หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 583 แต่งงาน (3)
เป็นอย่างที่เยี่ยเทียนคิดไว้ไม่มีผิด ในเมืองหลวงแห่งนี้จะมีเรื่องอะไรปิดบังชิวเหวินตงได้นั้นไม่ง่ายเลย อีกอย่างเขาเองก็คอยจับตาดูเยี่ยเทียนอยู่ตลอด
พอทราบข่าวการแต่งงานของเยี่ยเทียนแล้ว ชิวเหวินตงรู้สึกหงุดหงิดมากเพราะเขาไม่ได้รับการเชิญ ถึงจะอยากไปร่วมงาน กลับกลัวว่าเยี่ยเทียนจะไม่ยินดี
พอดีกับที่เฝิงเหิงหยู่มาถึงปักกิ่งเมื่อวาน ชิวเหวินตงจึงบอกเขาถึงเรื่องนี้ เฝิงเหิงหยู่กับเยี่ยเทียนเคยมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันอยู่พอจะอลุ้มอล่วยให้บ้าง จึงพาชิวเหวินตงมาร่วมงานด้วย
ส่วนจู้เหวยเฟิงเขามีลู่ทางของตัวเอง เยี่ยเทียนอยู่ในเมืองหลวงก็ไม่ได้ทำตัวกร่าง แต่ด้วยฐานะของหลานชายของซ่งเฮ่าเทียนจึงเป็นที่จับตามองของคนทั่วไป
แต่สถานภาพของจู้เหวยเฟิงกับชิวเหวินตงนั้นไม่เหมือนกัน พวกเขามาถึงหน้างานแล้ว ถ้ายังเข้าไปในงานไม่ได้อีก คงจะขายหน้าน่าดู
ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าชิวเหวินตงเอ่ยลาแล้ว จู้เหวยเฟิงขมวดคิ้วเข้าเล็กน้อย
“เหล่าชิว ผู้ที่มาเป็นแขก รีบเข้ามานั่งข้างในก่อน…”
เยี่ยเทียนสังเกตเห็นสีหน้าของจู้เหวยเฟิงแล้วเข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่จนอดยิ้มไม่ได้ “วันนี้เป็นวันมงคลของผม เดี๋ยวผมต้องขอคารวะทุกท่านคนละจอก ประธานจู้ ยินดีที่มานะครับ!”
“น้องเยี่ยเทียนเกรงใจไปแล้ว ฉันมารบกวนขอดื่มเหล้ามงคลสักจอก”
จู้เหวยเฟิงถูกเยี่ยเทียนเยินยอจนตัวลอย หยิบเอากุญแจรถออกมาจากกระเป๋าเสื้อยื่นให้เยี่ยเทียนพูดว่า “รถคันที่ฉันสั่งจองจากอังกฤษตอนปี 98 เพิ่งจะส่งมาถึงไม่นานนี้เอง พอดีตรงกับวันมงคลของน้องเยี่ยเทียน เลยขอมอบให้เป็นของขวัญ”
เยี่ยเทียนเคยช่วยเขาหลายเรื่องในสนามมวยใต้ดิน จู้เหวยเฟิงอยากเป็นฝ่ายตอบแทนบ้างแต่ไม่มีโอกาสเสียที ตอนนี้ในงานแต่งของเยี่ยเทียน เลยมอบของขวัญให้ชิ้นใหญ่
อย่าได้มองว่าจู้เหวยเฟิงอธิบายถึงตัวรถแค่คร่าวๆ รถคันนี้มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา เป็นรถรุ่นใหม่ล่าสุดของโรสลอยด์ที่ผลิตในปี 1998 สีแองเจลซิลเวอร์ ที่เป็นรุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น ในประเทศจีนมีรถแบบนี้เพียงคันเดียวเท่านั้น
“ครับ ในเมื่อประธานจู้มีน้ำใจ ผมก็จะรับไว้ครับ”
เห็นจู้เหวยเฟิงยื่นกุญแจมาให้ เยี่ยเทียนยั้งคิดสักครู่แล้วรับมา ด้วยฐานะทางบ้านของเขา ไม่ได้อยากรับของมีค่าแลกกับน้ำใจคนหรอก อีกหน่อยคงจะต้องหาของขวัญที่มีค่าเท่าเทียมกันส่งคืนให้
“เยี่ยเทียน จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว อีกไม่ถึงห้านาที พวกโต๊ะเก้าอี้ ชาม ตะเกียบพวกนั้นก็จะส่งมาถึง!”
