หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 625 เกมส์แห่งความตาย
แม้เยี่ยเทียนจะมีวิชาเก่งกล้า ตั้งแต่เริ่มออกสู่ยุทธภพเขาคุ้นเคยกับภาพนองเลือดมาบ้างแล้ว และเขามีใจแห่งผู้กล้าตั้งนานแล้วด้วย
แต่การเผชิญหน้ากับหุ่นยนต์นักฆ่าอย่างคนพวกนี้ เยี่ยเทียนไม่ค่อยมั่นใจว่าจะมีชีวิตรอดมาได้จริง ๆ เพราะในโลกของธรรมชาตินั้นหมาป่าที่หิวโหยไม่น่ากลัวเท่าหมาป่าที่ใกล้ตาย เพราะการลอบกัดในวินาทีสุดท้ายนั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้คนตายได้
ฉะนั้นเยี่ยเทียนจึงอยากพูดสิ่งที่ฟังดูแย่ที่สุดออกมาก่อน ถ้าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการแข่งขันละก็เขาจะไม่ยุ่งเรื่องของต่งเซิงไห่อีก
“ท่านเยี่ย คุณพูดอะไรนะ?”
ต่งเซิงไห่ไม่กล้าเชื่อคำพูดของเยี่ยเทียน จึงถามไปว่า “คุณจะแข่งสองรอบ เอ่อ….ไหวจริงเหรอ?”
“ทำไมล่ะ? มีกฎเขียนไว้ว่าห้ามแข่งสองรอบเหรอ?” เยี่ยเทียนแปลกใจและมองไปที่ต่งเซิงไห่ ในเมื่อการแข่งขันแบบนี้ไม่มีกฎอะไรอยู่แล้ว แล้วยังจะมีอะไรอีก?
“ก็ไม่ใช่แบบนั้น มันไม่มีข้อจำกัดข้อนี้หรอก!”
ต่งเซิงไห่ส่ายหัว และพูดต่อว่า “นี่เป็นการแข่งขันที่อาจตายได้เลยนะท่านเยี่ย นักมวยทั่วไปยังต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองเดือนในการฟื้นตัว คุณจะขึ้นชกสองรอบภายในสองวัน ล้อกันเล่นรึเปล่า? ”
ถ้ามวยใต้ดินเป็นกีฬาชนิดหนึ่ง ไม่ต้องมีข้อสงสัยใด ๆ เลยว่าอัตราการตายของกีฬาชนิดนี้จะมีอัตราการตายสูงที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ เพราะทุกครั้งที่มีการแข่งขันจะต้องมีคนตาย บางทีอาจจะตายทีเดียวทั้งคู่เลย
ในสถานการณ์แบบนี้ นักมวยที่เข้าร่วมการแข่งขันล้วนต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการปรับสภาพ เพื่อแสดงศักยภาพที่ดีที่สุดของตัวเองตอนแข่งขัน เพราะแบบนี้เยี่ยเทียนจึงไม่เห็นนักมวยเพ่นพ่านบนเรือสำราญ
การที่เยี่ยเทียนจะเข้าร่วมการแข่งขันสองรอบ มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แล้วคู่ต่อสู้ทั้งสองรอบของเขามีความเป็นไปได้สูงมากที่จะอยู่ในสิบอันดับของโลก มันจึงทำให้ต่งเซิงไห่รู้สึกว่ารับไม่ได้
เมื่อเห็นสีหน้าของต่งเซิงไห่ เยี่ยเทียนหัวเราะ “ถ้าพลังของคู่ต่อสู้ไม่ได้มากจนผมรับไม่ได้ การขึ้นสู้สองรอบก็งั้น ๆ แหละ”
ตั้งแต่เข้าสู่ระดับหลอมปราณสู่จิต ความสามารถด้านการสัมผัสสิ่งรอบตัวของเยี่ยเทียนเหมือนจะเข้าสู่ระดับสูงที่สุดแล้ว เขาไม่กลัวนักมวยที่เก่งเรื่องความเร็ว เพราะความเร็วของคนเหล่านั้นเวลาอยู่ในสายตาของเยี่ยเทียน มันช้ากว่าประสาทสัมผัสของเยี่ยเทียนอีก
แต่พลังของนักมวยจะไม่เหมือนกัน ถ้าพลังโจมตีของพวกเขาแกร่งถึงขั้นทะลุแรงกั้นของเยี่ยเทียนได้ และสู้กันแบบหมัดต่อหมัด เยี่ยเทียนอาจจะเสียเปรียบพอสมควร การที่ทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บก็เป็นเรื่องปกติ
แต่ด้วยความสามารถของเยี่ยเทียนที่มีอยู่ทำให้เขาสามารถระเบิดพลังกล้ามเนื้อที่แกร่งที่สุดออกมาโดยใช้เวลาที่สั้นที่สุดได้ เยี่ยเทียนจึงมั่นใจว่าตัวเองก็คงไม่แย่ไปกว่านักมวยที่ออกมาจากค่ายนรกนั่นเท่าไหร่หรอก
“นักมวยของฮิราโนะ อิจิโร่เป็นนักมวยที่เด่นเรื่องความเร็ว ส่วนฟรุสมีนักมวยที่อยู่อันดับแปดของโลก พลังมากกว่าอันเดรวิช แต่เขาเพิ่งเข้าวงการมาได้ไม่นานเท่าไหร่ ถ้าเขาสู้กับอันเดรวิชละก็ คนที่แพ้น่าจะเป็นเขาแน่นอน!”
