หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 752 ทรมานจนตาย (2)
ตอนที่ 752 ทรมานจนตาย (2)
ตระกูลอิโตมีมาตั้งแต่ยุคโชกุน ประวัติตระกูลยาวนานกว่าตระกูลคิตะมิยะ วิชาฟันดาบที่ตระกูลนี้สืบทอดต่อกัน คล้ายคลึงการต่อสู้จริงมาก
ถึงแม้ท่าฟันดาบของอิโต ซากิจะไม่หวือหวา แต่ท่าหักข้อมือเรียบ ๆ ของเขา เชลยเจ็ดคนตายคาดาบไปแล้วห้าคน ตอนนี้เหลือแค่ต่งต้าจ้วงกับลุงสอง
ตอนที่อิโต ซากิง้างดาบซามูไรต่อหน้าต่งต้าจ้วง ลอฟสกี้ที่ยืนห่างออกไปสิบกว่าเมตรเหมือนได้สติขึ้นมา เขาพูดออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า“พอก่อน สิ่งที่ผมต้องการไม่ใช่อวัยวะที่ขาดเหล่านี้ ! ”
หากย้อนกลับไป ญี่ปุ่นกับรัสเซียเคยมีความบาดหมางต่อกัน เมื่อต้นศตวรรษที่ผ่านมา ญี่ปุ่นกับพระเจ้าซาร์ของรัสเซียเคยทำสงครามกันครั้งแรกที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนกับเกาหลีเหนือ
สงครามครั้งนั้น รัสเซียพ่ายแพ้ ส่งผลให้ญี่ปุ่นมีความเหนือกว่าทางด้านทหารในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ได้รับสิทธิ์ในการประจำการทางทหารในเกาหลีเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของจีน และยังปิดกั้นการขยายอำนาจของรัสเซียไปโดยปริยาย
หลังจากผ่านไปสี่สิบกว่าปี ในปี 1945 ญี่ปุ่นได้ประกาศสงครามกับอดีตสหาพโซเวียตอีกครั้งบนพื้นที่เดิม
กองทัพคันโตใช้เวลา 26 ปีในการปกครองแถบตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน แต่ก็พ่ายแพ้อย่างย่อยยับเมื่อถูกโซเวียตใช้กำลังโจมตีอย่างเต็มกำลัง และกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการยอมแพ้ของญี่ปุ่นกับการยุติสงครามโลกครั้งที่สอง
ความบาดหมางระหว่างกองทัพเป็นเรื่องที่แก้ไขยากมาก ตอนที่เห็นอิโตใช้ความรุนแรง ลอฟสกี้ที่ไม่ได้ดีไปกว่าเท่าไหร่ อ้าปากสั่งให้อิโต ซากิหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่
ขณะเดียวกัน เสียงปืนขึ้นลำดังสนั่น ปืนสิบกว่ากระบอกจ่อเล็งไปที่อิโต ซากิ
หากพูดถึงกำลังต่อสู้ ทหารพวกนี้แต่ละคนไม่มีใครสู้อิโต ซากิได้เลย แต่การที่อิโต ซากิถูกปืนสิบกว่ากระบอกจ่อตรงหน้าแบบนี้ ก็เหมือนกับถูกเงาแห่งความตายครอบอยู่
“ตกลง งั้นสองคนนี้ผมให้ท่านนายพลจัดการต่อก็แล้วกัน ! ”
อิโตยิ้มชั่วร้าย หยิบผ้าเช็ดมือสีขาวออกมาผืนหนึ่ง เช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนบนดาบซามูไรอันเงาวับของเขาอย่างช้า ๆ
ลอฟสกี้นึกถึงคำสัญญาของตัวเอง เขาหันไปหาหัวหน้ากองกำลังพิเศษและพูดว่า “แพททริค ยิงสองคนนั้นทิ้ง และนำศพออกไปทิ้ง ! ”
