หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 648 นิวยอร์ค
ไม่รู้ว่าทำไมคำพูดประโยคนั้นของอับดุลลาห์ทำให้เยี่ยเทียนขนหัวลุกตาลายราวกับโลกกำลังจะพบกับหายนะ ทำเอาเยี่ยเทียนหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม
“ให้ตายสิ นี่มันอะไรกัน?”
เยี่ยเทียนรีบสะบัดหัวให้ตัวเองตาสว่าง พูดกับอับดุลลาห์ว่า “คุณอับดุลลาห์ ผมคิดว่าคุณน่าจะเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่รู้จักกลุ่มของคุณดีพอ แน่นอนว่าอาจจะมีอคติบ้าง เพียงแต่ผมไม่ชอบการถูกผูกมัด สำหรับคำเชิญของคุณนั้น ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
ตั้งแต่เริ่มพูดคุยกับอับดุลลาห์ เยี่ยเทียนก็รู้สึกจิตใจไม่สงบคล้ายกับว่ากำลังจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่าง สำหรับบุคคลอันตรายผู้นี้ เยี่ยเทียนไม่กล้าทำเฉยชาใส่ การเจราจาจึงเป็นไปอย่างนอบน้อมถ่อมตัว
บนโลกนี้นอกจากศาสนาพุทธและลัทธิเต๋าแล้ว ยังมีศาสนาอีกหลายอย่าง เช่นประเทศอาหรับมักนับถือศาสนาอิสลาม ประเทศโลกตะวันตกนับถือศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะในแอฟริกายังมีผู้นับถือศาสนาโทเท็มดั้งเดิมหลงเหลืออยู่
ศาสนาเหล่านี้กำเนิดขึ้นจากวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น และมีร่องรอยของเทพเจ้าที่พวกเขานับถือ เช่นรูปเล่าจื่อขี่วัวเดินออกจากด่าน พระศรีศากยมุนีนั่งไตร่ตรองธรรมะอยู่ใต้ต้นไม้ พระเยซูจำแลงลงมาบนโลกมนุษย์เป็นต้น ต่างแสดงถึงตำนานอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของเทพเจ้าทั้งนั้น
ดังนั้นเมื่อเยี่ยเทียนรู้สึกได้ถึงอันตรายจากอับดุลลาห์ซึ่งเกิดจากความศรัทธาในศาสนาของเขา เยี่ยเทียนไม่ค่อยเข้าใจคำสอนของศาสนาอิสลาม แต่ต้องแสดงความเคารพ
“ถ้าอย่างนั้นเป็นที่น่าเสียดายมาก คุณเยี่ย หวังว่าอนาคตเราจะได้ร่วมมือกัน!” เมื่อเห็นท่าทีเด็ดขาดของเยี่ยเทียน อับดุลลาร์ยักไหล่ขึ้นลงแล้วไม่ได้บังคับอะไรอีก
ความจริงแล้วอับดุลลาห์เมื่อได้ดูการต่อสู้ของเยี่ยเทียนแล้วก็รู้สึกสนใจมาก ที่เชื้อเชิญเยี่ยเทียนให้เข้าไปร่วมฝึกทหารให้ไม่ใช่เพราะว่าเขาขาดครูฝึกสอน เพราะภายในนั้นยังมีทั้งครูฝึกค่ายทหารของไซบีเรียด้วย
“ท่านเยี่ย ทำไมคุณมานั่งหลบอยู่ตรงนี้? ผมหาตั้งนาน!”
เยี่ยเทียนกำลังจะหาข้ออ้างปลีกตัวออกพอดีกับที่ต่งเซิงไห่ปรากฏตัวขึ้น เขาจึงหันไปขอโทษขอโพยอับดุลลาร์ แล้วต่งเซิงไห่ก็พาตัวเยี่ยเทียนออกมา
“ท่านเยี่ย ทำไมจู่ๆคุณถึงไปคุยกับเขาได้เล่า?”
ต่งเซิงไห่ขมวดคิ้วพูดว่า “คนๆนี้เป็นนักโทษระดับชาติที่อเมริกากำลังต้องการตัว ท่านเยี่ย คุณอยู่ห่างๆเขาไว้ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นความซวยจะมาเยือน!”
“เขาเข้ามาหาผมเอง ผมจะทำอะไรได้?”
เยี่ยเทียนส่ายหัว ยิ้มแห้งเปลี่ยนเรื่องคุย “อย่าพูดถึงเขาเลย เจ้านั่นเป็นพวกผู้ก่อการร้าย เหล่าต่ง จัดการเรียบร้อยหรือยัง เมื่อไหร่ผมถึงจะไปนิวยอร์คได้?”