มวยใต้ดินจะเน้นเรื่องกำลังและเทคนิค ส่วนประสบการณ์ก็มีความสำคัญเหมือนกัน และนี่เป็นเหตุผลว่าอันเดรวิชอายุสี่สิบกว่าแล้ว ทำไมถึงอยู่วงการมวยใต้ดินได้นานขนาดนี้ แน่นอนว่าการเผชิญหน้ากับแอนโทนี มาร์คัสที่มากประสบการณ์และเทคนิค อันเดรวิชอาจจะไม่ใช่คนที่ได้เปรียบเสมอไป
“หืม? เหล่าต่ง อันเดรวิชชนะนักมวยที่เด่นเรื่องพลังคนต่อไปแน่นอนใช่มั้ย?” หลังจากได้ยินสิ่งที่ต่งเซิงไห่พูด เยี่ยเทียนใจสั่นคลอนเล็กน้อย
ต่งเซิงไห่พยักหน้าตอบว่า “น่าจะไม่มีปัญหานะ คนนั้นไม่ได้มาจากค่ายไซบีเรีย แม้กำลังโจมตีจะมากแต่นิสัยต่างจากนักเรียนที่ออกมาจากค่ายไซบีเรียเยอะ”
ต่งเซิงไห่หาเงินกับคนพวกนี้อยู่แล้ว ฉะนั้นปกติจะทำความเข้าใจนักมวยจากประเทศต่าง ๆ และนำมาเปรียบเทียบกัน เวลาที่พูดถึงเรื่องแบบนี้เขาจะรู้ดีที่สุดและไม่ต้องไปหาข้อมูลเพิ่มก็ได้
เยี่ยเทียนครุ่นคิดไปสักครู่และพูดว่า “หรือเอาแบบนี้ อันเดรวิชไปสู้กับคนของผม ผมสู้กับแอนโทนีมาร์คัส พวกคุณคิดว่ายังไง?”
ถ้าพลังโจมตีของแอนโทนี มาร์คัสเทียบได้กับยอดฝีมือที่อยู่ระดับหลอมปราณสู่จิต และเขาต้องสู้กับปีศาจแบบนี้ เยี่ยเทียนก็กดดันพอสมควร สู้ให้อันเดรวิชช่วยเขาสู้หนึ่งรอบยังจะดีกว่า เพราะในการแข่งขันมวยใต้ดินแบบนี้ การยืมมือนักมวยก็เป็นเรื่องที่ปกติมาก
“จริง ๆ มันก็ได้แหละ แต่ท่านเยี่ย คุณมั่นใจมั้ยว่าเอาชนะแอนโทนี มาร์คัสได้จริง ? ”
จากคำพูดของต่งเซิงไห่ ดูออกว่าเขามีความลังเลเล็กน้อย เพราะอันเดรวิชชนะมาหลายครั้งแล้ว แต่สำหรับความสามารถของเยี่ยเทียนเขาได้ยินจากปากคนอื่นอีกที แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสนามมวยในมอสโค ต่งเซิงไห่จึงไม่มั่นใจเยี่ยเทียนเท่าไหร่
“ผมพูดแค่นี้แหละ ยอมหรือไม่ยอมก็แล้วแต่คุณละกัน!” เยี่ยเทียนส่ายหัวเบา ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่การเป็นคนในหงเหมินเหมือนกัน เขาจะไม่ยุ่งเรื่องต่งเซิงไห่เลย
“เถ้าแก่ ความสามารถของคุณเยี่ย แกร่งกว่าผมอีก!” อันเดรวิชที่นิ่งมาตลอด จู่ ๆก็พูดขึ้นมาประโยคนึง
จนถึงวันนี้ อันเดรวิชเคยเข้าร่วมการแข่งขันมาแล้วกว่า 200 ครั้ง การสัมผัสถึงวิกฤตของเขาจึงแข็งแกร่งมาก แต่พลังลมปราณพิฆาตที่กระจายออกจากตัวของเยี่ยเทียน ทำให้อันเดรวิชรู้สึกได้ทันทีว่า ถ้าเขาสองคนปะทะกัน คนที่ตายต้องเป็นเขาแน่นอน
“จริงเหรอ?”
