หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 619 การท้าประลอง (1)
สำหรับไทสัน คนที่พอจะใส่ใจในวงการมวยอยู่บ้างจะทราบดีว่าเขาเคยเป็นแชมป์มวยโลกอยู่หลายสมัย ชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้นักมวยชื่อดังอย่างอาลีในสมัยก่อน
ศึกนัดตัดสินแชมป์โลกระหว่างไทสันกับโฮลี่ฟิลอันล่ำลือ ที่จุดจบนั้นหักมุมจากสิ่งที่ผู้ชมเคยคาดเดา ทำเอาผู้ชมติดตาตรึงใจ เป็นเรื่องโด่งดังที่โจทก์ขานกันไปทั่ว
สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือไทสันเป็นนักมวยมืออาชีพผู้ยิ่งใหญ่ คนแบบเขาถ้ามาสู้กับนักมวยใต้ดิน ทำให้เยี่ยเทียนถึงรู้สึกแปลกใจ
ไทสันติดคุกทั้งหมดสองครั้ง เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้เป็นปี 91ด้วยเหตุที่เขาลวนลามหญิงสาวผิวดำชาวอเมริกันคนหนึ่งจนถูกพิพากษาให้จำคุก
เมื่อเข้าคุกไปใหม่ๆ ไทสันเป็นที่สนอกสนใจของเพื่อนนักโทษ พวกนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ไม่เพียงจะไม่ดูแลปกป้องไทสัน แต่อยากจะรุมซ้อมเขาเสียให้หนำใจ
หนึ่งในนั้นมีคนชื่อคินฮัก เป็นนักมวยปล้ำที่เป็นทั้งนักฆ่าที่มีชื่อเสียง ก่อนเข้าคุกเคยได้ลงแข่งครั้งหนึ่ง เขาใช้ลูกเตะเตะคู่ต่อสู้เสียชีวิตคาที่
ไทสันเริ่มจะระวังตัวมากขึ้น เขาไม่เคยไปที่สนามซ้อมมวยเลย เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าโอ้อวด เมื่อไหร่ที่เขาเดินผ่านโรงยิม ก็จะถูกพวกของคินฮักกลั่นแกล้งถูกเตะปัดขาหรือแกล้งชกศอกเข้าที่กระสอบทรายอย่างแรงเพื่อข่มขวัญราชาแห่งมวย
ไทสันรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้กฎหมายใช้ไม่ได้ผล ทุกคนต่างให้ความเคารพต่อพละกำลังและการต่อสู้ ชื่อเสียงราชานักมวยที่ตนได้จากการต่อสู้แบบ “โลกแห่งอารยชน” กลับถูกพวกเขามองว่าเป็นศัตรู ราวกับตัวเขาเป็นตัวร้ายไปเสียอย่างนั้น
จนมีวันหนึ่ง ความโกรธแค้นที่ไทสันมีต่อคินฮักมาถึงจุดสิ้นสุด ทั้งสองจึงเปิดฉากต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ในการต่อสู้จริง จุดเด่นของไทสันที่เคยใช้บนเวทีมวยกลับหายไปหมด คินฮักเตะถีบศีรษะของเขาอย่างโหดร้าย ใช้เข่ากระแทกกระดูกซี่โครงของไทสัน แม้ว่าจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีสู้สวนกลับไปแต่ก็ยังบาดเจ็บสาหัส
จากการวินิจฉัย ศีรษะของไทสันได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมาก กระดูกซี่โครงหักสามท่อน ทั้งยังมีรอยบอบช้ำไปทั้งตัว
ด้วยปัญหาด้านความปลอดภัย ไทสันจึงไม่สนใจเรื่องศักดิ์ศรีอีกต่อไป เขายอมจ่ายเงินหนึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อจัดการปัญหาโดยการขออภัยจากพวกคินฮัก
ดังนั้นในสายตาของเจ้าของค่ายมวยใต้ดินอย่างต่งเซิงไห่ ฉายาเจ้าแห่งมวยโลกไทสันเป็นแค่เรื่องตลก เขาแค่ทำหน้าที่ให้ความบันเทิงในช่องโทรทัศน์ให้ผู้ชมบันเทิงใจเท่านั้น
“มวยสากลอาชีพมีข้อบังคับมากมาย ไทสันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนักมวยใต้ดินหรอก”
พอนึกถึงอันเดรวิชเยี่ยเทียนก็พยักหน้า สำหรับไทสันหากได้มาเจอกับอันเดรวิชเข้า เกรงว่าแค่ยกเดียวคงจะถูก อันเดรวิชเอาชนะแบบน็อคเอาท์ เพราะชื่อเสียงของไทสันนั้นอันเดรวิชไม่ได้เห็นอยู่ในสายตาอยู่แล้ว
“เหล่าต่ง คนที่ชื่อแอนโทนี่ มาร์คัสนั่นเป็นใคร? เขายังเก่งกว่าอันเดรวิชอีกหรือ?”
