หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 696 ปลาใหญ่กินปลาเล็ก
ตอนที่ 696 ปลาใหญ่กินปลาเล็ก
“ขอบคุณอาจารย์ปู่ที่คุ้มครอง อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ผมต้องเสียเที่ยว?”
ข้างหลังกระดิ่งซานชิงก็ไม่มีสิ่งของอะไรแล้ว ถ้าหากเยี่ยเทียนเอาของสิ่งนี้ไปไม่ได้ อย่างนั้นการเดินทางของเขาในครั้งนี้นอกจากจะได้ฟังเรื่องราวมากมายที่ไม่เคยรู้มาก่อนแล้ว ก็คือการได้ทานลูกท้อรสชาติไม่เลวที่เสินหนงเจี้ย(อาณาเขตแห่งเทพกสิกร)
ขณะที่อธิษฐานในใจเสร็จแล้ว เยี่ยเทียนก็ยื่นมือขวาออกไป แล้วจับด้ามจับที่อยู่ข้างบนของกระดิ่งนั่น เพียงแต่อีกระยะสิบเซ็นติเมตรกว่าก็จะแตะกระดิ่งได้นั้น พลังแข็งแกร่งที่ไร้ตัวตนกลุ่มหนึ่งก็ดีดมือของเยี่ยเทียนให้กระเด็นออกไป
“ยังไม่ได้อีก?”
ในใจเยี่ยเทียนเต็มไปด้วยความขมขื่น เขาหวังเป็นอย่างมากที่จะหยิบของสิ่งนี้ออกไปให้ได้ แต่วาสนากลับไม่บังเกิด และเกราะป้องกันของกลุ่มพลังที่ไร้รูปไร้สีก็ไม่มีความปราณีให้กับเยี่ยเทียนเลย
“เจ้าหนุ่ม สงสัยวาสนาของเจ้าจะไม่พอ สิ่งของที่นี่ จึงไม่มีอันไหนที่เป็นของผู้อาวุโสของเจ้า!”
หลังจากเห็นการกระทำที่ไร้ผลของเยี่ยเทียน วานรขาวก็หัวเราะขันขึ้นมา ของทุกอย่างที่อยู่ในนี้มันจ้องตาเป็นมันอยากจะได้นานแล้ว แต่กลับทำลายเกราะป้องกันไม่ได้ ทั้งๆ ที่มองเห็นแต่แตะต้องไม่ได้ ทำให้เจ้าลิงร้อนใจมานับสิบปี
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวเถาวัลย์วิเศษก็งอกออกมาแล้ว ข้ายังต้องเสียพละกำลังอีกมาก” วานรขาวเรียกเยี่ยเทียนเสียงดัง แล้วเดินตรงออกไปข้างนอก
“เดี๋ยวก่อน ผมขอลองอีกครั้ง!”
เยี่ยเทียนไม่ยอม จากนั้นจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ปล่อยจิตดั้งเดิมออกมาจากจุดอิ้นถัง กลายเป็นรูปฝ่ามือขนาดใหญ่ข้างหนึ่ง แล้วเข้าไปจับกระดิ่งซานชิงนั่น
“เฮ้ย เจ้าหนุ่ม เจ้าอยากตายรึไง?!” ตอนที่วานรขาวหันหน้ากลับไปก็มองเห็นภาพนี้เข้าพอดี จึงตกใจจนตาแทบถลนออกมา
เจ้าลิงทำความเข้าใจกับจุดต้องห้ามพวกนี้มานับสิบปี จึงรู้ว่าพวกมันเจอของแข็งจะยิ่งแข็งตอบ และด้วยวรยุทธของเยี่ยเทียนแล้ว เกรงว่าแรงสะเทือนกลับจะสามารถทำให้จิตดั้งเดิมของเขาแตกกระจายได้
แต่ความเร็วของจิตดั้งเดิมหลังจากที่ของออกจากร่าง ทำให้เจ้าลิงห้ามไม่ทัน แล้วฝ่ามือใหญ่ที่หลอมรวมมาจากจิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียน ก็ได้ปกคลุมกระดิ่งซานชิงขึ้นมา
“เจ้าหนุ่ม ข้าบอกเจ้าแล้วนะ!”
