หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 627 โหดร้าย (2)
เนื่องจากอยู่ในบรรยากาศที่ร้อนแรงขนาดนี้ หญิงสาวผู้เรียบร้อยจากตระกูลผู้ดีต่าง ๆ ต่างก็ลืมตัวจนหมดสิ้น พวกเธอมีแต่ไฟที่กำลังลุกพล่านอยู่ในใจ มีเพียงเลือดสดบนเวทีเท่านั้นถึงจะดับไฟที่กำลังลุกของพวกเธอลงได้
เวทีของสนามมวยทุกแห่งจะเล็กกว่าเวทีมวยทั่วไปนิดหน่อย มีเชือกล้อมไว้ประมาณ 5 เมตร บนเวทีไม่มีเสื่อรองเหมือนกับเวทีมวยการแข่งขันอาชีพ พื้นถูกปูด้วยหินเหลี่ยมเห็นได้ชัดว่ายังคงมีคราบเลือดที่ขัดไม่ออกอยู่ที่พื้น
ตอนที่อยู่ข้างล่างเวที ความแตกต่างในรูปร่างของเคมสตันกับเหงียนเซียงเกินยังไม่ค่อยชัดเจนมาก แต่ตอนที่ยืนอยู่บนเวทีพร้อมกันทั้งคู่ ทำให้ผู้ชมสามารถมองเห็นความต่างของพวกเขาได้อย่างชัดเจน เวลาที่เหงียนเซียงเกินยืนอยู่ด้านหน้าของเคมสตัน เขาเหมือนคนที่ออกมาจากประเทศคนตัวเล็ก
เนื่องจากเพิ่งขึ้นเวที ทั้งสองคนจึงยังระมัดระวังอยู่บ้าง โดยเฉพาะขาทั้งสองข้างของเหงียนเซียงเกินที่เปลี่ยนท่าตลอดเวลา สองตาเพ่งไปที่บ่าของเคมสตันอย่างตั้งใจ ส่วนตาของเคมสตันก็จ้องไปที่ขาทั้งสองข้างของเหงียนเซียงเกินที่ดูไม่ค่อยหนาเท่าไหร่เหมือนกัน
สงครามแห่งความเป็นและความตายแบบนี้ ไม่มีใครกล้าละเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะถ้าละเลยนั่นหมายถึงการไม่รับผิดชอบในชีวิตของตัวเอง ก่อนจะเริ่มการแข่งขัน เหงียนเซียงเกินก็รู้แล้วว่าท่าไม้ตายของเคมสตันคือท่าสองมือล็อกคอ ขอแค่ระวังไม่ให้คู่ต่อสู้ได้อยู่ใกล้ตัวเอง ความเป็นไปได้ที่จะชนะคู่ต่อสู้ถือว่ามีสูงมาก
ขณะเดียวกัน เหงียนเซียงเกินมีชื่อเสียงในวงการมวยใต้ดินเพราะท่าเตะข้างของเขา อย่ามองว่าเขาเป็นคนรูปร่างเตี้ยและเล็ก แต่กำลังขาของเขามีความน่ากลัวมาก เขาเคยใช้ขาข้างขวาเตะข้างเข้าหัวคู่ต่อสู้จนหัวแตกมาแล้ว เห็นได้เลยว่ากำลังมีมากแค่ไหน
“ฆ่ามัน ไปฆ่าสิ!”
“ไอ้ชิบหาย ไปฆ่ามันสิ ฆ่าไอ้เตี้ยนั่น!”
“เคมสตัน ฉีกมันออกเป็นชิ้น ๆ ฉันจะนอนกับคุณหนึ่งคืน!”
ความเงียบสงบบนเวีทีทำให้ผู้ชมเริ่มเข้าสู่โหมดบ้าคลั่ง พวกเขากำลังยุยงให้นักมวยเข้าไปจัดการฝ่ายตรงข้าม และเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ดังขึ้นยิ่งทำให้บรรยากาศของทั้งสนามครึกครื้นมากยิ่งขึ้น
“บัดซบเอ้ย ผู้หญิงไร้ยางอาย!” จู้เหวยเฟิงมองไปตามเสียง และเห็นผู้หญิงคนนึงที่อยู่ห่างจากพวกเขาไม่ไกลมาก จากนั้นก็อดไม่ได้ก้มหัวลงและด่าออกมา
“ทำไม? ผู้หญิงคนนั้นไม่เหมือนผู้หญิงแบบนั้นเลยนะ คุณรู้จักเหรอ?”
