หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 485 บุพเพสันนิวาส
“นี่คืออะไร”
เยี่ยเทียนมองดูสิ่งของในมือของมาราไกย์อย่างสงสัย เขาติดหนี้น้ำใจหูจวินไม่น้อยในการหาแผนที่นี้มาได้ และภูมิทัศน์ของภูเขาและแม่น้ำที่แสดงอยู่ในมือของมาราไกย์ คาดไม่ถึงว่าแผนที่นี้จะละเอียดกว่าของเขา
“จากหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษ แหะแหะ บอส สิ่งนี้มีไว้สำหรับ 007 ที่ใช้ในภาพยนตร์เท่านั้น!”
มาราไกย์ยิ้มขึ้นอย่างภาคภูมิใจ แต่เขาไม่ได้พูดโม้อะไร สิ่งที่เขามีอยู่ในมือคือระบบระบุตำแหน่งดาวเทียม GPS รุ่นล่าสุดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของอังกฤษ สามารถเชื่อมต่อกับดาวเทียมตรวจสอบในท้องฟ้า เพื่อใช้การตรวจสอบเฉพาะจุดบนพื้นดิน
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ระบบนี้จะถูกใช้อย่างกว้างขวางในบ้านและรถยนต์ แต่ตอนนี้ ยังเป็นของเทคโนโลยีทางทหารที่ทันสมัยที่สุด หากไม่ใช่ทีมทหารรับจ้างสี่คนของมาราไกย์ที่เป็นอดีตสายลับอังกฤษ เขาก็คงหาสิ่งนี้ไม่ได้
“นี่คือทะเลสาบไรน์ในตองยี พวกเราก็มาพบกันที่นี่นะ”
สำหรับพม่าแล้ว มาราไกย์คุ้นเคยมากกว่าเยี่ยเทียน ชี้ไปยังจุดหนึ่งบนแผนที่แล้วพูดว่า “ทะเลสาบไรน์ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ มีเกาะลอยจำนวนมากที่เกิดจากการสะสมของพืชน้ำที่เน่าเปื่อยในทะเลสาบ ชาวอินดาท้องถิ่นปลูกพืชและสร้างบ้านบนเกาะลอย และยังมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากในฤดูกาลนี้ และมีคนสามหรือห้าสิบคนที่อาศัยอยู่ในที่นี่ ต่างก็ไม่สะดุดตาอะไร”
เยี่ยเทียนได้ตรวจสอบที่ตั้งของทะเลสาบไรน์และพยักหน้าแล้วพูดว่า “ดี พรุ่งนี้ผมจะทิ้งรถทหารไว้ให้พวกคุณคันหนึ่งที่ด้านนอกย่างกุ้ง รถที่พวกคุณขับตอนนี้ไม่ต้องใช้แล้ว ได้ ไม่มีอะไรผมจะกลับไปก่อนแล้วนะ ”
เนื่องจากอาวุธที่อยู่ในห้องนี้ รถที่เล็กนิดเดียวไม่สามารถบรรจุได้หมด เยี่ยเทียนก็กลัวว่าพวกพี่พวกนี้จะถูกคนอื่นจับได้ เพราะมันจะส่งผลต่อแผนการในอนาคตของเขา
เมื่อเห็นเยี่ยเทียนจะไป มาราไกย์หยิบเครื่องวิทยุสื่อสารขนาดใหญ่กว่าโทรศัพท์นิดหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะและส่งให้เยี่ยเทียน พูดว่า “บอส วิทยุสื่อสารเครื่องนี้คุณรับไว้เถอะ ที่นี่ผมมีเครื่องส่งสัญญาณแรงสูง สามารถโทรภายใน 50 ถึง 60 กิโลเมตร ใช้อันนี้ค่อนข้างสะดวก”
