หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 504 กล่องนิรภัย
“ใคร? นั่นเสียงใคร?”
ตอนที่ทุกคนกำลังงมทองในสระน้ำ แต่ไม่มีใครก้าวขึ้นไปดูบนโขดหินกลางสระเลย พอได้ยินเสียงเรียกลอยมา ทุกคนต่างตกใจ สาดแสงไฟฉายส่องหาไปทั่วบริเวณ
“ท่านฟูจิโอะ?”
ท่ามกลางกองขุมทรัพย์ทองคำ มีร่างชายชราตัวผอมนอนอยู่ นั่นคือคิตะมิยะ ฟูจิโอะที่ถูกงูร้ายสะบัดโยนหายไปอย่างไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย ตอนนี้ท่านสีหน้าขาวซีด นอนอยู่บนกองทองคำ ในอ้อมอกกอดบางสิ่งเอาไว้
“ท่านฟูจิโอะ เป็นอย่างไรบ้าง?”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะเห็นว่าท่านฟูจิโอะยังไม่ตายก็ดีใจฟื้นความหวังขึ้นมา เขารู้ดีว่าท่านฟูจิโอะเป็นผู้มีบารมีในตระกูล ถ้าได้ท่านช่วยพูดให้ตอนที่กลับไปนั้น เขาจะได้รอดพ้นจากการทำฮาราคีรี หรืออาจจะได้เข้าร่วมในการเป็นผู้อาวุโสตลอดบั้นปลายชีวิต
“แค่กๆ ไม่เป็นไร ยังไม่ตาย”
คิตะมิยะ ฟูจิโอะแม้ร่างกายผอมบาง แต่เคยผ่านการฝึกความอดทนมาตลอดชีวิต สามารถอดทนต่อความเจ็บปวดได้มากพอๆ กับปรมาจารย์โยคะแห่งอินเดีย แม้ว่าจะถูกงูยักษ์บดขยี้ร่างกายท่อนล่างไปแล้ว แต่พลังชีวิตของเขาไม่ได้ร่วงโรยตาม
“ให้ตายเถอะ เมื่อกี้ไม่ทันเห็นเจ้าแก่นั้น ไม่งั้นคงซัดฝ่ามือเอาให้ตายเลย” เยี่ยเทียนเห็นร่างของฟูจิโอะนอนอยู่บนแท่นหินแล้วบ่นในใจอย่างหงุดหงิด
การช่วยเหลือผู้รอดชีวิตเมื่อครู่ การเคลื่อนไหวของเยี่ยเทียนรวดเร็วที่สุด เมื่อพบร่างๆ หนึ่งไม่ว่าเป็นหรือตายเยี่ยเทียนจะซัดฝ่ามือเข้าทีกลางอกทีหนึ่ง จากคนบาดเจ็บที่สามารถช่วยชีวิตได้ประมาณห้าหกสิบคน แต่ถูกเยี่ยเทียนส่งไปเฝ้ายมบาลหมดแล้ว
การเตรียมพร้อมระแวดระวังภัยทั้งหมดของพวกคิตะมิยะ ฮิเดโอะนั้นเพื่อการป้องกันตัวเองสัตว์ประหลาดอย่างเจ้างูร้าย แต่ไม่ได้คำนึงถึงว่าจะมีศัตรูปะปนเข้ามาในกลุ่ม ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตุท่าทางผิดปกติของเยี่ยเทียน
คิตะมิยะ ฮิเดโอะกระโจนขึ้นไปที่แท่นหินที่ท่านฟูจิโอะนอนอยู่ ใช้มือลูบขาที่เสียไปแล้วของผู้อาวุโส รู้สึกได้ว่าร่างกายท่อนล่างนั้นอ่อนนิ่มไปหมด อย่างกับไม่มีกระดูกหลงเหลืออยู่เลย แล้วเรียกเยี่ยเทียนที่ยืนอยู่กลางสระน้ำว่า “เร็วเข้า เอาเปลทหารมา!”
“โถ่เว้ย เจ้าแก่นั่นพูดอะไร?”
เยี่ยเทียนตะลึงค้างไป ตัวหนังสือญี่ปุ่นเขาพอรู้บ้าง แต่ฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ออกเลยสักนิด จึงไม่เข้าใจว่าคิตะมิยะ ฮิเดโอะตะโกนว่าอะไร จึงร้อนรนใจขึ้นมา เยี่ยเทียนเกร็งตัวแข็ง เตรียมพุ่งตัวเข้าใส่ หวังจะจัดการคิตะมิยะ ฮิเดโอะ
“แค่ก แค่ก เดี๋ยวก่อน ไม่รีบ ฉันยังไม่ตายง่ายๆ หรอก
ตอนที่เยี่ยเทียนเตรียมจะลงมือ ท่านฟูจิโอะกระแอมแล้วทำท่ายับยั้ง คิตะมิยะ ฮิเดโอะไว้ “ฮิเดโอะ นายรู้ไหมว่าฉันเจออะไรเข้า?”