เมื่อมองเห็นสีหน้าแปลกประหลาดของจู้เหวยเฟิง เยี่ยเทียนก็เลยมองตาม ผู้หญิงคนนั้นอายุราวสามสิบกว่า ๆ สวมใส่เสื้อผ้าที่เซ็กซี่มาก ๆ โดยเฉพาะสองเต้าที่อยู่ตรงหน้าอก มันเต่งตึงจนเหมือนจะเด้งออกมาจากเสื้อ
“คริสติน่า ลูกคนเล็กสุดของตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์ หัวรั้นตั้งแต่เกิด ชอบความเร้าใจ ไม่รู้ว่าผ่านผู้ชายมาแล้วกี่คน!” จู้เหวยเฟิงเบ้ปากแล้วเบ้ปากอีก แสดงท่าทางที่รู้สึกไม่ยอมรับออกมา
“เสี่ยวจู้ ผมได้ยินว่าคริสติน่าชอบจีบคนหนุ่ม คุณเคยนอนกับเธอแล้วใช่มั้ย?” ต่งเซิงไห่หัวเราะขึ้นมา
“เคยที่ไหนล่ะ ท่านไห่ ผมไม่ชอบผู้หญิงสาธารณะแบบนั้นหรอก!”
คำพูดของจู้เหวยเฟิงเหมือนไม่ได้พูดออกมาจากใจจริง ที่จริงเมื่อสองปีก่อน ตอนที่เขาเข้าร่วมงานปาร์ตี้งานหนึ่งที่ต่างประเทศ เขารู้สึกตะลึงกับความยั่วสวาทของคริสติน่า และฝ่ายตรงข้ามยังแสดงอาการชอบใจเขาอีกด้วย
หลังจากที่ปาร์ตี้จบลง คริสติน่ากลับพาผู้ชายมีกล้ามคนนึงออกจากงานไป มันเลยทำให้เพลย์บอยอย่างคุณชายจู้รู้สึกโกรธและโมโหอย่างที่สุด ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นเขาก็จำผู้หญิงคนนี้ได้ขึ้นใจ
เสียงตะโกนจากด้านล่างทำให้คนที่อยู่บนเวทีเริ่มยืนไม่นิ่ง เคมสตันส่งเสียงออกมา อ้าแขนออกและพุ่งเข้าหาเหงียนเซียงเกินก่อน ร่างของเหงียนเซียงเกินจึงเหมือนกำลังจะถูกภูเขาลูกเล็กครอบเอาไว้
ร่างของเคมสตันยังไม่ถึงตัว ขาข้างขวาของเหงียนเซียงเกินเด้งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับฟ้าผ่า เนื่องจากรูปร่างเตี้ยกว่าคู่ต่อสู้ค่อนข้างมาก การเตะครั้งนี้จึงเตะโดนเข้าที่ขาช่วงบนของเคมสตันแทน
แม้คนที่จู่โจมก่อนจะเป็นเคมสตัน แต่ต้องป้องกันท่าเตะของเหงียนเซียงเกิน ทำให้ร่างกายที่พุ่งเข้าหาในตอนแรกต้องหยุด และยกขาข้างซ้ายขึ้นเพื่อใช้น่องป้องกันการเตะจากด้านข้างของเหงียนเซียงเกิน
สำหรับเคมสตัน การปะทะเมื่อครู่เป็นเพียงการลองเชิงเท่านั้น เขาอยากวัดกำลังโจมตีของเหงียนเซียงเกิน แต่ตอนที่ขาของทั้งสองคนปะทะกัน สีหน้าของเคมสตันก็เปลี่ยนไปทันที ราวกับถูกงูกัดเข้าที่ขาปานนั้น
รอบสี่ทิศของเวทีมวย มีลำโพงไม่น้อยที่ใช้เพื่อกระจายเสียง ซึ่งเกือบทุกคนที่อยู่ในนั้นได้ยินเสียง “แครก” ดังออกมา จากนั้นร่างใหญ่ของเคมสตันก็ถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าการปะทะในรอบนี้เคมสตันเสียเปรียบมาก
เหงียนเซียงเกินอยู่อันดับที่ 11 ของโลก และฉายาของเขาก็คืองูพิษ หลังจากท่าแรกได้เปรียบ เขาก็พุ่งโจมตีราวฟ้าผ่า ใช้ขาข้างขวาเตะเข้าซี่โครงของเคมสตันแบบไม่หยุด
แม้วิธีโจมตีของเหงียนเซียงเกินจะง่ายและธรรมดามาก แต่ท่าเตะที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรนั้น กลับมีพลังที่น่ากลัวมาก ส่วนเคมสตันก็ใช้มือข้างขวากันเหงียนเซียงเกินไว้อย่างต่อเนื่อง สายตาถึงขั้นแสดงความหวาดกลัวออกมา
ในการเข้าร่วมการแข่งขันที่ผ่าน ๆ มา เคมสตันได้ชัยชนะด้วยวิธีที่แยบยล ด้วยกำลังที่มีอยู่แล้วค่อนข้างมาก ถึงแม้จะปะทะกันแบบซึ่ง ๆ หน้าเขาก็ไม่เคยเสียเปรียบ
แต่เมื่อต้องเจอกับเหงียนเซียงเกินที่ติดอันดับต้น ๆ เคมสตันถึงได้รู้ว่าฉายางูพิษที่คู่ต่อสู้ได้รับมานั้น ไม่ได้รับมาฟรี ๆ ตอนนี้แขนข้างซ้ายของเขาชาจนไม่รู้สึกอะไรแล้ว ซึ่งความรู้สึกตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากการโดนงูพิษกัด
“อ๊าก!”
