หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 561 บาดเจ็บสาหัส
หลังจากค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดาวเก้าดวงคงที่แล้ว พลังวิญญาณที่ทะยานขึ้นท้องฟ้าก็พุ่งขึ้นและตกลงมาปกคลุมบ้านของเยี่ยเทียนหลังนั้น
ในตอนที่เมฆสีม่วงจากทิศตะวันออกปะทะเสาฮวงจุ้ย สนามแม่เหล็กทั้งโลกก็เกิดความเปลี่ยนแปลง สัตว์แต่ละพื้นที่ต่างก็อลหม่านขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าจะสั้นมาก แต่ก็สร้างความสนใจให้กับผู้มีปณิธานบางส่วน
นอกจากนี้ ในชั่วพริบตาที่ค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดาวเก้าดวงสำเร็จ บ้านของเยี่ยเทียนหลังนี้ราวกับว่าหายไปจากดาวเทียมอย่างไร้เงา ดาวเทียมที่คอยตรวจตราที่โคจรเหนือโลกเหล่านั้น ไม่มีทางจับภาพของบ้านได้อีก
ในส่วนลึกของภูเขาชิงเฉิง นักพรตเต๋าผู้ตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้ารูปหนึ่งเงยหน้ามองฟ้า หลังผ่านไปเนิ่นนานจึงพูดพึมพำว่า “ธาตุทั้งห้าบนฟ้าขัดขวางกันและกัน ดวงดาวเคลื่อนย้าย นะ…นี่คือฝีมือมนุษย์ใช่ไหม?”
ภายในถ้ำแห่งหนึ่งในป่าดึกดําบรรพ์ที่ประเทศไทย มีชายร่างเปลือยเปล่าความสูงเกือบสองเมตรคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น บนร่างกายของเขามีแมลงมีพิษสีสดหลากสีหลายชนิดปีนป่ายเต็มไปหมด
เมื่อแสงแรกบนขอบฟ้าสาดส่อง ทันใดนั้นพวกแมลงมีพิษก็เกิดความวุ่นวายขึ้น ราวกับว่าพวกมันหวาดกลัวอะไรบางอย่าง ต่างพากันมุดเข้าไปในปาก จมูกและหูของชายคนนั้น
ปากของคนแก่รูปร่างผอมแห้งคนหนึ่งท่องคาถาลึกลับออกมาเสียงดังอยู่ตลอด ในขณะเดียวกันมือขวาก็สั่นกระดิ่งไปด้วย ผ่านไปนานถึงจะสามารถทำให้แมลงมีพิษเหล่านี้สงบลงได้
“อะไรกันที่กระทบกับพลังงานสนามแม่เหล็ก? เกือบทำให้ความพยายามก่อนหน้านี้ทั้งหมดของฉันต้องสูญเปล่า?”
ใบหน้าหมองหม่นของคนแก่คนนั้นมองไปยังทิศตะวันออก เมื่อสามปีก่อน เขาเคยรับมือกับปรากฏการณ์แบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่การเคลื่อนไหวนั้นน้อยกว่าครั้งนี้มากนัก
สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีสภาพธรรมชาติเลวร้ายสุดขีดในทิเบต มีวัดลามะขนาดเล็กมากวัดหนึ่ง ลามะสูงอายุรูปหนึ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นจนมองไม่ออกว่าอายุเท่าไหร่ซึ่งอยู่ภายในวัด ก็สามารถสัมผัสได้และลืมตาขึ้น