วานรขาวทนดูไม่ได้อีกต่อไป พลางใช้กรงเล็บที่มีขนปุกปุยเต็มทั้งสองข้างบังลูกตาไว้ และด้วยวรยุทธของมัน แค่กล้าปล่อยจิตดั้งเดิมออกมาทีละนิดอย่างช้าๆ เพื่อทำลายจุดต้องห้ามพวกนี้ แต่การกระทำของเยี่ยเทียนกลับเป็นการหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ
“เอ๊ะ? นี่…ของสิ่งนี้คือ…ผู้อาวุโสของพวกเราหลงเหลือเอาไว้!”
ทว่าวานรขาวรออยู่นาน ก็ไม่ได้ยินเสียงร้องอย่างเวทนาของเยี่ยเทียน และดูเหมือนเสียงของกระดิ่งจะดังมาที่ข้างหู เจ้าลิงจึงเอากรงเล็บทั้งสองออกแล้วมองดู จึงพบว่ากระดิ่งซานชิงอันนั้นได้มาอยู่ในมือของเยี่ยเทียนแล้ว
“นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
วานรขาวรู้สึกงงเป็นไก่ตาแตก และในขณะนั้นเอง เถาวัลย์ที่อยู่นอกกระท่อมจู่ๆ ก็งอกออกมาอย่างรวดเร็ว ห่อหุ้มกระท่อมหลังนี้อย่างแน่นหนาจนไม่อาจมองเห็นแสงสว่างได้อีก
เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยเทียนหรือวานรขาว ก็ไม่ได้สังเกตเหตุการณ์ที่อยู่ข้างนอก เพราะกระดิ่งซานชิงที่อยู่ในมือของเยี่ยเทียน เวลานี้ได้ปล่อยแสงสีม่วงทองเป็นกระกายออกมา ดูเหมือนจะมาพร้อมกับเสียงของกระดิ่งเบาๆ
“เจ้าหนุ่ม เจ้าหยิบมันได้ยังไง?”
เมื่อเห็นภาพนี้ วานรขาวจึงหายตัวแวบ แล้วมาปรากฏตัวอยู่ข้างกายเยี่ยเทียน มันไม่รอให้เยี่ยเทียนได้ตอบสนอง แล้วกระดิ่งซานชิงนั่นก็ถูกแย่งไปอยู่ในมือของมัน
แต่ที่น่าแปลกก็คือ ตอนที่วานรขาวจับกระดิ่งซานชิง แสงสีม่วงทองเป็นประกายก็พลันหายไป ไม่ต่างจากตอนที่วางอยู่ตรงมุม กลายเป็นความมืดไม่มีแสงแวววาว
วานรขาวตกตะลึง แล้วจึงรีบนำกระดิ่งซานชิงยัดใส่ฝ่ามือของเยี่ยเทียน แล้วเรื่องที่ทำให้มันหงุดหงิดใจก็เกิดขึ้น แสงสีม่วงทองนั่นได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าจมูกโค ทำไมเจ้าจับได้ แต่ข้าจับไม่ได้?” วานรขาวกระโดดไปมาอยู่กับที่ เนื่องจากตอนนั้นมักจะถูกรังแกจากผู้ฝึกตนที่เข้ามาอยู่ในภูเขาอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นเจ้าลิงจึงชอบด่าประโยคนี้เป็นประจำ
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะมันเป็นของของพวกเรากระมัง?” ดวงตาของเยี่ยเทียนเผยความตื่นเต้นดีใจออกมา แต่กลับถูกเขาเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดี
เมื่อครู่ตอนที่วานรขาวจะเดินออกไป เยี่ยเทียนได้ปล่อยจิตดั้งเดิมอย่างทุ่มสุดตัว และตอนที่จิตดั้งเดิมสัมผัสกับเกราะป้องกันนั่น จู่ๆ กระดิ่งซานชิงก็เกิดเสียงดังขึ้นมา เดิมทีจุดต้องห้ามที่ล้อมรอบปกคลุมเอาไว้ ก็มลายหายไปในทันที
ขณะเดียวกัน กระดิ่งซานชิงก็เกิดเสียงดังขึ้นมา ทำให้สตินึกรู้ของเยี่ยเทียนปรากฏตัวหนังสือย่อหน้าใหญ่หนึ่งย่อหน้า “หยินสูงสุดคือหก ไฉนจึงเรียกเก้าหยิน ไท่จี๋กำเนิดสองลักษณ์ ฟ้าดินแยกออกจากกัน หยินหกคือสูงสุด ครบเจ็ดกลับคืนสู่หยวนไท่ซู่
ฉ่ายชี่มิใช่ปราณ ปิดปากเปิดตาทั้งสอง ความลึกล้ำอยู่ตรงหน้า พลังเสินก่อเกิดฟ้า จิงชี่คืออวัยวะภายใน น้ำตาคือจิง ดวงตาคือจิง…”
ถึงแม้ในช่วงเวลาที่คับขันแบบนี้เยี่ยเทียนจะไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ภายใน แต่เห็นได้ชัดว่ามีวิธีการฝึกวรยุทธอยู่ในนั้น และการปรากฏตัวของตัวหนังสืออย่างแปลกประหลาดนี้ ก็เหมือนกับตอนที่เขาได้รับการถ่ายทอดวิชาจากอาจารย์ในตอนนั้น
“ที่แท้ปรมาจารย์ของสำนักเสื้อป่านของฉัน ก็ฝึกบำเพ็ญตบะเหมือนกันเรอะ?”