คำพูดของอันเดรวิชทำให้ต่งเซิงไห่ตัดสินใจได้ในตอนสุดท้าย “ท่านเยี่ย เอาตามที่คุณว่าละกัน ถ้าคุณเอาชนะรอบนี้ได้ หุ้นส่วนของสนามมวยในอินโดนีเซียกับมาเลเซีย คุณเอาไปเลยร้อยละ 80 ผมเอาแค่ร้อยละ 20 เป็นค่าดูแลจัดการก็พอ”
ตอนที่ได้ยินว่าแอนโทนี มาร์คัสจะขึ้นชก เดิมทีต่งเซิงไห่รู้สึกสิ้นหวังไปแล้ว แต่ตอนนี้แสงแห่งความหวังก็สว่างขึ้นอีกครั้ง เขาไม่ได้เสียดายของเดิมพันพวกนั้น แต่ขอให้มั่นใจว่าพื้นที่ในมอสโคจะไม่ถูกแย่งไป เท่านี้ก็พอใจแล้ว
เยี่ยเทียนส่ายหัวและตอบไปว่า “ผมขอร้อยละ 1 ของรูดอล์ฟก็พอครับ!”
สำหรับเยี่ยเทียน การแข่งขันมวยใต้ดินรอบนี้ สาเหตุมีสองข้อ หนึ่งคือไม่แข่งไม่ได้ สองคืออยากฝึกจิตของตัวเอง ที่จริงเขาไม่อยากเข้าวงการมวยใต้ดินเลยสักนิด และไม่อยากเป็นเถ้าแก่ที่เหมือนผีดูดเลือดพวกนี้
แน่นอนว่าเยี่ยเทียนจะไม่เหนื่อยฟรี ๆ ยังไงก็ต้องเก็บค่าเหนื่อยบ้าง เขาเชื่อว่ารูดอล์ฟยอมใช้เงินสดแลกหุ้นส่วนร้อยละ 1 แน่นอน
“ไม่มีปัญหา ท่านเยี่ย หุ้นส่วนร้อยละ 1 จะเป็นของคุณ นอกจากนี้ ถ้าคุณชนะ หุ้นส่วนร้อยละ 50 ของทั้งสองสนามนั้นจะเป็นของคุณด้วย!” ต่งเซิงไห่พยักหน้า
“การแข่งขันจบแล้วค่อยว่ากันเถอะ เหล่าต่ง คุณพาอันเดรวิชไปเตรียมตัวก่อน ผมต้องการปรับสภาพเหมือนกัน คืนนี้ไปดูการแข่งขันรอบแรกกัน!”
