หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 591 เจ้าตำหนัก
“คุณชายน้อย คุณ…คุณอยากจะเข้าสมาคมหงเหมิน?”
เป็นคำตอบที่ตู้เฟยคาดไม่ถึง ฟังจบก็ตะลึงค้างไป แม้ว่าตู้เฟยจะเรียกเยี่ยเทียนว่าคุณชายน้อยมาตลอด แต่ความจริงแล้วเขาไม่เคยเห็นเยี่ยเทียนเป็นสมาชิกในสมาคมหงเหมินเลย
เมื่อก่อนหลี่ซั่นหยวนมีตำแหน่งระดับสูงในสมาคมหงเหมิน ในช่วงยุคปี 20-30 นั้นไม่มีใครเทียบขั้นได้ เฉกเช่นรุ่นตู้เยว่เซิงและหวงจินหรง ตามรุ่นสถานะแล้ว ต่างก็เป็นลูกศิษย์ หลานศิษย์ของหลี่ซั่นหยวนทั้งนั้น
ตั้งแต่ทราบถึงสถานะของเยี่ยเทียนที่ปักกิ่ง ตู้เฟยเคยกลับไปที่สมาคมหงเหมินเพื่อเปิดเช็คประวัติครอบครัวอย่างละเอียด ตามรุ่นของสมาชิกสมาคมหงเหมินนอกประเทศ ยังมีฐานันดรสูงกว่าสมาคมเก่าแก่หรูชิงในประเทศจีนที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับสมาคมหงเหมิน
การตรวจสอบครั้งนี้ตู้เฟยพบว่า ช่วงนั้นสมาคมหงเหมินในต่างประเทศแม้จะไม่มีใครเทียบได้กับสถานะของหลี่ซั่นหยวน แต่นั่นเป็นช่วงยุคก่อนปี 70-80 มาถึงตอนนี้ผลัดเปลี่ยนคนไปสี่ห้ารุ่นแล้ว ทายาทของคนในสมัยนั้นยังมีฐานะที่ด้อยกว่าหลี่ซั่นหยวนไปหลายขุม
กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ เยี่ยเทียนต้องการเข้าร่วมในสมาคมหงเหมิน จะกลายเป็นระดับปรมาจารย์ของคนในสมาคมหงเหมินเรือนแสน ที่มีทั้งฐานะสูงส่งไม่มีใครเทียบได้
หรือบางคนอาจจะบอกว่า เยี่ยเทียนนายเข้าร่วมในสมาคมหงเหมินแล้วยังไงนายก็มีแต่ชื่อ เพราะไม่มีอำนาจอะไรเลย แล้วยังจะชักนำให้เกิดความริษยา เป็นการกระทำที่ได้ไม่คุ้มเสีย
แต่คนที่พูดแบบนี้นั้นไม่เข้าใจกฎเกณฑ์การค้าของสมาคมหงเหมินเลย
ในสมาคมหงเหมินหรือแม้แต่ในกลุ่มแก๊งต่างๆ สถานะทางสังคมมีความสำคัญสูงสุด หากกระทำลบหลู่อาจารย์หรือทำลายบรรพชนจะต้องถูกสมาชิกในสมาคมหงเหมินมองว่าเป็นคนร้ายที่จะต้องถูกกำจัด นี่เป็นคำสอนตกทอดมาแต่บรรพชน ซึ่งเป็นคำสั่งฝังแน่นลงสู่จิตใจของสมาชิกทุกคน
ในปีนั้น พวกพวกตู้เยว่เซิง หวงจินหรงได้ทำกิจการในเซี่ยงไฮ้จนเจริญรุ่งเรือง จนถึงวันนี้ทุกคนต่างรู้จักชื่อของตู้เยว่เซิงและหวงจินหรง แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาเคยยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เข้าแก๊งเก่าแก่ในท้องถิ่น เพื่อยกระดับตำแหน่งทางสังคมของตนให้สูงขึ้น
สำหรับผู้อาวุโสในสมาคมหงเหมินเหล่านั้นเป็นที่เคารพของเหล่าบรรดาเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ หากพวกผู้อาวุโสมีปัญหาอะไรเพียงแค่โทรศัพท์หรือเขียนจดหมายสั้นๆเท่านั้น ทั้งตู้เยว่เซิงหรือหวงจินหรงต้องยอมจัดการให้โดยดี
แม้วันนี้จะไม่เหมือนในอดีต กฎในสมาคมหงเหมินไม่ได้มากมายและเข้มงวดเท่าเมื่อก่อน แต่ด้วยฐานะของเยี่ยเทียนหากได้รับการยอมรับจากคนในสมาคมหงเหมินแล้ว เขาจะกลายเป็นผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่ง
การเข้าร่วมในครั้งนี้ ไม่ได้มีเพียงการเคารพอาจารย์เพียงทางเดียว ขอแค่มีคนแนะนำใครก็สามารถเข้าร่วมได้ สมาชิกในสมาคมหงเหมินหลายคนหรือแม้แต่เหล่าผู้อาวุโสก็ยังไม่มีอาจารย์เลย
คนที่ไม่มีอาจารย์แนะนำก็สามารถมากราบเยี่ยเทียนเป็นอาจารย์ แล้วจะได้เลื่อนฐานะในสมาคมหงเหมินได้ แค่เพียงทางนี้ทางเดียวมีสมาชิกหลายคนสนใจ เกรงว่าแม้แต่เหลยเจิ้นเยวี่ยเองก็ยังคิดโอนอ่อนตาม
“เยี่ยเทียน อยู่ดีๆจะเข้าร่วมในสมาคมหงเหมินทำไม?”