หลังจากฟังเรื่องซุบซิบของไทสันแล้ว เยี่ยเทียนก็วกกลับเข้าหัวข้อสนทนาเดิมคือแอนโทนี่ เขาไม่ได้มีความรู้เรื่องมวยใต้ดินมามากนัก อันเดรวิชถือเป็นนักมวยใต้ดินที่ฝีมือดีที่สุดที่เขาเคยพบมาแล้ว
“แอนโทนี่ มาร์คัส เขา….เขาเป็นเครื่องจักฆ่าคน!”
เมื่อเอ่ยถึงแอนโทนี่ มาร์คัส ต่งเซิงไห่มีสีหน้าดูแย่ลงไปอีกครั้ง ราวกับว่าไม่อยากจะพูดถึงแอนโทนี่ มาร์คัสที่กำลังจะมาเป็นคู่ต่อสู้กับนักมวยของเขา
“ให้ผมเล่าต่อเองเถอะ เป็นคนที่รับมือยากมากคนหนึ่ง…”
จู้เหวยเฟิงเป็นผู้ติดตามข่าวสารแวดวงมวยปล้ำ เขาเคยได้ยินชื่อแอนโทนี่ มาร์คัสอยู่แล้ว จึงเล่าต่อจากต่งเซิงไห่ให้เยี่ยเทียนฟังถึงกิตติศัพท์การต่อสู้ของแอนโทนี่
แอนโทนี่ มาร์คัส เข้าวงการในปี 1988 ตั้งแต่นั้นมาจนบัดนี้ เขาเป็นคนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นนักมวยที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติ
ฝีมือด้านการฆ่าคนนั้นไม่มีใครเทียบได้เลย เขาเป็นเครื่องมือฆ่าคนที่น่าเกรงขาม ในประวัติการต่อสู้ไม่มีใครที่ประสบความสำเร็จเท่าเขามาก่อน ทั้ง “หมัดเหล็กและลูกเตะพิฆาต”นั้นทำให้คู่ต่อสู้สิ้นหวังมานักต่อนักแล้ว
คำโบราณว่าไว้ ผู้ที่อาจหาญย่อมชนะ การต่อยมวยปล้ำต้องใช้ทั้งพละกำลังและความเชื่อมั่น นักมวยใต้ดินทุกคนเมื่อขึ้นเวที่จะต้องมั่นใจว่าตนชนะ นี่เป็นแรงผลักดันให้พวกเขาสู้ต่อไป ถ้าหากจิตใจท้อแท้ ความตายจะมารออยู่เบื้องหน้า
แอนโทนี่ มาร์คัสสามารถเอาชนะคนที่มีความเชื่อมั่นที่สุดมาได้ เพราะเขาเป็นคนที่แทบไม่มีจุดอ่อนเลย
จนถึงตอนนี้ ไม่มีใครรอดพ้นจากลูกเตะมหาประลัยของเขาได้ ทุกคนมีโอกาสแค่ครั้งเดียว ถ้าถูกลูกเตะของเขาเข้า ก็จะทำได้แต่เพียงร้องขอชีวิต แม้แต่พวกนักฆ่าโดยกำเนิดพวกนั้นก็ไม่เว้น
หลายคนที่พยายามอาศัยจังหวะที่เขายกขาเตรียมจะตอบโต้ แต่ด้วยความเร็วที่เหนือมนุษย์นั้น ทำให้ไม่อาจจับจังหวะตอบโต้ได้
