หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 542 เข้าสู่ลัทธิ
“แม่เอ้ย ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้”
เห็นฉากตรงหน้านี้แล้ว เยี่ยเทียนก็ตะลึงงันไป ในตอนที่คอของจี๋เหล่าต้ามีเลือดสดพวยพุ่งออกมา เขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนนี้ไร้ทางรักษา
เส้นเลือดใหญ่บริเวณลำคอถูกกัดขาด ถึงแม้จะอาศัยฝีมือของเยี่ยเทียน ก็ไม่มีทางเลยที่จะช่วยได้ เลือดแดงฉานที่ท่วมตัวของจี๋เหล่าต้านั้นเหมือนกับพ่นออกไปอย่างกับของฟรี ตลอดทั้งห้องลับนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
“อึก…อึก…”
สายตาของจี๋เหล่าต้านั้นค่อยๆ ล่องลอย ปากเปล่งเสียงดังออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เลือดนั้นไหลออกมาตามปาก สีหน้าปรากฏแววแห่งความตาย
“เหอ…เหอเหอ!”
หลิวเหล่าเอ้อเมื่อซักครู่ถูกยิงด้วยของมีพิษ ในตอนนั้นตลอดทั้งร่างเข้าสู่โหมดคุ้มคลั่ง หลังจากดูดกินเลือดเข้าไปเต็มท้องแล้ว ก็อ้าปากงับเนื้อบนคอของพี่ใหญ่จี๋ขึ้นมา
“พอแล้ว พี่สอง ตื่นเถอะ!”
เยี่ยเทียนส่ายหัว เดินขึ้นไปเอามือสับลงบนต้นคอของหลิวเหล่าเอ้อหลังจากใส่พลังเข้าไปสายหนึ่งแล้ว ก็พลันทำให้หลิวเหล่าเอ้อได้สติขึ้นมา
“นี่…นี่เป็นฝีมือฉันเหรอ!”
เห็นร่างกายที่ชักกระตุกอยู่ด้านหลังของเหล่าต้า หลิวเหล่าเอ้อก็ร้องตะโกนอย่างตกใจออกมา ออกแรงพยุงตัว เอาหลังพิงกับผนังไม้ถอนหายในเฮือกใหญ่
“พี่สอง เขาตายอย่างไม่มีห่วง แต่นายนี่สิบาดแผลเจ็บหนักไม่น้อย อย่างนั้น…ฉันไปส่งนายไปโรงพยาบาล”
มองเห็นสีหน้าจะยิ้มก็ไม่ยิ้มของหลิวเหล่าเอ้อเยี่ยเทียนก็ค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้น ถึงแม้ว่าหลิวเหล่าเอ้อจะเป็นผู้ร้ายเบอร์ต้นในการหลอกลวงพ่อของเขา แต่การที่เขามาถึงจุดนี้ ก็เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาด้วย
“เยี่ย…พี่เยี่ย ฉัน…ฉันไม่ไหวแล้ว”
หลิวเหล่าเอ้อนั้นส่ายศรีษะ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มสลด ในตอนนี้เขารู้สึกได้ว่าพลังชี่ตลอดทั้งร่างกำลังไหลออก ความรู้สึกเย็นนะเยือกสายหนึ่งไหลเข้ามาห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้
“นายมีอะไรที่อยากจะบอก ” เยี่ยเทียนยื่นมืออกไปวางบนไหล่ของเขา ใส่กระแสพลังธาตุเข้าไปในร่างกายของหลิวเหล่าเอ้อ รักษาเส้นชีพจรหัวใจของเขาไว้ชั่วคราว
จริง ๆ แล้วเยี่ยเทียนมองออกตั้งนานแล้ว หลิวเหล่าเอ้อร์ได้รับความทรมานผิดมนุษย์มนามาหลายวัน ชีพจรในร่างกายขาด พลังชีวิตเหือดหาย หากว่าไม่ได้พิษช่วยกระตุ้นเอาไว้ เกรงว่าจะตายไปนานแล้ว
“ไม่ ข้าหลิวเหล่าเอ้อเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีห่วงตั้งนานแล้ว สามารถทำให้เจ้าขโมยได้ตายตกไปพร้อมตัวเอง ก็คุ้มค่าแล้ว!”