“ท่านฟูจิโอะครับ ท่านควรได้รับการปฐมพยาบาลก่อนนะครับ”
ขณะที่ คิตะมิยะ ฮิเดโอะกำลังกล่าวเตือนท่านฟูจิโอะอยู่นั้นสายตาได้เหลือบไปเห็นสิ่งของในอ้อมอกของท่านฟูจิโอะแล้วดวงตาลุกวาวขึ้นมา พูดเสียงสั่นเครือ “ท่าน…ท่านฟูจิโอะ นี่ท่าน…นี่ท่านไม่ใช่หาหลักฐานการฝากทองคำในธนาคารแห่งชาติสวิสของตระกูลเราเจอแล้วหรือครับ?”
การเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่สำคัญเมื่อครั้งสงครามซามูไร ตระกูลคิตะมิยะถือเป็นตระกูลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดตระกูลหนึ่ง เบื้องลึกเบื้องหลังลึกซึ้ง แม้แต่พวกเชื้อพระวงศ์ยังเทียบไม่ได้
ในปีที่คิตะมิยะ มาซาทาเกะตายในสนามรบทำให้ทรัพย์สินส่วนมากของตระกูลถูกแช่แข็งไว้ในธนาคารแห่งชาติสวิส และทำให้ตระกูลคิตะมิยะต้องเสื่อมถอยลงหลังจากยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ถ้าจะสืบสาวถึงสาเหตุที่แท้จริงนั้นคือทรัพย์สินมหาศาลได้สาบสูญไป
ด้วยเหตุนี้เมื่อ คิตะมิยะ ฮิเดโอะมองเห็นกล่องนิรภัยโลหะในอ้อมกอดของท่านฟูจิโอะแล้วก็ยิ้มร่าออกมา ความพยายามมาเกือบทั้งชีวิตของเขาในที่สุดก็ได้สมปรารถนาในวันนี้
“ไม่ผิดแน่ ฮิเดโอะ ถึงฉันตายไปก็ไม่เป็นไร แต่กล่องใบนี้ นายต้องนำกลับไปที่ตระกูลของเราให้ได้!” ท่านฟูจิโอะพยักหน้าอย่างอ่อนแรง แล้วยื่นกล่องโลหะให้คิตะมิยะ ฮิเดโอะ
“ท่านผู้อาวุโส โปรดวางใจ ฮิเดโอะจะต้องทำให้ตระกูลของเรากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง!”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะยื่นมือทั้งสองมารับกล่องไป เมื่อกล่องมาถึงมือ เขาขมวดคิ้วเพราะว่ากล่องโลหะไม่น่าจะมีน้ำหนักเบาขนาดนี้ ยิ่งพอถืออยู่ในมือ ยิ่งรู้สึกว่ากล่องไม่มีน้ำหนักเลย
จากน้ำหนักของกล่องนิรภัยทำให้คิตะมิยะ ฮิเดโอะสงสัย ใบฝากเงินมูลค่ามหาศาลที่จะใช้ฟื้นฟูตระกูลอยู่ในกล่องใบนี้จริงหรือ?
ท่านฟูจิโอะอ่านท่าทางข้องใจของคิตะมิยะ ฮิเดโอะออก จึงยิ้มแล้วเฉลยว่า “กล่องใบนี้ตีขึ้นจากโลหะชนิดพิเศษ จนทุกวันนี้ในโลกนี้มีเพียงธนาคารแห่งชาติสวิสที่ใช้กัน นายอย่าได้สงสัยมันเลย…”
วัสดุที่นำมาทำเป็นตัวกล่องนั้นหายากยิ่ง แน่นอนว่าราคาของมันจึงสูงลิ่ว จนถึงวันนี้ธนาคารแห่งชาติสวิสได้นำออกให้ลูกค้าใช้เพียงแปดใบเท่านั้น แม้แต่อภิมหาเศรษฐีก็ยังไม่แน่ว่าจะมีกล่องแบบนี้
เมื่อราวครึ่งศตวรรษที่แล้ว มีเพียงลูกค้ารายใหญ่ที่ฝากเงินถึงหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ทางธนาคารจึงจะมอบกล่องนิรภัยชนิดนี้ให้ แม้ว่าคิตะมิยะ ฮิเดโอะจะเป็นคนมีความรู้รอบด้าน เขาก็ยังไม่รู้จักกล่องแบบนี้เลย
ท่านฟูจิโอะเห็นคิตะมิยะ ฮิเดโอะยังไม่คลายความสงสัย จึงพูดย้ำอีกครั้ง “ถ้านายไม่วางใจ ก็เปิดออกดูสิ!”