ภายในโบสถ์ใหญ่หลังนั้นซึ่งเต็มไปด้วยพลังศรัทธาจากทั่วโลกในนครรัฐวาติกัน พระสันตะปาปาซึ่งอายุเกินแปดสิบปีรู้สึกว้าวุ่นใจในฉับพลัน แต่กลับไม่สามารถอนุมานได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ท่ามกลางภูเขาลึกสายน้ำใหญ่ทุกที่บนโลก สัตว์ป่าดุร้ายที่ไม่ให้มนุษย์รับรู้กับสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์เหล่านั้นต่างรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของพลังงานฟ้าดิน พวกมันต่างก็ใช้ปัญญาที่เพิ่งเกิดนั่นขบคิด
ความผิดปกติเหล่านี้เกิดขึ้นในทั่วทุกมุมโลก แม้ว่าเวลาจะสั้นมาก แต่ก็สร้างความตกใจให้กับคนมากมายที่เป็นประเภทเดียวกับพวกเยี่ยเทียน
แต่คฤหาสน์ที่ไหล่เขาหลังนั้นของเยี่ยเทียนซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุของเรื่องนี้กลับสงบเงียบ ดูจากภายนอกก็เป็นคฤหาสน์ที่เพิ่งตกแต่งเสร็จ ซึ่งสามารถเห็นได้ทุกที่ในไหล่เขาแห่งนี้
แต่ทั่วทั้งไหล่เขายังคงเกิดความเปลี่ยนแปลง นั่นเพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนพลังวิญญาณซึ่งหนาแน่นอยู่ภายในภูเขาเบาบางลงกะทันหัน ต่างกับเสาฮวงจุ้ยซึ่งอยู่ระหว่างการสร้างที่แตกต่างกันมาก
ทำให้มหาเศรษฐีที่ตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้าบางส่วนรู้สึกแปลกใจมาก เมื่อไม่กี่วันก่อนสูดลมหายใจสะอาดเต็มหัวใจเฮือกหนึ่ง ดูเหมือนจะไม่มีแล้ว
………………
“สำเร็จแล้ว?!”
โก่วซินเจียกับจั่วเจียจวิ้นซึ่งกำลังฝืนประคองร่างกายภายในที่บอบช้ำต่างก็มองตากัน ตะโกนออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัด หมาย พร้อมกับใบหน้าปรากฏความตกใจและยินดี
คำตอบต้องใช่แน่นอนอยู่แล้ว เพราะทุกที่รอบตัวพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยพลังงานฟ้าดินหนาแน่นสุดขีด
เมื่อสูดพลังวิญญาณเฮือกหนึ่งเข้าปอด ราวกับว่าความเจ็บปวดช่วงระหว่างอกและท้องที่เกิดจากพลังงานย้อนกลับเมื่อครู่ เหมือนจะเบาบางลงไปสองสามส่วน รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้น
หลังจากอ้าปากกว้างสูดพลังวิญญาณหลายเฮือกอย่างโลภมาก ใบหน้าของโก่วซินเจียจึงปรากฏความพึงพอใจ ปริมาณและคุณภาพของค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดาวเก้าดวงที่รวมตัวกัน อย่างน้อยก็มากกว่าที่เรือนสี่ประสานของเยี่ยเทียนในเมืองหลวงสิบเท่า
และพลังวิญญาณอันบริสุทธิ์เหล่านี้แปรเปลี่ยนมาจากมหาสมุทรใหญ่อันไร้ขอบเขต จึงไม่ต้องกลัวสักนิดว่าวันหนึ่งมันจะหายไป ขอเพียงแค่โลกยังคงอยู่ เพียงแค่ค่ายกลไม่ถูกทำลาย พวกเขาสามารถใช้พลังวิญญาณเหล่านี้ได้เต็มที่
“เจียจวิ้น ศิษย์น้องเป็นยังไงบ้าง?”
