หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 680 งานประมูล
“ไม่ต้องอธิบายแล้วล่ะ คนผู้นี้คงเป็นมาดามซ่งแห่งเวยหลันแน่นอน!”
โดยไม่รอให้วิลสันแนะนำตัว ท่านเทศมนตรีต่งเซิงที่กำลังคุยกับถังเหวินหย่วนก็เดินเข้ามา ขณะที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร ก็ยื่นมือมาทางซ่งเวยหลัน
ต่งเซิงกำเนิดในตระกูลเจ้าพ่อสินค้าส่งออก ตอนเขายังหนุ่มประสบกับวิกฤตการเงินทั่วโลกเข้า จนฐานะการเงินของครอบครัวล่มสลาย ภายหลังด้วยความดิ้นรนอุตสาหะของเขา จึงได้กลับมาอยู่ในอันดับต้นๆ ของมหาเศรษฐีในเกาะฮ่องกงอีกครั้ง
แต่ว่าธุรกิจการค้าของเขาส่วนใหญ่อยู่ในเขตเกาะฮ่องกง แม้จะรู้จักชื่อซ่งเวยหลัน แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้พบหน้าหญิงสาวผู้เก่งกาจในตลาดธุรกิจจีนคนนี้เลย
ดังนั้นถึงแม้วันนี้เขาจะมีสถานะสูงส่งเป็นที่เคารพยกย่อง แต่เมื่อได้พบซ่งเวยหลันแล้ว ก็ไม่แสดงท่าทีอย่างนายกเทศมนตรีแห่งเกาะฮ่องกง แต่กลับใช้มารยาทอย่างในวงการธุรกิจทั่วโลกจับมือทักทายกับซ่งเวยหลัน
“คุณต่งเกรงใจไปแล้วค่ะ ได้ยินชื่อเสียงโด่งดังของคุณต่งมานาน วันนี้เพิ่งมีโอกาสได้พบ”
ซ่งเวยหลันจับมือตอบต่งเซิง พูดว่า “พวกเรากำลังแย่งจุดดึงดูดสายตาหรือเปล่าคะนี่? วันนี้ตัวเอกของงานควรจะเป็นวิลสันต่างหาก!”
“ใช่แล้วครับ ใช่ มาดามซ่งพูดได้ถูกต้อง”
ต่งเซิงได้ยินเข้าก็หัวเราะออกมา กล่าวว่า “คุณวิลสัน ในฐานะรัฐบาลเกาะฮ่องกง ผมขออวยพรให้งานประมูลศิลปะประจำชาติจีนครั้งนี้ประสบความสำเร็จโดยสมบูรณ์นะครับ!”
“ขอบคุณครับ ขอบคุณท่านทั้งสอง”
วิลสันรับไมค์ที่ส่งมา เดินไปยังเวทีที่ยกขึ้นสูงกว่าที่นั่งเล็กน้อย กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่วันนี้ได้รับเกียรติจากคุณต่งแห่งรัฐบาลฮ่องกงมาร่วมงานประมูลศิลปวัตถุประจำชาติจีนที่ทางคริสตี้จัดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มาดามซ่งแห่งกลุ่มธุรกิจนานาชาติเวยหลันมาร่วมงานด้วย ขอทุกคนปรบมือให้หน่อยครับ!”
“กลุ่มธุรกิจเวยหลัน? ไม่เห็นเคยได้ยินเลย!”
“นั่นน่ะสิ ทำไมชื่อนี้ถึงฟังดูเป็นผู้หญิงจัง?”