“มิได้ครับท่านผู้อาวุโส มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ฮิเดโอะไม่อยากให้เกิดความผิดพลาด”
ผู้ตายส่วนมากเป็นผู้กล้าเยี่ยมยุทธในตระกูล ถ้าเกิดในกล่องว่างเปล่า คิตะมิยะ ฮิเดโอะคงได้โมโหจนตายแน่นอน ถึงอยู่ในที่อันตราย เขายังยืนยันจะตรวจสอบให้ชัดเจน
“ตาแก่สองคนนั้นซุบซิบอะไรกัน?”
เยี่ยเทียนแกล้งทำท่างมหาทองคำใต้ก้นสระน้ำ แต่หูผึ่งแอบฟังคนทั้งสองคุยกัน ถึงจะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น แต่พอจะเดาได้ว่าทั้งสองกำลังปรึกษาเรื่องอะไรกัน
“พวกนาย ตั้งเขตคุ้มกันทั้งสี่ด้าน” หลังจากตัดสินใจจะเปิดกล่อง คิตะมิยะ ฮิเดโอะก็ตะโกนสั่งลูกน้องที่เหลือ ถึงรู้ว่ากำลังพลเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่กล้าประมาท
“รับทราบ!”
สมาชิกที่เหลือตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน แล้วรุมกันเข้ามามุงล้อมโขดหินเอาไว้ เหลือเพียงเยี่ยเทียนที่ยืนเซ่อซ่าอยู่รอจนเห็นคนอื่นรับคำแล้วจึงรีบหยุดทำท่างมหาทองคำ
“เจ้าโง่ ทำไมคนซื่อบื้ออย่างนั้นไม่ตายๆ ไปซะ”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะ เห็นท่าทางเซ่อซ่าของเยี่ยเทียนแล้วอดโมโหไม่ได้ ครั้งนี้ทหารฝีมือดีในตระกูลตายไปเกือบหมด เหลือเพียงแต่เจ้าคนโง่ซื่อบื้อแบบนี้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้าไม่รีบเปิดกล่องนิรภัยเสียก่อน เขาคงซัดบ้องหูเจ้านี่เข้าสักที
“ฮิโคโตชิ ผู้อาวุโสโชตะ รีบมาตรงนี่สิครับ”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะใช้สายตาข่มขวัญเยี่ยเทียนแล้วก็เรียกคิตะมิยะ ฮิโคโตชิกับผู้อาวุโสโชตะให้ขึ้นมาที่โขดหิน การเปิดกล่องครั้งนี้สำคัญมาก ต้องมีพยานรับรู้หลายคน
รอจนคิตะมิยะ ฮิโคโตชิมายืนอยู่ด้านหลังตัวเองแล้ว คิตะมิยะ ฮิเดโอะจึงบอกว่า “ฮิโคโตชิ ช่วยท่องรหัสลับนั่นออกมาให้ฟังหน่อย”
“นั่น…นั่นเป็นรหัสที่ใช้เปิดกล่องหรือ?”