ด้วยกำลังวิชาของเยี่ยเทียนตอนนี้ โดยเฉพาะหลังจากบรรลุขั้นเปลี่ยนจิตให้เข้าถึงความว่างได้แล้ว ดวงจิตของเขาดูจะว่องไวขึ้นหลายเท่า ภาพวินาศภัยที่ปรากฏขึ้นในหัวเมื่อครู่ ทำให้เขาจิตใจไม่สงบ
เยี่ยเทียนเกือบจะแน่ใจได้เลยว่าอีกไม่นานโลกใบนี้จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงดั่งในนิมิตของเขา แต่จะเกิดขึ้นที่ใดนั้น ไม่มีทางล่วงรู้ได้
“ท่านเยี่ย ตอนนี้ก็ไปได้เลย พวกเรานั่งเฮลิคอปเตอร์กลับไปที่ซานฟรานซิสโกก่อน ที่นั่นมีเครื่องบินลำหนึ่งจอดรอคุณอยู่แล้ว เมื่อถึงที่นั่นก็พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที!”
แม้ไม่รู้ว่าทำไมเยี่ยเทียนถึงรีบเดินทางไปนิวยอร์ค แต่ต่งเซิงไห่ก็ยังอุตส่าห์จัดการให้เรียบร้อย ทั้งยังสั่งให้ทางสมาคมหงเหมินส่งเครื่องบินส่วนตัวมา เพื่อให้แน่ใจว่าเยี่ยเทียนจะเดินทางถึงนิวยอร์คได้เร็วที่สุด
เยี่ยเทียนมองไปรอบด้านไม่เห็นจู้เหวยเฟิง จึงถามหา “จู้เหวยเฟิงล่ะ? เขาจะไปหรือเปล่า?”
“เขายังอยากจะอยู่บนเรือต่ออีกหลายวัน เหอะๆ คนหนุ่มน่ะ นานๆจะได้ออกมาที!”
ต่งเซิงไห่ขำออกมา หญิงบริการบนเรือสำราญควีนอลิซาเบธลำนี้เป็นชั้นสุดยอดทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะจะต้องไปส่งเยี่ยเทียน ต่งเซิงไห่เองก็อยากอยู่เล่นสนุกต่อเหมือนกัน
“บ้าเอ๊ย ถ้าเขาแพ้ไม่เหลืออะไรตั้งแต่แรก ดูสิว่าเขายังจะมีอารมณ์เล่นกับผู้หญิงอีกไหม?”
เห็นรอยยิ้มของต่งเซิงไห่แล้วเยี่ยเทียนรู้ได้ทันทีว่าจู้เหวยเฟิงอยู่ต่อเพื่อการใด แอบก่นด่าอยู่ในใจแล้วตอบออกไปว่า “งั้นก็ได้ พวกเราออกเดินทางเดี๋ยวนี้!”
ภายใต้การนำของต่งเซิงไห่ เยี่ยเทียนกับคลีเมตสันได้อำลากัน กลับห้องพักไปเก็บข้าวของแล้วก็ขึ้นไปที่ดาดฟ้าเรือตรงที่มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น เยี่ยเทียนกลับถึงซานฟรานซิสโก แล้วรีบขึ้นเครื่องบินส่วนตัวที่จอดรออยู่ ผ่านไปอีกสองชั่วโมง เครื่องบินได้มาถึงสนามบินนานาชาตินิวยอร์คเป็นที่เรียบร้อย
“ท่านเยี่ย คนของเราอยู่ทางโน้น”
ต่งเซิงไห่ไม่ได้ตามมานิวยอร์คด้วย แต่จัดให้สมาชิกของสมาคมหงเหมินติดตามเยี่ยเทียนมาคนหนึ่ง เมื่อลงจากเครื่อง มีสมาชิกสมาคมหงเหมินแห่งนิวยอร์ครอรับอยู่
“ไปที่ย่านแมนฮัตตัน….”
เมื่อขึ้นรถแล้ว เยี่ยเทียนนั่งที่ด้านหลัง ตั้งแต่อยู่บนเครื่องเขาได้ทำนายมาตลอดทาง รอจนถึงนิวยอร์คแล้ว เยี่ยเทียนสามารถฟันธงได้เลยว่าอีกไม่นาน มหานครแห่งนี้จะต้องพบกับหายนะ
ตอนที่เยี่ยเทียนตั้งค่ายกลฮวงจุ้ยในบ้านที่ฮ่องกงนั้น ก็รู้สึกว่าชะตาฟ้ามีการเปลี่ยนแปลง จนถึงตอนที่มารดาของเขามาถึงอเมริกาแล้ว ความรู้สึกนั้นยิ่งรุนแรงกว่าเดิม
แต่ถึงตอนนี้ เยี่ยเทียนสามารถทำนายได้ถึงสถานที่ๆจะเกิดวินาศภัยครั้งใหญ่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปคือ เขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และไม่มีทางเปลี่ยนแปลงมันได้ด้วย
ปรมาจารย์ฮวงจุ้ยสามารถกระทำฝืนชะตาฟ้า แต่จะส่งผลถึงชีวิตของตัวเองและคนรอบข้าง อีกอย่างหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่ว่าจะด้วยธรรมชาติหรือน้ำมือมนุษย์ ต่อให้เยี่ยเทียนเป็นผู้สั่งการสวรรค์ ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงกฎแห่งชะตากรรม
“ท่านเยี่ย ถึงแล้ว….”
