หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 517 ผ่าหิน (1)
“ท่านอา ไปเถอะครับ เจรจาซื้อขายเสร็จแล้วก็อย่ารั้งอยู่ที่นี่ต่อเลย”
เห็นเยี่ยเทียนท่าทางอย่างนั้นแล้ว หลิ่วซีกั๋วอยากจะแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเขา เลือกเอาหินสองก้อนนี้ที่แม้แต่หมายังเมิน ก็เหมือนกับโดนเอาเปรียบอย่างหนัก เรื่องนี้หากแพร่ออกไปเกรงว่าตระกูลจั่วค้าอัญมณีในเกาะฮ่องกงจะได้โด่งดังขึ้นมาอีก
ที่สำคัญ วัตถุดิบหมายเลข 1414 ก้อนนั้นราวกับของบางอย่างที่ถูกขับจากร่างกายมนุษย์ งานประมูลสาธารณะที่พม่าครั้งนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง อาจจะมีคนไม่รู้ว่าราคาประมูลหินดิบครั้งนี้สูงสุดอยู่ที่เท่าไหร่ แต่ว่าน้อยคนที่ไม่เคยได้ยินว่ามีหินดิบคุณภาพดี
“ซีกั๋ว หาคนส่งวัตถุดิบสองชิ้นนี้ไปทางฮ่องกงทั้งหมดเลยนะครับ!”
หลังจากได้ยินคำพูดของหลิ่วซีกั๋วแล้ว เยี่ยเทียนก็ลุกขึ้นยืน มองซ้ายมองขวารอบหนึ่ง กระซิบย้ำเสียงต่ำว่า “ส่งไปขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของถังเหวินหย่วนนะครับ ไปช่องทางอื่นผมไม่ค่อยวางใจ”
สถานการณ์ในพม่าช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยสงบนัก พื้นที่ซึ่งรัฐบาลทหารควบคุมอยู่ขยายไปถึงย่างกุ้งและมัณฑะเลย์สองพื้นที่นี้ หากทำหินดิบหายไประหว่างขนย้าย เยี่ยเทียนคงต้องร้องไห้แบบไร้น้ำตา
“ของชิ้นนี้พวกเรายังเอากลับไปด้วยเหรอครับ?”
หลิ่วซีกั๋วได้ยินแล้วแค่นหัวเราะออกมา เหลือบไปยังหยกดิบสองก้อนนั้น กล่าวว่า “ท่านอา ก็…ก็แค่วัตถุดิบสองก้อนเท่านั้น ท่านผ่าเอาที่นี่ก็ได้ครับ ขนไปฮ่องกงจะคุ้มหรือ?”
ส่วนใหญ่แล้วพ่อค้าที่เข้ามาร่วมงานประมูลสาธารณะในพม่า หากซื้อหยกดิบพนันที่มีมูลค่าสูงเป็นพิเศษ เพื่อความปลอดภัยส่วนใหญ่แล้วจะนำมันกลับไปดำเนินการผ่าภายในประเทศ โดยไม่คิดเสียดายค่าขนส่งอันแพงลิบลิ่ว
แต่สำหรับพวกที่ดูธรรมดาโดยเฉพาะหินดิบที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ พวกเขามักจะผ่ากันในลานพนันหิน อีกทั้งยังมีพ่อค้าขายหินดิบจำนวนหนึ่ง หลังจากผ่าแล้วได้ราคาก็จะนำหินดิบขาย ณ ตรงนั้นเลย นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มีเรื่องราวมากมายเล่าสู่กันฟังในวงการพนันหิน
แน่นอนว่า เรื่องราวเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นใครสักคนซื้อหินดิบในราคาต่ำ พนันได้กำไรมหาศาล กลายเป็นเศรษฐีสิบล้านภายในข้ามคืน แต่ว่าคนที่พนันหินจนล้มละลายเหล่านั้นมักจะถูกผู้คนลืมค่อยๆ ลบเลือนหายไปจากวงการพนันหิน
“ผ่าหินตรงนี้เลยเหรอครับ?”