โก่วซินเจียยืนฟื้นฟูบาดแผลอยู่ที่เดิมสักพักหนึ่ง หลังจากผ่านไปประมาณสิบยี่สิบนาที ทันใดนั้นก็นึกถึงเยี่ยเทียน
ต้องเข้าใจว่ารยุทธของโก่วซินเจียกับจั่วเจียจวิ้น ตอนที่แปรเปลี่ยนติดต่อกับค่ายกลทั้งสองนั้นต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่เยี่ยเทียนฝืนลิขิตพลิกชะตา คาดไม่ถึงว่าจะใช้วิชาอักษรโต่วต่อสู้กับสวรรค์ ทำให้เมฆสีม้วงสัญลักษณ์มงคลนั่นเปิดค่ายกล พลังการย้อนกลับของการฝ่าฝืนกฎแบบนี้เกรงว่าจะน่ากลัวมากกว่า
เมื่อได้ยินโก่วซินเจียพูดถึงเย่เทียน สีหน้าของจั่วเจียจวิ้นก็เปลี่ยนไป มองไปยังทางเสาฮวงจุ้ย พูดว่า “ศิษย์พี่ ถ้าศิษย์น้องไม่เป็นอะไรก็ควรรีบมาแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ถึง กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นเนี่ยสิ”
โก่วซินเจียร้อนใจ ไม่สนใจการฟื้นฟูบาดแผลแล้ว พลางเอ่ยว่า “เร็ว รีบโทรหาเซี่ยวเทียนให้เขาไปรับศิษย์น้อง!”
“นี่…นี่ไม่มีสัญญาณเลยสักนิด?”
หลังจากหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา จั่วเจียจวิ้นก็โกรธจนแทบจะปาโทรศัพท์มือถือทิ้ง สาวเท้าออกไปข้างนอก “ศิษย์พี่ใหญ่ พี่พักก่อนเถอะ ผมจะไปรับศิษยืน้องมาเอง!”
พละกำลังของจั่วเจียจวิ้นยังอ่อนอยู่เล็กน้อย บวกกับอายุน้อยกว่าโก่วซินเจีย บาดแผลที่ได้จากพลังย้อนกลับจึงเบากว่าอยู่บ้าง แม้ว่าตอนนี้ช่วงระหว่างอกและท้องยังเจ็บตื้อๆ อยู่ แต่การเดินไปขับรถกลับไม่เป็นปัญหาอะไร
“แค่กๆ รอ…รอฉันก่อน!”
โก่วซินเจียใช้มือประคองแผ่นอกไว้ หลังจากไอต่อเนื่องสองสามทีจึงพูดว่า “ฉันไปกับนายด้วย สำนักเสื้อป่านไม่มีพวกเราสองคนก็ไม่เป็นไร แต่จะขาดศิษย์น้องไม่ได้!”
ตั้งแต่รู้จักกับศิษย์น้อง ฝีมือที่เผยให้เห็นอย่างไม่ขาดสายของเยี่ยเทียนก็สยบโก่วซินเจียได้ ในตอนนั้นต่อให้เป็นตัวอาจารย์หลี่ซั่นหยวน เขาก็ไม่มีทางได้เห็นวรยุทธเช่นนี้
แท้จริงแล้วโก่วซินเจียรู้ดีว่าเยี่ยเทียนต้องเคยเจอเรื่องอะไรบางอย่าง แต่เยี่ยเทียนก็แค่ไม่พูด และเขาก็ไม่สามารถไปถามอะไรได้ บนโลกนี้มีใครบ้างที่ไม่มีความลับของตัวเอง?
รถยนต์พุ่งทะยานออกจากคฟหาสน์ เสียงแตรรถดังต่อเนื่องบนเส้นทางภูเขา ทำให้มหาเศรษฐีพวกนั้นพากันมองมาไม่ขาดสาย
แต่หลังจากที่เห็นชัดเจนแล้วว่าเป็นป้ายทะเบียนรถของจั่วจียจวิ้น ในใจของมหาเศรษฐีพวกนี้ต่างคาดเดากันไม่หยุด เรื่องอะไรกันที่ทำให้จั่วเจียจวิ้นขับรถเร็วเหมือนวัยรุ่นแบบนี้?
