิม ส่งเสียงดังออกมาว่า “ตกลง ฉันจะสั่งสอนเจ้าพวกเด็กน้อยญี่ปุ่นกลุ่มนั้นให้อย่างดีเลย”
รวมตัวเองและสวีเจิ้นหนานทั้งหมดเป็นหกคนที่จะไปกินข้าวด้วยกัน ขาดไปสองคนก็ไม่เป็นไร เยี่ยเทียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกไปว่า “ได้ หรือว่าพวกเราจะไปเชียร์และให้กำลังใจพี่ใหญ่สวีเจิ้นหนานกัน”
ในความคิดของเยี่ยเทียน วิชาป้องกันตัวมีอยู่เพียงสองประเภทเท่านั้นคือ ประเภทที่หนึ่งคือเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ประเภทที่สองคือเพื่อฆ่าศัตรูในสนามรบ
เหมือนกับเทควันโด้ของเกาหลีใต้และยูโดกับคาราเต้ของญี่ปุ่น แม้ว่าเคยถูกจัดให้อยู่ในรายการการแข่งขันของกีฬาโอลิมปิก แต่ว่าในมุมมองของเยี่ยเทียนนั้น ต่างล้วนแล้วเป็นท่ามวยที่ฉาบฉวย เขาก็ไม่ได้ให้ความสนในโดยสิ้นเชิง
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน หญิงสาวหน้ากลม ๆก็เอ่ยปากพูดว่า” ตกลง พวกเราไปกันหมดเลย พวกคนญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างที่จะบ้า”
อวี๋ชิงหย่าผงกหัว พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะ อย่างไรก็ยังมีเวลาอีกเยอะกว่าเราจะไปกินข้าวกัน”
ระยะทางระหว่างสมาคมวูซูไม่ได้ไกลมากจากที่นี่ เยี่ยเทียนจอดรถไว้ข้าง ๆหอพัก ทุกคนต่างเดินไปด้วยกัน
เยี่ยเทียนดึงอวี๋ชิงหย่าแล้วเดินตามหลังคนอื่น พูดเสียงเบา ๆว่า “ชิงหย่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่ใช่ว่าเป็นการประลองของพวกนักศึกษาของสมาคมวูซูกับสมาคมคาราเต้หรอกหรือ ทำอย่างกับร่วมแรงรวมใจกันต่อต้านศัตรู”
เพราะว่าสนิทกับเว่ยหรงหรง อวี๋ชิงหย่าเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี เอ่ยปากพูดว่า “แต่ก่อนคือไม่มีอะไร ทั้งสองสมาคมต่างก็รับสมาชิกเข้ามา แต่ว่าเมื่อเทอมที่แล้วมีนักศึกษาญี่ปุ่นเข้ามาใหม่ บอกว่ามวยวูซูของจีนเทียบไม่ได้กับคาราเต้ของญี่ปุ่น นั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งสองสมาคมเป็นศัตรูกัน”
แต่จริง ๆแล้วคนญี่ปุ่นก็ไม่ใช่พวกที่อวดดีขนาดนั้น แต่แรกหัวหน้าสมาคมคาราเต้กับหัวหน้าสมาคมวูซูปรองดองไปมาหาสู่กันดี หัวหน้าของทั้งสองสมาคมกลับไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกันเลย
แต่ว่าหัวหน้าคนเก่าของสมาคมคาราเต้พอเรียนจบก็กลับไปที่ญี่ปุ่นแล้ว แต่ว่านักศึกษาที่เพิ่งเข้ามาใหม่นักศึกษาญี่ปุ่นคนหนึ่งกลับบ้าระห่ำมาก ชอบไปยั่วยุพวกสมาชิกในสมาคมวูซูอยู่ตลอดเวลา ก็ตั้งแต่นักศึกษาคนนั้นเข้ามา ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝั่งกลายเป็นศัตรูเกลียดชังกันขึ้นมา