เยี่ยเทียนได้ยินแล้วก็ลังเลขึ้นมาเล็กน้อย อย่างไรเสียหยกพม่าในหินดิบเหล่านี้ล้วนเป็นของที่ตัดสินใจไว้ใช้เอง จึงไม่อยากดึงดูดสายตาผู้คนที่นี่ จะว่าไปแล้วอาชีพเดิมของเยี่ยเทียนก็คือหมอดูฮวงจุ้ยภูมิลักษณ์ศาสตร์เสี่ยงทายทำนายโหงวเฮ้ง ไม่ใช่ปรมาจารย์พนันหินอย่างเหล่าอู๋
แต่ว่าคำพูดของหลิ่วซีกั๋วก็มีเหตุผล หากหินดิบก้อนนั้นมีน้ำหนักเพียงเจ็ดแปดสิบกิโลกรัมยังพอว่า ขนย้ายไปมาไม่ลำบาก แต่จะขนย้ายหยกดิบขนาดยักษ์น้ำหนักเป็นร้อยกิโลกรัมออกจะยุ่งยากเล็กน้อย เกรงว่าเมื่อถึงเวลาอาจต้องตามรถขนหินมายังสนามบิน
“เฮ้ย เจ้าหนู เธอซื้อหินก้อนนี้มาจริงๆ หรือ?”
ขณะที่เยี่ยเทียนยังคงยังลังเลตัดสินใจไม่ถูก ปรมาจารย์อู๋ผู้นั้นก็ไม่รู้โผล่มาจากไหน ทันทีที่มองเห็นหินดิบก้อนนั้นบนรถขนหิน ก็อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าหนุ่ม เธอนี่น่าสนใจจริง แต่ว่าหินก้อนนี้เองก็ราคาถูก เพียงไม่กี่ร้อยดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น คิดเป็นค่าศึกษาเล่าเรียนแล้วกัน”
“อ้าว เหล่าอู๋ คุณพูดอะไรน่ะ? คนผู้นี้เป็นรุ่นพี่ของผม ผมยังต้องเรียกเขาว่าอาเลย คุณพูดจาให้ระวังหน่อย”
เยี่ยเทียนกลับไม่สนใจใยดีการเรียกขานของเหล่าอู๋ แต่ว่าหลิ่วซีกั๋วไม่เห็นดีด้วย พ่อตาของเขามีสถานะสูงส่งบนเกาะฮ่องกง ในฐานะศิษย์น้องของพ่อตา เยี่ยเทียนจะมาถูกปรมาจารย์พนันหินคนนี้ดูถูกได้อย่างไร? ต่อให้เป็นท่านประธานเจิ้งที่ยืนอยู่ข้างกายเขาก็ยังยอมไม่ได้!
“อะ…อะไรนะ? ประ…ประธานหลิ่ว คุณบอกว่าเขาคือรุ่นพี่คุณหรือ?” เหล่าอู๋ตกใจสะดุ้งเฮือกด้วยคำพูดของหลิ่วซีกั๋ว เมื่อเห็นหลิ่วซีกั๋วพยักหน้ายืนยัน ก็รีบพูดขึ้นว่า “ขออภัยครับท่าน ผมเหล่าอู๋ปากเสียเอง ขอท่านอย่าถือสาเลยนะครับ!”