“ปรมาจารย์จั่ว เมื่อ…เมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อรถยนต์แล่นมาถึงทางแยกซึ่งห่างจากเสาฮวงจุ้ยประมาณห้าร้อยเมตรก็ถูกขวางเอาไว้ หลังจากที่นายตำรวจชั้นสูงจากสถานีตำรวจคนหนึ่งเห็นจั่วเจียจวิ้นก็รีบเดินมาหา
นายตำรวจชั้นสูงคนนี้ได้รับความไว้วางใจจากจั่วเจียจวิ้นให้เป็นหัวหน้าตำรวจในการล้อมพื้นที่หนึ่งพันเมตรบริเวณรอบเสาฮวงจุ้ย แม้ว่าความวุ่นวายของพลังงานในตอนแรกสุดจะไม่ได้สร้างความสนใจให้กับคนธรรมดาพวกนี้ แต่หลังจากที่ค่ายกลดาวเก้าดวงและค่ายกลซานฉายรวมตัวกัน แสงสีทองลำแสงนั้นกลับทำให้พวกเขาตกใจ
“ไม่มีอะไร แค่ตอนจัดเตรียมเสาฮวงจุ้ยเกิดปรากฏการณ์บางอย่าง พวกคุณไม่ต้องกังวลหรอก” จั่วเจียจวิ้นลดกระจกลง พลางยิ้มพูด “คุณตำรวจหลิว วันนี้รบกวนพวกคุณด้วยนะ วันหลังผมจะเชิญคุณมาดื่มชา!”
หลังจากที่จั่วเจียจวิ้นพูดอย่างขอไปทีไม่กี่ประโยค ก็ให้คนดึงเส้นกันเขตออกแล้วขับรถเข้าไป ปล่อยให้ตำรวจสองสามคนมองหน้ากัน แม้ว่าพวกเขาจะเชื่อเรื่องฮวงจุ้ย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เจอวิธีการแปลกประหลาดเช่นนี้
รถยนต์จอดอยู่หน้าลานกว้างเสาฮวงจุ้ย จั่วเจียจวิ้นกับโก่วซินเจียลงจากรถ ราวกับว่าบนลานกว้างใหญ่เสาฮวงจุ้ยมีเพียงแค่เสาฮวงจุ้ยความสูงเกือบสามสิบเมตรต้นนั้นตั้งอยู่ที่เดิม รอบด้านไม่พบเงาของเยี่ยเทียนเลยแม้แต่น้อย
เสาฮวงจุ้ยที่อยู่ตรงหน้าตกอยู่ในสายตาของพวกเขา ราวกับมีบางอย่างไม่เหมือนกับเมื่อไม่กี่วันก่อน รูปปั้นพวกนั้นที่อยู่บนเสาฮวงจุ้ยเหมือนกับมีชีวิตขึ้นมาบางส่วน พลังจิตวิญญาณที่อยู่ระหว่างค่ายกลทั้งสามยังคงหมุนเวียนไม่หยุด
แต่สองคนนี้กลับไม่สนใจตรวจสอบให้ละเอียด เพราะการที่ไม่เห็นเงาของเยี่ยเทียน ทำให้พวกเขารู้สึกใจไม่ดี
ต้องเข้าใจว่าตอนที่สัญลักษณ์มงคลปะทะเสาฮวงจุ้ย ต่อให้เป็นวรยุทธของโก่วซินเจียกับจั่วเจียจวิ้นต่างก็เกิดความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง นับประสาอะไรกับเยี่ยเทียนที่อยู่ในจุดเกิดเหตุนั้นล่ะ?
“ศิษย์น้องเล็ก นายอยู่ไหน?”
“เยี่ยเทียน นายอยู่ไหน ตอบสิ!”
เสียงของโก่วซินเจียกับจั่วเจียจวิ้นดังขึ้น แต่ภายในสถานที่ที่เงียบแบบนี้ นอกจากเสียงตะโกนของพวกเขาสองคนแล้วก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับของเยี่ยเทียนเลย
“ศิษย์พี่ ตรงนี้มีรอยเลือด!” จั่วเจียจวิ้นเริ่มสำรวจจากจุดหัวใจหลักของค่ายกลซึ่งเป็นจุดแรกที่เยี่ยเทียนยืนอยู่ จากนั้นก็พบรอยเลือดบนพื้นกองหนึ่งอย่างรวดเร็ว
“เจอแล้ว ศิษย์น้อง นะ…นายเป็นไงบ้าง?” จากเลือดสดที่เยี่ยเทียนพ่นออกมา ทั้งสองคนซึ่งอยู่ในแปลงดอกไม้มองเห็นยี่ยเทียนที่ดวงตาทั้งสองข้างหลับสนิท เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้
“ยังมีลมหายใจอยู่…” โก่วซินเจียลองใช้นิ้วมืออังที่จมูกของเยี่ยเทียนซึ่งใบหน้าดูราวกับกระดาษเงินกระดาษทองและพูดอย่างร้อนใจ “เร็ว รีบอุ้มเขาออกมา จะได้รีบกลับเร็วเข้า !”
