หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 573 สังหารชั่วพริบตา
ยุทธภพ ในวันนี้อีกห้าสิบปีให้หลัง จะกลายเป็นเพียงตำนาน
ผู้คนล้วนรู้จักยุทธภพ แต่ใคร ๆ ก็ไม่เคยเห็น ใคร ๆ ก็ไม่รู้ว่ายุทธภพที่แท้จริง คือสิ่งใด ประโยคที่ว่า “มีคนก็มียุทธภพ” นั้นครอบคลุมเกินไป จนผู้คนไม่อาจรู้เห็นได้โดยตรง
แต่ว่างานเลี้ยงค่ำคืนวันนี้ สองสำนักไม่ห้ำหั่นกัน แต่กลับแสดงละครสนุก ๆ ให้ผู้คนดู เป็นการบอกเล่าต่อพวกเขาว่าอะไรคือยุทธภพที่แท้จริง!
ว่ากันตามเจตนาเดิม เยี่ยเทียนก็ไม่อยากจะลงมือในโอกาสนี้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากปล่อยอาจารย์และลูกศิษย์ไช่หยางชิวจากไป พรุ่งนี้คำพูดของพวกเขาจะต้องแพร่กระจาย และนั่นจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของจั่วเจียจวิ้นอย่างใหญ่หลวง
ดังนั้นหากพูดอย่างอวดดีสักหน่อย วันนี้เยี่ยเทียนจำเป็นต้องบังคับให้พวกเขาก้มหัวยอมรับความพ่ายแพ้ให้ได้
ส่วนพวกมหาเศรษฐีที่เบิ่งตาโตจดจ้องรอดูเรื่องน่าตื่นเต้น เยี่ยเทียนไม่ได้เอาพวกเขามาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย การประลองวิชาเวทมนตร์ จำเป็นจะต้องมีเสียงดาบฟาดฟันกันด้วยหรือ?
“เยี่ยเทียน ลูก……เป็นอะไรไปน่ะ?”
เมื่อครู่ซ่งเวยหลันพบเพื่อนคนหนึ่งที่รู้จักกันที่อเมริกา จึงพาสามีและเพื่อนคนนั้นไปยังห้องพักผ่อนด้านข้าง ทันทีที่ออกมาก็สัมผัสถึงบรรยากาศกดดันภายในนั้น และที่ทำให้เธอยิ่งประหลาดใจขึ้นไปอีกก็คือ ลูกชายกลับยืนอยู่ตรงกลางห้อง
“ไม่มีอะไรครับ แค่คุยกับเพื่อนคนนี้เท่านั้น เดี๋ยวก็โอเคแล้ว”
เยี่ยเทียนส่งสายตาไปยังคุณพ่อ เยี่ยตงผิงจึงรีบดึงตัวภรรยา ไปทางด้านข้างพวกโก่วซินเจีย แม้ว่าในใจเขาจะกังวลเช่นกัน แต่ก็ไม่อยากรบกวนลูกชาย
“สำนักเจ็ดดาว โด่งดังด้านฮวงจุ้ยวางค่ายกลมาตลอด มั่นใจว่าวิชาโจมตีคงไม่ด้อยเช่นกัน วันนี้คนแซ่เยี่ยอย่างผมขอรับคำชี้แนะจากเจ้าสำนักไช่สักเล็กน้อย!”
เยี่ยเทียนประสานมือคำนับไปทางไช่หยางชิวที่อยู่ด้านหน้าสี่ถึงห้าเมตร แม้ว่าความอาวุโสจะไม่ต่ำต้อยเท่าอีกฝ่าย แต่ถึงอย่างไรไช่หยางชิวก็เป็นเจ้าสำนักผู้หนึ่ง สถานะจึงเทียบเท่ากับเขา
“วิชาโจมตี?”