แอนโทนี่ตอนนี้ลงสู้มาทั้งหมด 167 ครั้ง ชนะทุกครั้ง ในนั้นมี 114 ครั้งที่คู่ต่อสู้ตายคาที่ เขาเคยเข้ารับการฝึกที่ไซบีเรียเช่นเดียวกับอันเดรวิช
แต่ตอนที่แอนโทนี่ มาร์คัสเข้าร่วมฝึกในค่ายฝึกนั้น อันเดรวิชได้ออกไปแล้ว ทำให้สุดยอดฝีมือของทั้งสองรุ่นไม่ได้พบกัน
แต่คนส่วนใหญ่ที่ดูการแข่งขันของแอนโทนี่ มาร์คัสต่างคิดเห็นตรงกันว่าแอนโทนี่น่าจะได้เป็นสุดยอดเจ้าแห่งมวยปล้ำที่สุด ส่วนอันเดรวิชน่าจะแก่ตายไปแล้ว
“เก่งขนาดนั้นเชียว?” ฟังจู้เหวยเฟิงพูดจบ เยี่ยเทียนกระดกลิ้น
กำลังโจมตีของอันเดรวิชนั้นถือเป็นยอดฝีมือชั้นสูงแล้ว ถ้าหากยังให้ยอดฝีมือที่เก็บซ่อนพลังของตัวเองเอาไว้ลงสู้กับอันเดรวิช ผู้ที่ไม่รอดน่าจะเป็นฝ่ายตรงข้ามมากกว่า
จากคำพูดของจู้เหวยเฟิง แอนโทนี่ มาร์คัสยังเก่งกว่าอันเดรวิชเสียอีก หมายความว่าเขาจะได้ต่อสู้กับนักฆ่าที่มีกำลังโจมตีรุนแรงที่สุดเลยเหรอ?
“ท่านเยี่ย ท่าทางครั้งนี้ผมต้องหมดตัวแน่เลย ให้ตายสิ ไม่คิดว่าเจ้ารูดอล์ฟจะเจ้าเล่ห์เพทุบายขนาดนี้?”
ตั้งแต่รู้ว่าคู่ต่อสู้ของอันเดรวิชคือแอนโทนี่ มาร์คัส ต่งเซิงไห่ก็ทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อมั่นในนักมวยของตัวเองเลย
“เหล่าต่ง ยังไม่ได้สู้เลย จะรู้ได้อย่างไรว่าใครแพ้ใครชนะ?”
เยี่ยเทียนตบบ่าต่งเซิงไห่ เอ่ยปลอบว่า “ตอนนั้นถังหลงก็ยังโดนคนวางแผนลอบกัดเลยไม่ใช่เหรอ คุณให้อันเดรวิชศึกษาดีๆ ไม่แน่ว่าอาจจะได้ใช้จริง”
ต่งเซิงไห่ฝืนยิ้ม ส่ายหัวตอบว่า “ไม่มีทาง อันเดรวิชเป็นพวกบ้าพลัง ถ้าให้เขาหลบซ้ายหลีกขวา เกรงว่าเขาจะตายเร็วกว่าเดิม”
“เข้าประชุมงานนี้จบค่อยว่ากันต่อเถอะ การแข่งขันของพวกคุณเป็นคืนพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ ยังพอมีเวลาคิดหาทางออก”
มองดูรอบๆดาดฟ้าเรือ เหลือแต่กลุ่มพวกเขาแล้ว เยี่ยเทียนจึงเดินเข้าไปในห้องโดยสาร พลางเอ่ยว่า “ถ้าไม่ได้จริงๆก็ให้อันเดรวิชยอมแพ้เสีย อย่างไรก็แล้วแต่ชีวิตย่อมสำคัญกว่าเงินทองอยู่แล้ว!”