นี่ก็ครึ่งปีกว่าได้แล้ว สมาคมวูซูกับสมาคมคาราเต้แลกเปลี่ยนความเห็นซึ่งกันและกันมากมาย ต่างก็มีแพ้ชนะซึ่งกันและกัน การประลองฝีมือของนักศึกษา ก็คือแลกหมัดกันทั้งหมด แต่ก็ไม่เคยมีปัญหาใหญ่อะไรเกิดขึ้น
แต่ว่าระยะเวลาของสวีเจิ้นหนานที่ได้สัมผัสกับมวยวูซูนั้นค่อนข้างสั้น เพราะร่างกายที่แข็งแรงกำยำ หลังจากที่ได้เรียนรู้เทคนิคบางอย่าง อาศัยแรงฮึดนี้สร้างชื่อเสียงออกมา เพียงแต่ว่าทุกครั้งล้วนแล้วทำร้ายศัตรูหนึ่งพันตัวเองบาดเจ็บแปดร้อยก็เท่านั้นเอง
“พี่ใหญ่นี่ เว่ยหรงหรงก็ตามใจ”
เยี่ยเทียนรู้ความตั้งใจเดิมในการฝึกศิลปะป้องกันตัวของสวีเจิ้นหนาน ฟังคำพูดของอวี๋ชิงหย่าครั้งนี้จบ ภายในใจก็รู้สึกฝืนยิ้มไม่ออก การที่เป็นลูกผู้ชายอย่างสวีเจิ้นหนาน ก็นับว่าเป็นดอกไม้ที่งดงามอย่างมหัศจรรย์แล้ว
สนามประลองของสมาคมมวยวูซูในมหาวิทยาลัยหวาชิงนี้ยึดสนามของแบดมินตันมาใช้ พวกเขาสามารถใช้ได้เพียงแค่จันทร์ พุธ และศุกร์ตอนเย็นกับวันหยุด วันนี้เป็นวันเสาร์พอดี เดิมทีเป็นวันที่นักศึกษาทุกคนออกไปเที่ยว แต่ว่าในเวลานี้หน้าประตูของสมาคมวูซู กลับคึกคักอย่างมาก กลุ่มคนสี่ห้าสิบคนกำลังพูดคุยอะไรกันอยู่
“ไม่มีคนญี่ปุ่นหรอ” สายตาโหดเหี้ยมของเยี่ยเทียน จ้องมองไป กลับไม่เห็นใครแต่งชุดคาราเต้เลย
“เฮ้ ลูกพี่สวีมาแล้ว วันนี้ให้เขาคุมสนามที่สาม”
กลุ่มสาวสวยข้างเยี่ยเทียนดึงดูดความสนใจคนเป็นอย่างมาก ยังไม่เดินเข้าไปใกล้ กลุ่มนักศึกษาที่กำลังปรึกษาหารือกันอยู่ก็ถูกเบี่ยงเบนความสนใจมาทันที
“เกิดอะไรขึ้น พวกเขายังไม่มา”
สวีเจิ้นหนานรู้สึกพอใจที่ได้รับการสนับสนุนจากทุกคน คลึงข้อต่อกระดูกทั้งซ้ายขวาของตัวเอง มีเสียง กรอบแกรบ ไม่หยุด พูดว่า “ฝั่งตรงข้ามเป็นอาจารย์คนไหนมา ฉันว่าพวกแกไม่กี่คนก็พอแล้ว”
แม้ว่ากังฟูของสวีเจิ้นหนานจะไม่เท่าไหร่ แต่ว่าก็เป็นนักศึกษาชั้นปีที่สี่แล้ว อายุก็มากเกิน บวกกับที่เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย ชอบควักเงินเลี้ยงอยู่บ่อย ๆ ทำให้พวกรุ่นน้องต่างก็นับถือเขาอย่างหมดใจ
“ลูกพี่สวี นี่คือเทียบเชิญที่พวกเขาส่งมา พี่ลองดู” ผู้ชายรูปร่างสูงผอมที่โผล่ออกมาจากฝูงชน ในมือถือเทียบเชิญสีดำไว้หนึ่งใบ ส่งมอบให้สวีเจิ้นหนาน
“เทียบเชิญสีดำ ฝั่งตรงข้ามไม่รู้กฎหรือว่าจะลงมือฆ่า”
มองเห็นเทียบเชิญใบนั้น ตาของเยี่ยเทียนก็กระตุกขึ้นมาทันที ถ้าอยู่ในยุทธภพ เทียบเชิญสีดำ มีความหมายว่าไม่ตายก็ไม่หยุด แต่ว่านี้คืออยู่ในมหาวิทยาลัย ทั้งสองฝ่ายไม่น่าจะเกลียดแค้นอะไรกันขนาดนั้น