ขณะที่ไช่หยางชิวกำลังเดินพลังลมปราณชีวิตแท้ เตรียมตัวจะสั่งสอนเยี่ยเทียน ได้ยินประโยคอันดุดันนี้เข้าก็อดตกตะลึงไม่ได้
ในตำราโบราณของสำนักเจ็ดดาว แน่นอนว่ามีการบรรยายถึงศาสตร์แห่งการโจมตี เพียงแต่ว่าวิชาเหล่านั้นสาบสูญไปเป็นเวลานานแล้ว ที่ยังคงหลงเหลืออยู่มีเพียงการสืบทอดวิชาเกี่ยวกับฮวงจุ้ยและภูมิลักษณ์ศาสตร์
วิชาในตัวของไช่หยางชิว เป็นการผสมผสานศาสตร์ภายในยุทธภพสำนักทางใต้จำนวนมากจากเขตกวางตุ้งและกว่างซีเข้าด้วยกัน บวกกับพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมของเขา จึงสามารถฝึกถึงขอบเขตสุดยอดพลังแฝง แต่ว่ากลับไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับเวทมนตร์
สิบปีก่อนตอนที่เขาเสาะหาจั่วเจียจวิ้น ก็อาศัยทักษะหลอกลวงคน ไม่ใช่พวกวิชาเวทมนตร์ท้าประลอง ดังนั้นขณะนี้ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน จึงพอรู้แต่ไม่ลึกซึ้ง
เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าไช่หยางชิวกำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากบอกกล่าวตรงหน้าแล้ว เขาก็ขับพลังจิตสังหารจากในร่างขึ้นมา
พลังจิตสังหารก็เหมือนกับจิตชั่วร้าย แม้ว่าทั้งสองอย่างนี้ก่อเกิดจากการเดินลมปราณพลังแฝงเช่นเดียวกัน แต่อย่างแรกก่อเกิดมาจากกองภูเขาศพทะเลเลือด ส่วนในจิตชั่วร้ายก็แฝงด้วยพลังอันร้ายกาจไร้เทียมทาน
เช่นเดียวกับเวลาที่แม่ทัพใหญ่ประลองกับศัตรูในสนามรบอันเต็มไปด้วยซากศพสมัยโบราณ เมื่อปล่อยพลังจิตสังหารออกไปจากร่าง มักทำให้ชนะศึกได้โดยไม่ต้องออกรบ
ตำนานเตียวหุยแห่งสามก๊กคำรามจนทหารนับแสนถอยทัพที่ศึกเนินฉางปัน แม้ว่าออกจะฟังดูเกินจริงไปหน่อย แต่ว่าเวลานั้นร่างของเขาแผ่พลังจิตสังหารสั่นสะเทือนฟ้าออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย
นับตั้งแต่เยี่ยเทียนเข้าวงการมาก็พบเรื่องราวมากมาย ชีวิตของผู้คนที่ผ่านมือมีมากกว่าร้อยชีวิต ที่ผ่านมายังเพิ่งฆ่าสัตว์ตัดชีวิตครั้งใหญ่ ฝังชาวญี่ปุ่นกว่าร้อยศพในหุบเขาลึกที่พม่า
เป็นที่แน่นอนว่าพลังจิตสังหารของเขาไม่อาจเทียบเท่าแม่ทัพเลื่องชื่อในสมัยโบราณเหล่านั้น แต่หากพูดถึงปัจจุบัน เกรงว่ามีน้อยคนที่มีความสามารถเหนือกว่าเขา เมื่อพลังจิตสังหารนี้พุ่งพล่าน ท่วงท่าอาการของเยี่ยเทียนก็เปลี่ยนไป
เยี่ยเทียนที่เคยซึมกระทือ เวลานี้ราวกับกระบี่แหลมคมชักออกมาจากฝัก คมดาบที่ยังไม่ถึงตัวนั้น บาดผิวไช่หยางชิวอย่างเบาบางเข้าแล้ว
และเพราะเยี่ยเทียนไม่อยากทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ พลังจิตสังหารนี้จึงถูกกำหนดลงบนร่างของเจ้าสำนักไช่เท่านั้น จิตสังหารอันไร้ขอบเขตแฝงด้วยพลังอันร้ายกาจไร้เทียมทาน กัดกร่อนสติสัมปชัญญะของไช่หยางชิวโดยไม่หยุดหย่อน
แต่สิ่งที่เยี่ยเทียนใช้ เป็นเพียงท่าทีเท่านั้น ท่าทีเหล่านี้หากใช้กับคนธรรมดา อาจทำให้พวกเขาตกใจกลัวจนปัสสาวะราด ทว่าเมื่อใช้กับไช่หยางชิว กลับไม่อาจตัดสินผลแพ้ชนะ
“นี่หรือคือวิชาโจมตีที่นายพูดถึง? ก็แค่งั้น ๆ!”