ขณะที่เยี่ยเทียนตื่นเต้นดีใจ ก็เกิดความเข้าใจบางอย่าง เขาไม่รู้ว่าเป็นผู้อาวุโสคนไหนที่เคยอยู่ที่นี่ และด้วยวาสนากับโชคชะตาที่บังเอิญ ทำให้ตัวเองได้ของชิ้นนี้มา
ก่อนหน้านี้สาเหตุที่เยี่ยเทียนจับของสิ่งนี้ไม่ได้ น่าจะเป็นเพราะปราณชีวิตแท้ของเขาสูญสิ้น ทำให้กระดิ่งซานชิงได้รับข้อมูลที่ไม่เหมือนกัน หลังจากเยี่ยเทียนปล่อยจิตดั้งเดิมออกไป ถึงทำลายจุดต้องห้ามนั้นได้
“ท่านอาวุโส ไม่รู่ว่ากระดิ่งซานชิงนี้ จะหลงเหลือมาจากการต่อสู้ในครั้งนั้นหรือเปล่า?” ด้วยความเมตตาอันใหญ่หลวงของจารย์ปู่ เยี่ยเทียนจึงอยากจะไปกราบไว้หลุมศพของอาจารย์สักครั้ง
“ไม่ใช่ ของสิ่งนี้อยู่ในมือของนายท่านมาตลอด ก่อนที่ท่านจะไปถึงได้วางมันไว้ที่นี่ วรยุทธของเจ้านั้นต่ำมาก ได้ของพวกนี้แล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไร!”
วานรขาวส่ายหน้า พร้อมกับสายตาที่เป็นประกายไม่หยุด เดิมทีเจ้าลิงก็ไม่ใช่คนใจกว้างอะไร มันคอยเฝ้าดูแลของพวกนี้ด้วยความลำบากลำบนนานนับสิบปี แต่กลับถูกเยี่ยเทียนมาเอาเปรียบไปเสียดื้อๆ
หางตาของเยี่ยเทียนเหลือบมองเห็นสีหน้าที่ผิดปกติของเจ้าลิง ดวงตาของมันปรากฏแววตาของความอาฆาต ทำให้เขารู้สึกใจสั่นโดยไม่รู้ตัว แล้วจึงเอ่ยพูดว่า “ท่านผู้อาวุโส ถึงแม้ของสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ตกทอดมาจากอาจารย์ของผม แต่มันก็ไม่ค่อยมีประโยชน์กับผมเท่าไร ถ้าหากท่านชอบ จะเก็บไว้เล่นก็ได้นะครับ?”
วิชาคาถาที่ปรากฏขึ้นอยู่ในหัว คือสิ่งที่เยี่ยเทียนต้องการจริงๆ ต่างหาก เขาไม่อยากให้เป็นเพราะกระดิ่งซานชิงจนมีภัยมาถึงตัว นอกจากนี้รอหลังจากที่ตัวเองฝึกปราณแท้ให้สำเร็จได้อีกขั้น แล้วยังกลัวว่าจะเอาของกลับคืนมาไม่ได้อีกหรือ?