ระหว่างทางเยี่ยเทียนหลับตาพักผ่อนมาตลอด เขาไม่มีแก่จิตแก่ใจจะชื่นชมแสงสีเมืองใหญ่ เมื่อมาถึงตึกสูงแห่งหนึ่งในย่านแมนฮัตตัน รถก็หยุดลง เยี่ยเทียนลืมตาขึ้น
“อาหู่ ขอบใจนายมาก”
เยี่ยเทียนรู้ว่าหนุ่มน้อยที่ติตตามตนเป็นคนที่ตู้เฟยส่งมา แล้วเอ่ยต่อว่า “อีกไม่กี่วันฉันจะกลับจีนแล้ว ถึงตอนนั้นฉันคงไม่ทันได้ไปคารวะเหล่าผู้อาวุโสก่อน อาหู่นายช่วยส่งข่าวให้พวกเขาด้วย!”
ความสามารถพิเศษของหมอดูฮวงจุ้ยคือเสริมความสิริมงคลและหลีกหนีจากความอัปมงคล เยี่ยเทียนถึงไม่มีทางหยุดยั้งไม่ให้เรื่องหายนะเกิดขึ้นได้ แต่การมานิวยอร์คของเขาในครั้งนี้ ก็เพื่อพาตัวมารดาของเขากลับไป
อีกอย่าง เยี่ยเทียนจากบ้านมานานมากแล้ว ทอดทิ้งภรรยาที่เพิ่งแต่งงานใหม่ออกมาผจญโลกกว้าง ในใจรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย
“ครับ ท่านเยี่ย จะให้ทางเราจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินเที่ยวต่อไปให้เลยไหมครับ?” อาหู่รู้สถานะของเยี่ยเทียน ก่อนมาตู้เฟยกำชับนักหนาว่าต้องทำตามความต้องการของเยี่ยเทียนให้เป็นที่น่าพอใจ
“ไม่ต้องหรอก พวกนายกลับไปเถอะ!”เยี่ยเทียนโบกมือ แล้วสาวเท้าเดินเข้าไปในตึกใหญ่เบื้องหน้า
ย่านแมนฮัตตันเป็นจุดศูนย์กลางของนครนิวยอร์ค เป็นทั้งแหล่งเศรษฐกิจ แหล่งการเงินและกลุ่มบริษัทประกันที่กระจายอยู่รอบๆเขตนี้
เช่นเดียวกันกับที่พื้นที่ทุกตารางนิ้วที่มีค่าดั่งทองคำ ผู้ที่สามารถมีบ้านพักอาศัยอยู่ในเขตนี้ได้ ต้องไม่ใช่แค่คนรวยทั่วไป
อาคารสูงที่เป็นที่พักของซ่งเวยหลัน เป็นตึกศูนย์กลางแห่งหนึ่งในย่านแมนฮัตตัน การรักษาความปลอดภัยเข้มงวดที่สุด หลังจากผ่านการวีดีโอคอลกับแอนนาแล้ว เยี่ยเทียนถึงจะขึ้นไปด้านบนตึกได้
“นายน้อย คุณจะมาทำไมไม่บอกกันก่อนสักคำ?”
ลิฟต์เคลื่อนขึ้นสู่ชั้นสามสิบแปด แอนนาเปิดประตูรอรับอยู่แล้ว เธอคว้าแขนซ้ายของเยี่ยเทียนขึ้นทันที “นายน้อย เรื่องพวกนั้นของคุณน่ะฉันรู้หมดแล้ว!”
“เรื่องอะไรหรือ?” เยี่ยเทียนมองแอนนาอย่างสงสัย ขมวดคิ้วเพราะแขนซ้ายของเขายังใส่เฝือกอยู่
“เรื่องที่คุณเข้าร่วมแข่งมวยอะไรนั่น นายน้อย คุณเก่งจริงๆ แอนโทนี มาร์คัสโดนคุณจัดการไปแล้ว!”
แอนนาได้รับการฝึกจากค่ายฝึกทหารในไซบีเรีย แม้ว่าการฝึกมวยปล้ำจะไม่ได้ฝึกอย่างเป็นระบบ แต่ชื่อเสียงของเจ้าฉายา ปีศาจจากนรกนั้น เธอเคยได้ยินมานาน
“ให้ตายเถอะ ใครกันนะปากไวจริงๆ?”
