หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 742 กองกำลังทั้งสี่
ตอนที่ 742 กองกำลังทั้งสี่
เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องในโรงแรมชั้นที่สิบสองแล้ว เยี่ยเทียนพบว่า มีเส้นบางๆ ที่แทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าหนึ่งเส้นผูกอยู่บนที่จับประตู จึงคิดว่าต้องเป็นฝีมือของพวกมาราไกย์แน่นอน
“เหล่าหม่า เปิดประตู!”
เยี่ยเทียนก็ขี้เกียจเคาะประตู เขาจึงส่งกระแสจิตไปที่สมองของมาราไกย์ที่กำลังแกะชิ้นส่วนปืนพกมาเช็ดอย่างละเอียดอยู่ในห้องรับแขก
“ใครกำลังพูดกับฉัน บอสส์เหรอ?”
หลังจากได้ยินเสียงแล้ว สองมือของมาราไกย์จึงสั่นเทิ้ม จนเกือบจะทิ้งปืนที่อยู่ในมือออกไป แล้วหันหน้ามองไปรอบๆ ห้องจากนั้นจึงอดส่ายหน้าไม่ได้ พลางสบถว่า “บ้าแล้ว เกิดภาพหลอนได้ยังไง? บอสส์ ไม่น่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้หรอกมั้ง?”
“รีบเปิดประตู มัวบ่นอะไรอยู่ได้?” เยี่ยเทียนรออยู่นอกประตูด้วยความรำคาญ แล้วจึงส่งกระแสจิตไปที่สมองของมาราไกย์อีกครั้ง
“พระเจ้า เป็นบอสส์ จริงๆ เรอะ?” คราวนี้มาราไกย์ได้ยินชัดเจนจริงๆ แล้ว สองมือของเขาประกอบปืนขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งไปที่หน้าประตู
“อยู่ห่างจากผมหน่อย มีแต่กลิ่นแปลกๆ!
เยี่ยเทียนผลักมาราไกย์ที่อยากจะกอดตัวเองออกไป แล้วพูดว่า “ผมขอไปดูจอร์จก่อน เหล่าหม่า การปฏิบัติงานครั้งนี้คุณต้องหาเหตุผลที่เหมาะสมมาอธิบาย”
“ครับ บอสส์ ค่าจ้างครั้งนี้พวกเราจะไม่รับสักแดงเดียวครับ”
มาราไกย์แสดงสีหน้ารู้สึกผิดออกมา แล้วพูดว่า “นอกจากนี้ถ้าหากคุณเห็นด้วย พวกเราจะออกเงินของตัวเองไปจ้างทหารรับจ้างทีมอื่นมาช่วยทำให้ภารกิจครั้งนี้สำเร็จจนได้ครับ!”
“ผมดูขาดแคลนเงินขนาดนั้นเชียว?” เยี่ยเทียนถลึงตาใส่มาราไกย์ แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงิน เหล่าหม่า คุณประมาทเกินไป!”
“คุณพูดถูกครับ ผมประมาทเกินไป เดิมทีต่อให้ช่วยคนออกมาไม่ได้ จอร์จก็ไม่ควรได้รับบาดเจ็บ ผมควรจะเป็นผู้รับผิดชอบหลักครับ!”
ศีรษะของมาราไกย์ลดต่ำลง ในฐานะคลังสมองของทีมทหารรับจ้างที่ยอดเยี่ยมที่สุดของโลก มาราไกย์ทำผิด พลาดจนเกือบถึงแก่ชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย บางทีอาจเป็นเพราะการใช้ชีวิตที่สงบสุขสองปีมานี้ ทำให้ความตื่นตัวของเขาถดถอยไปมาก
“บอสส์ คุณมาแล้ว?”
