หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 570 หักล้าง
อี้เวินเม่าพูดคำนี้ออกไป สีหน้าของคนภายในงานเกือบครึ่งก็เปลี่ยนไป มองไปที่จั่วเจียจวิ้นด้วยสายตาที่สงสัย
ต้องรู้ว่า ย่านคฤหาสน์หรูของฮ่องกงอยู่ที่ยอดเขาวิกตอเรียก็จริง แต่ก็ไม่ใช่มหาเศรษฐีทุกคนที่อาศัยอยู่ที่นี่
ก็เหมือนกับที่อยู่ของหลี่เชาเหรินที่ตั้งอยู่ในอ่าวลึกทางตอนใต้ของฮ่องกง ที่นั่นก็เป็นสถานที่รวมตัวของคนรวยเช่นกัน
ดังนั้นคำพูดของอี้เวินเม่า จึงมีผลกระทบต่อคนในงานเป็นส่วนมาก
ถ้าเป็นอย่างที่อี้เวินเม่าพูดจริงๆ สำนักฮวงจุ้ยของจั่วเจียจวิ้นได้ย้ายโชคลาภของฮ่องกงทั้งหมดไปที่เขตกลางภูเขา อย่างนั้นโชคลาภตรงที่พักของพวกเขาก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย ถือว่าไม่ใช่เรื่องเล็กเลยทีเดียว
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของอี้เวินเม่า จั่วเจียจวิ้นก็หัวเราะออกมา เอ่ยปากพูดว่า “ประธานอี้ คุณสามารถมองสำนัก ฮวงจุ้ยที่ผมจัดออกไหมครับ??”
ภายในใจของจั่วเจียจวิ้นนั้นเข้าใจดี ถ้าไม่แก้ไขปัญหาที่อี้เวินเม่าซักถาม ตัวเองจะต้องผิดใจกับมหาเศรษฐีในฮ่องกงกลุ่มใหญ่ อย่าเพิ่งพูดถึงตำแหน่งอาจารย์ฮวงจุ้ยอันดับหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลย เกรงว่าต่อไปคงจะเป็นเรื่องยากที่ตัวเองจะมีที่ยืนอยู่ในฮ่องกงอีก
ในเมื่ออีกฝ่ายมาหาเรื่อง จั่วเจียจวิ้นก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป จึงแสดงท่าทางดูถูกที่ตัวเองจึงถามอี้เวินเม่าอย่างไม่มีการปิดบัง
“ก็แค่การสร้างค่ายกลซ้อนกัน ใช้ค่ายกลจิ่วกงปากว้ากับค่ายกลสี่ปรากฏการณ์ เพื่อรวบรวมดวงชะตามาที่นี่ไม่ใช่หรือ?”
อี้เวินเม่าหัวเราะเยาะ” แต่ว่าน้องจั่วทำแบบนี้ดูจะเห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือเปล่า? ดวงชะตาและโชคลาภของฮ่องกงคือของทุกคนที่สร้างมันออกมา นายเอามารวบไว้ที่ทิศตะวันออกแบบนี้ แล้วคนอื่นจะทำยังไง?”
อี้เวินเม่าเป็นคนที่หน้าซื่อใจเหี้ยมมาก ทุกคำที่เขาพูดพยายามจะสื่อถึงสำนักฮวงจุ้ยที่จั่วเจียจวิ้นก่อตั้งขึ้น มันจะทำลายสำนักฮวงจุ้ยทั้งหมดที่อยู่ในฮ่องกง เพื่อกระตุ้นความโกรธต่อผู้คน
การปลุกเร้าของอี้เวินเม่าได้ผลเป็นอย่างมาก พอสิ้นเสียงของเขา หลี่เชาเหรินก็ทนไม่ได้เลยเอ่ยปากถามออกไปว่า “ปรมาจารย์จั่ว เป็นแบบนี้จริงๆ หรือ?”