“อย่างนี้จะดีหรือ ถึงยังไงมันก็เป็นของอาจารย์ของเจ้า?”
วานรขาวปากพูดอย่างเกรงใจ แต่กลับรับกระดิ่งซานชิงนั้นมา แล้วสายตาอาฆาตก็หายไปเช่นกัน ในเมื่อเยี่ยเทียนรู้จักกาลเทศะเช่นนี้ เจ้าลิงจึงไม่มีเหตุผลที่จะเป็นคนเลวอีก
“บัดซบเอ้ย วันนี้รังแกข้า วันหน้าข้าจะเอาคืนให้หมด”
เยี่ยเทียนแอบตำหนิอยู่ในใจ แต่ใบหน้ากลับเผยรอยยิ้มออกมาพลางพูด “ถ้าหากท่านผู้อาวุโสสามารถดูออกว่ามาจากสำนักไหน แล้วค่อยเอามาให้ผมก็ได้ครับ!”
“ได้ อย่างนั้นข้าจะเก็บดูแลรักษาให้เจ้าก่อน ไปกันเถอะ พวกเราออกไปข้างนอกกัน!”
วานรขาวเก็บกระดิ่งซานชิงเข้าไปในแขนเสื้ออย่างไม่สนใจใยดี สำแดงวิชาสองมือ เพื่อให้เถาวัลย์ที่ปกคลุมกระท่อมไม้หลังนี้ล่าถอยออกไป
หลังจากออกมาจากกระท่อมไม้แล้ว วานรขาวจึงเล่นกระดิ่งซานชิงที่อยู่ในมืออย่างสนุกสนาน มันเคยเห็นผู้ฝึกตนเคยใช้ของขลังมาก่อน และแต่ละอย่างก็มีอานุภาพที่สะเทือนเลื่อนลั่น ดังนั้นเมื่อครู่มันจึงเกิดความคิดอยากจะแย่งชิง
แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าลิงหงุดหงิดก็คือ กระดิ่งอันนี้เป็นเหมือนของตายเวลาที่อยู่ในมือของมัน ถึงแม้จะมีเสียงเวลาที่ส่ายไปมา แต่ก็ไม่มีลักษณะพิเศษของของขลังอะไรเลย
ถึงอย่างไรวานรขาวก็มีอายุหนึ่งร้อยสองร้อยปีแล้ว มันรู้ว่าของขลังพวกนี้จำเป็นต้องหลอมรวมจิตดั้งเดิม จึงไม่ได้รีบร้อนอะไร จากนั้นก็หันไปมองเยี่ยเทียนพลางพูดว่า “เจ้าหนุ่ม สมุนไพรที่อยู่ในหุบเขา เจ้ายังพอจะเก็บได้บางส่วน ถึงแม้อาจจะไม่สามารถช่วยการรวมตัวในตันเถียนของเจ้าได้ แต่ก็มีประโยชน์มากต่อร่างกายของเจ้า”
เนื่องจากเจ้าลิงก็เหมือนแย่งของมาจากเยี่ยเทียน มันจึงรู้สึกเกรงใจอยู่บ้าง ที่มันพูดแบบนี้ก็เพื่ออยากจะชดเชยให้เยี่ยเทียน ถึงอย่างไรสมุนไพรพวกนี้ก็เป็นของนายท่าน เจ้าลิงก็แค่เอาของเจ้านายมาแสดงความมีน้ำใจก็เท่านั้น
“บัดซบ ทำเป็นตบหัวแล้วลูบหลัง?” มองดูกระดิ่งซานชิงที่อยู่ในมือของวานรขาว หัวใจของเยี่ยเทียนกำลังมีเลือดหยดติ๋งๆ เนื่องจากวรยุทธของเยี่ยเทียนสู้เขาไม่ได้ จึงต้องยอมเสียเปรียบและอดทนเอาไว้
แต่การกระทำของเจ้าลิง ก็ทำให้เยี่ยเทียนยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ปลาใหญ่กินปลาเล็กในโลกของผู้ฝึกตนนั้น ดูเหมือนจะตรงไปตรงมามากกว่าสังคมในยุคปัจจุบัน บางทีก็ใช้กำปั้นแทนการพูดจา
ในเมื่อเจ้าลิงพูดเช่นนี้ เยี่ยเทียนจึงไม่เกรงใจ หลังจากเก็บลูกท้อกว่าสิบลูกจากบนต้นไม้แล้ว เขาก็ยังขุดสมุนไพรที่ล้ำค่าและหายากอายุนับร้อยปีออกมาจำนวนหนึ่ง
แล้วใส่จนเต็มกระเป๋าเป้ใบหนึ่งที่พกติดตัวมาด้วย เยี่ยเทียนถึงได้หยุดมือ วานรขาวแยกเขี้ยวยิงฟันอยู่ข้างๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ตอนที่ออกมาจากตลาด ครั้งนี้เยี่ยเทียนไม่ได้ทำผิดพลาดอีก หลังจากนำร่างกายออกมาจากในนั้นแล้ว เขาจึงค่อยเก็บจิตดั้งเดิมกลับไป สักพัก ทั้งคนและวานรก็กลับไปยังถ้ำที่อยู่อาศัยของวานรขาว
“จี จี!”