หลิวเหล่าเอ้อหันไปถุยน้ำลายใส่จี๋เหล่าต้าที่นอนอยู่ด้านข้าง สีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์
เมื่อปีกลายนั้นเขาก็เป็นหนึ่งใน แปดอรหันต์ข้างกายจี๋เหล่าต้า แต่ว่าจี๋เหล่าต้าไม่ได้สนใจความสัมพันธ์เก่าก่อน เห็นคนจะตายไม่ช่วยไม่เท่าไหร่ ยังซ้อมให้รับสารภาพ สามารถฆ่าจี๋เหล่าต้าได้ด้วยตนเอง หลิวเหล่าเอ้อในใจนั้นดีใจเป็นล้นพ้น
“พี่เยี่ย ฉัน…เหล่าเปาของฉันทำไม่ดีกับพี่ เห็นแก่ที่เราหาจี๋เหล่าต้าเจอพร้อมกัน พี่ยกโทษให้เหล่าเปาคนนี้เถอะ”
โบราณว่าคนที่กำลังจะตายมักจะพูดและทำอะไรดี ๆ หลิวเหล่าเอ้อในวาระสุดท้ายก็ไม่วายขอให้ไว้ชีวิตของเปาเฟิงหลิง นี่ทำให้เยี่ยเทียนอดสังเวชใจไม่ได้ พยักหน้ากล่าวว่า “”นายวางใจ ฉันจะไม่ไปยุ่งกับเขาอีก”
“ขอบคุณ…ขอบคุณเยี่ย…”
แววตาของหลิวเหล่าเอ้อเปล่งประกายอยู่ชั่วครู่จากนั้นก็มืดดับลงไป เสียงจากลำคอนั้นแผ่วเบา หลังจากเอ่ยคำว่าเยี่ยออกมา ลมหายใจสุดท้ายก็จากไป
“คนที่อยู่ในยุทธภพล้วนไม่เป็นอิสระ เส้นทางในยุทธภพของฉันนั้นจะเป็นอย่างไรกันนะ”
เห็นร่างไร้วิญญาณสองศพที่ไม่ถูกกันนอนอยู่บนพื้น เยี่ยเทียนส่ายหัว ภายในใจพลันรู้สึกแก่ขึ้นหลายปี เพราะตั้งแต่โบราณกาลจนถึงตอนนี้ คนที่อยู่ในยุทธภพที่มีจุดจบสวยงามนั้น มีน้อยเต็มที
หลังจากยื่นมือออกไปปิดดวงตาที่เบิกโพรงของหลิวเหล่าเอ้อแล้ว เยี่ยเทียนก็ลุกขึ้นยืน ห้องลับนี้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด เขาไม่อยากอยู่ที่นี่นาน
มองไปรอบด้านภายในห้อง เยี่ยเทียนเห็นมุมห้องมีกระสอบผ้าป่าน เดินไปหยิบขึ้นมาไว้ในมือ นำเงินสดและทองคำในตู้เซฟหยิบใส่ลง
หลังจากเก็บของพวกนี้เรียบร้อยแล้ว เยี่ยเทียนก็ยื่นมือออกไปเปิดลิ้นชักเหล็กด้านล่างของตู้นิรภัย หันไปมอง ใจพลันเต้นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ในแผ่นเหล็กของลิ้นชักที่มีช่องว่างใหญ่ประมาณหนึ่ง ด้านล่างเป็นหนังสือปัจจุบันอยู่กองหนึ่ง สีกระดาษนั้นค่อนไปทางเหลืองแล้ว ด้านบนของหนังสือมีบัตรธนาคารวางอยู่สองสามใบ
หยิบบัตรธนาคารใส่ในกระเป๋า เยี่ยเทียนก็หยิบหนังสือที่วางอยู่ด้านบนสุดติดมือมา สายตาเปล่งประกายเจิดจ้า เพราะในหน้ากระดาษของหนังสือนั้น มีตัวอักษรสองสามคำเขียนจากขวาไปซ้ายในแนวตั้งว่า “สรรพความคิดกับนักทำนายโจวจื่อ”
“จี๋เหล่าต้าที่แท้ก็เป็นผู้สืบทอดวิชาโจวจื่อ!”
