หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 757 แผนการ
ตอนที่ 757 แผนการ
“บอสส์ ทำไมเหรอครับ เกิดอะไรขึ้น?”
หลังจากเห็นเยี่ยเทียนวางสายแล้วมีสีหน้าซีดเผือด มาลาไกย์ก็สังหรณ์ใจไม่ดี จึงเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
“บอสส์ครับ เส้นสายในประเทศของคุณไม่ยอมช่วยหรือเปล่า? ความจริงจะโทษเขาก็ไม่ได้หรอก ลอฟสกี้มีอิทธิพลกว้างขวางในรัสเซียจริงๆ หากทางจีนยื่นมาเข้ามายุ่ง จะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศภายหลัง”
“ไม่ใช่ว่าทางนั้นไม่ยอมช่วย แต่ดูเหมือนสถานะของฉันจะถูกเปิดเผยแล้ว!”
เยี่ยเทียนได้ยินแล้วก็หัวเราะเจื่อนออกมา เขาไม่โทษผู้เฒ่าที่ไม่ยอมยื่นมือเข้าช่วย แต่สิ่งที่ทำให้เยี่ยเทียนยากจะเข้าใจได้คือ ทางรัสเซียมั่นใจได้อย่างไรว่าเป็นเขา ในการเจรจาระหว่างประเทศ หากไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด เกรงว่าคงไม่อาจแจ้งข้อมูลสุ่มสี่สุ่มห้า
ในการสังหารหมู่ที่มอสโคว เยี่ยเทียนใช้ใบหน้าของรูดอล์ฟ ต่อให้ตำรวจรัสเซียเป็นเชอร์ล็อก โฮล์มกลับชาติมาเกิด ก็คงไม่สามารถระบุตัวเขาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในค่ายฝึก เยี่ยเทียนเชื่อว่า ภายใต้การตรวจสอบจากญาณของตนเอง ค่ายฝึกในเวลานั้นต้องไม่มีคนรอดชีวิตอย่างแน่นอน อีกทั้งในรัศมีหลายกิโลเมตร ก็ไม่มีการติดตั้งเครื่องตรวจจับประเภทกล้องวงจรปิด แสดงว่าต้องมีจุดเชื่อมโยงที่เยี่ยเทียนคาดไม่ถึงอยู่ภายในนั้น
“สถานะถูกเปิดเผยแล้ว? แล้ว…แล้วเราจะทำยังไงกันดี?”
พอได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว มาลาไกย์ถึงกับงงงัน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่าเยี่ยเทียนไม่สามารถรับความช่วยเหลือใดๆ จากทางฝั่งประเทศจีนได้อีก พวกเขาที่อยู่ในไซบีเรียตอนนี้จึงทำได้แค่พึ่งตัวเองเท่านั้น
เยี่ยเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “เหล่าหม่า หาที่หลบซ่อนตัวสักสองวันได้ไหม พอถึงเวลาฉันจะหาหนทางได้เอง!”
ตั้งแต่ห้าโมงเย็นของเมื่อวาน จนถึงตอนนี้เป็นเวลาใกล้ตีสามแล้ว ภายในช่วงเวลาสิบชั่วโมง หลังจากเยี่ยเทียนสังหารหมู่ในมอสโควติดต่อกัน แล้วยังฆ่าอิโต ซากิกับหน่วยรักษาความปลอดภัยพิเศษจากมอสโควอีก จึงไม่ได้หยุดพักเลย
ว่ากันว่ากำลังของมนุษย์ย่อมมีขีดจำกัด ถึงอย่างไรเยี่ยเทียนก็ยังมีเลือดมีเนื้อ ต่อให้เขาเข้าถึงระดับเซียนเทียน พัฒนาศักยภาพภายในร่างกายจนอยู่ขั้นสูงสุด แต่การใช้ปราณแท้และจิตดั้งเดิมของเขาก็ยังคงมีขีดจำกัด
หลังจากหอบหิ้วต่งเทียนอี้กับหลานออกมาจากค่ายฝึกแล้ว เยี่ยเทียนก็เปรียบเหมือนตะเกียงไร้น้ำมัน ด้วยวิชาความสามารถของเขา การใช้ปราณแท้จนสูญสิ้นนับว่าเป็นเรื่องยาก แต่ทันทีที่มันร่อยหรอลง การฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ย่อมใช้เวลานานเป็นพิเศษ