“นั่นน่ะคือบริษัทเก่าแก่ในอเมริกา ก่อนหน้านี้ทำเครื่องสำอางเป็นหลัก ภายหลังขยับขยายทำหลายกิจการ มูลค่ากว่าพันล้านดอลลาร์อเมริกา คุณถังยังห่างชั้นจากเธอเยอะนัก ถึงได้มีคุณสมบัติจะนั่งตรงนั้นยังไงล่ะ”
พอเสียงของวิลสันจบลง ภายในงานก็มีเสียงพูดคุยซุบซิบกันดังขึ้นหลากหลาย
ธุรกิจของซ่งเวยหลันส่วนใหญ่อยู่ในเขตอเมริกาเหนือและทางยุโรป และเนื่องจากเธอค่อนข้างเก็บตัว คนที่รู้จักเธอจึงมีไม่มาก
แน่นอนว่า คนที่รู้จักซ่งเวยหลันแม้มีไม่มาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนเหล่านี้จะไม่รู้จักกลุ่มธุรกิจเวยหลัน ขณะที่มีคนอธิบายด้วยเสียงแผ่วเบาอยู่นั้น ก็มีเสียงร้องอย่างตกอกตกใจดังแผ่วเบาขึ้นมาเป็นระลอก
ผู้หญิงก่อตั้งบริษัท เดิมทีก็ลำบากยากเข็ญแล้ว แต่ซ่งเวยหลันสามารถก่อตั้งกลุ่มธุรกิจต่างชาติขนาดใหญ่ได้ถึงขั้นนี้ จึงยิ่งยากไปกว่าหลายเท่าตัว คนที่เมื่อครู่สงสัยในตำแหน่งที่นั่งแถวแรกของเธอต่างพากันเงียบเสียงลงในทันที
“ยิ่งไปกว่านั้นต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนคริสตี้ตลอดมา…”
หลังจากกล่าวออกไปพอสมควรแล้ว วิลสันก็ตัดบทเข้าสู่ประเด็น “เพื่อเป็นการตอบแทนทุกท่าน ของสะสมที่พวกเรานำมาในครั้งนี้ ล้วนเป็นผลงานชิ้นประณีตที่ไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อน เอาล่ะ ต่อไปขอมอบหน้าที่นี้ให้แก่นักประมูล ขอให้ทุกคนประมูลกันอย่างเต็มที่นะครับ!”
“เวยหลัน ผู้ชายคนนี้คือใครน่ะ? สนิทกับเธอหรือเปล่า?” อยู่ข้างล่างเวทีมาเนิ่นนาน ในที่สุดเยี่ยตงผิงก็เอ่ยปากถามขึ้น
ชายชาวอังกฤษที่อยู่บนเวทีถึงแม้อายุไม่น้อยแล้ว แต่ยังหล่อเหลาเอาการ อีกทั้งยังมีนิสัยอย่างสุภาพบุรุษ ทำให้เยี่ยตงผิงรู้สึกหงุดหงิดรำคาญเป็นที่สุด
“นึกว่าคุณจะปล่อยผ่านได้ซะอีก”
ซ่งเวยหลันกลอกตาใส่สามี กล่าวว่า “วิลสันเคยเป็นประธานบริษัทที่อังกฤษของฉัน สิบปีที่แล้วเคยตามจีบฉันอยู่ ทำไมล่ะ หึงหรือไง?”
ซ่งเวยหลันดูแลบริษัทใหญ่ขนาดนั้นเพียงคนเดียว แล้วยังสวยสดงดงาม หลายปีที่ผ่านมาพบคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตตามจีบมาไม่น้อย วิลสันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ลูกโตขนาดนี้แล้ว ฉันจะยังหึงอะไรล่ะ…” เยี่ยตงผิงปากไม่ตรงกับใจอย่างเห็นได้ชัด
เยี่ยเทียนแม้จะสูญสิ้นปราณชีวิตแท้ แต่พลังในการได้ยินและประสาทสัมผัสยังดีอยู่ พอได้ยินคำพูดของพ่อกับแม่แล้ว ก็อดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “พ่อ พ่อต้องจับตาดูให้ดีนะ ผมว่าตอนไอ้ฝรั่งนั่นมองแม่ สายตาไม่ปกติเท่าไหร่”
“ไอ้ลูกชาย แกก็เห็นอย่างนั้นเหมือนกันใช่ไหม” เยี่ยตงผิงเป็นกังวลขึ้นมาทันที
เห็นพ่อท่าทางอย่างนั้น เยี่ยเทียนยังอดแหย่เขาไม่ได้ หัวเราะแล้วตอบว่า “พ่อ พ่อนี่แหย่ง่ายจริง ถ้าแม่จะหาใหม่ มีหรือจะวนกลับมาหาพ่อ อย่าคิดฟุ้งซ่านให้มากนักเลย”
“ตายแล้ว ไปคุยกับลูกเรื่องนั้นทำไม?” ซ่งเวยหลันยื่นมือมาที่เอวของเยี่ยตงผิงอย่างอารมณ์เสีย หยิกจนเขาซู้ดปากออกมาทีหนึ่ง
……
“ท่านสุภาพบุรุษและท่านสุภาพสตรี นับเป็นความยินดีอย่างยิ่งที่ทุกท่านได้มาเข้าร่วมในงานประมูลศิลปวัตถุประจำชาติจีนครั้งนี้ ผมคือเฮนรี่ ผู้ประมูล จากนี้จะขอแนะนำสินค้าประมูลหมายเลขหนึ่งให้กับทุกท่านครับ!”