ในฐานะทหารรับจ้างชั้นนำของโลก มาราไกย์และคนอื่นๆ ใช้ความสามารถในการจับคู่อุปกรณ์ อุปกรณ์ทั้งหมดที่พวกเขาใช้เป็นอุปกรณ์ที่ดีที่สุดในโลก เปรียบเทียบกับกองกำลังพิเศษในบางประเทศยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ก็เหมือนกับเครื่องวิทยุสื่อสารเครื่องนี้ พวกเขาให้เยี่ยเทียนถือติดตัว และหลายคนก็แบ่งกันติดตั้งหูฟังพร้อมวิทยุสื่อสาร และยังมีประสิทธิภาพที่ป้องกันน้ำได้ ตอนที่ทำสงครามมันสะดวกในการบังคับบัญชาและการประสานงานระหว่างการปฏิบัติงาน ความสามารถซุกซ่อนและปรับใช้ตามสถานการณ์ดีมาก
เมื่อรับสัญญาณเครื่องสื่อสารวิทยุแล้ว เยี่ยเทียนก็ออกจากพวกมาราไกย์ที่กำลังซ่อนตัวอยู่ และกลับไปที่โรงแรม ทันทีที่เปิดประตู ก็มีลมพัดมาปะทะที่หน้า รีบยื่นมือคว้า แต่เก้าอี้กลับบินว่อนเข้ามา
“นี่พวกคุณกำลังทำอะไรกันน่ะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว”
เยี่ยเทียนจ้องสักพัก กล้าที่จะเอาโต๊ะเก้าอี้โซฟาที่อยู่กลางห้องรับแขกนี้ย้ายออกไป โจวเซี่ยวเทียนและหลิ่วติ้งติ้งแสดงวิทยายุทธทั้งตัวอยู่ในนี้ หันสายตาไปมองที่หูหงเต๋อที่มองอย่างตื่นตาตื่นใจ เยี่ยเทียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและต่อว่า “ผมว่านะเหล่าหู พวกหนุ่มสาวกำลังเที่ยวก่อกวนคนอื่นไปทั่ว คุณก็อย่าไปสนใจเลย”
ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะอายุห่างกันไม่มาก แต่เยี่ยเทียนก็เคยไปท่องยุทธภพกับอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากใจสงบลง เมื่อเปรียบเทียบกับคนวัยกลางคนในวัยสี่สิบไม่แตกต่างกันมาก คำพูดที่เขาออกมานี้ กลับไม่ใช่สิ่งที่ไม่คาดคิด
“หนุ่มสาวเขากำลังเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ฉันจะไปยุ่งอะไรได้”หูหงเต๋อแบะปาก ที่ให้ตรงกับเป้าหมายของตัวเองว่า “เสี่ยวติ้งติ้ง ท่านลุงของเธอมาแล้ว รีบไปต้อนรับเร็ว เมื่อกี้เธอเพิ่งจะเสียเปรียบนะ”
“ใครเสียเปรียบ ไม่ใช่ว่าพละกำลังเขามากกว่าฉันเหรอ”
เมื่อเห็นว่าโจวเซี่ยเทียนอยู่ด้านหลังของตัวเอง สายตาของหลิ่วติ้งติ้งก็หันกลับมา ยกขาขึ้นแล้วไปเตะตูดของโจวเซี่ยวเทียน แค่นึกไม่ถึงว่าหลังจากที่โจวเซี่ยวเทียนเข้าสู่วิชาลับแล้ว ปฏิกริยาตอบสนองกลับไวอย่างมาก ขาขวาก้าวออกไปเล็กน้อย มือยื่นมาจับกระดูกข้อเท้าของหลิ่วติ้งติ้ง
“เธอก่อความวุ่นวายพอหรือยัง ฉันกำลังฝึกกังฟูอยู่ในห้อง เธอมาหาเรื่องให้รบกวนฉัน!”
