หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 624 ใจที่อยากชนะ
“ท่านเยี่ย ทำไมถึงบ้าขนาดนี้? ฮิราโนะ อิจิโร่กับฟรุสไม่ใช่คนที่ควรจะยุ่งด้วยเลยนะ! ”
ต่งเซิงไห่ที่เดินตามหลังจู้เหวยเฟิงมา พอเข้ามาถึงห้องเขาไม่ทักทายตามมารยาทแต่เริ่มกล่าวโทษเยี่ยเทียน เพราะเขาอยู่ในวงการมวยใต้ดินมา 20 กว่าปี เขารู้ดีว่าการแข่งขันแบบนี้มันโหดร้ายและนองเลือดแค่ไหน
ต้องเข้าใจว่าการแข่งขันมวยใต้ดิน คนที่มีกำลังภายในสูงไม่ได้แปลว่าจะชนะเสมอไป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจิตใจ จิตใจที่ป่าเถื่อนดุจหมาป่า มองข้ามความเป็นและความตายเท่านั้นถึงจะอยู่รอด
ต่งเซิงไห่รู้ว่าเยี่ยเทียนเคยแข่งแล้ว แต่นั่นไม่ใช่มวยปล้ำที่ไร้กฎระดับโลก ตอนนั้นเยี่ยเทียนมีอาวุธที่เป็นตัวช่วย ฉะนั้นต่งเซิงไห่จึงไม่คิดว่าเยี่ยเทียนจะสามารถชนะในครั้งนี้ได้ ถ้าพลาดแค่นิดเดียวชีวิตของเขาก็จบลงด้วย
“เหล่าต่ง โมโหอะไรขนาดนั้น?”
เยี่ยเทียนหัวเราะอยู่ พอมองขึ้นไปถึงกับตะลึงไปครู่นึง และพูดว่า “อันเดรวิช คุณก็มาด้วยเหรอ?”
สำหรับคนที่มีความสามารถและไม่เป็นปรปักษ์กับตนเอง เยี่ยเทียนจะให้ความเคารพอยู่เสมอ แม้คนตัวใหญ่คนนี้จะฉีกจางซานออกเป็นชิ้น ๆ ตอนที่แข่งในประเทศ แต่มวยใต้ดินโหดร้ายแบบนี้แหละ ถ้าความสามารถไม่ถึง ตายไปก็สมควรแล้ว
“คุณเยี่ย ขอบคุณยาเม็ดวิเศษของคุณ ถ้าไม่มียานั่น ผมคงไม่สามารถมาโผล่ที่นี่!”
เมื่อมองเห็นเยี่ยเทียน อันเดรวิชรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ตั้งแต่ที่ได้รับบาดเจ็บครั้งก่อน เขานึกว่าตัวเองต้องลาวงการมวยใต้ดินซะแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่า ใช้เวลาแค่หนึ่งเดือนร่างกายของเขาก็กลับมาเป็นปกติ
“อันเดรวิช ถ้าคุณไม่มา อาจจะดีกว่านี้!”
เยี่ยเทียนมองเห็นสีหน้าของอันเดรวิช เขารู้สึกประประหลาดใจอย่างไม่ทันตั้งตัว เพราะจุดอิ้นถังของเขามีพลังลมปราณสีดำปรากฏขึ้น ในสายตาของเยี่ยเทียนนั่นคือลมปราณแห่งความตาย
“คุณเยี่ย นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะเข้าร่วมการแข่งขันมวยใต้ดิน เถ้าแก่ตอบตกลงไว้ว่าถ้าจบการแข่งขันครั้งนี้ ผมจะออกจากวงการมวย และไปใช้ชีวิตอันสงบสุข!” ใบหน้าของอันเดรวิชเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ภาษาอังกฤษของเขาไม่ได้ดีมาก และไม่เข้าใจสิ่งที่เยี่ยเทียนจะสื่อด้วย
“เหล่าต่ง คุณบอกเขาหรือยังว่าคู่แข่งของเขาคือใคร?” เยี่ยเทียนมองไปที่ต่งเซิงไห่ เป็นสายตาแห่งการตำหนิ
“บอกแล้วสิ ท่านเยี่ย คุณมองผมเป็นคนยังไงเนี่ย?”