หากเยี่ยเทียนเป็นเด็กรุ่นหลังของสกุลจั่ว เหล่าอู๋ยังสามารถอวดศักดาต่อหน้าเขา แต่เมื่อเขาเป็นรุ่นพี่ของหลิ่วซีกั๋ว คำทักทายของเหล่าอู๋จึงออกจะไร้มารยาท
ที่สำคัญ ตระกูลจั่วค้าอัญมณีมีอิทธิพลปานกลางบนเกาะฮ่องกง แต่ยังเทียบกับหน้าตาของจั่วเจียจวิ้นไม่ได้ หากว่าเขาไม่พอใจใคร ตัวเองไม่จำเป็นต้องออกหน้าต่อกร ขอเพียงข่าวแพร่กระจายออกไป เกรงว่าคนผู้นั้นจะได้รับความกดดันบนเกาะฮ่องกงไม่น้อย เนื่องจากบนเกาะฮ่องกงมีคนอยากประจบประแจงปรมาจารย์จั่วอยู่มากมาย
“หึๆ เหล่าอู๋ก็เป็นคนอย่างนี้เอง ไม่มีเจตนาร้ายอะไรหรอก”
ขณะที่เหล่าอู๋ขอโทษเยี่ยเทียน เจิ้งต้าจวินที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เลิกคิ้ว ในสมองเขาพลันนึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา ใบหน้าเผยรอยยิ้มกล่าวต่อว่า “ท่านนี้คงจะเป็นคุณเยี่ยใช่ไหมครับ? ผมเคยได้ยินคุณเหวินพูดถึงท่าน”
“คุณเหวิน? เหวินหลนสง?” เยี่ยเทียนได้ยินแล้วชะงักงันครู่หนึ่ง อ้ำอึ้งตอบว่า “ผมไม่ค่อยสนิทกับเขานัก ประธานเจิ้งยังมีธุระอื่นอีกไหมครับ?”
เยี่ยเทียนไม่ชอบพูดนินทาว่าร้ายคนอื่น แต่เหวินหลนสงกลับกล้าเอาเรื่องของเขาไปพูดมั่วซั่ว จึงทำให้ความรู้สึกดีๆ อันน้อยนิดที่เยี่ยเทียนมีต่อเขาไม่หลงเหลืออีก
“เปล่า เปล่าครับ คุณเยี่ยผ่าหินได้หยกจักรพรรดิออกมาหนึ่งชิ้นที่ฮ่องกง ในวงการมีแต่คนรู้เห็นทั้งนั้นครับ”
เจิ้งต้าจวินไม่กล้าหาเรื่องเด็กหนุ่มเบื้องหน้าคนนี้ ในแวดวงสังคมบนเกาะฮ่องกง ใครบ้างจะไม่รู้ว่าปรมาจารย์จั่วมีศิษย์น้องวัยหนุ่มเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน
อีกทั้งศิษย์น้องคนนี้ยังเป็นคนร้ายกาจ อยู่เกาะฮ่องกงไม่กี่วันยังไปหาเรื่องเถ้าแก่หัวคนนั้นที่ทำธุรกิจวงการบันเทิง เพียงแต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนตกอกตกใจกันหมดก็คือ เถ้าแก่หัวกลับยอมซับน้ำตาขับไล่ผู้กำกับเหรียญทองหม่าซู่ของตัวเอง แต่กลับไม่กล้ามีเรื่องกับเจ้าหนุ่มคนนี้
แต่ว่าภายหลังเยี่ยเทียนก็ไปจากฮ่องกง ผู้คนมากมายเพียงรู้เรื่องนี้แต่กลับไม่มีใครเคยพบเยี่ยเทียนมาก่อน
ตระกูลเจิ้งเองก็เป็นมหาเศรษฐีแห่งเกาะฮ่องกง ฐานะยิ่งอยู่เหนือกว่าเหวินหลนสง ส่วนเจิ้งต้าจวินเป็นลูกหลานแท้ๆ ในตระกูลเจิ้ง จึงรู้เรื่องราวพวกนี้เป็นอย่างดี เมื่อได้พบตัวละครนำชายในตำนาน จึงเกิดความสงสัยเป็นธรรมดา
“หึๆ คุณจำคนผิดแล้วล่ะครับ ผมไม่เคยพนันหินมาก่อน ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรก”
เยี่ยเทียนส่ายหน้า โบราณว่าคนกลัวชื่อเสียงหมูกลัวอ้วนพี เขาไม่คิดจะคลุกคลีในวงการพนันหิน แล้วจำเป็นจะต้องโดดเด่นไปทำไม พอเอ่ยปากขออภัยแล้วก็เตรียมตัวหมุนตัวจากไป
เพียงแต่เยี่ยเทียนยังเดินไปไม่ถึงสองก้าว ด้านหลังก็มีเสียงของหลิ่วซีกั๋วดังมา “ท่านอา หินก้อนนี้ จะส่งขึ้นเครื่องบินจริงๆ หรือครับ? งั้นพรุ่งนี้เราคงยังกลับไม่ได้ ยังมีขั้นตอนบางอย่างต้องจัดการ…”
ภายใต้การแทรกแซงของรัฐบาลทหาร การส่งออกหินดิบเข้มงวดอย่างหนัก หยกพม่าดิบกรณีที่ไม่ได้ซื้อขายผ่านศูนย์กลางการค้าหยกประจำชาติพม่า จะถูกตัดสินว่าลักลอบซื้อของเถื่อน ดังนั้นขั้นตอนของศุลกากรจึงซับซ้อนวุ่นวาย หากว่าเอาหินไปผ่าแล้วถือหยกพม่าเดินเข้าไปข้างในไปเพียงอย่างเดียว จะง่ายดายกว่าเป็นหินดิบมาก
“หือ? ยุ่งยากขนาดนั้นเลยหรือ?”