มาราไกย์และคนอื่นๆ พักอยู่ในห้องชุดขนาดใหญ่ หลังจากที่เยี่ยเทียนเข้ามาในห้องแล้ว สองคนที่อยู่ข้างในจึงลุกขึ้นยืนทันที พวกเขาทำงานกับเยี่ยเทียนมาเกือบครึ่งปีกว่า จึงเคยชินกับการเรียกเขาแบบนี้
“จอร์จ ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เยี่ยเทียนโบกมือ สายตามองจอร์จที่อยู่บนเตียง พลางคิดว่าร่างกายใหญ่ยักษ์แข็งแรงกำยำที่สามารถต่อสู้กับอันเดรวิชได้ เวลานี้กลับมานอนล้มป่วยอยู่บนเตียงซะแล้ว
“บอสส์ ไม่เป็นไรครับ!” จอร์จพยายามยันตัวเองลุกขึ้นมา แต่ซี่โครงของเขาถูกกระสุนยิงสามนัด แค่ขยับนิดเดียว กระดูกซี่โครงที่แตกหักก็ส่งความเจ็บปวดมาเป็นพักๆ
“อืม ไม่เป็นอะไรมาก”
สายตาของเยี่ยเทียนกวาดมองไปที่ตัวของจอร์จ แล้วจึงหันไปพูดว่า “เหล่าหม่า ขอน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว ให้จอร์จ ทานยาเม็ดนี้เข้าไป!”
หลังจากเยี่ยเทียนออกมาจากเสินหนงเจี้ยคราวที่แล้ว เขาได้นำสมุนไพรล้ำค่าอายุมากกว่าหนึ่งร้อยปีติดตัวมาไม่น้อย และระยะเวลาสองสามเดือนมานี้โก่วซินเจียได้ปรุงยาวิเศษออกมา ซึ่งหนึ่งในนั้นมียาที่รักกระดูกหักภายในโดย เฉพาะ
“นอนสักตื่นก็ไม่เป็นไรแล้ว พวกคุณสองคนคอยเฝ้าเขาไว้ ถ้ามีการตอบสนองที่ผิดปกติก็เรียกผม!”
ยาวิเศษที่ปรุงสกัดออกมาจากส่วนประกอบนับร้อยปี ฤทธิ์ของยาจึงแรงมาก หลังจากทานเข้าไปแล้ว จอร์จก็หลับไหลทันที เยี่ยเทียนจึงสั่งงานทั้งสองคนอีกหนึ่งประโยค แล้วจึงพามาราไกย์เดินกลับมาที่ห้องรับแขก
“นอกจากแก๊งค์มาเฟียของมอสโควแล้ว ยังมีใครที่เข้ามาเกี่ยวข้องอีก?”
หลังจากที่รู้ว่าตอนที่อยู่พม่ามีนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เคยเข้ามาเกี่ยวด้วยแล้ว เยี่ยเทียนจึงรู้สึกเสียใจต่อ ต่งเซิงไห่ไม่น้อย ถึงอย่างไรคนพวกนั้นก็พุ่งเป้ามาหาตัวเอง แต่จู้เหวยเฟิงกับต่งเซิงไห่กลับต้องซวยรับเคราะห์ไปด้วย
ดังนั้นที่เยี่ยเทียนมารัสเซียครั้งนี้ นอกจากจะมาช่วยต่งต้าจ้วงแล้ว เขายังอยากแก้แค้นให้ต่งเซิงไห่ด้วย อย่างน้อยเพื่อคนของสมาคมสาขาหงเหมินที่ต้องนองเลือดในตอนนั้น เยี่ยเทียนจะตามไปเล่นงานทีละคน
“บอสส์ ผมหาคนไปสืบมาแล้ว ทั้งหมดมีกองกำลังสี่กองทัพที่เข้ามาเกี่ยวข้อง”