อี้เวินเม่ามีชื่อเสียงเรื่องฮวงจุ้ยชัยภูมิภูเขาและสุสานอยู่ในเกาะฮ่องกงมาตลอด แต่ก่อนหน้านี้จั่วเจียจวิ้นได้ยึดการดู ดวงทำนายโชคชะตาไปครอง ทำให้ขอบเขตความชำนาญของทั้งสองคนไม่เหมือนกัน
แต่เมื่อเห็นจั่วเจียจวิ้นที่ไม่ได้มีความถนัดฮวงจุ้ยได้ตั้งสำนักฮวงจุ้ยขึ้นมา กลับทำให้อี้เวินเม่าที่มีความชำนาญในด้านฮวงจุ้ยออกมาประณาม ทำให้ตราชั่งจิตใจของทุกคน เอนไปข้างอี้เวินเม่าโดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าจะมีเพียงหลี่เชาเหรินที่ซักถาม แต่คนที่อยู่ข้างๆ เหล่านั้นก็ส่งสายตาความสงสัยขึ้นมา แสดงว่าในใจของพวกเขาก็เกิดความสงสัยอยู่เหมือนกัน
จั่วเจียนจวิ้นหากเวลานี้พูดจาที่อ่อนแรง จะทำให้คนภายในงานเกิดความสงสัยมากขึ้น ทันใดนั้นจึงหัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดว่า “คุณหลี่ เดิมที่เขาก็ไม่ได้มีความรู้และเข้าใจอะไรเกี่ยวกับสำนักฮวงจุ้ย ก็แค่คุยโวโอ้อวด น่าขำ น่าขำจริงๆ…”
ปกติคนในสำนักฉีเหมินจะมีความแค้นต่อกันน้อยมาก แต่เมื่อเกิดความขัดแย้งกันแล้ว ส่วนใหญ่มักจะเป็นแบบถ้าไม่ตายก็ไม่เลิกรา อี้เวินเม่าออกมือครั้งนี้ก็เพื่อต้องการบีบจั่วเจียจวิ้นออกไปจากฮ่องกง ดังนั้นจั่วเจียจวิ้นจึงไม่ไว้หน้าเขาใดๆ ทั้งสิ้น
“ศิษย์พี่ใหญ่ สำนักเหมินในตอนนั้นก็ปัดแข้งปัดขาคนอาชีพเดียวกันแบบนี้ใช่ไหม?”
เมื่อได้เห็นท่าทางต่อตาฟันต่อฟันของจั่วเจียจวิ้นกับอี้เวินเม่าตาแบบนี้ เยี่ยเทียนจึงถอนหายใจเบาๆ ทั้งที่สำนักฉี เหมินก็เสื่อมถอยขนาดนี้แล้ว คนพวกนี้ยังไม่ไม่รู้จักการสามัคคีกันอีก แล้วยังจะมาหาเรื่องคนอาชีพเดียวกันเนี่ยนะ
“ศิษย์น้องเล็ก ฉีเหมินไม่เคยสามัคคีกันมาก่อน เพียงแต่ตอนนี้มีการแตกแยกที่รุนแรงมากขึ้น!”
โก่วซินเจียก็รู้สึกเหมือนกัน ขึงถอนหายใจแล้วพูดว่า “สำนักฉีเหมินในตอนนั้นก็บริหารกันในแต่ละพื้นที่ ปกติจะไม่มีใครข้ามเขตกัน แม้ว่าจะต้องต่อสู้กัน แต่ภายนอกก็ยังรักใคร่กลมเกลียวปรองดองกัน…”
ตอนที่โก่วซินเจียบุกตะลุยสำนักฉีเหมินในยุทธภพนั้น เป็นช่วงที่ญี่ปุ่นรุกรานพอดี ต่อหน้าคุณธรรม พวกคนสำนักฉี เหมินเหล่านี้จึงเก็บบุญคุณความแค้นไว้ก่อน และพร้อมใจกันต่อต้านญี่ปุ่นเพื่อกอบกู้ประเทศชาติ
แต่ไม่เหมือนกับตอนนี้แล้ว หลังจากสำนักฉีเหมินในประเทศจีนได้ผ่านการปฏิรูปประเทศหลายครั้ง ทำให้ชื่อเสียงหายสาบสูญไป เป็นเหตุให้การสืบทอดหายไปมากมาย มีเพียงบริเวณชายฝั่งทะเลเท่านั้น ที่ยังมีการถ่ายทอดสืบไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แต่ที่ผ่านมานี้ พวกคนที่มีวิชาฉีเหมินกับสำนักต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้ โดยเฉพาะฮ่องกงที่มีฮวงจุ้ยเจิญรุ่งเรือง จึงทำให้เกิดการแย่งชิงรุนแรงผิดปกติ
ตอนนั้นอี้เวินเม่ากับจั่วเจียจวิ้นแย่งตำแหน่งประธาน ก็เพื่ออยากยกระดับชื่อเสียงของตัวเอง แต่ทางสำนักชีซิงกลับมีการพัฒนายิ่งใหญ่และแข็งแรงมากในฮ่องกง
การกระทำของจั่วเจียจวิ้นในครั้งนี้ ได้สะเทือนอารมณ์ของอี้เวินเม่าเข้าแล้ว ถ้าจั่วเจียจวิ้นเข้ามายุ่งเกี่ยวกับฮวงจุ้ยชัยภูมิภูเขาและสุสาน อย่างนั้นก็ไม่เท่ากับแย่งงานของสำนักชีซิงหรอกเรอะ?