ขณะที่ซ่งเวยหลันกำลังสั่งสอนสามีอยู่นั้น งานประมูลก็เริ่มต้นขึ้น นักประมูลอายุราวสามสิบกว่าปียืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะประมูล ใบหน้าของเขาเปี่ยมด้วยความมั่นอกมั่นใจ
ผู้คนมากมายนึกว่านักประมูลเพียงแค่ป่าวประกาศเคาะราคาด้วยค้อน ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น นักประมูลที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยม จะสามารถเสนอราคาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ในตลาด ยิ่งเมื่อบวกกับบรรยากาศในสถานที่อันสับสนปนเป มักจะทำให้การประมูลได้รับผลลัพธ์อันคาดไม่ถึง
และนักประมูลที่เก่งกาจคนหนึ่ง ก่อนเข้างานประมูล เขาจะสามารถคาดเดาได้ว่าสินค้าประมูลชิ้นไหนจะได้รับความนิยม และสามารถคาดเดาราคาสูงสุดของสินค้าประมูลแต่ละชิ้น
ผู้ประมูลชั้นนำถึงขั้นรู้ได้แน่ชัดว่าใครมีความสามารถในการประมูลสินค้าแต่ละชิ้น
ในฐานะนักประมูลชั้นนำระดับโลก เฮนรี่จึงทำรายการประมูลสูงสุดในแต่ละครั้ง และเขาก็มีความมั่นใจว่าจะไม่มีการบันทึกสินค้าหลุดประมูลในงานของเขาที่ฮ่องกง
“สมบัติชิ้นแรกคือเครื่องเคลือบแจกันเหมยจากเตาเผาหลวงในราชวงศ์ชิงหนึ่งคู่ ผลิตขึ้นในรัชสมัยเฉียนหลงยุคราชวงศ์ชิง เล่าลือกันว่าเป็นสมบัติสุดหวงแหนของกษัตริย์ในราชวงศ์ชิง…”
ขณะที่เฮนรี่กำลังพูดอยู่ แจกันเหมยเคลือบสีขาวเลียนแบบศิลปะราชวงศ์หมิงในยุคราชวงศ์ชิงอันประณีตงดงามหนึ่งคู่ก็ปรากฏขึ้นบนเวที
จากเลนส์กล้องที่ซูมเข้าใกล้บนจอภาพ ผู้คนล้วนสามารถเห็นได้ชัดเจน ว่าแจกันเหมยคู่นี้มีปากกลมหนา ไร้ร่องรอยบิ่นอย่างเห็นได้ชัด ช่วงไหล่ยกขึ้นด้านบน เส้นขอบอวบอิ่มสมบูรณ์ทว่ามีพลัง ส่วนล่างช่วงท้องดิ่งเป็นเส้นตรง เห็นได้ชัดว่าเป็นรูปแบบแจกันอย่างราชวงศ์หมิง
“ราคาของแจกันเหมยคู่นี้คือห้าแสนเหรียญฮ่องกง บวกราคาขึ้นครั้งละหนึ่งหมื่นเหรียญฮ่องกง ขอเชิญทุกท่านเสนอราคากันได้ครับ!”