คิตะมิยะ ฮิโคโตชิตกตะลึง ตอนที่เขาเพิ่งรับสืบทอดการดูแลสมบัติของตระกูลนั้น มีเงื่อนไขข้อหนึ่งที่ต้องจดจำให้ขึ้นใจ คือตัวเลขชุดที่เรียงกันสี่สิบแปดตัว เพียงแต่เขาไม่ทราบมาก่อนว่าตัวเลขชุดนี้เป็นใช้รหัสลับ
คิตะมิยะ ฮิเดโอะพยักหน้าแล้วตอบว่า “ถูกแล้ว รหัสนี้เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษกับตัวเลขรวมกันทั้งหมดหนึ่งร้อยหกสิบแปดตัวเป็นรหัสที่จะใช้เปิดกล่องได้ โดยแบ่งให้คณะอาวุโส หัวหน้า และผู้ดูแลทรัพย์สินรับผิดชอบ ฮิโคโตชิ นายมาทำเองเถอะ…”
การป้องกันรหัสลับ ต้องจัดแบ่งให้คนถึงสามคมจำรหัส วันนี้บังเอิญที่คนทั้งสามมาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่อย่างนั้น คิตะมิยะ ฮิเดโอะคงไม่มีทางใช้รหัสเปิดกล่องดูว่ามีเอกสารลับเก็บอยู่ภายในกล่องจริงหรือไม่
“ได้!” คิตะมิยะ ฮิโคโตชิฟังคำอธิบายของคิตะมิยะ ฮิเดโอะจบก็ไม่รีรอ รับเอากล่องไปจากหัวหน้า
กล่องใบนี้ไม่รู้ว่าทำมาจากอะไร แม้จะถูกซ่อนอยู่ในที่เย็นอับชื้นขนาดนี้มาหลายสิบปี แต่ไม่มีสนิมขึ้นเลย หลังจากปลดสลักกระเป๋าชิ้นหนึ่งออกแล้ว จึงปรากฎเป็นรางรหัสล็อคที่มีทั้งตัวอักษรภาษอังกฤษและตัวเลขเรียงรายกันอยู่เบื้องหน้า
คิตะมิยะ ฮิโคโตชิใช้ความคิดนึกถึงรหัส แล้วเลื่อนลางรหัสไปตามตัวอักษรและตัวเลขในความทรงจำ จากนั้นคืนกระเป๋าให้แก่หัวหน้า และคิตะมิยะ ฮิเดโอะกับผู้อาวุโสฟูจิโอะต่างลงรหัสที่ตัวเองทราบจนครบ เกิดเสียง “คลิก” เบาๆ แล้วกล่องนิรภัยก็เปิดออก
คนทั้งสามมองดูรอยแยกของปากกล่องที่ถูกเปิดออกแล้วต่างกลั้นหายใจ แม้แต่ทหารผู้คุ้มกันที่ยืนล้อมโขดหินอยู่ยังแอบมองไปที่กล่องนั้น
“ให้ตายเถอะ ไอ้แก่พวกนั้นตื่นเต้นอะไรกันนักหนา ข้างในกล่องนั่นต้องมีของสำคัญแน่เลย!”
ถึงเยี่ยเทียนจะฟังไม่ออก แต่ดูจากท่าทางของคนเหล่านั้นพอจะทราบว่า สิ่งของในกล่องต้องสำคัญมาก เพราะตั้งแต่ต้นจนจบ คิตะมิยะ ฮิเดโอะไม่ได้ตั้งใจมองดูทองคำแท่งเลย ความสนใจทั้งหมดของเขาไปตกอยู่ที่กล่องใบนั้น
คิตะมิยะ ฮิเดโอะเปิดกล่องออกด้วยมืออันสั่นเทา แสงสว่างจากไฟฉายสาดส่อง สิ่งที่อยู่ในกล่องนิรภัยปรากฎแก่สายตาของทุกคน
กล่องนั้นบุด้วยเบาะกำมะหยี่สีแดง ตรงกลางเป็นหลุมลงไป มีเอกสารที่ถูกห่อด้วยซองพลาสติก เหนือซองเอกสารนั้นมีหลุมอีกหลุมที่ไม่ใหญ่นัก ในนั้นบรรจุวัสดุทองคำรูปร่างกลมชิ้นหนึ่ง แต่ดูไม่ชัดว่าเป็นอะไร
“ท่าน…ท่านฟูจิโอะ ของมัน อยู่ในนี้หมดแล้ว” คิตะมิยะ ฮิเดโอะอดรนทนไม่ไหวหยิบเอาซองเอกสารออกมา ค่อยๆเปิดซองพลาสติกออกอย่างระมัดระวัง หลังจากพลิกเอกสารดูคร่าวๆ แล้ว ใบหน้าก็แสดงความตื่นเต้นยินดีอย่างลิงโลด
“ท่านมาซาทาเกะไม่มีทางยอมให้สมบัติที่เป็นของตระกูลสาบสูญไปอย่างแน่นอน ฮิเดโอะ นายต้องเอามันกลับไปที่ตระกูลของเรา!”
ท่านฟูจิโอะกล่าวเน้นย้ำกับคิตะมิยะ ฮิเดโอะอีกครั้ง ตอนนี้ฟูจิโอะเริ่มทนพิษบาดแผลไม่ไหวแล้ว จึงเอ่ยคำสั่งเสียแก่ฮิเดโอะจบแล้วก็นอนปรับลมหายใจที่ว้าวุ่นอยู่ให้สงบลง
“ท่านฟูจิโอะ วางใจเถอะ!” คิตะมิยะ ฮิเดโอะพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม แล้วหยิบเอาทองคำแท่งที่รูปร่างคล้ายปีกกาออกมาชั่งน้ำหนักด้วยมือ
………………