เมื่อต้องเสียเปรียบขนาดนี้ มาราไกย์จึงกัดฟันกรอด สองสามปีที่ผ่านมาเดิมทีคิดว่าได้สืบเรื่องราวอย่างกระจ่างแจ้งแล้ว ทว่าเมื่อวานไม่สะดวกที่จะพูดทางโทรศัพท์เท่านั้นเอง
“สี่กองกำลัง?” เยี่ยเทียนเลิกคิ้ว เพราะเขารู้จากปากของอาหวามีแค่สามกองกำลังเท่านั้น
“หนึ่งคือแก๊งค์มาเฟียท้องถิ่นของรัสเซีย ตอนที่ต่งเซิงไห่ทำธุรกิจมวยใต้ดินนั้น ได้กดดันพวกเขารุนแรงมาก ฟรุสจึงน่าจะไปพูดเกลี้ยกล่อมแก๊งค์พวกนั้นได้”
มาราไกย์ชูขึ้นมาอีกหนึ่งนิ้ว แล้วพูดต่อ “สองคือแก๊งค์มาเฟียของตุรกี เท่าที่ผมรู้ ต่งเซิงไห่ชนะเวทีมวยใต้ดินในตุรกีมาจากรูดอล์ฟผู้ประกอบการธุรกิจคาสิโนใหญ่ในลาสเวกัส ดังนั้นผมสงสัยว่า กองกำลังของฝั่งตุรกี น่าจะเป็นคนของรูดอล์ฟ!”
“เขาก็เข้ามาร่วมด้วยเหรอ? รนหาที่ตายชัดๆ!” เยี่ยเทียนทำเสียงฮึดฮัด แล้วพูดว่า “คุณพูดต่อ กองกำลังที่เหลืออีกสองฝ่ายมาจากที่ไหน?”
“บอสส์ ฝ่ายที่สามมีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณครับ พวกเขามาจากญี่ปุ่น”
มาราไกย์คิดครู่หนึ่งแล้วจึงพูดว่า “มวยใต้ดินของญี่ปุ่นมีตระกูลคิตะมิยะควบคุมมาตลอด แต่หลังจากที่เหล่าผู้กล้าหัวกะทิของตระกูลคิตะมิยะหายตัวไปที่พม่า พวกเขาก็ไม่สามารถทำกำไรจากจุดนี้ได้ และหนึ่งในนั้นก็รวมถึงฮิราโนะ อิจิโร่ที่ส่งตลาดของญี่ปุ่นออกไป”
พอพูดถึงตรงนี้ มาราไกย์จึงอดแอบมองเยี่ยเทียนไม่ได้ เขารู้ว่า สาเหตุที่ตระกูลคิตะมิยะล้มแล้วไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก เป็นเพราะเด็กหนุ่มสีหน้าไร้อารมณ์ที่อยู่ตรงหน้าตัวเองคนนี้
“ผมคิดว่า น่าจะเป็นฟรุสกับฮิราโนะ อิจิโร่ร่วมมือกัน พวกเขาถึงได้มาหาเรื่องคุณต่งเพื่อนของคุณครับ!”
“อืม บางทีในนี้อาจจะมีตาแก่ตายยากพวกนั้นของตระกูลคิตะมิยะอยู่ด้วย!”
เยี่ยเทียนพยักหน้าเล็กน้อย เขารู้ว่าตระกูลคิตะมิยะยังมีผู้อาวุโสอยู่สองสามคน พวกเขาน่าจะสงสัยตัวเองนานแล้ว เพียงแต่เยี่ยเทียนร่อนเร่ไปทั่ว พวกเขาจึงทำอะไรตัวเองไม่ได้
“ยังมีอีกนี่?” กองกำลังของทั้งสามฝ่าย อาหวาได้พูดหมดแล้ว ตอนนี้เยี่ยเทียนอยากรู้ว่า ยังมีใครที่เข้ามาเกี่ยว ข้องกับเรื่องอีกกันแน่
“กองกำลังสุดท้าย น่าจะเป็นค่ายฝึกไซบีเรียครับ!”