ไช่หยางชิวเองก็มาจากยุคสงคราม มือผ่านชีวิตคนมาไม่น้อยเช่นกัน เมื่อสัมผัสพลังจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวของเยี่ยเทียนนั้นยังถึงกับผงะไปชั่วขณะ ก่อนจะแสดงปฏิกิริยาออกมา
พอสูดลมหายใจลึก ร่างกายสูงใหญ่ของไช่หยางชิว พลันขยายขึ้นหลายส่วนในทันควัน ผมขาวสยายปลิวทั้งหัว ดวงตาสองข้างบนใบหน้าดุดันทรงพลังเด่นชัดอย่างประหลาด
พลังจิตสังหารซึ่งกล้ำกรายเข้าไปของเยี่ยเทียนนั้น ถูกเลือดลมทั่วร่างของไช่หยางชิวซัดกระหน่ำแตกกระเซ็น จึงไม่อาจส่งผลกระทบต่อสติสัมปชัญญะของไช่หยางชิวได้
“กบในบ่อน้ำ ไหนเลยจะรู้ว่ายุทธภพยิ่งใหญ่?”
เยี่ยเทียนแค่นหัวเราะออกมา พลันยกมือขวาซึ่งเดิมปล่อยอยู่ข้างตัวขึ้นมาข้างหน้าทรวงอก วาดวงเวทย์ลึกลับหนึ่งวงในอากาศ พ่นเสียงออกมาจากปาก “ไป!”
ตามหลังเสียงของเยี่ยเทียน แสงไฟในเขตพื้นที่สิบกว่าตารางเมตรรอบตัวเขาดูราวหรี่สลัวลง และไม่รู้ว่าเป็นเพราะเครื่องปรับอากาศเปิดแรงเกินไปหรืออย่างไร ไช่หยางชิวจึงพบว่าขนบนร่างเขาลุกขึ้นมาทั้งตัว
ไอเย็นร้ายนั้นแตกต่างจากจิตสังหารที่เยี่ยเทียนปล่อยออกมา กัดเซาะเรือนร่างของไช่หยางชิวราวกับคลื่นในมหาสมุทร ทะลักไอเย็นร้ายเข้าไปในร่างของเขาอย่างไม่หยุดยั้ง
ไช่หยางชิวถึงแม้เลือดลมแข็งแกร่ง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับไอชั่วร้ายที่เยี่ยเทียนปล่อยออกมา ยังสัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บอันไร้ที่เปรียบทั่วร่าง นอกเหนือไปจากความหวาดหวั่นในใจ ก็ได้เข้าใจเดี๋ยวนั้นว่านี่คือวิชาที่เยี่ยเทียนกล่าวถึง
สัมผัสถึงไอเย็นร้ายนั้นสู่ร่างกาย ไช่หยางชิวรู้ว่าหากเป็นอย่างนี้ต่อไป เขาจะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย จึงคำรามออกมาในทันใด ร่างกายพุ่งพล่านรอออกหมัดไปทางเยี่ยเทียน
แต่ว่าขณะนั้นเอง ภายในดวงตาของเยี่ยเทียนก็ฉายแสงออกมาวาบหนึ่ง ขับพลังลมปราณชีวิตแท้ออกมา อาการเจ็บปวดภายในช่องท้องที่ถูกกดทับจึงเดินไปทั่วร่าง เขาสะกดอาการเจ็บปวดไว้แล้วระเบิดพลังลมปราณที่แข็งแกร่งเหนือกว่าไช่หยางชิวออกมา
ร่างของไช่หยางชิวกำลังรอจะพุ่งเข้าไป พลันถูกท่วงท่านี้สะกดเอาไว้ เขาคาดไม่ถึงว่าการฝึกวิชาของเยี่ยเทียนจะสมบูรณ์ถึงขั้นนี้ เทียบกับชายชราเมื่อครู่นับว่าไม่ด้อยไปกว่ากันเลย จนในใจเขาเกิดความคิดล่าถอยขึ้นมาทันควัน
เพียงแต่เยี่ยเทียนไม่เปิดโอกาสให้เขาถอย ขณะผลักดันลมปราณไปทั่วร่าง มือซ้ายที่วางอยู่ข้างตัวมาตลอด แอบวาดยันต์รวบรวมพลังวิญญาณร้ายขึ้นในอากาศ ด้วยแรงขับของพลังลมปราณชีวิตแท้ครั้งหนึ่ง ยันต์ก็ถูกส่งไปเบื้องหน้าไช่หยางชิว
มือขวาของเยี่ยเทียนไขว้คาถาดรรชนี เอ่ยเสียงแผ่วเบาออกจากปาก “ระเบิด!”