ต่งเซิงไห่เข้าใจความหมายของเยี่ยเทียน พูดอย่างขมขื่นไปว่า “อันเดรวิชเป็นคนโสด เขากำลังคุยอยู่กับสาวรัสเซียคนนึง เตรียมตัวจะแต่งงานกันแล้ว ฉะนั้นเขาก็เลยอยากแข่งขันมวยใต้ดินเป็นครั้งสุดท้าย และเอาเงินไปใช้ชีวิตตามแบบที่เขาอยากใช้”
อันเดรวิชเข้ามาในวงการมวยใต้ดินเพราะปัญหาทางบ้าน แต่เพราะเขาได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ทำให้ได้พบกับพยาบาลรัสเซียคนนึง ไป ๆ มา ๆ ทั้งสองคนก็มีใจให้กัน จึงเป็นเหตุผลให้อันเดรวิชมีความคิดอยากลาวงการมวยใต้ดิน
แต่เงินที่เขาหามาได้เป็นเงินหามาง่ายแต่ก็ใช้ไปเร็วเหมือนกัน เงินที่มีอยู่ตอนนี้ก็ไม่พอที่จะใช้ชีวิตหลังจากนี้ แล้วเขาถนัดฆ่าคนเท่านั้น เขาจึงทำได้เพียงใช้วิธีนี้เพื่อให้ได้เงินมา
“คุณเยี่ย คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ แอนโทนีมาร์คัสมาจากค่ายฝึกไซบีเรีย แม้ผมจะไม่เคยฝึกเขามาก่อน แต่ผมรู้จุดอ่อนและมั่นใจว่าจัดการเขาได้!”
แม้ว่าภาษาอังกฤษของอันเดรวิชไม่ดีเท่าไหร่ แต่ภาษาจีนก็พอเข้าใจเล็กน้อย ตอนที่ได้ยินบทสนทนาของเยี่ยเทียนกับต่งเซิงไห่ ตาของเขาเผยความตื้นตันออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
ในสายตาของเถ้าแก่กับแขกเหล่านั้น นักมวยเป็นเพียงอาวุธที่ใช้ฆ่าคนเท่านั้น พวกเขามีความกลัวแต่พวกเขาจะไม่เคารพนักมวยเด็ดขาด และจะไม่สนใจว่าการแข่งขันครั้งต่อไปจะเป็นหรือจะตาย
แต่อันเดรวิชมองสายตาของเยี่ยเทียนแล้วเข้าใจว่าเขาคิดเผื่อตัวเองจริง ๆ ทำให้อันเดรวิชรู้สึกตื้นตันจากข้างในแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“แอนโทนี มาร์คัสมีจุดอ่อนเหรอ? จุดอ่อนคืออะไร รู้ได้ไง?” เมื่อเห็นความมั่นใจของอันเดรวิช เยี่ยเทียนจึงรู้สึกสงสัย
“จุดเด่นของแอนโทนี มาร์คัสก็คือท่าฟาดขาของเขา แต่เพราะการโจมตีของเขามีแค่นั้น ขอแค่ได้เข้าใกล้ ผมก็หักคอเขาได้แล้ว ครูฝึกในค่ายไซบีเรียของเขา เคยเป็นลูกน้องของผมมาก่อน!”
ใบหน้าของอันเดรวิชมีความโหดเหี้ยมออกมา ในใจของนักมวยพวกนี้ไม่เคยมีความปราณี เพราะความปราณีจะทำให้พวกเขาตาย เวลาที่อยู่บนเวที อย่าว่าแต่ลูกศิษย์เลย แม้แต่พี่น้องแท้ ๆ ก็ต้องสู้กันให้ตายกันไปข้างนึง
“อันเดรวิช คุณ ไม่ใช่คู่ต่อสู้แอนโทนี มาร์คัส ถ้าคุณขึ้นเวที คุณตายแน่นอน!” เยี่ยเทียนรู้สึกเสียดายและมองดู อันเดรวิชที่กำลังหัวเราะชอบใจ เขาชอบคนร่างใหญ่คนนี้จริง ๆ แต่เขาไม่อยากให้คน ๆ นี้ถูกฆ่าตายอยู่บนเวที
“คุณเยี่ย แม้ว่าผมจะสู้เพื่อนคุณไม่ไหว แต่ผมเชื่อว่า แอนโทนี มาร์คัสก็สู้ตาแก่คนนั้นไม่ไหวเหมือนกัน คุณไม่ควรดูถูกผมเพราะเหตุผลนี้!” หลังจากได้ยินสิ่งที่เยี่ยเทียนพูด อันเดรวิชไม่พอใจเล็กน้อย เขามีนิสัยแบบคนรัสเซียชัดมาก ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข ทุกอย่างจะปรากฏอยู่บนใบหน้า
“ท่านเยี่ยเทียน อันเดรวิชก็มีความสามารถนะ ครั้งก่อนที่แพ้ให้กับคนของคุณเสร็จ ตอนนี้เขาสามารถยกน้ำหนักท่าสวคอทเพิ่มขึ้นอีก 50 กิโลกรัม ตอนนี้ยกน้ำหนักได้สูงถึง 450 กิโลกรัมแล้วนะ แม้จะเอาไปเทียบกับแอนโทนีมาร์คัส ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่แล้ว!”