หลังจากคุยกันเคลียร์หมดแล้ว เยี่ยเทียนขอเชิญแขกออกจากห้อง แม้แต่จู้เหวยเฟิงก็ยังถูกไล่ออกไป และเริ่มโคจรลมปราณในห้องคนเดียว
ในขณะที่ทุกคนกำลังสนุกกับความบันเทิงต่าง ๆ บนเรือสำราญควีนอลิซาเบธ คลีเมตสันกลับยุ่งวุ่นวายมากเป็นพิเศษ เพราะเฮลิคอปเตอร์จากทั่วทุกทิศบินมาจอดอย่างไม่ขาดสาย
ส่วนคนที่ลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ ไม่มีใครไม่ใช่คนรวย แม้แต่คลีเมตสันเองที่มีพื้นหลังยิ่งใหญ่แค่ไหน เวลาที่เจอคนพวกนี้เขายังต้องใช้รอยยิ้มต้อนรับ ซึ่งมันดูต่ำต้อยจนเหมือนพ่อบ้านแก่ ๆ ปานนั้น
ที่จริงคนที่ลงเรือสำราญควีนพวกนี้ ไม่ได้เป็นพวกมหาเศรษฐีตามที่ประกาศออกสู่ภายนอก ชื่อเสียงก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น แต่เงินทุนที่พวกเขาควบคุมอยู่ มันมากเกินกว่าที่มหาเศรษฐีระดับโลกพวกนั้นจะมาเทียบได้
ก็เหมือนกับราชาพนันโพกหัวขาวจากอาหรับพวกนั้น แม้เขาจะไม่เคยติดอันดับมหาเศรษฐี แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าเขารวยกว่าบิลเกตส์อีก
คนพวกนี้จะต่างจากบิลเกตส์ผู้ซึ่งร่ำรวยจากการทำธุรกิจรุ่นแรก แต่คนพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของนักลงทุนคนเก่าแก่
ก็เหมือนกับจอห์น เดวิดสัน ราชาน้ำมัน ผู้สืบทอดรุ่นนี้ของตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์ แล้วก็ลูกหลานของตระกูลรอธส์ไชลด์ ซึ่งมาลงเรือสำราญควีนอลิซาเบธทุกคน
คนเหล่านี้เวลาทำอะไรจะไม่ทำเอิกเกริก แต่อิทธิพลของพวกเขาแม้แต่บิลเกสต์ก็ไม่อาจเปรียบเทียบได้ เหมือนกับครอบครัวรอธส์ไชลด์ จนถึงขณะนี้ธนาคารของครอบครัวก็ยังปฏิเสธที่จะเข้าตลาด ซึ่งหมายความว่าไม่จำเป็นต้องเผยแพร่รายงานประจำปีให้ใครทราบ สองร้อยกว่าปีที่ผ่านมา มีเพียงสมาชิกหลักของครอบครัวเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาลงทุนทางธุรกิจไปเท่าไหร่และพวกเขาทำเงินได้เท่าไหร่
ในส่วนของการต้อนรับ แม้แต่คลีเมตรสันที่มีพื้นหลังแกร่งแค่ไหนก็ยังไม่กล้าละเลย ถึงกับต้องจัดการทุกอย่างให้กับพวกเขาด้วยตัวเอง
หลังจากจัดการพวกเขาเสร็จ ข้อมูลอย่างละเอียดของนักมวยทุกคนกับอัตราต่อรองต่าง ๆ ถูกจัดส่งไปให้กับคนเหล่านี้ พูดอีกอย่างก็คือคนเหล่านี้ต่างหากที่เป็นพระเอกของงาน
ปีที่แล้ว เงินเดิมพันที่มาจากคนพวกนี้สูงถึง 6 หมื่นล้านดอลล่าร์ และกำไรที่เรือสำราญควีนอลซาเบธได้มาก็ไม่ต่ำกว่าหมื่นล้าน จึงเป็นเหตุผลหลักว่าทำไมเรือสำราญควีนอลิซาเบธถึงอยู่ได้เพราะเรือลำเดียว
เรือสำราญควีนอลิซาเบธลำนี้มีทั้งหมด 8 ชั้น 7 ชั้นเป็นห้องวิวทะเลทั้งหมด ใช้เพื่อรองรับแขกที่มาเข้าพัก ส่วนชั้นที่ 1 เป็นร้านอาหารกับห้องสัมมนา
และชั้นใต้ดินก็คือบ่อนที่ไม่มีอะไรกีดขวางและก็เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเรือลำนี้นั่นเอง ส่วนชั้นที่ 3 และ 4 จะเป็นสนามที่ใช้จัดการแข่งขันมวยทั้งหมด การแข่งขันที่สำคัญ ๆ จะถูกจัดขึ้นที่ชั้นใต้ดินชั้นที่ 2
พอถึงสองทุ่ม ชั้นใต้ดินชั้นที่ 2 ก็ค่อย ๆ เต็มไปด้วยผู้คน นอกจากที่นั่งสำหรับเจ้าของสนามจากที่ต่าง ๆ แล้ว ห้องวีไอพีบนชั้นสองที่สูงกว่าเวทีเล็กน้อยก็เริ่มมีเงาคนขยับไปมา
“สุภาพบุรุษ สุภาพสตรีทุกท่าน ดีใจเป็นอย่างมากที่เวลาของเกมส์แห่งความตายมาถึงอีกครั้ง ในสามวันหลังจากนี้ จะมีผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง และเขาจะนำความตื่นเต้นและความสะใจมาให้กับพวกคุณ ขอให้ทุกท่านสนุกให้เต็มที่!”
เวลาผ่านมาถึงสามทุ่ม สปอร์ทไลท์ส่องไปยังกลางเวที ประโยคที่ยั่วยุดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของคลีเมตสันผมสีเงิน
……………………………………………………….