ตามด้วยเสียงของเยี่ยเทียน ยันต์รวมพลังวิญญาณร้ายนั่นระเบิดออกต่อหน้าไช่หยางชิว ให้พลังชั่วร้ายนั้นห่อหุ้มร่างกายของไช่หยางชิวเอาไว้
ชั่วขณะนั้นเอง สายตาของผู้คนที่ล้อมอยู่รอบด้าน เสมือนเกิดภาพลวงตา
เพราะว่าพวกเขามองเห็นร่างกายของไช่หยางชิวซึ่งอยู่ภายใต้แสงไฟ กลับกลายเลือนรางเล็กน้อย คล้ายถูกหมอกควันปกคลุมเอาไว้ กระทั่งใบหน้ายังมองเห็นได้ไม่ชัดเจน
แต่ว่าสภาพนั้นคงอยู่เพียงสามถึงห้าวินาที หลังจากผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็ฟื้นกลับคืนเหมือนเดิม ภาพของไช่หยางชิวปรากฏต่อหน้าผู้คนอีกครั้ง จนผู้คนรู้สึกว่านั่นเป็นแค่เพียงภาพลวงตาฉากหนึ่ง
แต่ภาพที่ทำให้ผู้คนหวาดหวั่นก็เกิดขึ้นโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย นักพรตเต๋า เซียนฮวงจุ้ยผมขาวที่เคยสง่างาม เวลานี้กลับสีหน้าซีดขาว ผมขาวทั้งหัวลุกชูชัน ราวกับหวาดกลัวอย่างสุดขีด
“ ฆ่า ฆ่า ฆ่า!”
ไม่รู้ว่าไช่หยางชิวพบเหตุการณ์น่ากลัวอะไรมา สองมือปัดป่ายร่ายรำ ปากร้องตะโกนว่าฆ่าสามคำ ดวงตาทั้งคู่มองรอบด้านอย่างหวาดระแวง ราวกับว่าผู้คนที่ล้อมดูอยู่ล้วนเป็นภูตผีปีศาจ
“ให้ตายสิ ลืมไปเลยว่าตาแก่นี่ก็ไม่ใช่คนธรรมดา!”
เห็นไช่หยางชิวออกท่าทางอย่างนั้น ในใจของเยี่ยเทียนยังแอบก่นด่าไม่ได้ เขาใช้ยันต์เค้นพลังชั่วร้ายโจมตีสติสัมปชัญญะของไช่หยางชิวจนเกิดความวุ่นวายขึ้นชั่วขณะ แต่กลับลืมว่าตัวไช่หยางชิวมีพลังทำลายล้างอย่างรุนแรง
ถ้าหากไช่หยางชิวคลุ้มคลั่ง เรื่องราววันนี้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ เยี่ยเทียนรีบหันกลับมองไปทางโก่วซินเจีย หวังให้ศิษย์พี่ใหญ่ยื่นมือเข้ามาควบคุมสถานการณ์
แต่ไม่ทันที่เยี่ยเทียนจะเอ่ยปาก ไช่หยางชิวก็ส่งเสียงคำรามคล้ายสัตว์ป่าระเบิดดังออกมา ม้วนตัวกระโจนพุ่งเข้าหาฝูงชน ในสายตาเขา คนเหล่านั้นล้วนเป็นศัตรูในภาพมายาของเขา
“ท่านอาจารย์ เป็นอะไรไปครับ?”