งานประมูลของคริสตี้อย่างครั้งนี้ สามารถรับประกันได้ร้อยเปอร์เซนต์ว่าสมบัติเป็นของแท้ หลังจากได้แนะนำคุณสมบัติแจกันเหมยแล้ว เฮนรี่ก็เปิดราคาประมูล
“ผมให้ห้าแสนสองหมื่นเหรียญฮ่องกง!” พอเสียงของเฮนรี่เงียบลง ด้านล่างเวทีก็มีคนชูหมายเลขขึ้น
เยี่ยเทียนหันหลังกลับไปมองคนที่ชูหมายเลขขึ้นแวบหนึ่ง กระซิบเสียงต่ำว่า “ทำไมถึงรีบอย่างนี้ล่ะ? กลัวจะประมูลไม่ได้เหรอ?”
“เสี่ยวเทียน ลูกไม่เข้าใจ พวกเขามาที่งานประมูล ล้วนคิดอยู่ในใจแต่แรกแล้วว่าต้องการประมูลอะไร…”
พอได้ยินคำพูดของลูกชายแล้ว เยี่ยตงผิงก็ยิ้มออกมา คลุกคลีอยู่ในวงการวัตถุโบราณมาสิบถึงยี่สิบปี หากมองจากมุมนี้ เขาก็นับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญแล้ว จึงอธิบายให้ลูกเข้าใจ
ประเภทของสมบัติโบราณมีมากมาย ส่วนใหญ่แบ่งเป็นเครื่องสำริด เครื่องเคลือบดินเผา ภาพวาดภาพเขียน อัญมณีเครื่องประดับ เครื่องมือเครื่องใช้โบราณ และของเบ็ดเตล็ดหกประเภทใหญ่ นอกจากเครื่องใช้สำริด กระเบื้องเคลือบ และภาพวาดตำราสามชนิดแล้ว ชนิดอื่นๆ ล้วนกล่าวเป็นขอบเขตได้กว้างมาก
อีกทั้งของสะสมและสมบัติโบราณยังมีข้อแตกต่าง เนื่องจากสมบัติโบราณยังรวมไปถึงสถาปัตยกรรมโบราณ ฟอสซิลเพื่อใช้สำหรับการค้นคว้าทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาความรู้เป็นต้น
ดังนั้นผู้มีใจรักของสะสมโบราณคนหนึ่ง จึงไม่อาจเหมารวมถึงชนิดของสะสมโบราณทุกประเภท ส่วนใหญ่แล้วก็จะสะสมสิ่งของตามประเภทไป บางคนพุ่งเป้าไปที่เครื่องสำริดเป็นหลัก บางคนก็ชื่นชอบเครื่องเคลือบ
เวลาที่พวกเขาทำการสะสม มักจะมีเป้าหมายอยู่แล้ว อย่างเช่นคนที่เสนอราคาเมื่อครู่นั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นคนสะสมเครื่องเคลือบคนหนึ่ง กระทั่งเป้าหมายที่เขามาครั้งนี้ก็ยังเพื่อแจกันคู่นั้น
“ห้าแสนสองหมื่นเหรียญฮ่องกง คุณจางจากฮ่องกงเสนอราคาห้าแสนสองหมื่นเหรียญฮ่องกง ยังมีท่านไหนเสนอราคาอีกไหมครับ นี่เป็นของใช้ของฮ่องเต้แห่งประเทศจีนเชียวนะครับ!”
พอได้ยินด้านล่างเวทีมีคนเสนอราคาอย่างรวดเร็วเช่นนั้น เฮนรี่ก็ถอนใจโล่งอกอยู่ภายใน ต้องเข้าใจก่อนว่า สิ่งที่นักประมูลหวาดกลัวที่สุดก็คือการเปิดตลาดอย่างเงียบเชียบ หากเป็นเช่นนั้นความเป็นไปได้ที่จะมีของหลุดประมูลในภายหลังค่อนข้างสูง
“ห้าแสนห้าหมื่นเหรียญฮ่องกง!”