แม้จะมีความสัมพันธ์อันดีกับสมาคมหงเหมินแต่ซ่งเวยหลันไม่ได้รู้เรื่องภายในมากนัก เบื้องหลังกลุ่มสมาคม หงเหมินคือนักธุรกิจเชื้อสายจีนที่รวมกลุ่มกันก่อตั้งขึ้น แต่ถ้าจะพูดให้ไม่น่าฟังคือ องค์กรนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากแก๊งมาเฟียใหญ่ๆเลย
ซ่งเวยหลันเกิดในตระกูลผู้มั่งคั่ง ถูกปลูกฝังให้มีมารยาทและมีการศึกษาสูง ไม่พึงใจกับคนในสมาคมที่เกิดในชนชั้นล่างมีนิสัยก้าวร้าวชอบใช้ความรุนแรง เธอจึงไม่เห็นด้วย แน่นอนว่าไม่อยากให้บุตรชายเข้าร่วมในวงการนักเลง
“แม่ แม่ไม่เข้าใจหรอก ตู้เฟยสิถึงจะรู้ดี”
เยี่ยเทียนยิ้มแล้วส่ายหัว หันไปมองทางตู่เฟยทีหนึ่ง ถามว่า “ถ้าผมบอกว่าต้องการเข้าร่วมสมาคมหงเหมิน คุณเข้าใจไหม?”
“เข้าใจ ผมเข้าใจแล้ว! คุณชายน้อย ความเห็นของคุณดีมาก ขอแค่คุณเข้าร่วมตอนนี้แผนผังภายในจะต้องปั่นป่วนแน่!”
ฟังเยี่ยเทียนจบตอนแรกตู้เฟยยังคงงุนงงอยู่ นึกบางสิ่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว คิดถึงการตัดสินใจครั้งนี้ของเยี่ยเทียน ตู้เฟยถึงกับร้องออกมา
อำนาจคำสั่งของเหลยเจิ้นเยวี่ยในสมาคมนั้นหนักแน่นมั่นคง ด้วยเพราะเขาต่อสู้แลกมาด้วยการเข่นฆ่า และอีกกรณีคือสถานะของเขาสูงส่ง เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งยุคบุกเบิกตั้งแต่ก่อนการปฏิวัติวัฒนธรรม
ด้วยเหตุผลต่างๆทำให้เหลยเจิ้นเยวี่ยคิดจะลงมือกับซ่งเวยหลัน คนอื่นๆอาจจะวิจารณ์เขาว่าลงมืออย่างน่าเกลียดเกินไปหน่อย แต่ไม่มีใครกล้าออกมาตำหนิหรือเอาผิดเขา เพราะซ่งเวยหลันไม่ใช่คนของสมาคมหงเหมิน เหลยเจิ้นเยวี่ยไม่ได้ทำผิดกฎ
แต่ถ้าเยี่ยเทียนเข้ารวมสมาคม เงื่อนไขทุกอย่างจะเปลี่ยนไป
จากฐานะแล้วเยี่ยเทียนอย่างน้อยก็เป็นถึงรุ่นปรมาจารย์ของเหลยเจิ้นเยวี่ยอีกที ด้วยฐานะแบบนี้ทำให้ตำแหน่งของเยี่ยเทียน อย่างน้อยก็ต้องได้รับการยอมรับบ้าง และควรเรียกเยี่ยเทียนว่าอาจารย์ปู่ ยังต้องออกโรงปกป้องหน้าตาของเยี่ยเทียน ยิ่งกว่านั้น หากเยี่ยเทียนได้เข้าร่วมจริง ความประพฤติเมื่อก่อนของเหลยเจิ้นเยวี่ยถือเป็นการฝ่าฝืนกฎข้อแรกของสมาคมหงเหมิน ซึ่งก็คือ : บุพการีของท่านคือบุพการีของเรา พี่น้องของท่านคือพี่น้องของเรา ภรรยาของท่านเป็นสะใภ้ของเรา บุตรของท่านคือหลานของเรา หากละเมิดกฎ ต้องไม่ได้ตายดี