ขอเพียงเยี่ยเทียนสามารถฟื้นฟูร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ เขาเชื่อว่า การนำต่งเทียนอี้กับหลานชายข้ามผ่านชายแดนรัสเซีย ยังมีความเป็นไปได้สูง เพราะอย่างนั้นเยี่ยเทียนจึงเสนอข้อเรียกร้องนี้ต่อมาลาไกย์
“บอสส์ครับ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้หรอก”
มาลาไกย์ส่ายหน้า แค่นยิ้มตอบว่า “รัศมีโดยรอบจากตรงนี้หนึ่งร้อยห้าสิบกิโลเมตร กระทั่งเมืองหรือหมู่บ้านเล็กๆ ยังไม่มีเลย ต้นไม้เล็กๆ พวกนี้ไม่มีทางปกปิดร่องรอยของพวกเราได้ พอฟ้าสว่างเมื่อไหร่ฝ่ายตรงข้ามปล่อยเฮลิคอปเตอร์ออกมา พวกเราก็ถึงจุดจบแล้ว”
มาลาไกย์ลอบมองเยี่ยเทียนแวบหนึ่ง แล้วเสนอความคิดตัวเองออกมาอีกครั้ง “บอสส์ครับ ทิ้งต่งเทียนอี้กับหลานซะตอนนี้ หรือไม่ก็กำจัดพวกเขาทิ้งซะ ความเป็นไปได้ที่เราจะหลบหนีรอดมีถึงเก้าสิบเปอร์เซนต์ ชาวจีนมีสุภาษิตว่าไม่เห็นแก่ตน สวรรค์จะลงทัณฑ์ไม่ใช่เหรอครับ?”
“เหล่าหม่า ชาวจีนก็มีสุภาษิตว่า บุรุษมีสิ่งพึงกระทำ และไม่พึงกระทำเหมือนกัน!”
เยี่ยเทียนหรี่ตามองมาลาไกย์ ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “โน้มน้าวผมเรื่องนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ จะทิ้งต่งต้าจ้วงกับหลานไปไม่ได้ คราวหลังอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก!”
เห็นท่าทางของเยี่ยเทียนยืนกรานผิดปกติ มาลาไกย์ก็ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดออกมา “บอสส์ครับ ถ้าหากคุณไม่ยอมทำแบบนั้น ผม…ผมก็คงต้องหนีไปคนเดียวแล้วล่ะ!”
มาลาไกย์เป็นทหารรับจ้างนานาชาติอย่างแท้จริง และเขาก็รับภารกิจของเยี่ยเทียนมาแล้ว แต่ถ้าเยี่ยเทียนโง่เขลาพอจะเอาชีวิตตัวเองไปทิ้ง มาลาไกย์ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปฏิเสธ เขาไม่อยากทิ้งเงินที่เขาหามาด้วยหยาดเหงื่อแรงกายมาตลอดครึ่งชีวิตไว้ในธนาคารไปเปล่าๆ
เยี่ยเทียนโบกมือ เขากางแผนที่ไซบีเรียวางลงบนตัก พูดว่า “เหล่าหม่า ผมว่าคุณอย่าเพิ่งลนลาน เปิดไฟรถก่อนดีกว่า ผมจะดูแผนที่ให้ละเอียดอีกที!”
ความจริงจะมีไฟหรือไม่มีไฟ ก็ไม่แตกต่างสำหรับเยี่ยเทียนเท่าไหร่นัก แต่ว่าเวลานี้หากสามารถรักษาพลังงานเอาไว้ได้ ก็แปลว่าตนเองจะอยู่รอดปลอดภัยนานขึ้น ดังนั้นเยี่ยเทียนจึงเริ่มประหยัดกระทั่งการปลดปล่อยญาณของตนเอง
“บอสส์ เปิดไฟไม่ได้นะครับ แบบนั้นจะไม่ยิ่งเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเหรอ? ถึงแม้เฮลิคอปเตอร์ที่บินตอนกลางคืนจะหาเราไม่เจอ แต่ว่ากล้องดาวเทียมบนฟ้าคงต้องพบพวกเราจากแสงไฟอย่างแน่นอน!”
จากสายตาของมาลาไกย์ ถึงแม้พลังโจมตีของเยี่ยเทียนจะแข็งแกร่งจนแทบไม่ใช่มนุษย์ แต่ว่าภายในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เขากลับขาดแคลนประสบการณ์ในการรบจริง หากเปิดไฟตอนนี้ ก็เท่ากับชี้ทิศทางไปสู่เป้าหมายให้กับรัสเซีย
“กล้องดาวเทียม บนฟ้าเหรอ?”