หลิ่วติ้งติ้งทำให้โจวเซี่ยวเทียนลำบากจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมา พูดไปใช้บริเวณมือขวาในการจับ หลิ่วติ้งติ้งก็ควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ พุ่งเข้าไปข้างหน้า จิตสำนึกของโจวเซี่ยเทียนประคองด้วยมือซ้าย ทันใดนั้นร่างของหลิ่วติ้งติ้งก็ไปอยู่ในอ้อมอกของเขา
“นาย…นายรังแกคนอื่น”
เมื่อรับรู้ถึงมือที่ใหญ่ของโจวเซี่ยวเทียนที่กำลังโอบกอดตัวเองอยู่ ใบหน้าของหลิ่วติ้งติ้งก็อดที่จะหน้าแดงขึ้นไม่ได้ ตอนที่เธออยู่ที่เกาะฮ่องกงก็มักจะหาคนแลกเปลี่ยนกลยุทธอยู่เป็นประจำ สัมผัสร่างกายมาไม่น้อย แต่ตอนนี้ในใจกลับรู้สึกปวดๆ เกิดอาการชา เป็นครั้งแรกที่ในชีวิตรู้สึกได้
“ผมรังแกคุณเหรอ” ในขณะที่โจวเซี่ยวเทียนพักการโจมตี จู่ๆ ก็รู้สึกได้ว่ามือขวาของเขาอ่อนลง ทันใดนั้นถึงกับตะลึง คาดไม่ถึงว่าได้วางมือลงไปแล้ว
“เซี่ยวเทียน ผมคืออาจารย์ลุง มารังแกหลานสาวอาจารย์ได้ยังไง”
“ลุง คุณก็รังแกฉันเหมือนกัน ใครเป็นหลานสาวคุณเหรอ”ตั้งแต่เด็กหลิ่วติ้งติ้งก็มีนิสัยเหมือนเด็กผู้ชาย เมื่อเยี่ยเทียนพูดขึ้นมาหน้าก็แดงขึ้น ร่างกายจึงค่อยๆ ออกห่างจากอ้อมกอดของโจวเซี่ยเทียน
“แค่กๆ ฟังฉันพูดจบก่อนไม่ได้เหรอ”
เมื่อเห็นฉากข้างหน้า เยี่ยเทียนถึงกับทำกระแอมเสียงแล้วพูดต่อว่า “ถึงแม้วิชาของติ้งติ้งจะถูกส่งต่อโดยตัวของศิษย์พี่เอง แต่ยังไม่ได้ไหว้ครู นับพวกคุณเป็นพี่เป็นน้องน่าจะเหมาะสมกว่า พวกเราสำนักพยากรณ์เสื้อป่านมักทำอะไรตามใจชอบ ถ้าพวกคุณมีใจชอบพอกัน อาจารย์อย่างฉันไม่คัดค้านพวกคุณหรอก!”
ถึงแม้เยี่ยเทียนจะรู้สึกกับเป็นพี่ชายคนแรก แต่ตอนที่อยู่ท่าอากาศยานฮ่องกงโจวเซี่ยเทียนได้ข้อร้องหลิ่วติ้งติ้ง เยี่ยเทียนก็ยักคิ้วหลิ่วตาถึงความแปลกๆ ของทั้งสองคน เมื่อเห็นเหตุการณ์แบบนี้ มีตรงไหนที่ไม่เข้าใจอีกล่ะ
“ลุง!”
“อาจารย์?”