เยี่ยเทียนอยู่หน้างานคอยต้อนรับแขก ด้านหลังงานมีเว่ยหงจวินที่เพิ่งวางสายโทรศัพท์ก็รีบวิ่งมา เดือนมกราคมอากาศยังหนาวอยู่ แต่เพราะความรีบร้อนทำให้เว่ยหงจวินมีเม็ดเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก
“น้องเว่ย ดูนายยุ่งวุ่นวายดีจริง ไม่รีบบอกฉันเสียแต่เนิ่นๆ ฉันจะได้มาช่วยจัดงานให้?”
เห็นความสนิทสนมของเว่ยหงจวินกับเยี่ยเทียนแล้ว ชิวเหวินตงยังอดอิจฉาไม่ได้ ถ้าเขากับเยี่ยเทียนสนิทกันได้แบบนี้ เขาคงสามารถเดินวางก้ามใหญ่โตในเขตถิ่นผู้ดีเก่าได้แล้ว
“พี่ชิว พี่มาช้านะ เร็ว เชิญทุกท่านเข้าไปด้านในเถอะ!”
เรื่องคราวก่อนที่ถูกทำร้าย เว่ยหงจวินได้รับน้ำใจความช่วยเหลือจากชิวเหวินตง จึงรีบเชื้อเชิญที่ผู้ที่ยืนอยู่หน้างานเคลื่อนตัวเข้าไปด้านใน แม้ว่าลานด้านหน้าบานจะยังไม่มีโต๊ะเก้าอี้มาจัดวาง แต่โถงเรือนกลางกลับจัดแจงคนสามถึงห้าคนได้ไม่มีปัญหา
“ลุงเว่ย พวกคุณเข้าไปก่อนเถอะ นั่น…มีคนมาอีกแล้ว”
เยี่ยเทียนที่ตอนแรกกำลังจะเดินเข้าในไปบ้านพร้อมกับคนทั้งกลุ่ม แต่พอเดินไปถึงหน้าประตู ก็เห็นว่ามีกลุ่มคนเดินเข้ามาในตรอกอีกห้าหกคน ได้แต่ยิ้มแหยแล้วชะงักฝีเท้าลง
“อ๋อ? ท่านผู้เฒ่าถังนั่นเอง?” จู้เหวยเฟิงได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้วหยุดฝีเท้าลงทันที มองออกไปด้านนอก สีหน้าดูแปลกใจ
คนที่เดินมาด้วยคนอื่นจู้เหวยเฟิงต่างรู้จักทั้งหมด นอกจากถังเหวินหย่วนแห่งเกาะฮ่องกงแล้ว ยังมีเจ้าของตลาดหุ้นที่โหดเหี้ยมไร้ความปราณี เหวินหลวนสง แล้วก็เถ้าแก่หวาเซิ่งผู้โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงฮ่องกงมาหลายปีและกำลังโด่งดังถึงที่สุด
แตกต่างจากช่วงเวลาปกติที่บุคคลเหล่านี้จะถูกห้อมล้อมดูแลอย่างดี ตอนนี้นอกจากถังเหวินหย่วนผู้ซึ่งมีหลานสาวเดินประคองเข้ามาแล้ว ทั้งเหวินหลวนสงและหวาเซิ่งต่างเข้ามาในงานเพียงลำพัง
“ผมว่านะเหล่าถัง อากาศหนาวขนาดนี้ผมตั้งใจจะไม่เชิญคุณด้วย คุณจะเดินทางมาให้ลำบากทำไม?”