การปฏิบัติต่อครอบครัวญาติพี่น้องต้องปฏิบัติตามนี้ เยี่ยเทียนผู้มีอาวุโสกว่ายิ่งไม่ต้องพูดถึง แค่กฎข้อนี้เพียงข้อเดียว ก็ทำให้เหลยเจิ้นเยวี่ยตกที่นั่งลำบาก หากจัดการไม่ดีจะทำให้เขาพ่ายแพ้เสียชื่อ
แม้เหลยเจิ้นเยวี่ยจะบอกว่า “ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด” มาปกป้องความผิดของตน แต่การกระทำของเหลยหู่ที่รังแกซ่งเวยหลันอยู่เรื่อยๆนั้น หากซ่งเวยหลันยินยอมจะมอบหลักฐานความผิดของเขาออกมา เหลยเจิ้นเยวี่ยถึงจะยอมคายเงินที่ยักยอกไปหมื่นล้านดอลลาร์ทั้งหมด
ตู้เฟยตื่นเต้นขึ้นมา จู่ๆก็นึกถึงเรื่องหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนเป็นหม่นหมอง พูดว่า “คุณชายน้อย วิธีนี้ถึงจะใช้ได้ แต่การเข้าร่วมสมาคมหงเหมินอย่างเป็นทางการนั้นไม่ง่าย คิดว่าคงไม่มีใครอยากให้มีคนที่ฐานะสูงกว่าตนเพิ่มเข้ามา!”
แม้ในยุคปี90สมาคมหงเหมินจะมีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับญาติพี่น้อง ที่รับสมาชิกผู้อาวุโสจากแก๊งในเซี่ยงไฮ้ และไต้หวันให้เข้าร่วมลงชื่อในอนุสรณ์ของสมาคมหงเหมิน ยังมีชื่อของหลี่ซั่นหยวนอยู่ด้วย แต่ตอนนี้พวกอาวุโสที่เหลืออยู่อาจจะไม่ยอมรับให้เยี่ยเทียนเข้าร่วมในตำแหน่งระดับสูง
“ไม่ยอมรับ?”
เยี่ยเทียนเลิกคิ้ว “บททดสอบตอนที่กราบอาจารย์นั้นผ่านไปนานมากแล้ว ตามกฎแค่ให้ผมเข้าพิธีเข้าร่วมสมาคมหงเหมินก็สามารถเป็นสมาชิกได้ ใครกล้าไม่ยอมรับ?”
ตู้เฟยฟังจบก็หัวเราะออกมา “คุณชายน้อย เรื่องมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น อาจารย์ของคุณแม้ว่าจะมีตำแหน่งสูงส่ง แต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน คนอื่นจะเชื่อคำพูดของคุณหรือ?”
ที่ตู้เฟยเชื่อคำพูดของเยี่ยเทียน เพราะตอนที่อยู่ฮ่องกงมีถังเหวินหย่วนเป็นพยานยืนยัน แต่คนอื่นๆใครจะไปเชื่อ ถังเหวินหย่วนเหมือนเขา โดยเฉพาะคนแซ่เหลย จะต้องไม่ยอมรับสถานะของเยี่ยเทียนอย่างแน่นอน
“ไม่เป็นไร ตอนนั้นอาจารย์เพื่อจะสนับสนุนผมให้เข้าร่วมสมาคมหงเหมินแล้ว ยังได้ทำเอกสารไว้แล้วเรียบร้อย ต้องใช้ยืนยันได้แน่นอน”
ในเมื่อเยี่ยเทียนเอ่ยถึงการเข้าสมาคมหงเหมิน เขาก็ต้องเตรียมตัวมาก่อน หลังจากอธิบายจบ เยี่ยเทียนถามต่อ “ตู้เฟย ตอนนี้ในสมาคมหงเหมิน เจ้าตำหนักธงแดงเป็นใคร? ใครเป็นพ่อบ้าน?”