เคมสตันรู้ว่าถ้ายังยอมอยู่แบบนี้ จุดจบของเขาต้องเป็นความตายแน่นอน ในตอนที่ตะโกนออกมา เคมสตันหยุดยืนอยู่กับที่ ใช้แขนซ้ายฟาดออกไปอย่างแรง ส่วนมือขวาใช้ความเร็วที่สุดยื่นออกไปเพื่อจับขาข้างขวาของเหงียนเซียงเกิน
กำลังโจมตีร้อยละ 80 ของเคมสตันอยู่ที่มือ แต่คำโบราณเคยกล่าวไว้ว่า ยาวหนึ่งนิ้วแข็งแกร่งหนึ่งส่วน แม้เขาจะมีรูปร่างใหญ่โต แต่มือก็ยาวไม่เท่าขาของคู่ต่อสู้อยู่ดี มีเพียงจับขาของคู่ต่อเอาไว้ให้ได้เท่านั้น เขาถึงจะพลิกโอกาสได้
แต่เหงียนเซียงเกินที่มากประสบการณ์ ไม่ยอมให้เคมสตันคว้าโอกาสนี้ได้?
ตอนที่คู่ต่อสู้ยื่นมือออกมา ร่างกายข้างขวาจึงไร้การป้องกัน เหงียนเซียงเกินใช้ขาข้างซ้ายเขย่งเท้าขึ้นจากพื้น ใช้ขาข้างขวาที่ยังไม่ได้เก็บเข้าไป เตะเข้าไปที่บริเวณหัวของเคมสตันอย่างรวดเร็วเหมือนดั่งงูพิษ
เคมสตันรู้สึกตัวอีกทีมันก็สายไปเสียแล้ว แม้แต่เวลาที่ขยับหัวออกมาก็ยังไม่มี จึงถูกขาขวาของเหงียนเซียงเกินเตะเข้าขมับอย่างง่ายดาย
“ปึ่ง!”
เสียงอึมครึมดังก้องไปทั่วสนาม เหงียนเซียงเกินหมุนตัวเหมือนวาดเส้นโค้งที่กลางอากาศ จากนั้นก็ให้ขาขวาลงถึงพื้นก่อน แล้วยกขึ้นเตะเข้าบริเวณเดิมอย่างรุนแรงอีกครั้ง
ที่จริงการเตะครั้งที่สองอาจนับได้ว่าเป็นส่วนเกิน เพราะหู จมูกและปากของเคมสตันมีเลือดไหลออกมาตั้งแต่การเตะครั้งแรกแล้ว แม้จะดูเหมือนไม่แรงมากแต่ที่จริงแล้วมันแรงมากถึงมากที่สุด มันทำลายระบบประสาทส่วนหัวของเคมสตันไปเรียบร้อยแล้ว
การเตะครั้งที่สองรุนแรงกว่าการเตะครั้งแรกมาก ทุกคนในสนามได้ยินเสียง “เผละ” ดังออกมา ภาพอันโหดเหี้ยมถูกฉายสู่สายตาผู้ชมผ่านหน้าจออันใหญ่ตรงหน้า จากบริเวณสมองส่วนหลังของเคมสตันที่ถูกเตะเมื่อครู่ บางทีอาจจะเป็นเพราะกำลังของเหงียนเซียงเกินมีมากเกินไป ท่าเตะเมื่อครู่ทำให้ลูกกะตาข้างขวาของเคมสตันถึงกับหลุดออกมา ภาพนี้ถูกกล้องถ่ายภาพบันทึกเอาไว้แล้วและเป็นภาพที่เรียกเสียงตกใจจากผู้ชมรอบ ๆ เวทีได้สำเร็จ
ช็อค ! ในเวลานี้มีเพียงคำ ๆ เดียวเท่านั้น นั่นก็คือ ช็อค
ท่าเตะของเหงียนเซียงเกินธรรมดามาก ไม่มีลูกเล่นใด ๆ ทั้งหมดที่ทำออกมาก็เพราะต้องการจะฆ่าคู่ต่อสู้ให้ตาย และเทคนิคการฆ่าคนที่ปรากฏตรงหน้าแบบนี้ ทำให้มวยปล้ำทั่วโลกถึงกับไร้ความสำคัญอีกต่อไป