เพิ่งจะมาถึงหน้าปากถ้ำ แสงสีขาวราวกับสายฟ้าแลบก็แวบผ่านออกมาจากข้างใน คือเหมาโถวที่เยี่ยเทียนให้มันอยู่ที่นี่
ดูเหมือนเมื่อวานวานรขาวจะสอนวิชาอะไรให้มัน ตอนเช้าที่พวกเขาออกไปข้างนอก เหมาโถวก็ได้ดูดซับพลังแห่งฟ้าดินที่อยู่ภายในถ้ำ โดยไม่ได้ตามไปตลาดกับพวกเขา
“แกเป็นเฟอร์เร็ตหรือสุนัขกันแน่? จมูกถึงไวขนาดนี้?”
เมื่อเห็นเหมาโถวขึ้นมาก็คลานไปที่กระเป๋าเป้ที่อยู่ด้านหลังของตัวเอง เยี่ยเทียนจึงอดเยาะเย้ยขึ้นมาไม่ได้ รีบถือกระเป๋าไว้ในมือ หยิบลูกท้อขนาดเท่ากำปั้นออกมาและยื่นให้เหมาโถว
แต่ไม่ใช่เพราะเยี่ยเทียนขี้เหนียว เนื่องจากของที่อยู่ในกระเป๋า ต่อให้ข้างนอกมีเงินก็ซื้อไม่ได้ หากจะถูกเหมาโถวเหยียบย่ำจนสิ้นเปลือง สู้เอาไปให้ศิษย์พี่ใหญ่กลั่นเป็นยาอายุวัฒนะจะดีกว่า เพราะมันมีประโยชน์กับพวกเขาเป็นอย่างมาก
“เจ้าหนุ่ม เจ้าพักผ่อนอยู่ที่นี่เถอะ อย่าจับของของข้ามั่วซั่ว แล้วข้าจะส่งเจ้าออกไปตอนเย็น!”
หลังจากส่งเยี่ยเทียนกลับไปแล้ว วานรขาวเหมือนอยากจะฝึกการหลอมรวมเข้ากับกระดิ่งซานชิงนี้ เมื่อพูดกับเยี่ยเทียนหนึ่งประโยคเสร็จ แล้วก็กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ หายวับไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตาเดียว
“บ้าเอ้ย นี่มันสังคมอะไรกัน?”
เมื่อนึกว่าถูกเจ้าลิงปล้นของไป ในใจของเยี่ยเทียนจึงหงุดหงิดจนแทบกระอักเลือด และจากการสัมผัสการขับ เคลื่อนพลังปราณชีวิต เขาจึงรู้ดี ถ้าหากตอนนั้นตัวเองไหวตัวไม่ทัน วานรขาวก็คงคิดจะฆ่าตัวเองเป็นแน่
แต่ใช่ว่าเยี่ยเทียนจะไม่ได้อะไร คาถาที่ปรากฏขึ้นอยู่ในจิตของเขานั้น เป็นวิธีการฝึกวรยุทธบทหนึ่ง ตอนนี้เขาจึงไม่มีเวลามาถือสาเจ้าลิง เมื่อเห็นเจ้าลิงออกไปแล้ว เขาจึงรีบมุดเข้าไปในถ้ำเพื่อทำความเข้าใจ