“ไม่ได้ ถึงจะแพ้ ก็ต้องแพ้บนเวที งานประชุมนี่ผมไม่เข้าร่วมแล้ว ผมจะไปหารือกับอันเดรวิชสักหน่อย!”
ต่งเซิงไห่เห็นว่าธุรกิจที่ลงทุนลงแรงไปสิบกว่าปีกำลังจะหายไป เขายังมีจิตใจจะไปนั่งฟังการประชุมอยู่อีกหรือ เขาเอ่ยลาพวกเยี่ยเทียนแล้วรีบร้อนจากไป
“เยี่ยเทียน นายไม่คิดจะช่วยเขาบ้างเหรอ?”
รอให้ต่งเซิงไห้เดินไปไกลแล้ว จู้เหวยเฟิงถึงถามขึ้นมา “ยังไงพวกนายก็เป็นคนในสมาคมหงเหมินเหมือนกันนะ ไม่อย่างนั้นฉันให้คนไปรับท่านหูมาดีไหม?”
ชื่อเสียงเรื่องความโหดร้ายของแอนโทนี่ มาร์คัสฟังแล้วช่างข่มขวัญ จู้เหวยเฟิงไม่กล้าพูดตรงๆว่าให้เยี่ยเทียนลงสนามเอง แต่อ้างถึงหูหงเต๋อขึ้นมา ไม่แน่ว่าหูหงเต๋ออาจจะเอาชนะแอนโทนี่ มาร์คัสได้
“คุณอย่าเสนอความคิดเห็นไม่ได้เรื่องแบบนี้อีกนะ ไม่อย่างนั้นผมจะไม่คุยกับคุณแล้ว!”
ได้ฟังความคิดเห็นของจู้เหวยเฟิงแล้ว เยี่ยเทียนถึงกับสะดุ้ง ถ้าให้หูหงเต๋อมาก็เท่ากับว่าให้เขารนมาหาที่ตาย
หูหงเต๋อกับอันเดรวิชเคยสู้กันมาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะเยี่ยเทียนอัญเชิญเทพเจ้ามาประทับ หูหงเต๋อคงจะสู้อันเดรวิชไม่ได้ แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้กับแอนโทนี่ มาร์คัสได้เล่า?
ท่าทีปฏิเสธรุนแรงของเยี่ยเทียนทำให้จู้เหวยเฟิงเก้อเขินไป “ได้ ถือว่าผมไม่ได้พูดก็แล้วกัน ไปเถอะ คนอื่นเข้าไปหมดแล้ว”
การบริการบนเรือสำราญควีนอลิซาเบธเป็นไปอย่างรัดกุม เมื่อทั้งดาดฟ้าเรือเหลือแต่เยี่ยเทียนกับจู้เหวยเฟิงก็ยังมีบริกรที่ยืนอยู่ไม่ห่าง เมื่อเห็นพวกเขาออกเดิน บริกรก็เดินนำทางพวกเขาไป
การประชุมมวยปล้ำระดับโลกที่จักขึ้นทุกปีความจริงแล้วคือการแบ่งเขตและฐานอำนาจในแต่ละพื้นที่ ส่วนมาตรฐานการตัดสินคือ ใครมีอำนาจขอบเขตมากสุด ใครมีนักมวยเก่งในมือมากสุด
ดังนั้นการประชุมจึงไม่ได้เป็นทางการนัก เพียงแต่จัดในห้องประชุมใหญ่ ในห้องประชุมนี้สามารถบรรจุคนได้หนึ่งพันที่นั่ง ตอนนี้มีผู้เข้าร่วมเพียงสามร้อยกว่าคนเท่านั้น บรรยากาศจึงดูโหวงเหวง
จู้เหวยเฟิงมองไปรอบๆแล้วกระซิบกับเยี่ยเทียนเสียงเบาว่า “พวกนักมวยไม่ได้มาด้วย ตอนกลางคืนยังมีพวกมหาเศรษฐีระดับโลกที่จะมาลงพนันมวยด้วย ตอนนี้คงมีแต่พวกผู้ดูแลค่ายมวยจากที่ต่างๆเท่านั้น”
“ให้ตายเถอะ ไม่มีคนดีๆเลยสักคน!”