เยี่ยเทียนเดินเข้าไปประคองถังเหวินหย่วนไว้ เอ่ยต่อว่า “เสวี่ยเสวี่ย คุณปู่ของเธออายุมากขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่ห้ามปรามไว้หน่อย?”
“พี่เยี่ยเทียน พี่…พี่แต่งงานยังไม่เชิญเสวี่ยเสวี่ยเลย เสวี่ยเสวี่ยอยากเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้พี่ชิงหย่า”
ด้วยความน้อยอกน้อยใจเป็นทุนเดิม พอถูกเยี่ยเทียนตำหนิเข้าอีก ถังเสวี่ยเสวี่ยเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า เบะปากทำท่าจะปล่อยโฮออกมา
“อย่าร้อง อย่าร้องเลยนะ พี่ชิงหย่าของเธออยู่ข้างในน่ะ อยากเป็นเพื่อนเจ้าสาวก็รีบเข้าไปเถอะ!”
เยี่ยเทียนถูกถังเสวี่ยเสวี่ยเบะปากจะร้องไห้ใส่ ความโกรธหายไปฉับพลัน ยิ้มแหยแล้วหันไปหาหวาเซิ่งกับเหวินหลวนสงว่า “ทั้งสองท่าน อุตส่าห์มาด้วยตัวเองเลยหรือ?”
พูดตามตรงว่าเยี่ยเทียนตอนที่อยู่ฮ่องกงนั้นมีเพียงความสัมพันธ์กับถังเหวินหย่วนคนเดียวที่ค่อนข้างใกล้ชิด แม้เคยช่วยเหลือเหวินหลวนสงเอาไว้ แต่ในใจกลับไม่ได้นับถือเขาเป็นสหาย จึงไม่คิดว่าทั้งสองจะเดินทางมาจากฮ่องกงเพื่องานแต่งของตัวเอง
“คุณเยี่ย ครั้งก่อนเพราะว่าได้คำแนะนำจากคุณ ยังไม่มีโอกาสขอบคุณเลย ของขวัญเล็กน้อยได้โปรดรับเอาไว้ด้วย!”
ในมือเหวินหลวนสงถือกล่องของขวัญยื่นให้เยี่ยเทียน ความจริงแล้วช่วงนี้เขามาประเทศจีนเพื่อดูงานโครงการหนึ่ง และพักอยู่ในปักกิ่งมาตลอด ไม่ถึงขนาดว่าบินตรงมาจากฮ่องกงเสียทีเดียว
แต่ของขวัญที่มอบให้เยี่ยเทียนนั้นเป็นสร้อยคอเพชร ที่เพิ่งส่งตรงมาจากฮ่องกงมาถึงเมื่อวานนี้เอง สร้อยเพชรชิ้นนี้ได้จากงานประมูลที่ยุโรป ราคาตอนนี้สูงถึงเจ็ดล้านปอนด์ ถ้าคิดเป็นเงินหยวนจีนก็ราวร้อยล้านกว่าหยวน
“ประธานเยี่ย เมื่อก่อนที่ฮ่องกงได้เคยล่วงเกินคุณไว้หลายอย่าง ผมมาครั้งนี้เพื่อขอโทษ ของขวัญเล็กน้อยนี้ เพื่อแสดงน้ำใจ!”
โครงการในประเทศจีนครั้งนี้เหวินหลวนสงได้ร่วมมือกับหวาเซิ่งทำการบุกเบิกขึ้นมา เหตุผลของเขาก็ดูเข้าท่าดี ครั้งก่อนที่ลูกน้องผู้กำกับของหวาเซิ่งหาเรื่องเยี่ยเทียนจนเกิดเรื่องใหญ่โต ตอนนี้อ้างถึงว่าอยากจะแสดงการขอโทษ ทำเอาเยี่ยเทียนพูดอะไรไม่ออก
“ทั้งสองท่านเกรงใจไปแล้ว เหล่าถัง คุณไปนั่งที่เรือนกลางเถอะ ทั้งสองท่านคงต้องรบกวนให้นั่งที่เรือนหน้าได้ไหม?”