หลังจากเห็นหนังสือเล่มนี้ ในใจของเยี่ยเทียนก็สิ้นความสงสัย ในสมัยโบราณที่ด้านหลังหากสามารถเติมคำว่า “จื่อ” ลงไปได้นั้น มีแต่นักปราชญ์ราชบัณฑิต เช่นขงจื่อ เมิ่งจื่อและคนอื่น ๆ
โจวตุนอี๋เป็นนักปราชญ์ของราชวงศ์ซ่งเหนือ เป็นผู้เขียน “ทฤษฎีแผนภาพไท่จี๋” ถึงขนาดถูกจูซีเรียกว่าเป็นผู้ก่อตั้งลัทธิกายวิภาค แน่นอนว่าเหมาะสมกับคำว่า “จื่อ” นี่
ค่อยๆ เปิด “ปฐกถา”เล่มนี้กางออกดูหน้าแรก ด้านในแน่นอนว่าบันทึกเคล็ดวิชาบางอย่างในวิชาโจวชื่อ ในตอนที่เยี่ยเทียนอยากจะอ่านให้ละเอียดนั้น ก็มีกระดาษแผ่นหนึ่งตกลงมาจากหนังสือ
“หืม นี่คืออะไร” เยี่ยเทียนยื่นมือออกไปรับกระดาษแผ่นนั้นไว้ในมือ มองหัวข้อด้านบน จึงพบว่าเป็นจดหมายฉบับหนึ่ง
“ท่ามกลางความไม่แน่นอนนี่ ก็ยังได้รับอะไรที่เป็นประโยชน์อยู่บ้าง!” หลังจากอ่านจดมายที่ใช้พู่กันเขียนเอาไว้แล้ว เยี่ยเทียนก็ถอนหายใจยาว จี๋เหล่าต้าคนนี้แน่นอนว่าเป็นสายเลือดใกล้เคียงกับโจวชื่อเป็นวิญญาณร้ายที่หลงเหลืออยู่
ในปีนั้นศิษย์พี่ใหญ่พาพวกในฉีเหมินไปล้อมรังของลัทธิโจวชื่อ ที่หนีรอดไปด้วยคนเดียวคือโจวต้าหมาจื่อ แต่หลังจากนั้นอีกครึ่งศตวรรษ รุ่นหลังของโจวต้าหมาจื่อกลับตายด้วยมือของตัวเอง อดไม่ได้ที่จะทำให้คนรู้สึกเวทนา
ค่อยๆ หยิบหนังสือหลายเล่มออกมาวางไว้ในมือ อีกมือหนึ่งก็แบกกระสอบป่าน เยี่ยเทียนเดินหลีกเลือดที่นองเต็มพื้น ค่อยๆ ปีนออกมาจากปากทางห้องลับ
“อาจารย์ ผมถามแล้ว ไอ้เจ้าจี๋เหล่าต้าคนนี้รู้จักวิชาการทำนายดวงชะตา!”