คนผู้นี้ได้รับบาดเจ็บจากภายใน ปกติสีหน้าภายนอกจะเป็นสีขาวซีด นี่คือได้รับการโจมตีจากพลังชั่วร้าย หลังจากที่ค่อยๆ รักษาจะฟื้นตัวค่อนข้างง่าย
แต่ถ้าสีหน้าเป็นสีเหลืองราวกับกระดาษเงินกระดาษทอง นี่คือการได้รับการโจมตีอย่างหนักหน่วงจากพลังภายนอก และยังถูกโจมตีรุนแรงจนกระเทือนต่ออวัยวะภายใน ถ้าไม่ระวังก็จะตายได้
พูดกันตามตรง แม้ว่าตอนนี้เยี่ยเทียนจะยังมีลมหายใจแต่ก็โรยแรงมาก มิเช่นนั้นจากแค่วรยุทธของเขา เกรงว่าหากยังไม่ผ่านครึ่งชั่วยามก็คงจะยังไม่ฟื้นขึ้นมาโอยอัตโนมัติ
จั่วเจียจวิ้นแบกเย่เทียนขึ้นอย่างระมัดระวัง แต่ร่างกายเขาเล็กและเตี้ยกว่าเยี่ยเทียนมาก ทำให้ขาทั้งสองข้างของเยี่ยเทียนยังคงลากไปกับพื้น
“เบาหน่อย รู้อย่างนี้วันนี้น่าจะให้เซี่ยวเทียนกับติ้งติ้งอยู่ที่บ้านซะก็ดี!”
โก่วซินเจียกำชับจั่วเจียจวิ้นตลอด คนที่อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ ห้ามเคลื่อนย้ายเป็นอันขาด วิธีที่ดีที่สุดคือใช้เปลหามยกไป แต่เวลานี้พวกเขาไม่ได้ใส่ใจเยอะแยะขนาดนั้น
พอแบกเยี่ยเทียนมาถึงรถ จั่วเจียจวิ้นเหนื่อยจนเหงื่อโทรมกาย ระหว่างทางขับรถกลับบ้าน โก่วเจียซินวางสายโทรศัพท์จากโจวเซี่ยวเทียน เขากับจั่วเจียจวิ้นจริงๆ ก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แต่ก็พยายามควบคุมน้ำเสียงเท่านั้นเอง
หลังจากกลับมาถึงบ้าน จั่วเจียจวิ้นขึงแบกเยี่ยเทียนลงมาอย่างระมัดระวัง พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงหายใจหอบฮั่กจากทางด้านหลัง
“ศิษย์น้องเล็ก นายตื่นแล้วเหรอ?”
จั่วเจียจวิ้นดีใจอย่างมาก เขาวางเยี่ยเทียนลง ทุกที่ในอาณาบริเวณหนึ่งพันเมตรรอบบ้านล้วนเต็มไปด้วยพลังวิญญาณจากฟ้าดินที่เกือบจะเป็นแก่นแท้ ดังนั้นจะเข้าไปพักในห้องหรือไม่ก็ไม่เป็นไร
“แค่ก…แค่กๆ ผมไม่รอบคอบเอง!” เยี่ยเทียนยังไม่ทันได้อ้าปากพูดก็ไอต่อเนื่องสองสามครั้ง แล้วเลือดสดๆ ก็พ่นออกมาอีก
แต่เมื่อเห็นเลือดสดนี้ ใบหน้าของโก่วซินเจียกลับมีสีหน้าที่ยินดีออกมา
………………………………………………………………