เห็นได้ชัดว่าเฮนรี่ประเมินความคึกคักภายในตลาดศิลปะวัตถุประจำชาติจีนต่ำเกินไป หลังจากที่เสียงของเขาเงียบลงนั้นเอง ราคาที่ถูกเสนอขึ้นใหม่ก็ดังขึ้น
“คุณจ้าวเสนอราคาห้าแสนห้าหมื่นเหรียญฮ่องกง งานประมูลครั้งก่อนที่ลอนดอน เครื่องเคลือบคู่หนึ่งรูปแบบเดียวกับแจกันเหมยในยุคสมัยเดียวกันนี้ เคยประมูลได้ในราคาถึงหกแสนแปดหมื่นปอนด์อังกฤษ อันเป็นมูลค่าเท่ากับสิบล้านเหรียญฮ่องกง ผมคิดว่าพวกมันยังมีช่องว่างให้ประเมินราคาได้อีกไกลนะครับ”
ก่อนหน้านี้เฮนรี่ทำการบ้านมาแล้วไม่น้อย เขาสามารถเรียกชื่อที่จับคู่กับหมายเลขได้ทุกคน ว่ากันด้วยจุดนี้ เขาจึงเป็นนักประมูลผู้เก่งกาจอย่างแท้จริง
“หกแสนแปดหมื่น!”
“แปดแสนเหรียญฮ่องกง!”
ตอนที่ตะโกนถึงแปดแสน ภายในงานก็เงียบสงบลงครั้งหนึ่ง แต่จากการกระตุ้นของเฮนรี่ ราคากลับเริ่มพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง
เยี่ยเทียนสามารถดูออกว่า ทุกครั้งที่เฮนรี่พูด สายตาของเขามักจะมองไปที่ใครคนหนึ่งตลอดเวลา บางทีอาจเป็นเพราะข้อมูลที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้ เขาจึงรู้ว่าใครที่ต้องการสินค้าประมูลชิ้นนี้
“หนึ่งล้านสองแสน!”
“หนึ่งล้านแปดแสน!”
“ผมเสนอสองล้าน!”
ภายใต้การควบคุมของเฮนรี่ บรรยากาศในงานก็ค่อยๆ ดุเดือดขึ้นมา ในตลาดศิลปะวัตถุอันร้อนแรงเช่นนี้ กระทั่งผู้คนมากมายที่ไม่ได้อยู่ในวงการ ยังอาจประมูลของโบราณเหล่านี้ไปไว้สะสมได้
ดังนั้นภายในงานจึงไม่ได้มีเพียงนักสะสมของโบราณเหล่านั้นที่แข่งขันกันเรื่องราคา แต่ยังมีนักธุรกิจผู้ชื่นชอบในศิลปะวัฒนธรรมบางส่วน เฉกเช่นท่านผู้เฒ่าถังเป็นต้น
แน่นอนว่า ถังเหวินหย่วนชอบเครื่องสำริดโบราณ ไม่มีความสนใจใดๆ เลยต่อเครื่องเคลือบชิ้นนี้ ด้วยเหตุนั้นจึงไม่ชูหมายเลขขึ้นร่วมประชันกับบรรยากาศอันครึกครื้น
“สองล้านสามแสนแปดหมื่นเหรียญฮ่องกง ยังมีท่านไหนเสนอราคาอีกไหมครับ? สองล้านสามแสนแปดหมื่นครั้งที่หนึ่ง สองล้านสามแสนแปดหมื่นครั้งที่สอง สองล้านสามแสนแปดหมื่นครั้งที่สาม ปิดการขาย ยินดีด้วยครับคุณจาง!”
ผู้คนเหล่านั้นที่มีเจตนาซื้อแจกันเหมยชูหมายเลขครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ราคาค่อยๆ พุ่งสูง จนเครื่องเคลือบเตาเผาหลวงยุคสมัยราชวงศ์ชิงราคาเปิดที่ห้าแสนห้าหมื่นเหรียญฮ่องกง ปิดการขายที่สองล้านสามแสนแปดหมื่นในท้ายที่สุด
“สินค้าที่จะประมูลชิ้นต่อไป คือตำราโบราณของจีน…”
หลังจากสินค้าประมูลชิ้นแรกปิดการขายเรียบร้อยแล้ว คำพูดต่อไปของเฮนรี่ ทำให้พวกเยี่ยเทียนต่างตาลุกวาว
…………………………………………………….