ลอฟสกี้ผู้เคยผ่านเหตุการณ์อดีตสหภาพโซเวียตล่มสลาย แถมยังเคยปะทะกับกองกำลังเชเชนมาก่อน เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนที่โหดเหี้ยมมาก เคยออกคำสั่งให้ฆ่าคนทิ้งมาแล้ว ชีวิตหลายชีวิตไม่มีค่าอะไรเลยในสายตาของเขา
“ครับ ท่านนายพล ! ”
ทหารรัสเซียยศพันเอกคนนั้น มือขวาถือปืนที่ขึ้นลำเรียบร้อยแล้ว เดินไปหาต่งต้าจ้วง
แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามีหมอกกลุ่มหนึ่งกำลังลอยลงมาที่ค่ายฝึก
“เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมมีคนตายมากขนาดนี้ ? ”
เยี่ยเทียนที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศตากระตุกโดยไม่รู้ตัว เขาลงมาถึงตีนเขาตั้งนานแล้ว แต่ด้วยระยะทางเกือบสามร้อยกิโล ทำให้ปราณแท้ในร่างของเยี่ยเทียนถูกใช้ไปจนเกือบหมด เขาจึงต้องใช้เวลาฟื้นฟูอยู่ครู่นึง
ตอนนั้นค่ายฝึกมวยถูกทหารล้อมไว้ทั้งหมดแล้ว และยังถูกส่องด้วยไฟขนาดใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนจนสว่างเหมือนกลางวัน ถึงแม้จะใช้ปราณแท้ห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ แต่ก็อาจจะถูกคนอื่นมองเห็น
เยี่ยเทียนจึงตัดสินใจรอให้กองกำลังถอยไปก่อน แล้วค่อยมาที่ค่ายอีกครั้ง แต่พอเขามาถึง ใจของเขาแทบจะระเบิด เพราะเขาไม่คิดเลยว่านอกจากต่งต้าจ้วงแล้ว ยังมีคนของสมาคมหงเหมินที่รอดชีวิตอยู่ถูกจับไว้
ตาของเยี่ยเทียนแดงก่ำทันทีที่เห็นหินอ่อนถูกย้อมไปด้วยเลือด เขาไม่กล้าส่งเสียง แต่ตั้งจิตเพื่อส่งปราณแท้ทั้งหมดที่ห่อหุ้มร่างกายเอาไว้เก็บเข้าไปยังจุดตันเถียน
“ใคร ? ”
แพททริคในฐานะผู้นำหน่วยกำลังพิเศษของทหารรัสเซีย มีการตอบสนองที่ไวมาก เมื่อเขารู้สึกว่ามีสิ่งผิดปกติบางอย่างอยู่บนหัว ปากกระบอกปืนของเขาก็เปลี่ยนทิศทางทันที
แต่แพททริคยังไม่ทันเหนี่ยวไก ก็รู้สึกเจ็บที่แขนข้างขวา เสียงดัง “แคร่ก” ดังขึ้นข้างหู จากนั้นคอที่หนาและแข็งแรงของเขาก็พับลงมา
“หัวหน้า ? ! ”
เสียงตกใจดังขึ้นรอบ ๆ กองกำลังพิเศษทั้งสองกองที่คุ้มกันลอฟสกี้ถอยออกไป ขณะเดียวกันปืนสิบกว่ากระบอกก็ยิงใส่เยี่ยเทียนดังสนั่นไปทั่ว
ตอนที่พวกเขาเอาปืนเล็งมาที่เยี่ยเทียน เขารู้สึกชาที่หนังหัว ขนทั้งตัวก็ลุกซู่
หลังจากเขาหักคอของแพททริค เยี่ยเทียนก็หมอบลงกับพื้นเหมือนแมวดาว จากนั้นใช้สองมือตบลงที่พื้นพร้อมกัน ตัวเขาก็พุ่งไปตรงกลางของหน่วยกำลังพิเศษสิบกว่าคนพวกนั้นอย่างรวดเร็ว
หากคนเหล่านี้เว้นระยะห่างออกไปไกล ๆ ปืนในมือของพวกเขาอาจจะเป็นภัยคุกคามต่อเยี่ยเทียนได้ เพราะตอนนี้เยี่ยเทียนยังเป็นคนที่มีเลือดมีเนื้อ เยี่ยเทียนจึงไม่คำนึงถึงสิ่งอื่นใด ย่นระยะห่างให้ใกล้กว่าเดิม