ยังดีที่ตำแหน่งซึ่งอี้เหวินเม่ายืนอยู่ไม่ไกลจากไช่หยางชิวนัก เขาสังเกตท่าทางของทั้งสองคนอยู่ตลอด ทันทีที่สายตาเห็นสัญญาณคลุ้มคลั่งของอาจารย์ ก็รีบพุ่งตัวไปข้างหน้ากอดรัดเอวไช่หยางชิวเพื่อหยุดรั้ง
แต่ว่าเวลานี้ไช่หยางชิว กำลังอยู่ท่ามกลางสนามรบโบราณ ดวงตาเต็มไปด้วยภาพแขนขาขาด ในหูอื้ออึงไปด้วยเสียงตะโกนฆ่าฟัน ไหนเลยจะจดจำลูกศิษย์ของตัวเองได้? จึงจู่โจมฝ่ามือเข้าใส่กลางทรวงอกของอี้เหวินเม่า
“พรวด!”
พลังของไช่หยางชิวเป็นอย่างไร? แม้ว่าฝ่ามือนี้จะออกแรงเพียงสามส่วนด้วยสติที่กำลังสับสน แต่ยังคงทำร้ายอี้เหวินเม่าจนกระอักเลือด บนแผ่นอกเกิดเสียงดังกร๊อบ ไม่รู้เหมือนกันว่าซี่โครงหักไปกี่ซี่?
แต่ว่าเลือดสด ๆ จากปากนี้ พ่นลงยังใบหน้าของไช่หยางชิวพอดี พอสัมผัสถูกกลิ่นอายเลือดสดคาว บวกกับยันต์รวบรวมวิญญาณร้ายที่วาดขึ้นอย่างเร่งรีบของเยี่ยเทียนมีพลังจำกัด ไช่หยางชิวจึงมีสติรู้ตัวขึ้นมา
ไช่หยางชิวที่เพิ่งได้สติรู้ตัว ยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงเห็นว่าด้านหน้ามีเงาคนลอยออกไป เมื่อรวบรวมสติมองดู กลับเป็นลูกศิษย์ใหญ่ที่ภาคภูมิใจของตน จึงก้าวไปข้างหน้าพยุงตัวอี้เหวินเม่าเอาไว้
“เหวินเม่า นี่……นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
เห็นเลือดสดตรงหน้าอกเสื้อคลุมของตนเอง และจมูกได้กลิ่นคาวเลือด สมองของไช่หยางชิวออกจะสับสนขึ้นมาอีกครั้ง เขากำลังเผชิญหน้ากับเยี่ยเทียนอยู่ไม่ใช่หรือ แล้วทำไมจึงออกหมัดทำร้ายลูกศิษย์ตนเอง?
อี้เหวินเม่ากลืนเลือดสดที่เอ่อล้นอยู่ภายในลำคอลงไป ละล่ำละลักพูดว่า “ท่าน……ท่านอาจารย์ ยอม……ยอมแพ้เถอะ!”
ภาษิตว่าผู้เล่นมักสับสนแต่ผู้ชมเห็นภาพชัดเจน เยี่ยเทียนไม่ได้ขยับตัวแม้เพียงหนึ่งก้าว ก็ทำให้สติสัมปชัญญะของไช่หยางชิวเลอะเลือนสับสน ศาสตร์พิสดารเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่อาจารย์และลูกศิษย์อย่างพวกเขาจะเทียบเทียมได้
“ยอมแพ้หรือ?” ไช่หยางชิวมองลูกศิษย์อย่างตกตะลึง ขณะที่กำลังไต่ถาม ร่างกายกลับสั่นไหว
…………………………………………………..