เยี่ยเทียนรู้สึกร้อนขึ้นมาทันที เขาไม่รู้ว่าในวันที่โดนโจมตีแบบนี้ร่างกายของเขาจะตอบสนองอย่างไร แล้วตัวเขาเองจะสัมผัสได้ถึงท่าเตะที่อาจทำให้ตายได้หรือเปล่า มันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที และเกิดความกระหายต่อการแข่งขันที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันมะรืนอีกด้วย
แม้ผู้ชมจะรู้แล้วว่าใครเป็นผู้ชนะและผู้แพ้ในการแข่งขันรอบนี้ แต่การแข่งขันมวยปล้ำบนเวทีแห่งนี้ยังคงดำเนินต่อไป
หลังจากที่เคมสตันถูกเตะเข้าที่หัวถึงสองครั้งในเวลาที่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งวินาที ร่างที่สูงใหญ่ไม่สามารถยืนตรงได้อีกแล้ว แต่ด้วยความเคยชิน เขาไม่ได้ล้มลงไปเลยทีเดียว แต่กำลังก้าวถอยหลังแบบไร้ความรู้สึก
ส่วนเหงียนเซียงเกิน เจ้างูพิษ ไม่ได้ปล่อยโอกาสโจมตีทิ้งไป เขาวิ่งเข้าหาเคมสตันด้วยความรวดเร็ว ร่างลอยขึ้นฟ้าขึ้นไปใช้สองเข่าหนีบคอของเคมสตันไว้แล้วบิดกลางอากาศอย่างรุนแรง
“แครก” เสียงกระดูกหักดังขึ้น เคมสตันที่ยืนอยู่จู่ ๆ หัวของเขาก็เปลี่ยนทิศทาง ถ้าหากตอนแรกเคมสตันยังมีความรู้สึก เขาอาจจะพบว่าตัวเองสามารถมองเห็นแผ่นหลังของตัวเองได้
“ปึก!”
หลังจากเหงียนเซียงเกินกระโดดลงจากตัวเคมสตันเสร็จ ร่างอันใหญ่โตของเคมสตันที่ไม่สามารถยืนตัวตรงได้อีกแล้ว ล้มลงไปกองกับพื้นเหมือนเสาที่หักอย่างเสียงดัง
“อ๊าก……อ๊าก……!!! ”
เหงียนเซียงเกินที่ยืนอยู่กลางเวที ส่งเสียงโห่ร้องเหมือนสัตว์ป่า เขาระบายความกลัวภายในใจของตัวเองออกมา สายตาของเขาเหมือนงูพิษที่กำลังจ้องมองผู้ชมที่อยู่ข้างล่างเวที
ใครก็ตามที่สบตาเขา จะรู้สึกขนลุก สายตาที่เลื่อนลอย ไม่มีความรู้สึก เป็นสายตาที่ไม่มีอยู่ในมนุษย์ ก็เหมือนกับที่เขาฆ่าเคมสตัน เหงียนเซียงเกินมองว่าตัวเองเป็นคนตายตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
ปกติแล้ว กรรมการที่อยู่ด้านล่างเวทีจะต้องขึ้นไปตรวจสอบว่าเคมสตันตายแล้วหรือยัง แต่เขาไม่กล้าขึ้นไป ยืนอยู่ข้างๆ การ์ดที่ถืออาวุธไว้ ตะโกนขึ้นว่า “คุณ ลงมา กลับไปห้องพัก!”
ในอดีต อัตราการตายของกรรมการสูงพอ ๆ กับนักมวย เกือบทุกรอบการแข่งขัน จะมีกรรมการที่โดนลูกหลง พอเวลาผ่านไปมวยปล้ำไร้กฎจึงกลายเป็นกีฬาที่ไม่มีกรรมการไปแล้ว
………………………………………………………..