เยี่ยเทียนกวาดตามองไปรอบๆแล้วเห็นว่าหน้าตาของคนในวงการมวยปล้ำแต่ละคนนั้นหน้าตาดุร้ายโหดเหี้ยม มีอีกหลายคนที่สวมแว่นดูเป็นผู้ทรงภูมิ แต่เยี่ยเทียนกลับสัมผัสได้ถึงพลังชั่วร้ายจากตัวของคนเหล่านั้น
“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบกับทุกท่านในที่นี้….”
เยี่ยเทียนมาช้าไปเล็กน้อย พอนั่งลงกับที่ เสียงของคลีเมตสันก็ดังขึ้น
“กฎระเบียบนั้นทุกท่านคงจะทราบกันดี การแข่งขันจะจัดขึ้นทั้งหมดสามวัน คืนนี้จะเป็นการแข่งขันศึกชิงแชมป์เจ้าสังเวียน ที่จะใช้จัดอันดับนักมวยในปีหน้า ส่วนพรุ่งนี้กับวันมะรืนนี้จะเป็นการท้าประลอง สหายที่ได้ลงในใบสัญญา จะได้ลงแข่งขันในวันพรุ่งนี้
เอาล่ะ ผมทราบดีว่าอาหารอันโอชาที่ทุกท่านรออยู่นั้นย่อมน่าสนใจกว่าตาแก่อย่างผม งั้นผมจะไม่พูดมากแล้ว หวังว่าสหายทุกท่านจะสนุกสนานกับการแข่งขันทั้งสามวันนี้!”
คลีเมตสันใช้เวลาอภิปรายสั้นกว่าที่เขาเคยบอกไว้มาก ไม่ถึงหนึ่งนาทีเนื้อหาใจความสำคัญก็ถูกถ่ายทอดจนครบ เพราะว่าตั้งแต่ก่อนมาจนถึงก่อนงานประชุมพวกเขาต่างได้รับแจ้งถึงกำหนดการและกฎเกณฑ์อย่างชัดเจนแล้ว
“ผมสงสัยว่า การท้าประลองคืออะไรหรือ? ถ้าไม่ได้ลงนามในสัญญาก็สามารถท้าประลองได้ด้วยหรือ?” ในบรรดาผู้เข้าร่วมทั้งหมดเห็นจะมีแต่เยี่ยเทียนคนเดียวที่ไม่รู้กติกา
“ใช่ ถึงไม่มีสัญญาก็สามารถท้าประลองได้ ว่าง่ายๆก็คือการช่วงชิงพื้นที่กันนั่นเอง คนอื่นอยากได้พื้นที่ของนายก็สามารถมาท้านายสู้ได้ แน่นอนว่าคุณก็ปฏิเสธได้เช่นกัน”
จู้เหวยเฟิงพยักหน้า ความจริงแล้วเหตุผลหลักในตอนแรกที่เขาไม่อยากเข้าร่วมงานประชุมมวยใต้ดินครั้งนี้ก็คือกลัวการท้าประลองนั่นเอง
…………………………………………………………