เขาทำเหมือนแม่ทัพอยู่ยงคงกระพันในสมัยก่อนที่พุ่งเข้าไปยังค่ายของศัตรู แม้ว่าจะมีศัตรูอยู่ทุกที่ แต่นั่นก็เป็นที่ ๆ ปลอดภัยมากที่สุด
เขามีสายตาที่เคียดแค้นมาก ตัวของเยี่ยเทียนพุ่งขึ้นดั่งธนู สูงเกือบสองเมตร ทันทีที่เท้าข้างขวาแตะพื้น
“แ…คร่ก..! ” เสียงกระดูกหักผสมผสานกับเสียงร้องเจ็บปวด มีคนร่างใหญ่ร่างหนึ่งถูกเยี่ยเทียนยกขึ้นโยนออกไปไกลเกือบสิบกว่าเมตร
ทหารกองกำลังพิเศษที่เหลือตอบสนองไวมากเมื่อเห็นว่ายิงไม่โดนเยี่ยเทียน พวกเขาโยนปืนที่ไร้กระสุนทิ้ง ขณะเดียวกันก็หยิบปืนสั้นออกมา
ตั้งแต่หยิบปืนจนเล็งเป้าหมาย พวกเขาใช้เวลาไม่ถึง 0.5 วินาที ล้วนแต่เป็นปฏิกิริยาจากจิตใต้สำนึกที่มีความรวดเร็วมาก
แต่ในสายตาของเยี่ยเทียนความเร็วของคนเหล่านี้ก็ยังช้าเกินไป แต่ละคนเหมือนภาพเคลื่อนไหวที่วิ่งผ่านเลนส์ไปอย่างช้า ๆ
ขาขวาของเยี่ยเทียนเหยียบลงพื้นที่ดูเหมือนเหยียบอย่างแผ่วเบา แต่หลังจากที่ฝ่าเท้าสัมผัสกับพื้น ทันใดนั้นก็มีเสียง “ปัง ! ” ดังขึ้นสนั่นหู
การเหยียบของเยี่ยเทียน ส่งผลให้พื้นของค่ายฝึกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับเกิดแผ่นดินไหว ร่างของบางคนถึงกับลอยสูงสามสี่เมตรเพราะถูกแผ่นหินที่เด้งออกมาดันขึ้นไป
สถานการณ์แบบนี้ คนที่เคยนั่งรถเมล์จะคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะมันคล้ายกับการเบรกกะทันหันของรถ ถึงแม้ตัวของคุณจะยืนอย่างมั่นคง แต่ด้วยความแรงในการเบรกก็สามารถทำให้ตัวลอยขึ้นได้
แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น ทำให้ทหารหน่วยพิเศษที่ถือปืนเอาไว้เซไปเซมา จนไม่สามารถเล็งปืนไปที่เยี่ยเทียน
“ไปตายให้หมด ! ”
เท้าที่เหยียบลงไป ฟ้าแทบถล่มดินแทบทลาย ท่าทางของเยี่ยเทียนดุจเมฆเหินน้ำไหล ฝ่ามือดุจมีด สิบนิ้วดุจดาบ แสงสีขาวพุ่งออกมาจากนิ้วเป็นเส้นๆ ฟันซ้ายขวาหน้าหลังเป็นระยะ
ปราณแท้ก่อนกำเนิดที่ถูกเยี่ยเทียนบีบคั้นออกมา มีอานุภาพเกียงไกรที่สามารถทำลายกำแพงเหล็กที่แข็งแกร่งได้ จากนั้นก็มีเสียง “สวบ ๆ ” เป็นเสียงฟันดังขึ้น เสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวดก็ดังไปทั่ว
หลังจากที่ร่างของเยี่ยเทียนปรากฏตัวขึ้น ร่างกายของทหารหน่วยพิเศษที่ใส่เสื้อกันกระสุนยืนกระจายอยู่รอบ ๆ ก็ระเบิดแหลกสลายเป็นสายฝนสีเลือด แม้แต่พื้นหินในระยะสิบกว่าเมตรรอบ ๆ ตัวของเยี่ยเทียนก็ยังแตกออกเป็นชิ้น ๆ
เพียงท่าเดียวในการจัดการคนถือปืน เยี่ยเทียนพลิกฝ่ามือ หน่วยกำลังพิเศษทั้งสองหน่วยก็รู้สึกท้ายทอยชาไปหมด ทั้งตัวอ่อนระทวยล้มไปกับพื้น ในขณะเดียวกันก็ใช้มือดึง ลอฟสกี้ที่กำลังวิ่งหนีมาถึงหน้าประตูค่ายฝึก