“เพื่อนของผมสืบได้ว่า ตอนที่พวกเราเกิดเรื่องวันนั้น ค่ายฝึกมวยใต้ดินของไซบีเรีย ก็มาร่วมภารกิจครั้งนี้ด้วย ตอนนั้นตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ อยู่ใกล้กับสถานที่กักขังต่งต้าจ้วงพอดี”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สายตาของมาราไกย์จึงมีแววตาแห่งความยินดีออกมา
เพราะว่าจากสายรายงานของเขา การออกปฏิบัติงานครั้งนี้มีเพียงค่ายฝึกมวยใต้ดินเท่านั้น ถ้าหากเป็นพวกนักซุ่มยิงหรือลอบสังหารล่ะก็ เกรงว่าพวกเขาสี่คนคงไม่อาจจะหนีรอดออกมาได้ทั้งหมด
แน่นอน ถ้าหากก่อนปฏิบัติหน้าที่มาราไกย์ไม่ได้เตรียมเฮลิคอปเตอร์สำหรับรอการล่าถอยไว้เรียบร้อย พวกเขาก็คงถูกกองกำลังทั้งสี่ล้อมปราบอยู่ที่ไซบีเรียไปแล้ว
“ค่ายฝึกไซบีเรีย ทำไมพวกเขาถึงเข้ามาเกี่ยวด้วย?” เยี่ยเทียนได้ยินจึงตกตะลึง
เท่าที่เขารู้ ค่ายฝึกไซบีเรียเป็นองค์กรการฝึกที่ธรรมดา ขอเพียงจ่ายเงิน พวกเขาก็จะฝึกฝนโดยไม่สนใจว่าเป็นคนของฝั่งไหน ตามหลักแล้วไม่น่าจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
มาราไกย์ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “อันนี้ผมก็ไม่ทราบครับ บอสส์ ที่ผมได้ข่าวมาก็มีเพียงเท่านี้ครับ”
ถึงแม้รัสเซียจะเป็นยุโรป แต่เมื่อเทียบกับอังกฤษ ฝรั่งเศส ประเทศเหล่านี้แล้ว พื้นที่อยู่อาศัยที่นี่ของทหารรับจ้างจึงไม่ใหญ่มาก เพียงระยะเวลาสั้นๆ มาราไกย์ได้ข่าวพวกนี้มาก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว
“ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง!”
ตอนที่มาราไกย์กับเยี่ยเทียนพูดกันอยู่ เสียงกริ่งนอกประตูพลันดังขึ้นมา ทำให้กล้ามเนื้อของมาราไกย์เกร็งไปทั้งตัว พุ่งออกไปราวกับเสือชีตาห์ แล้วควักปืนที่เหน็บเอวมาถือในมืออย่างรวดเร็วราวกับใช้เวทมนต์
“เหล่าหม่า เป็นคนของผมเอง เปิดประตูเถอะ!”
เยี่ยเทียนโบกมือ เขา “มอง” เห็นคนที่นอกประตูตอนนี้คืออาหวา แต่ยังมีอีกหนึ่งคนที่อยู่ข้างหลังเขา
“บอสส์ สงสัยพวกเราต้องย้ายที่พักแล้ว!” มาราไกย์แค่นหัวเราะ เขาไม่ค่อยพอใจที่เยี่ยเทียนบอกที่นี่ให้คนอื่นรู้ เพราะตอนนี้มีแก๊งค์มาเฟียของรัสเซียกำลังไล่ฆ่าพวกเขาอยู่
“กลัวอะไร?” เยี่ยเทียนเผยซี่ฟันที่ขาวสะอาดออกมา ยิ้มแล้วพูดว่า “นับตั้งแต่พรุ่งนี้ จะไม่มีคนมารบกวนพวกคุณอีก!”