ตำแหน่งในสมาคมหงเหมินมีหลายขั้น ตำแหน่งที่สูงที่สุดถูกเรียกว่าประมุข ที่เป็นแค่หัวหน้าของเหล่าผู้อาวุโส มีเกียรติ แต่ไร้อำนาจ
รองจากประมุขลงมา คือผู้ดำรงตำแหน่งประธานใหญ่ ที่ควบคุมสมาคมหงเหมินทั้งหมด หลังจากนั้นจะมีรองประธานใหญ่หนึ่งคน และผู้ช่วยประธานที่คอยดูแลจัดการเรื่องราวต่างๆ ในสมาคม
หลังจากนั้นจึงมีสภาของเหล่าผู้อาวุโส ซึ่งจะประกอบไปด้วย เจ้าตำหนักต่าง ๆ คือ ตำหนักสุคนธ์ ที่ดูแลห้องโถงบรรพชน ตำหนักอาญา ตำหนักลงทัณฑ์ ตำหนักพิธี ตำหนักธงแดง ตำหนักธงดำ ตำหนักธงฟ้า ตำหนักตุลาการ แปดตำหนัก ทั้งหมดล้วนมีสถานะระดับสูงในสมาคมหงเหมิน
ตำหนักธงแดงนั้นเปรียบเสมือนพ่อบ้านใหญ่ที่คอยดูแลกิจการในสมาคมหงเหมินทั้งหมด รวมถึงการติดต่อกับต่างประเทศด้วย
เจ้าตำหนักธงแดงนั้นเป็นตำแหน่งไม่สูง แต่สามารถฟ้องร้องภาคส่วนอื่นที่เหลืออีกแปดตำหนักได้ ควบคุมสมาชิกในอีกแปดตำหนักนอกด้วย มีสิทธิ์ในการออกคำสั่งเรียกตัวสมาชิกทั้งหมด ที่เยี่ยเทียนต้องการก็คือตำหนักนี้ เขาอยากจะเปิดห้องโถงเพื่อทำพิธีรับสิทธิ์
ส่วนเจ้าตำหนักสุคนธ์ มีอำนาจมากกว่าตำหนักธงแดง มีหน้าที่ระบุตัวตนของแขกของสมาคมหงเหมิน หากสมาคมจัดงานสำคัญเท่านั้นจึงจะออกมาปรากฎตัว การที่เยี่ยเทียนจะเข้าร่วมสมาคมครั้งนี้ ต้องอาศัยคนๆนี้
“คุณชายน้อย ตำหนักธงแดงเป็นของผม แต่เจ้าตำหนักสุคนธ์คุณลองทายว่าเป็นใคร?” ตู้เฟยฟังเยี่ยเทียนพูดจบก็เข้าใจในทันที เยี่ยเทียนอยากจะเปิดตำหนักสุคนธ์เสียเอง
“ให้ผมเดา?” หรือจะเป็นคนที่ผมรู้จัก?” เยี่ยเทียนอึ้งไป สมองคิดอย่างรวดแร็ว “หรือจะเป็นถังเหวินหย่วน?”
ในบรรดาผู้ที่เยี่ยเทียนรู้จักมาทั้งหมด มีเพียงถังเหวินหย่วนที่มีความสัมพันธ์กับสมาคมหงเหมินในต่างประเทศ เขายังเป็นบุคคลมีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจ เป็นเป้าหมายที่น่าชักจูงต่อสมาคมหงเหมิน การจะมอบตำแหน่งเจ้าตำหนักสุคนธ์ให้ก็เข้าใจได้
“ใช่แล้ว เป็นถังเหล่านั่นเอง มีเขาอยู่ทั้งคน ผมค่อยให้คนของผมในตำหนักธงแดงเรียกประชุมสมาชิก ต้อนรับคุณชายน้อยสักครั้ง!”
นอกจากงานเลี้ยงญาติมิตรที่ถูกจัดขึ้นในปี92นั้น สมาคมหงเหมินได้เงียบชียบไปนาน โดยเฉพาะเมื่อหัวหน้าใหญ่ป่วยหนัก การรับเยี่ยเทียนเข้าสมาคมครั้งนี้ ถือว่าเป็นการประชุมครั้งใหญ่ที่ไม่ได้มีมานาน
“ใช่แล้ว ตู้เฟย คุณมีตำแหน่งอะไรหรือ?”
เห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของตู้เฟยแล้วเยี่ยเทียนอดสงสัยไม่ได้ ลูกน้องของตู้เฟยแต่ละคนฝีมือไม่เลว ยังเป็นบุตรชายของอดีตหัวหน้าใหญ่ สถานะของเขาต้องไม่ธรรมดา
“คุณชายน้อย ผมเป็นเจ้าตำหนัก แต่เพิ่งได้รับตำแหน่งไม่นาน”
ตู้เฟยหัวเราะคิกคิก ใบหน้าแสดงออกถึงความได้ใจ ตั้งแต่เขากลับเข้ามาในสมาคมหงเหมินก็ถูกหัวหน้าใหญ่เลื่อนขั้นให้เป็นผู้นำระดับสาม ตู้เฟยมีรากฐานที่แข็งแรง การเลื่อนขั้นครั้งนี้จึงเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีใครกล้าทักท้วงหรือวิพากษ์วิจารณ์
…………………………………………………….