เยี่ยเทียนเพิ่มโผล่หัวออกมาพ้นเงาของกำแพง โจวเส้าเทียนก็รีบออกมาต้อนรับ กล่าวว่า “จี๋เหล่าต้าเป็นผู้สืบทอดเคล็ดวิชาลับของตระกูลโจวที่เป็นตัวร้ายที่เหลืออยู่…”
“ฉันรู้แล้ว”
เยี่ยเทียนเดินออกมาจากทางลับนั้น หยิบเอาหนังสือในมือสองสามเล่มส่งให้กับโจวเส้าเทียน กล่าวว่า “พวกนี้เป็นเคล็ดวิชาลับประจำตระกูลโจว แต่ว่ามีบางวิชาที่สูญหายไป ค่อยว่ากันว่าสามารถเพิ่มเติมในภายหน้าได้หรือเปล่า”
“หา…หาเจอแล้วเหรอ”
โจวเส้าเทียนตะลึงงั้นไปก่อนแล้วจากนั้นก็ดีใจยกใหญ่ สองมือสั่นรับหนังสือสองสามเล่มไป ตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก
ถึงแม้จะไหว้เยี่ยเทียนเป็นอาจารย์ โจวเส้าเทียนก็ได้รับประโยชน์ที่ดีเป็นอย่างมาก แต่ว่าเขาไม่ได้ฝึกเคล็ดวิชาของหมาอี สำหรับเยี่ยเทียนแล้วเคล็ดวิชาที่เป็นความลับจับต้องไม่ได้นั้น ไม่มีทางฝึกสำเร็จ
ดังนั้นการตามหาเคล็ดวิชาที่สืบทอดกันมาของตระกูล เป็นสิ่งที่โจวเส้าเทียนคิดคำนึงอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่เค้าคิดไม่ถึงว่า จะบรรลุสมหวังรวดเร็วขนาดนี้
“เส้าเทียน เคล็ดวิชาการทำนายของโจวชื่อ ในฉีหมินนั้นมีชื่อเสียงขึ้นชื่อมาก…”
เห็นลูกศิษย์ดีใจจนเนื้อเต้น เยี่ยเทียนก็คิดซักครู่ กล่าวว่า “เคล็ดวิชาที่อยู่ต่อหน้านายที่ได้รับไปแล้วนั้น อีกหน่อยความสำเร็จในด้านนี้ เกรงว่าจะไม่ได้มากจากฉัน ฉันอยากจะขับนายออกจากลัทธิ นายไปตั้งลัทธิของนายเองเถอะ!”
จริงๆ แล้วที่รับโจวเส้าเทียนมาเป็นลูกศิษย์นั้น เยี่ยเทียนก็แอบมีความคิดเอาไว้ เดิมทีนั้นฉีเหมินก็พากันล่มสลายไปค่อนข้างเยอะแล้ว สามารถมีลัทธิที่สืบทอดหนึ่งลัทธิได้ นั้นก็ถือเป็นพรมลิขิต
“อาจารย์…อาจารย์ ท่าน…ท่านไม่ต้องการผมแล้วเหรอ”
โจวเส้าเทียนทีเดิมทีสีหน้าดีใจ ได้ฟังคำของเยี่ยเทียนแล้ว พลันก็ดีใจไม่ออก เกือบจะโยนตำราในมือลอยละล่องไปแล้ว
โจวเส้าเทียนเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเด็ก อาศัยอยู่กับแม่ ผ่านอะไรต่อมิอะไรในโลกมาก็มาก มีแต่อยู่กับเยี่ยเทียน เขาถึงรู้สึกว่าชีวิตมีค่า แต่คำพูดประโยคเดียวของเยี่ยเทียน ก็ทำให้เขาร่วงจากสวรรค์ลงสู่ขุมนรก
เยี่ยเทียนกล่าวว่า “เส้าเทียน อายุนายกับฉันก็ห่างกันไม่มาก ไม่เป็นศิษย์อาจารย์กันก็ยังเป็นเพื่อนกันได้”
“ไม่ อาจารย์ เป็นอาจารย์วันหนึ่งก็เป็นอาจารย์ตลอดไป เส้าเทียนไม่ใช่คนที่ลืมบุญคุณคนแบบนั้น!”
โจวเส้าเทียนพลันคุกเข่าลงกับพื้น สีหน้าแน่วแน่กล่าวว่า “อาจารย์ คนสืบทอดลัทธิตระกูลโจวก็เหลือผมคนเดียวแล้ว วันนี้ผมตัดสินใจว่า จะนำเอาเคล็ดวิชาของตระกูลโจวผนวกเข้ากับลัทธิหมาอี หวังว่าอาจารย์จะมีเมตตา!”