“สามรอบชนะสอง”
สวีเจิ้นหนานดูข้อความในเทียบเชิญอีกครั้ง พูดกับคนสูงผอมคนนั้นว่า “ได้ หลังจากนั้นก็ให้หลี่เฟิงประลองรอบแรก อาเฟยประลองรอบสอง ฉันประลองรอบสาม ทุกคนว่าอย่างไร”
อาเฟยที่สวีเจิ้นหนานพูดถึง คือคนที่มีความสูงประมาณหนึ่งเมตรแปดสิบ เป็นนักศึกษาที่มีน้ำหนักประมาณร้อยแปดสิบกิโลกรัม หลังจากที่ได้ยินสวีเจิ้นหนานเรียกชื่อตัวเองแล้ว นักศึกษาคนนั้นก็ส่งเสียงตกลงเห็นด้วย
สวีเจิ้นหนานวางแผนแบบนี้ก็ยังมีเหตุผลของตัวเอง เขาเป็นที่รู้จักในสมาคมวูซู และรู้กังฟู มีเพียงแค่เขาที่สามารถจัดการกับรอบสาม
สำหรับรอบหนึ่งกับรอบสอง ก็คือหลี่เฟิงกับอาเฟย หลี่เฟิงเกิดในตระกูลซิงจีวานในมณฑลเหอเป่ย อายุเพียงแค่สิบเก้าปี แต่ว่าวิชากังฟูของเขาแท้ที่จริงก็ไม่เลว เวลาที่สวีเจิ้นหนานประลองกับเขาก็ไม่เกินสามรอบ
และอาเฟยมาจากเหอหนาน อาศัยอยู่ใต้ภูเขา เมื่อตอนอายุห้าขวบถูกพ่อส่งไปโรงเรียนฝึกวิชาศิลปะป้องกันตัวอยู่แปดปี
อย่ามองว่าอาเฟยมีรูปร่างอ้วนตุ๊ต๊ะ แต่เขามีหัวสมองที่ดีมาก ผลการเรียนถือว่าดีเยี่ยม เมื่อปีที่แล้วเขาเป็นคนที่มีคะแนนสูงสุดของเหอหนานที่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยหวาชิงได้ สามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถทั้งด้านวิชาการและการต่อสู้ที่สมบูรณแบบ
แม้ว่าจะมีวิชากังฟูติดตัวนิดหน่อย เยี่ยเทียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆก็ยิ้มพร้อมกับผงกหัว ทั้งสองคนนี้เมื่อเทียบกับหลิวติงติงแล้วยังต่างกันอยู่เยอะมาก แต่ว่าพูดในฐานะเป็นนักศึกษา ก็ถือว่าสุดยอดมากแล้ว
หลังจากที่วางแผนเกี่ยวกับการจัดลำดับในการออกประลองเสร็จเรียบร้อยแล้ว สวีเจิ้นหนานส่งเสียงดังออกมาว่า “ไป พวกเราเข้าไปก่อน ยืนอยู่ตรงนี้รอต้อนรับพวกเขาหรือ”
“ใช่ ยืนอยู่ตรงนี้เดี๋ยวทำให้แรงอ่อนลงหรอก”
“ไป เข้าไปกันทุกคน จัดสนามประลองให้เรียบร้อยก่อน”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของสวีเจิ้นหนาน นักศึกษาห้าหกสิบคนก็เดินเข้าไปข้างในสนาม
สมาชิกของสมาคมวูซูมีเพียงแค่ยี่สิบกว่าคนเท่านั้น นอกนั้นก็เหมือนกับเยี่ยเทียน ตั้งใจว่ามาดูความสนุกสนาน เรียกได้ว่าเชียร์ลีดเดอร์ ผู้หญิงมีมากกว่าครึ่งหนึ่งของพวกเขา
ทุกคนในสนามแบดมินตันก็ช่วยกันพับตาข่ายเก็บลงมา ปูเบาะรองตรงกลางสนามหนึ่งชั้น หลังจากนั้นก็เอาเชือกมาขึงไว้สี่ทิศ หลังจากจัดสถานที่เสร็จแล้ว ทุกอย่างก็ดูดีและพร้อมสำหรับการประลอง
………