แต่ประธานอี้กลับไม่รู้เลย เยี่ยเทียนที่ก่อตั้งสำนักฮวงจุ้ยนี้ แท้จริงแล้วเพื่อต้องการสร้างค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณในคฤหาสน์ขอตัวเองเท่านั้น ไม่ได้ที่จะแย่งชิงอะไรกับพวกเขา
คนที่มีความคิดน่ารังเกียจ มักจะคิดว่าคนอื่นก็คิดเหมือนเขา
เวลานี้อี้เวินเม่าคิดแต่จะบีบให้จั่วเจียจวิ้นออกไปจากฮ่องกง จะว่าไปแล้วคนในสำนักชีซิงของเขาใช่ว่าจะไม่มียอดฝีมือในด้านการทำนายพยากรณ์ เพียงแต่ตอนนั้นถูกจั่วเจียจวิ้นกดทับไว้ก็เท่านั้นเอง
“น้องจั่ว สำนักชีซิงของฉันดูฮวงจุ้ยชัยภูมิภูเขาและสุสานมาโดยตลอด แต่ไม่รู้ว่านายสืบทอดมากจากสำนักอะไรกันแน่ อยู่ในฮ่องกงก็มักจะใช่แต่การดูโหงวเฮ้ง คิดจะมาพูดเรื่องฮวงจุ้ยกับฉัน นายไม่รู้สึกว่าน่าขำไปหน่อยเหรอ?”
การสนทนาระหว่างสองคนกลางงานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไป และเหมือนไฟโกรธจะยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ อี้เวินเม่าชี้ถึงพูดถึงความแตกต่างของเขากับจั่วเจียจวิ้นอย่างดุเดือด ภายใต้ความหมายของคำพูด ก็คือตำหนิจั่วเจียจวิ้นที่ไม่รู้เรื่องฮวงจุ้ยชัยภูมิภูเขาและสุสานจริง
“น่าขำเสียจริงๆ…”
จั่วเจียจวิ้นก็หัวเราะฮ่าๆ พลางพูด “ประธานอี้ คุณรู้จักกิ่วกงปากว่ากับสี่ปรากฏการณ์ แต่ข้างในนั้นยังมีค่ายกลซานฉาย ไม่รู้ว่าคุณดูออกหรือไม่?”
จั่วเจียจวิ้นทำเสียงฮึดฮัดเย็นชา ไม่รอให้อี้เวินเม่าเอ่ยปาก ก็ถามต่อไปว่า “ทำไมเสาฮวงจุ้ยของฉันที่อยู่ตรงหน้านี้ต้องสร้างด้วยฮวงจุ้ยบอล คุณรู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
“ค่าย…ค่ายกลซานฉาย?” อี้เวินเม่าได้ยินก็ตกตะลึงงัน เพราะเขาดูเสาฮวงจุ้ยค่ายกลสามชุดนั้นไม่ออกจริงๆ
เนื่องจากค่ายกลซานฉายเกี่ยวกับฟ้าดินและมนุษย์ มีนักปราชญ์จำนวนมากที่เป็นตัวแทน อีกทั้งอี้เวินเม่าก็ไม่ได้สังเกตรูปปั้นของคนเหล่านั้น ที่เป็นค่ายกลซานฉาย?