เยี่ยเทียนพูดคำนี้ออกมา โจวเซี่ยวเทียนและหลิ่วติ้งติ้งร้องออกมาพร้อมกัน ตั้งแต่หลังหูจนถึงต้นคอของโจวเซี่ยวเทียน ราวกับกุ้งมังกรโดนอบก็ไม่ปาน ใบหน้าเมื่อเปรียบเทียบกับหลิ่วติ้งติ้งแดงกว่าหลิ่วติ้งติ้งสามส่วน
แน่นอนว่าโจวเซี่ยวเทียนมีความรู้สึกดีกับหลิ่วติ้งติ้ง และถึงแม้ว่าเขาเป็นคนที่ฝึกวิทยายุทธ แต่นิสัยค่อนข้างอ่อนแอ คนประเภทนี้ปกติแล้วจะแข็งกับความรู้สึกที่ดีต่อผู้หญิง ปลายปีตอนที่เห็นหลิ่วติ้งติ้ง โจวเซี่ยวเทียนก็มีความรู้สึกที่ดีอยู่มาก
ดังนั้นการที่หลิ่วติ้งติ้งตามเยี่ยเทียนมาที่พม่า โจวเซี่ยวเทียนก็ไม่ต้องช่วยพูดอะไรมาก แค่ความรู้สึกสลัวเขาไม่ได้ตระหนักว่าความรู้สึกนั้นคือความรัก ทันใดนั้นเข้าก็ถูกเยี่ยเทียนเจาะกระดาษหน้าต่างนั้นออกมา และรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาทันที
“มองผมทำไม นี่เป็นเรื่องที่พวกคุณทำขึ้นมาทั้งนั้น ถ้าไม่พอใจ ก็ชกกันต่อสิ ผมกับเหล่าหูยังมีเรื่องที่ต้องปรึกษาหารือกัน ไม่ต้องมาคอยรับใช้แล้ว”เยี่ยเทียนยังไม่ได้ทันมองหูหงเต๋อให้ดีก็ลากมาแล้ว ทั้งสองเดินเข้าไปในห้อง ในห้องรับแขกก็ปล่อยให้โจวเซี่ยวเทียนและหลิวติ้งติ้งอยู่ด้วยกัน
ที่จริงเพราะโจวเซี่ยวเทียนเพิ่งจะอายุ 20 ปี เยี่ยเทียนก็ไม่ได้ทำนายโชคชะตาเนื้อคู่ให้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เยี่ยเทียนได้แต่คำนวณในใจ พบว่าแปดตัวอักษรของเขานั้นสัมพันธ์กับหลิ่วติ้งติ้ง ถึงแม้จะพูดไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะเป็นสามีภรรยากัน แต่วันข้างหน้าทั้งสองมีโอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันเป็นส่วนใหญ่
“แหะ ดูไม่ออกเหรอ นายยังจะแสดงศักยภาพในการทำนายเนื้อคู่อีกเหรอ”หลังจากที่เดินเข้ามาในห้อง หูหงเต๋อก็แซวเยี่ยเทียนขึ้น ถึงแม้ว่าจัดลำดับเครือญาติแล้วจะอยู่ต่ำกว่าเยี่ยเทียน แค่เมื่อจัดวางอายุแล้ว เขาก็ไม่กังวลที่จะพูดออกมา
“นายนี้ไม่ใช่จะซื่อขนาดนั้น เห็นทั้งสองคนทะเลาะกันยังไม่แยกจากกันอีก”เยี่ยเทียนมองหูหงเต๋ออย่างไม่สบอารมณ์ แล้วพูดว่า “รีบนอนสิ พรุ่งนี้ต้องออกไปแต่เช้า”
เมื่อถูกเยี่ยเทียนต้าน หูหงเต๋อก็รีบขึ้นบนเตียงด้วยความโกรธแค้น แค่ได้ยินเสียงลมหายใจของเขา เยี่ยเทียนก็รู้ว่าชายชรานอนไม่หลับ
ผ่านมาประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า ประตูที่อยู่ในห้องก็ค่อยๆ ถูกผลักออก โจวเซี่ยวเทียนก็ย่ำเท้าเดินเข้ามา เมื่อลูบคลำข้างเตียง ข้างหูก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ของหูหงเต๋อ “ฉันว่านะ คุยกันเป็นยังบ้าง ไม่ได้ยินพวกคุณทะเลาะกัน ทำอะไรอย่างอื่นกันหรือเปล่า”
เมื่อทำให้หูหงเต๋อตื่น โจวเซี่ยวเทียนก็รีบกระโดดขึ้นบนเตียง รีบอธิบายว่า “ที่ไหนกันล่ะ พวก…พวกเราก็นั่งคุยกันตรงนั้ย!”