“หืม เส้าเทียน หากเป็นแบบนี้ การสืบทอดของตระกูลโจวก็หายไป” เยี่ยเทียนกล่าวอย่างตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าโจวเส้าเทียนจะต้ดสินใจเลือกทางนี้
โจวเส้าเทียนส่ายหัว กล่าวว่า “อาจารย์ ผนวกเข้ากับลัทธิหมาอี เคล็ดวิชาของตระกูลโจวก็สามารถสืบทอดต่อไป ตั้งสำนักนั้นยากมาก ลูกศิษย์ไม่มีความแน่วแน่ขนาดนั้น!”
เยี่ยเทียนเงียบไปซักครู่ กล่าวว่า “เรื่องนี้เอาไว้ค่อยว่ากัน ให้เวลานายคิดมาก ๆ หน่อย หากว่ายังต้องการแบบนั้น ถึงเวลาฉันจะรับนายเป็นลูกศิษย์เอกของลัทธิ!”
เคล็ดวิชาของฉีเหมินนั้นถึงแม้จะไม่เหมือนกัน แต่ภายในนั้นก็มีจุดที่เหมือนกันอยู่ โจวเส้าเทียนต้องการนำเอาวิชาของตระกูลโจวผนวกรวมกับหมาอี สำหรับเคล็ดวิชาของหมาอีแล้วเป็นการพัฒนาและทำให้สูงขึ้นไปอีกระดับ
เยี่ยเทียนเชื่อว่า หลังจากตัวเขาเองฝึกปรือเคล็ดวิชาของตระกูลโจวแล้ว จะสามารถหาวิธีการให้โจวเส้าเทียนฝึกเคล็ดวิชาของหมาอีได้ นี่ถึงได้ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะรับเขาเป็นลูกศิษย์เอกของลัทธิ
แต่ว่าโจวเส้าเทียนนั้นฝึกปรือจนเข้ากระดูกแล้ว แต่กลับไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะสืบทอดลัทธิหมาอี ดังนั้นเขาจึงถูกกำหนดให้เป็นศิษย์พี่ใหญ่ในลัทธิ แต่ไม่มีทางเป็นผู้สืบทอดลัทธิได้
“เอาเถอะ สถานที่แห่งนี้ไอพลังร้ายหนาแน่นมาก ไม่ควรอยู่นาน พวกเราออกไปกันเถอะ!”
ถึงแม้ว่าคฤหาสน์แห่งนี้ยังสร้างขึ้นมาไม่ถึงสามปี แต่คนที่เสียชีวิตที่นี่มีสิบกว่าคนแล้ว เดิมทีไอพลังร้ายนั้นถูกน้ำเต้าที่หน้าประตูกดเอาไว้ แต่น้ำเต้าฮวงจุ้ยถูกเยี่ยเทียนเก็บกลับไป ทำให้ทั้งคฤหาสน์พลันปรากฏพลังหยางอย่างหนาแน่น
เยี่ยเที่ยนที่กำลังพูดก็เดินมาถึงโซฟา หยิบน้ำเต้าฮวงจุ้ยวางไว้บนที่ดื่มชา มือขวาพลันโบกไปเบาเบาบนโซฟาผ่านกระหม่อมของหลินซวนโย่ว ถึงได้หมุนกายเดินออกไป
ฝ่ามือหนึ่งออกไป หลินซวนโย่วเดิมทีที่สายตาดีใจ ก็แปรเปลี่ยนเป็นดำมืดลงมา เลือดสีแดงสดก็ไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ดวงตาปรากฏแววตกใจไม่อยากเชื่อ
หลังจากออกมาจากคฤหาสน์ โจวเส้าเทียนยังมีบางอย่างที่ค้างคากล่าวถามว่า “อาจารย์ ทำไมจะต้องฆ่าเขา”
เมื่อก่อนนั้นหลินซวนโย่วมีคำถามอะไรก็ต้องตอบ ท่าทางนั้นดีมาก บวกกับใส่แว่นตาดูเป็นคนแก่เรียน แต่ถูกเยี่ยเทียนตีให้เสียชีวิตต่อหน้าต่อตา ในใจของโจวเส้าเทียนก็รู้สึกอาลัยหลายส่วน
………………………………..