เมื่อได้ยินเยี่ยเทียนสงสัยในความสามารถของอันเดรวิช ต่งเซิงไห่ถึงกับลืมตัวว่ามาทำอะไรที่นี่ เขาเอ่ยปากโต้เถียงความสามารถของอันเดรวิช เพราะเขาไม่อยากให้อันเดรวิชต้องพ่ายแพ้ในการแข่งขัน ไม่เช่นนั้นสนามมวยที่ดูแลมาเป็นสิบยี่สิบปีก็ต้องยกให้คนอื่นฟรี ๆ
“เหล่าต่ง แอนโทนี มาร์คัสอายุเท่าไหร่ อันเดรวิชอายุเท่าไหร่?”
เยี่ยเทียนส่ายหัว มองอันเดรวิชและพูดว่า “ผมรู้ว่าคุณเคยเป็นครูฝึกในค่ายไซบีเรียมาก่อน คุณก็น่าจะรู้ นักเรียนพวกนั้นโหดเหี้ยมแค่ไหน แล้วหลายปีที่ผ่านมาคุณหลุดพ้นจากชีวิตแบบนั้นแล้ว คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแอนโทนี มาร์คัสจริง ๆ!”
สีหน้าของอันเดรวิชเปลี่ยนไปทันทีหลังจากได้ยินสิ่งที่เยี่ยเทียนพูด ก็เหมือนกับที่เยี่ยเทียนพูดไว้ การฝึกที่โหดเหี้ยมในค่ายไซบีเรียไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขา มันเป็นเหมือนนรกชัด ๆ
ที่มาของนักมวยในค่ายไซบีเรียค่อนข้างหลากหลาย มีทั้งพวกนักมวยปล้ำที่ฝึกไม่เชื่อง พวกจิ๊กโก๋ตามข้างถนน พวกเขาจะกลายเป็นหุ่นยนต์มวยปล้ำทันทีที่ก้าวเข้าไปในค่าย ในค่ายมีตาข่ายไฟ ทุ่นระเบิด คนลาดตระเวนที่สะพายปืนกับกระสุนไว้ ความตายอาจถึงตัวเองได้ทุกเมื่อที่มีการต่อต้าน
ตั้งแต่วันแรก นักมวยทุกคนต้องเผชิญหน้ากับตัวเลือกระหว่างมีชีวิตกับความตาย
นักมวยทุกคนจะต้องยกน้ำหนัก 100 กิโลกรัม ในท่าสควอทจำนวน 600 ครั้งให้เสร็จภายในสองชั่วโมง เตะท่อนไม้ขนาด 30 นิ้วให้หักภายในสี่ชั่วโมง ต่อสู้กับหมาป่า 6 ตัวด้วยมือเปล่าในห้องปิดกั้น ต่อสู้กับครูฝึกสองคนที่ถือไม้กระบองด้วยมือเปล่า มีนักมวยหลายคนที่ตายไปในระหว่างการฝึก
คนที่ตายกับบาดเจ็บหนักจนรักษาไม่หายจะถูกจัดการ คนที่ปฏิเสธการฝึกจะถูกสังหารทันที เมื่ออยู่ที่นี่เงื่อนไขที่ไม่มีเหตุผลที่สุดก็ยังถูกมองว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ฉะนั้นนักมวยเป็นเพียงสินค้าของที่นี่ ถ้าสินค้าไม่ได้มาตรฐานก็จะถูกกำจัดทิ้ง
และครูฝึกมักจะแอบเข้าห้องพักของนักมวยและใช้แส้ฟาดพวกเขา หลังจากนั้นนักมวยจึงเรียนรู้การตอบสนองอย่างว่องไวเมื่อมีการเคลื่อนไหวจากเหตุการณ์นี้ นักมวยที่ทำตามเงื่อนไขไม่ผ่านจะถูกทุบตีอย่างรุนแรง การลงโทษที่หนักที่สุดก็คือการกำจัดทิ้งตอนนั้นเลย
ในวงการมวยใต้ดิน แค่ได้ยินคำว่า “นักมวยจากไซบีเรีย” ก็เพียงพอให้คนที่ได้ยินหวาดกลัว และนักมวยระดับโลกที่อยู่สิบอันดับแรก ก็มาจากค่ายไซบีเรียทั้งหมด
อันเดรวิชอายุสี่สิบแล้ว เขารู้ดีว่าร่างกายของเขาสู้เมื่อก่อนไม่ได้ หลายปีมานี้เขาใช้ประสบการณ์ที่มีเอาชนะคู่แข่งมาตลอด ฉะนั้นสิ่งที่เยี่ยเทียนพูดทำให้ความมั่นใจของเขาสั่นคลอน
“คุณท่านเยี่ย คุณ……คุณทำแบบนี้ได้ยังไง?!”