หลังจากฟังหลิ่วซีกั๋วอธิบายจบ เยี่ยเทียนก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “งั้นผ่าหยกพม่าถือออกไปแล้วกัน ซีกั๋ว คุณติดต่อทางถังเหวิน หย่วนที ให้เขาสื่อสารกับทางเครื่องบินว่า คืนนี้กลับไปพวกเราจะเดินทางทันที!”
การเดินทางในหุบเขาปีศาจผ่านมาหลายวันแล้ว เยี่ยเทียนก็กลัวจะเกิดเรื่อง สามารถจากไปเร็วหน่อยได้เป็นดี ต่อให้ผ่าหยกพม่าในหินดิบแล้วจะทำให้เกิดเสียงฮือฮา เขาก็ไม่มีเวลาจะสนใจแล้ว ว่ากันว่าที่งานประมูลมีผู้คนผ่าหินหยกชั้นดีออกมาได้ทุกวัน เยี่ยเทียนอย่างเขาพนันหินได้กำไรสองชิ้นคงไม่นับว่าเป็นเรื่องประหลาดหรอกมั้ง?
“ได้ครับ พวกเราจะไปผ่าหินกันเดี๋ยวนี้ แล้วค่อยกลับโรงแรมเก็บของ ตรงไปสนามบินทันที!”
หลิ่วซีกั๋วพยักหน้า เยี่ยเทียนเป็นรุ่นพี่ ต้องว่าตามการวางแผนของเขาอยู่แล้ว ดีที่หินดิบที่ตัวเองซื้อล้วนจัดการลงทะเบียนขั้นตอนขนส่งระหว่างประเทศเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่เก็บข้าวของง่ายๆ ก็เสร็จ
อีกทั้งหลิ่วซีกั๋วเองก็ไม่ได้นึกพิศวาสอะไรหินสองก้อนนี้เท่าไร คาดว่าคงแค่ใช้มีดตัดสองสามครั้ง ให้ท่านอาคนนี้ของเขาได้เล่นสนุกก็พอ
“คุณเยี่ย ไม่ทราบว่าพวกเราขอตามดูให้เป็นความรู้หน่อยได้ไหมครับ?” เจิ้งต้าจวินได้ยินว่าเยี่ยเทียนจะผ่าหิน ในใจจึงอดหวั่นไหวไม่ได้
“ไม่ได้ครับ…” เยี่ยเทียนตอบอย่างไม่สบอารมณ์นัก “คุณอยากจะไปไหนก็ไปเถอะ ตามพวกเราไปจะได้ประโยชน์อะไร?”