“ทะ ทำไม…” ขณะที่มาราไกย์กำลังจะถามหาเหตุผล หลังจากที่เห็นรอยยิ้มของเยี่ยเทียนแล้ว ในใจจึงอดหนาว สะท้านขึ้นมาไม่ได้ จึงไม่กล้าถามต่อ
“คุณเยี่ย นี่คือจางหลินซานที่อยู่มอสโคว เขาเป็นคนที่ท่านต่งไว้เนื้อเชื่อใจที่สุดครับ” อาหวาเห็นว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย เขาจึงใช้ไหวพริบไม่พูดคำว่าหงเหมินสองคำนี้ออกมา
“บอสส์ พวกคุณคุยกันเถอะ ผมจะเข้าไปดูจอร์จ!” มาราไกย์ยักไหล่ แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องอย่างรู้จักกาละเทศะ
“ท่านก็คือท่านเยี่ย? ท่านเยี่ย ท่านต้องช่วยแก้แค้นให้พี่น้องของสมาคมกับท่านต่งด้วยนะครับ!”
หลังจากมาราไกย์ออกไปแล้ว สิ่งที่ทำให้อาหวาคาดไม่ถึงก็คือ ในสมาคมหงเหมินมีการแบ่งระดับสูงต่ำ และจางหลินซานที่อายุห้าสิบกว่าปี กลับคุกเข่าเสียงดัง “พรุ” ต่อหน้าเยี่ยเทียน
หลังจากเกิดเรื่องที่สมาคมสาขา จางหลินซานก็ติดต่อต่งเซิงไห่มาตลอด เพียงแต่ตอนนั้นต่งเซิงไห่บาดเจ็บหนัก แม้แต่การพูดจาก็ไม่ถนัด จึงช่วยชี้แนะอะไรไม่ได้
จนกระทั่งเมื่อสองสามวันก่อน ต่งเซิงไห่ได้กำชับจางหลินซาน บอกว่าในสมาคมหงเหมินนั้นท่านเยี่ยเทียนมีตำ แหน่งสูงที่สุด เขาจะเป็นคนจัดการเรื่องที่รัสเซีย และขอให้เขาให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
ถึงแม้จะไม่ได้ติดตามต่งเซิงไห่ไปร่วมงานประชุมใหญ่ที่สมาคมหงเหมินครั้งที่แล้ว แต่ความเก่งกาจเรื่องที่เยี่ยเทียนสยบเหลยเจิ้นเยวี่ยหรือไอ้เสือเหลย ได้ดังมาถึงหูของจางหลินซาน นอกจากนี้เขาก็เคยเห็นรูปภาพของเยี่ยเทียนแล้ว
ดังนั้นจางหลินซานจึงไม่ได้ดูถูกเพราะเยี่ยเทียนเป็นคนหนุ่ม ตรงข้ามพอได้พบหน้าเขาก็คุกเข่าลงทันที และคำ นับตามขนบธรรมเนียมของสมาคมหงเหมิน
“คุณเยี่ย คุณก็เป็นคนของหงเหมินเหรอครับ?” ถึงแม้อาหวาจะอยู่ในสมาคมหงเหมิน แต่ก็ทำแต่เรื่องธุรกิจ จางหลินซานรู้เรื่องของเยี่ยเทียน แต่เขานั้นกลับไม่รู้จริงๆ
ทว่าอาหวารู้ฐานะของจางหลินซาน เขาคือท่านผู้ใหญ่ที่นั่งตำแหน่งหัวหน้าคนหนึ่งในสมาคมหงเหมินของมอสโคว มีฐานะรองลงมาจากต่งเซิงไห่ แม้แต่เขาที่เห็นเยี่ยเทียนแล้วยังต้องคุกเข่าทำความเคารพ อย่างนั้นฐานะของเยี่ยเทียนก็ต้องสูงกว่า?
“ลุกขึ้นเถอะ คนของพวกเรา จะไม่ตายฟรีอยู่แล้ว!”
มือขวาของเยี่ยเทียนลดต่ำลง จางหลินซานที่คุกเข่าอยู่บนพื้นรู้สึกถึงพลังแข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง ที่ประคองตัวเองให้ลุกขึ้นมา