ส่วนฮวงจุ้ยบอลนั้น อี้เวินเม่าพอจะเข้าใจวิธีการใช้ แต่เขารู้เพียงหนึ่งไม่ได้รู้ทั้งสองอย่าง
อี้เวินเม่าคิดแค่ว่าฮวงจุ้ยบอลนั้นสามารถขับเคลื่อนดวงชะตาการไหลเวียนในสถานที่นี้ กลับไม่รู้ว่าผลประโยชน์สูงสุดของฮวงจุ้ยบอลนี้ คือการเปลี่ยนจิตวิญญาณของทะเลเป็นพลังแห่งความมงคล เพื่อลดการปะทะระหว่างเสาฮวงจุ้ยกับค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณ
“สองคนนี้ใครพูดจริงใครพูดปลอมกันแน่?”
“ประธานอี้หยุดชะงักกับคำถาม ไม่แน่ข้างในอาจจะมีสิ่งที่เร้นลับอย่างอื่นอีก!”
“นั่นสิ ปรมาจารย์จั่วจะไม่ดูดูฮวงจุ้ยชัยภูมิภูเขาและสุสานให้คนบ่อย ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยดู ถ้าจะบอกว่าเขาไม่รู้เรื่อง เหตุผลมันดูขัดแย้งกันไปหน่อย!”
อี้เวินเม่าถูกจั่วเจียจวิ้นถามจนพูดไม่ออกเลย ทำให้ในใจของทุกคนเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาขึ้นเล็กน้อย
ถึงอย่างไรฮวงจุ้ยชัยภูมิภูเขาและสุสานใช่ว่าพูดแล้วจะเกิดผลทันที อี้เวินเม่าเคยดูฮวงจุ้ยที่อยู่หยินหยางให้กับมหาเศรษฐีไม่น้อย แต่ใครจะบอกได้ว่าการพัฒนาในอนาคตและการลดลงของคนรวยจะเกี่ยวข้องกับฮวงจุ้ยหรือไม่?
แต่ไม่เหมือนกับจั่วเจียจวิ้น เขาทำนายและพยากรณ์ให้กับคนได้แม่นยำมาตลอด ช่วยเหลือมหาเศรษฐีให้พ้นเคราะห์มากมาย ซึ่งเป็นเรื่องจริง ขณะเดียวกันจึงเป็นสาเหตุหลักที่จั่วเจียจวิ้นมีตำแหน่งที่สูงกว่าอี้เวินเม่าในฮ่องกง
ตอนนี้อี้เวินเม่าได้อึ้งไปกับคำถามของจั่วเจียจวิ้นแล้ว มหาเศรษฐีพวกนั้นก็รู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับคำพูดของเขา จึงเริ่มส่งเสียงซุบซิบนินทาขึ้นมา
“ทุกท่าน พวกคุณกับจั่วเจียจวิ้นรู้จักกันมาก็ยี่สิบกว่าปีแล้ว จั่วเจียจวิ้นเป็นคนยังไง เชื่อว่าในใจของทุกท่านคงชัดเจน ฉันไม่สามารถทำลายดวงชะตาโชคลาภของฮ่องกงได้”
เมื่อได้ยินเสียงของทุกคน จั่วเจียจวิ้นจึงยิ้มเล็กน้อย เอ่ยปากพูดว่า “ค่ายกลที่ฉันสร้างขึ้นนี้ เรียกว่าค่ายกลซานฉาย ที่สามารถดึงดูดและเปลี่ยนแปลงดวงชะตาของทะเล เพื่อประโยชน์และความสุขของเกาะฮ่องกง…
ความโชคดีที่เปลี่ยนจากค่ายกลนี้ ทั้งหมดถูกดึงมาจากท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ประธานอี้ไม่รู้จักค่ายกลนี้ จึงคิดมากไปแล้ว!”
“เป็นอย่างนี้เองเรอะ? ฉันก็ว่าปรมาจารย์จั่วไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก”
“ลงทุนมากขนาดนี้ สามารถดึงดูดดวงชะตาของทะเลออกมา เกรงว่าประธานอี้ก็คงทำไม่ได้”
“คิดไม่ถึงว่าปรมาจารย์จั่วจะมีความชำนาญฮวงจุ้ย วันหลังถ้าสร้างบ้านใหม่ จะต้องเชิญปรมาจารย์จั่วไปช่วยดูฮวงจุ้ยชัยภูมิให้สักครั้ง!”