ดูจากแขกที่มาร่วมงานแต่ละคน เยี่ยเทียนเป็นคนใหญ่คนโตเหลือเกิน ถ้ารู้ว่าเป็นอย่างนี้ เขาน่าจะไปจัดงานในโรงแรมใหญ่เสียดีกว่า อย่างน้อยจะได้ไม่มีปัญหาเช่นพวกโต๊ะเก้าอี้ที่ยังส่งมาไม่ถึง
“เยี่ยเทียน เอาตามที่เธอจัดไว้แล้วกัน!” ถังเหวินหย่วนใช้ไม้เท้าค้ำนั่งยองลงไปกับพื้น พูดต่อว่า “ตาแก่อย่างฉันอีกหน่อยคงไม่ค่อยมีโอกาสได้ดื่มเหล้ามงคลแล้ว”
เยี่ยเทียนเป็นใคร? ได้ยินคำบอกลากลายๆจากถังเหวินหย่วนแล้วเยี่ยเทียนก็หงุดหงิด “เอาเถอะ อย่าเอาแต่พูดแล้วกัน เรื่องนั้นของคุณน่ะ ผมยังจำได้ขึ้นใจ”
“งั้นก็ดี งั้นก็ดี!” ถังเหวินหย่วนแก่ปูนนี้แล้ว ไม่คอยมียางอายสักเท่าไหร่ เดินหัวเราะเข้าประตูไป
“ท่านผู้เฒ่าถัง คุณหวา คุณเหวิน พวกคุณก็มาด้วยหรือนี่?” จนถึงตอนนี้จู้เหวยเฟิงที่ยืนอยู่หลังเยี่ยเทียนถึงได้มีโอกาสเอ่ยปากพูดแทรกขึ้นมา
“เอ๋? คุณคือ….” ถังเหวินหย่วนหยุดเดิน มองจู้เหวยเฟิงด้วยความสงสัย เขาอายุปูนนี้แล้ว แต่ความจำยังดีอยู่
“ท่านผู้เฒ่าถัง เขาคือเสี่ยวจู้ แห่งบ้านตระกูลจู้นั่นไง!” เหวินหลวนสงที่ยืนอยู่ด้านหลังถังเหวินหย่วนแอบกระซิบเบาๆ
“อ๋อ เธอนั่นเอง ดี ดี พวกเธอคนหนุ่มคนสาวควรจะไปมาหาสู่กันบ่อยๆ”
ถังเหวินหย่วนทำท่าผงกหัว ยิ้มให้จู้เหวยเฟิง แล้วเดินเข้าไปในบ้านตามเยี่ยเทียน แต่เยี่ยเทียนแอบได้ยินตาแก่บ่นพึมพำว่าบ้านตระกูลจู้ไหนไม่รู้จัก?
ถังเหวินหย่วนเคยมาพักที่เรือนสี่ประสานของเยี่ยเทียนเป็นเวลาไม่น้อย จึงคุ้นเคยกับสมาชิกครอบครัวเป็นอย่างดี ชายชรารู้จักคนกว้างขวาง เมื่อเข้าไปถึงตัวบ้านก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทุกคน
“เอ๋? มีคนมาอีกแล้ว?”
เยี่ยเทียนที่ขอตัวออกมาเตรียมจะไปหารือต่อกับศิษย์พี่ทั้งสอง จู่ๆก็ขมวดคิ้วแน่น ขณะเดียวกันโก่วซินเจียและหนานไหวจิ่นสบกันครู่หนึ่ง แล้วต่างมองไปที่เรือนด้านหน้า
“คนๆนั้นมาแล้ว…”
เยี่ยเทียนหัวเราะหึหึ หน้าบ้านเขามีพลังจิตสังหารที่ดึงดูดความสนใจของพวกเขา แน่นอนว่าต้องมาจากบรรดาการ์ดคุ้มกันของซ่งเฮ่าเทียน เยี่ยเทียนรีบเดินเข้าไปข้างๆแม่ของเขาแล้วกระซิบที่ข้างหู
“คุณพ่อบอกว่าจะไม่มาไม่ใช่เหรอ?” ซ่งเวยหลันยังตกตะลึง แต่ก็ลุกขึ้นยืน ดึงแขนสามีและน้องสาวออกไปนอกเรือน
“คุณพ่อ มาได้ยังไงคะ?”