เยี่ยเทียนสบถออกมาสองสามคำ ถลึงตาใส่แอนนา “เรื่องนี้อย่าไปเที่ยวเล่าให้ใครฟังล่ะ โดยเฉพาะแม่ของฉัน ถ้าเธอกล้าพูดแม้แต่คำเดียว ฉันจะกำจัดวรยุทธของเธอซะ!”
ตามความจริงแล้ว การแข่งขันในตอนนั้นเยี่ยเทียนคิดแล้วยังกลัวอยู่เลย เรื่องนี้ถ้าให้แม่ของเขารู้เข้า ตัวเขาเองจะต้องถูกแม่โกรธไปพักใหญ่
“นายน้อย เจ้านายช่วงนี้ยุ่งมาก เธอไม่มีทางรู้หรอก!”
แอนนาหัวเราะ แล้วพาเยี่ยเทียนเข้าไปที่ห้องเดี่ยวห้องหนึ่ง ชั้นสามสิบแปดมีห้องชุดสองห้อง ซ่งเวยหลันเป็นเจ้าของห้องชุดที่มีลิฟต์ใช้โดยเฉพาะ
“ความเป็นอยู่ของแม่สุขสบายจริงๆ อยู่ที่นี่เหมือนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกแล้ว!”
เมื่อเข้ามาในห้อง ภาพวิวเมืองใหญ่ปรากฏต่อสายตาของเขา ทั้งการตกแต่งห้องที่หรูหรา แค่ผนังกระจกบานใหญ่ตรงหน้าก็ทำให้เยี่ยเทียนตื่นตาตื่นใจแล้ว
ตอนนี้ท้องฟ้ามืดมิด เบื้องหลังกำแพงกระจกนั้นเยี่ยเทียนมองเห็นมหานครนิวยอร์คทั้งเมืองอย่างชัดเจน ความรู้สึกของการยืนอยู่ตรงนี้เสมือนกับได้อยู่บนจุดสูงสุดบนโลกแล้ว
“เจ้านายไม่ค่อยชอบที่นี่ ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ใกล้กับบริษัท เธอคงไม่มีทางพักที่นี่”
แอนนาเบ้ปาก เทน้ำให้เยี่ยเทียนแก้วหนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาว่า “นายน้อย เจ้านายยังอยู่ที่บริษัท คุณช่วยเล่าเรื่องการแข่งมวยปล้ำให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม?”
“แม่ฉันยังอยู่ที่บริษัท ทำไมเธอไม่ตามไปด้วย?”
เยี่ยเทียนไม่ตอบรับคำขอของแอนนา เขากำลังไม่พอใจ ตอนนี้นครนิวยอร์คกำลังจะมีอันตราย ข้างกายของมารดากลับไม่มีคนคุ้มครอง ผู้รักษาความปลอดภัยอย่างแอนนาถือว่าทำผิดพลาดในหน้าที่
แอนนาตอบอย่างน้อยใจ “นายน้อย เจ้านายไม่ยอมนี่ เธอประชุมอยู่ทุกวัน ไม่ยอมให้ฉันเข้าไปในที่ประชุมด้วย!”
“ได้ โทรศัพท์หาแม่ที บอกว่าฉันกลับมาแล้ว ให้แม่กลับบ้านเถอะ!”
เยี่ยเทียนส่ายหัวอย่างทำอะไรไม่ได้ ไตร่ตรองครู่หนึ่งแล้วโบกมือบอกว่า “ไม่ต้องโทรแล้ว เธอมีรถไหม? พาฉันไปที่บริษัทหน่อย ฉันอยากจะไปดูที่นั่น!”
บริษัทของแม่ปีนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แม้เกิดจากบุคคลภายใน แต่ไม่แน่ว่าอาจเกี่ยวกับฮวงจุ้ยภายในอาคารก็เป็นได้ เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว เยี่ยเทียนก็อยากจะไปดูเสียหน่อย
“บริษัทของเจ้านายอยู่ทางทิศใต้ของแมนฮัตตัน นายน้อย ฉันจะพาคุณไป!”
ท่าทางแอนนาอยู่ในนิวยอร์คนี่คงจะน่าเบื่อไม่เบา ได้ยินว่าเยี่ยเทียนอยากจะออกไปข้างนอกก็ดีใจเป็นเด็กๆ ตอนที่อยู่ในประเทศจีนกับซ่งเวยหลันทำให้เธอนิสัยเปลี่ยนไปมาก
“ที่นี่น่ะหรือ? ตัวตึกทำไมดูแปลกประหลาดจริง?”
รถยนต์หยุดลงหน้าสถานที่ที่เป็นสำนักงานของซ่งเวยหลัน เยี่ยเทียนขมวดคิ้วมองดูอาคารตรงหน้า
…………………………………………………