เมื่อเห็นอันเดรวิชนิ่งลงเพราะคำพูดของเยี่ยเทียน ต่งเซิงไห่เริ่มเป็นกังวล
เพราะคนที่เขามีอยู่ในมือตอนนี้มีแค่อันเดรวิชคนเดียวเท่านั้น แล้วความสามารถของอันเดรวิชด้อยกว่าแอนโทนีมาร์คัสอยู่แล้ว ถ้าแม้แต่ใจที่คิดว่าต้องชนะยังไม่มี งั้นคงไม่มีโอกาสแล้วจริง ๆ
เยี่ยเทียนพึมพำครู่นึงและพูดต่อว่า “เหล่าต่ง คุณมาห้ามผมแบบนี้ ผมอยากรู้ว่าความสามารถของแอนโทนี มาร์คัสกับคนของฮิราโนะอิจิโร่ ใครเก่งกว่ากัน?”
“แอนโทนี มาร์คัสอยู่แล้วสิ ตอนนี้เขาเป็นอันดับหนึ่งของโลกนะ ถ้าไม่ใช่เพราะผมโดนรูดอล์ฟหลอก ผมจะกล้าเซ็นข้อตกลงได้ยังไงล่ะ!”
ต่งเซิงไห่เผยสีหน้าโมโห เมื่อก่อนเขาเชื่อว่าอันเดรวิชจัดการแอนโทนี มาร์คัสได้ ที่จริงมันเป็นเพียงการปลอบใจตัวเองอย่างหนึ่งก็เท่านั้น
“อันดับหนึ่งของโลก แล้วพลังโจมตีของเขาสามารถทะลุระดับสูงขั้นหลอมปราณสู่จิตได้มั้ย?”
เยี่ยเทียนแสดงสีหน้าแปลก ๆ ออกมาอย่างบอกไม่ถูก เขามั่นใจว่าพลังโจมตีของแอนโทนี มาร์คัสน่าจะพอ ๆ กับยอดฝีมือที่ฝึกถึงระดับหลอมปราณสุ่จิตแล้ว แต่จะเก่งถึงระดับไหน เยี่ยเทียนไม่รู้
ครั้งนี้ยอมช่วยจู้เหวยเฟิง นอกจากเหตุผลที่ฮิราโนะ อิจิโร่กับฟรุสดูถูกจีนแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะใจที่อยากเอาชนะของเยี่ยเทียน หลายปีมานี้ เยี่ยเทียนเป็นยอดฝีมือผู้เงียบเหงา เขาอยากประลองกับนักมวยปล้ำระดับโลกสักครั้ง
“เหล่าต่ง ในฐานะเพื่อนร่วมสมาคม อย่าหาว่าผมไม่ให้โอกาสคุณนะ!”
หลังจากคิดไตร่ตรองเสร็จ เยี่ยเทียนพูดว่า “ถ้าคุณสามารถย้ายเวลาแข่งขันกับแอนโทนี มาร์คัสเป็นวันที่สาม แล้วผมไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ จากการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ ผมจะไปสู้กับแอนโทนี มาร์คัสให้!”
ถ้าจะสู้ ต้องสู้กับอันดับหนึ่งของโลก คนที่ฝึกศิลปะต่อสู้ หากสู้กับท่อนไม้และถุงทรายอย่างเดียว ยังไงก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จ มีเพียงสู้อยู่ระหว่างความเป็นและความตายเท่านั้นถึงจะทะลุได้จริง ๆ เยี่ยเทียนฝึกถึงระดับสูงหลอมปราณสู่จิตมานาน เขาอยากใช้โอกาสครั้งนี้ฝึกจิตของตัวเอง
ส่วนความจริงอันโหดเหี้ยมในการแข่งขันนั้น เยี่ยเทียนไม่แม้แต่จะคิดถึงมัน ถ้ายังไม่ทันสู้แล้วแพ้เพราะคำพูดตัวเอง ไม่มีใจที่อยากชนะ งั้นเขาไม่จำเป็นต้องขึ้นเวที เพราะเขาต้องตายอยู่ดีในตอนจบ
……………………………………………………….