จั่วเจียจวิ้นพูดคำนี้ออกไป ทำให้ทุกคนในงานไม่ลดเสียงของตัวเองแล้ว ต่างพูดจาชื่นชมจั่วเจียจวิ้นกันยกใหญ่
เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้ เพราะค่ายกลนี้มันอยู่ติดทะเลใหญ่จริงๆ
อีกทั้งหลังจากที่ตัวเองสร้างค่ายกลสำเร็จ หมู่บ้านชาวประมงและสวนสนุกริมทะเล ก็ได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก สิ่งเหล่านี้ทุกคนสามารถเห็นได้กับตาตัวเอง ไม่เหมือนกับอี้เวินเม่าที่เอาแต่พูดโน้มน้าวปากเปล่า
และที่สำคัญคือ ทุกคนต่างรู้ว่าการก่อตั้งสำนักฮวงจุ้ยต้องเสียเงินทุนไปมากมาย โดยจั่วเจียจวิ้นเป็นคนออกเงินเพียงคนเดียว เขาจึงไม่จำเป็นต้องไปเอาใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
แน่นอนว่า พวกมหาเศรษฐีเหล่านี้ต่างคิดว่าจั่วเจียจวิ้นแค่ออกเงินทุนกว่าสิบล้านเพื่อทำการกุศลเท่านั้น ถ้าหากพวกเขารู้ว่าสำนักฮวงจุ้ยนี้มีค่าใช้จ่ายมากกว่าพันล้านหยวนขึ้นไป เกรงว่าคงไม่มีใครคิดแบบนี้แล้ว
เสียงชมเชยของทุกคน ทำให้อี้เวินเม่าหน้าขึ้นเลือกเหมือนตับหมู แต่เขาก็ดูค่ายกลซานฉายของจั่วเจียจวิ้นไม่ออกจริงๆ จึงยากที่จะกล่าวตำหนิออกมาในทันทีทันใด และยืนอยู่ตรงนั้นอย่างยากที่ถอยออกมา
เมื่อสถานการณ์ของผู้คนในตอนนี้เบี่ยงเบนมาทางจั่วเจียจวิ้น ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมา “ฉันศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับค่ายกลฮวงจุ้ยมาหกสิบกว่าปี ไม่เคยได้ยินการดูดซับโชคดวงชะตาออกมาจากทะเลได้ พ่อหนุ่ม เธออย่าคุยโม้เกินไปหน่อยเลย!”
เมื่อไล่ไปตามเสียง ก็มีชายชราคนหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มผู้คน คนนี้รูปร่างสูงใหญ่ ผมสีขาวโพลน สวมเสื้อคอจีนแพรไหมทั้งชุด มีบุคลิกที่สง่ามาก
คำพูดของชายชรายังดึงดูดความสนใจของทุกคนในงาน
ถึงอย่างไรจั่วเจียจวิ้นก็อายุหกสิบกว่าปีแล้วเช่นกัน จึงพอมีตำแหน่งอยู่ในเกาะฮ่องกง ถึงแม้คนที่อายุมากกว่าเขามากมายแต่ก็ยังเรียกเขาว่าปรมาจารย์จั่ว แต่การเรียกเขาว่าเจ้าหนุ่ม จึงเป็นการดูถูกจั่วเจียจวิ้นอย่างเห็นได้ชัด
“อาจารย์?” เมื่อเห็นคนที่มา อี้เวินเม่าจึงดีใจทันที และรีบเดินไปต้อนรับ
“ที่แท้ก็คือเจ้าสำนักไช่นั่นเอง?”
จั่วเจียจวิ้นมองดูชายชราที่ทำให้ตัวเองต้องพ่ายแพ้แม้จะไม่ได้สู้ในตอนนั้น จึงพูดอย่างเย็นชาว่า “วิชาของสำนักฉี เหมินสูงส่งยากที่จะคาดเดา แต่เรื่องที่เจ้าสำนักไช่ไม่ได้เคยยินมาก่อน ก็คิดว่ามันไม่มีจริงหรือ?”
……………………………………………………