“กลับมา ! ”
เยี่ยเทียนก้าวออกไปหนึ่งก้าว ทันใดนั้นทั้งตัวและเงาของเขาก็ไปโผล่อยู่ที่ระยะสามสิบเมตร เขาจับคอของลอฟสกี้ได้ทันควัน ลากเขากลับมาที่เดิมและโยนลอฟสกี้ไปตรงกลางของพื้นห้อง
“แก…แกเองเหรอ ไอ้เยี่ยเทียน…ไอ้คนจีน ? ! ”
สิ่งที่เกิดขึ้นถ้าเขียนบรรยายคงจะยาวเหยียด แต่ในความเป็นจริงมันเกิดขึ้นในเวลาที่สั้นมาก เมื่อเยี่ยเทียนหันกลับมา ฟรุสก็ร้องตะโกนเหมือนกับเห็นผี
“ดี ดีมาก เพื่อนเก่านี่เอง”
เยี่ยเทียนยิ้ม เมื่อเห็นหน้าฟรุส เขาเคยรับปากว่าจะแก้แค้นให้กับต่งเซิงไห่ แต่ไม่คิดว่าจะได้แก้แค้นเร็วขนาดนี้
“แก…แกทำแบบนั้นได้ยังไง ? ”
ฟรุสยังตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อเทียบกับผู้ชายที่ชื่อเยี่ยเทียนบนเรือสำราญแล้ว ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าไม่ต่างจากปีศาจเลย เพียงเวลาสั้น ๆ เขาฆ่าทหารถือปืนไปถึงสิบกว่าคน
“จะอธิบายยังไงดีล่ะ ? ” เยี่ยเทียนเอียงหัวและทำท่าครุ่นคิด เขาส่ายหัวและพูดว่า “พูดให้ฟัง แกก็ไม่เข้าใจหรอก แกลองดูเองเลยก็แล้วกัน ! ”
เยี่ยเทียนพูดไป ก็ยื่นมือออกไปในอากาศตรงหน้าที่ว่างเปล่า ฟรุสที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าเมตรบินมาทางเยี่ยเทียนเหมือนเป็นแค่กระดาษ “แคร่ก..กกก” เสียงหักดังขึ้น และมีเสียงเจ็บปวดของฟรุสปนอยู่ด้วย
มือหนึ่งบีบคอของฟรุสเอาไว้ อีกมือหนึ่งบีบสองแขนสองขาของฟรุสจนแหลกเหลวเหมือนเป็นฝุ่นผง ฟรุสล้มลงอย่างรวดเร็ว ตาขาวของฟรุสเหลือกขึ้นไปไม่นานก็สลบลง
“อยากตายเหรอ ง่ายไปมั้ง ! ”
เยี่ยเทียนโยนฟรุสลงไปที่พื้นเหมือนโยนผ้าขี้ริ้ว และดีดตรงขมับของฟรุส สิ่งที่ดีดเข้าไปคือปราณแท้ที่เข้าไปห่อหุ้มชีพจรของฟรุสเอาไว้ ซึ่งคล้ายกับการฉีดยากระตุ้นหัวใจให้เขา
ขณะที่ปราณแท้ซึมเข้าไปภายในร่างกายของฟรุส จากที่ยังสลบอยู่ก็ฟื้นขึ้นมา ความเจ็บปวดบนร่างกายส่งขึ้นไปยังสมอง จนเขาอยากจะตายให้มันจบ ๆ
“ฉันจะให้แกตายเป็นคนสุดท้าย ! ”
เยี่ยเทียนไม่สนใจฟรุสที่ร้องโหยหวน แต่เขาขยับสายตาไปที่อิโต ซากิแทน และพูดด้วยเสียงนิ่งว่า “ในร่างของแกมีพลังพิฆาต ถ้าฉันเดาไม่ผิด แกเป็นคนฆ่าคนจีนพวกนี้ใช่มั้ย ? ”
“บัดซบ ! แก…แกเป็นใคร ? ”
ถึงแม้อิโต ซากิจะเป็นคนที่โหดเหี้ยมอำมหิต แต่เขาก็ตกตะลึงกับวิธีจัดการของเยี่ยเทียนจนเข่าอ่อนไปหมด ตั้งแต่เยี่ยเทียนปรากฏตัวขึ้นจนมีคนตายเต็มไปหมด เวลาผ่านไปยังไม่ถึงหนึ่งนาที
“ต่งต้าจ้วงใช่มั้ย ? ผมเป็นเพื่อนของคุณปู่ของคุณ”
เยี่ยเทียนไม่ได้ตอบคำถามของอิโต ซากิ แต่ขยับสายตาไปหาต่งต้าจ้วงที่ตาค้างอยู่ และพูดว่า “คุณสามารถเลือกวิธีตายให้ตาแก่นี่ได้หนึ่งวิธี ! ”