“พอแล้ว เหล่าหู คุณอย่าทำให้เซี่ยวเทียนตกใจไป เมื่อก่อนเขาก็มีนิสัยเด็ก ถ้าตกใจแล้วกลับไป ผมจะไม่ยกโทษให้คุณเลย!”
เมื่อคิดถึงโจวเซี่ยวเทียนที่มีท่าทางสงบเสงี่ยมเมื่อก่อน เยี่ยเทียนก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ หลังจากที่โดนหูหงเต๋อตำหนิเสียงดัง พูดว่า “พอแล้ว นอนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องตื่นเช้า ไม่กี่วันมานี้กะปรี้กะเปร่ามาทั้งวัน ฉันรู้สึกไม่ค่อยดี คาดว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“อาจารย์ งั้น…งั้นผมกับหลิ่วติ้งติ้ง ไม่ได้มีปัญหาอะไรจริงๆ”
เยี่ยเทียนไม่ถามอะไรต่อ เพราะโจวเซี่ยวเทียนรับมือคนเดียวไม่ได้ หลังจากที่นอนบนเตียงแล้วพลิกไปพลิกมา อดไม่ได้ที่ยื่นมืออีกข้างแตะเยี่ยเทียนที่กำลังนั่งสมาธิอยู่บนเตียง
“มีปัญหาอะไร”
เยี่ยเทียนรู้ว่าเด็กคนนี้แทบจะทนไม่ได้ ในขณะนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “หลิ่วติ้งติ้งเป็นหลานสาวของศิษย์พี่จั่วนั่นไม่ใช่เรื่องจริง แต่เขาไม่ได้ไหว้ฝากตัวเป็นศิษย์อาจารย์จั่ว ลำดับการเป็นญาติในโลกนี้กับเป็นลูกศิษย์นั้นไม่เหมือนกัน นายก็วางใจเถอะ”
ตอนนี้กับเมื่อก่อนไม่เหมือนกัน การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก่อให้เกิดมลภาวะอย่างมากต่อสภาพแวดล้อมของพื้นที่ วิญญาณโลกและสวรรค์เบาบางขึ้น
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลายสิ่งหลายอย่างที่ตั้งใจจะเปลี่ยนแปลง เรื่องบังเอิญค่อนข้างที่ค่อนข้างแข็ง เยี่ยเทียนก็ทำนายคาดเดาออกมาได้ยาก ดังนั้นนี่ถึงไม่กล้าบอกโจวเซี่ยวเทียนเรื่องทำนายดวงชะตาเนื้อคู่เขากับหลิ่วติ้งติ้ง
แต่เมื่อได้ยินเยี่ยเทียนให้คำมั่นสัญญา โจวเซี่ยวเทียนถึงกับสบายใจ ไม่ได้สูดลมหายใจยาวๆ กลับเข้าสู่สมาธิขั้นสุด แต่เยี่ยเทียนก็อดไม่ได้ที่จะแอบพยักหน้า พรสวรรค์ของลูกศิษย์คนนี้ถือว่าไม่เลว
หลังจากที่ตื่นนอนวันที่สอง เยี่ยเทียนก็โทรศัพท์หาลูกน้องของปอกาง เมื่อนัดเจอกันที่ทางด้านเหนือของเจดีย์ชเวดากองที่เป็นจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของย่างกุ้งออกไปอีกสิบกิโลเมตร หลังจากนั้นก็เรียกรถบัสขนาดใหญ่ของโรงแรม
ที่เยี่ยเทียนต้องระมัดะวังเช่นนี้ ไม่ได้เป็นห่วงวัลว่าฝ่ายนั้นจะเป็นศัตรู แต่กลัวว่ารัฐบาลพม่าจะได้ยินข่าวลืออะไร เพราะถ้าหากรัฐบาลพม่ารู้เรื่องทองคำเข้า เกรงว่านายพลปอกางเป็นคนแรกที่จะทำลายเขาจนสิ้นซากได้
……