เพิ่งเดินพ้นประตูออกมา ซ่งเวยหลันเห็นบิดาถือไม่เท้ายืนอยู่ตรงนั้น แหงนหน้ามองตัวอักษร “บ้านเยี่ย” หน้าประตูใหญ่เรือนสี่ประสาน
ด้านหลังซ่งเฮ่าเทียนยังมีเด็กชายอายุห้าหกขวบยืนอยู่ด้วย หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู พอเห็นซ่งเวยหลันกับน้องสาวเด็กน้อยก็รีบวิ่งเข้าหา “อาหญิง คุณปู่บอกว่าจะพาผมมาดื่มเหล้ามงคล”
“เป่าเอ๋อ มา มาหาอาทางนี้”
เด็กคนนี้เป็นหลานของซ่งจือเจี้ยน ซ่งเฮ่าเทียนได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว ก็สั่งให้คนไปรับตัวเด็กคนนี้มาพักอาศัยอยู่กับชายชรามาเกินครึ่งปีแล้ว
“ตอนนั้นพ่อทำผิดกับแกแล้วก็ตงผิง ทำให้พวกแกต้องแยกจากกันถึงยี่สิบกว่าปี….”
ซ่งเฮ่าเทียนมองดูตระกูลเยี่ยที่มีความแค้นไม่จบสิ้นกับตระกูลซ่ง ในใจรู้สึกถึงความเสียใจ “เยี่ยเทียนเป็นหลานของฉัน ฉันเป็นคุณตาทำไมจะมาไม่ได้?”
“คุณมาผมก็ยินดี แต่คนที่มากับคุณด้วยเข้าได้ถึงที่เรือนหน้าเท่านั้น จะเข้าไปถึงเรือนกลางไม่ได้!” เยี่ยเทียนเดินออกมาถึงหน้าประตู พอจะเดาได้ถึงความคิดความตั้งใจของซ่งเฮ่าเทียน
ซ่งเฮ่าเทียนมาร่วมงานแต่งงานของตน ถือเป็นการชดเชยให้กับทั้งพ่อและแม่ ขณะเดียวกันก็แสดงถึงการปกป้องตนด้วย
ขณะที่ซ่งเฮ่าเทียนยืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้านนั้น เกรงว่าผู้มีอิทธิพลในปักกิ่งต่างได้รู้ข่าวกันหมดแล้ว ถ้าหากวันหนึ่งมีใครอยากจะลงมือกับเยี่ยเทียน คงต้องคิดให้ดีว่าจะต่อกรกับอำนาจของซ่งเฮ่าเทียนอย่างไร
แต่เมื่อซ่งเฮ่าเทียนเดินเข้าไปที่เรือนกลางทำให้เกิดปฏิกิริยาที่คาดไม่ถึงคือ โก่วซินเจียเห็นเพื่อนเก่าเข้าก็รีบเชื้อเชิญให้ซ่งเฮ่าเทียนไปนั่งที่โต๊ะเดียวกัน
ส่วนคนอื่นอย่างหวาเซิ่งกับเหวินหลวนสงต่างตกอกตกใจกันใหญ่
แม้พอทราบความสัมพันธ์ของเยี่ยเทียนกับซ่งเฮ่าเทียนมาก่อนแต่ก็คิดไม่ถึงว่า ชายราผู้มีอำนาจล้นฟ้าคนนี้จะเดินทางมาด้วยตัวเอง เยี่ยเทียนเป็นหลานชายแท้ๆของท่าน ตามหลักแล้วซ่งเฮ่าเทียนก็ควรจะมาปรากฎตัวที่นี่
ส่วนชิวเหวินตงไม่ต้องพูดถึง ยิ่งตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว ตลอดชีวิตของเขาการได้มีโอกาสร่วมงานเลี้ยงกับผู้นำประเทศก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว
………………………………………………….