“หึๆ คุณเยี่ยล้อเล่นแล้ว”
เจิ้งต้าจวิ้นยิ่งแน่ใจว่าเยี่ยเทียนก็คือคนที่ทำให้เหวินหลนสงและเถ้าแก่หัวขายหน้าบนเกาะฮ่องกงขึ้นไปอีก ทำหน้าหนาตามหลังรถขนหินสองคันนั้น ไปยังเขตผ่าหินตรงลานประชุมที่จัดไว้ด้านนอกทันที
มีธุรกิจค้าอัญมณีตระกูลเจิ้งหนุนหลัง เจิ้งต้าจวินจึงมีอิทธิพลยิ่งใหญ่ในวงการพนันหิน เมื่อเห็นเขาสนอกสนใจในหินดิบอัปลักษณ์จนไม่น่ามองแบบนั้น พวกชาวมุงทั้งหลายจึงเดินตามกันมาทีละคน เนื่องด้วยเป็นช่วงวันสุดท้ายของงานประมูลสาธารณะ จึงมีคนว่างงานจำนวนไม่น้อย
เขตผ่าหินอยู่ไม่ไกลจากทางเข้างานประมูลสาธารณะเท่าไร เครื่องตัดหินเจ็ดแปดตัววางอยู่ตรงนั้น เคียงข้างเครื่องตัดหินยังมีเครื่องมือสำหรับเจียระไนชิ้นเล็ก ของชิ้นเล็กบางอย่างเยี่ยเทียนยังไม่รู้วิธีใช้ของมัน เพียบพร้อมกว่าบนเกาะฮ่องกงที่เขาเคยเห็นอยู่มาก
หลังจากขอเครื่องตัดหินหนึ่งตัวแล้ว หลิ่วซีกั๋วก็มองมายังเยี่ยเทียน ถามขึ้นว่า “ท่านอา ท่านจะตัดชิ้นไหนก่อนครับ?”
เยี่ยเทียนตอบ “ชิ้นใหญ่นั่น ตัดมันออกมาก่อนเลย!”
ความจริงแล้วในใจเยี่ยเทียนเองก็สงสัยอยู่มาก ของที่ครอบครองพลังวิญญาณอบอุ่นนั้นแท้จริงแล้วคือหยกพม่าหรือว่ายังมีแร่อื่นอีก นำของชนิดนี้มาวางค่ายกลส่งผ่านพลังวิญญาณ เชื่อว่าประสิทธิภาพในการสร้างค่ายกลรวมวิญญาณในบ้านเขาจะต้องดีขึ้นหลายส่วน
“ได้ครับ!”
ได้ยินคำสั่งของเยี่ยเทียนแล้ว หลิ่วซีกั๋วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ให้รถขนหินขับตรงไปยังข้างเครื่องตัดหิน เรียกพนักงานมาเจ็ดแปดคน รวมกำลังยกหินดิบอัปลักษณ์ชิ้นนั้นลงมายังเครื่องตัดหิน
“ผมเอง!”
เห็นหลิ่วซีกั๋วจะกระชับหินดิบให้แน่นขึ้น เยี่ยเทียนก็เดินเข้าไป ฟันเฟืองของเครื่องตัดหินนี้แน่นหนา เพียงแค่ขยับหินดิบด้านล่างมายังตำแหน่งซึ่งต้องการตัดแบ่งที่แน่นอน เขาจึงไม่อาจปล่อยให้หลิ่วซีกั๋ววางตำแหน่งยังจุดที่มีเนื้อหยกอยู่
“ตัดเจ้าหินเส็งเคร็งก้อนนี้ยังต้องวาดเส้นหาตำแหน่งอีกเหรอ?”
“นั่นสิ ถ้าหินดิบอย่างหมายเลข 1414 นี่ยังผ่าหยกพม่าออกมาได้ เหล่าหวังอย่างฉันจะกินเศษหินพวกนั้นเข้าไปเลย”
“ระวังอย่าคุยโม้ดีกว่า ไม่เห็นเหรอว่าประธานเจิ้งยังไม่พูดอะไร ไม่แน่ภายในวัตถุดิบก้อนนี้อาจมีของจริงอยู่นะ”
เห็นเยี่ยเทียนเปรียบเทียบตำแหน่งหินดิบกับฟันเฟืองแล้ว ผู้คนรอบๆ ที่ไม่รู้จักสถานะของเยี่ยเทียนพลันส่งเสียงเยาะเย้ยขึ้นมา หินชิ้นนี้ที่ถูกผู้คนคิดว่าเป็นเศษขยะหินดิบ หากผ่าหยกพม่าออกมาได้จริงๆ ก็บอกได้เพียงแค่ทุกคนที่เข้าร่วมงานประมูลสาธารณะในพม่าครั้งนี้ล้วนตาบอดกันหมด
……………..