พอได้ยินประโยคนี้ของมาลาไกย์ เยี่ยเทียนก็ฉุกคิดขึ้นมาทันที ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ แล้วเยี่ยเทียนก็ร้องตะโกนขึ้นมาทันใดว่า “ฉันรู้แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นภายในค่ายฝึก ต้องถูกกล้องดาวเทียมบนฟ้าตรวจจับได้แน่เลย บ้าเอ๊ย ทำไมฉันจึงคิดไม่ถึงจุดนี้นะ?”
ตอนที่เยี่ยเทียนเร่งรุดไปยังค่ายฝึก นายพลผู้นั้นกำลังจะยิงต่งเทียนอี้และหลาน เขาไม่แม้แต่จะหยุดคิดก่อนลงมือฆ่าฟันผู้คนด้วยซ้ำ ไหนเลยจะไปสนใจถึงกล้องดาวเทียมบนฟ้า? อย่างไรมันก็ห่างไกลจากชีวิตของเขาเสียเหลือเกิน
แต่หลังจากเยี่ยเทียนสังหารหมู่ลงไปแล้ว ในใจกลับสัมผัสถึงความรู้สึกไม่ชอบมาพากลบางอย่างอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าการกระทำของตนเองถูกค้นพบ จนกระทั่งมาลาไกย์พูดถึงกล้องดาวเทียมในตอนนี้ เขาถึงระลึกขึ้นมาได้
ความเข้าใจของเยี่ยเทียนต่อกล้องดาวเทียมนั้น ต้องบอกว่ามาจากการดูภาพยนตร์ชื่อดังเรื่อง 007 แนวคิดทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่อยู่ในภาพยนตร์ 007 เมื่อหกสิบปีก่อน ดูท่าจะกลายเป็นความจริงในปัจจุบันแล้ว กล้องที่จับภาพจากดาวเทียมที่มนุษย์สร้างขึ้นนอกโลก ก็คือหนึ่งในเทคโนโลยีจากภาพยนตร์ที่กลายเป็นความจริงขึ้นมานั่นเอง
“วันนี้สภาพอากาศไม่ค่อยดีนัก และภาพที่กล้องดาวเทียมถ่ายออกมาได้ ก็ไม่น่าจะเห็นภาพใบหน้าของคุณอย่างชัดเจน ผมสงสัยว่า หลังจากทางรัสเซียทำการเปรียบเทียบ คงจะจัดคุณให้อยู่ในหมวดผู้ต้องสงสัยคนสำคัญแล้วล่ะ”
ต้องบอกว่ามาลาไกย์นั้นผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ทั้งยังรู้ลึกเรื่องเทคโนโลยีชั้นสูงในปัจจุบันเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเทคโนโลยีกล้องดาวเทียมของรัสเซียมีประสิทธิภาพแค่ไหน แต่มาลาไกย์รู้ว่าประเทศอเมริกาไม่มีความสามารถพอจะถ่ายภาพใบหน้าของเยี่ยเทียนในเวลากลางคืน
แน่นอนว่ามาลาไกย์เองก็เคยดูภาพยนตร์เรื่อง 007 แต่ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ กับความเข้าใจด้านสถานการณ์ จึงพึ่งพาได้กว่าเยี่ยเทียนอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามแต่ ทางรัสเซียคงกำหนดให้ผมกลายเป็นเป้าโจมตีหลักไปแล้ว”
เยี่ยเทียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “เหล่าหม่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ผมจะรับหน้าที่เป็นเหยื่อล่อพวกทหารที่ตั้งด่านตลอดเส้นทางไปยังอีร์คุตสค์เอง ส่วนคุณพาพวกเขาเข้าไปยังอีร์คุตสค์แล้วไปที่สาธารณรัฐอัลไต คุณคิดว่ายังไง?”
พอเป้าหมาย ผู้ต้องสงสัยหลักที่ทางรัสเซียกำหนดคือตนเอง เยี่ยเทียนกลับรู้สึกโล่งใจขึ้นมา
นี่จึงแปลได้ว่า ขอเพียงตัวเยี่ยเทียนอยู่ในสายตาของกองทัพรัสเซีย ความสนใจทั้งหมดของพวกเขาย่อมต้องเพ่งมาที่ตนเอง ถึงเวลาการคุ้มกันบนเส้นทางอื่น คงผ่อนคลายลงเป็นธรรมดา ด้วยความสามารถของมาลาไกย์ การส่งตัวต่งเทียนอี้กับหลานออกจากชายแดนรัสเซีย คงจะไม่ใช่เรื่องยากลำบากนัก
“บอสส์ จะ…จะทำอย่างนั้นได้ยังไง? ต่อให้คุณเก่งกาจแค่ไหน แต่จะต้านทานกองทัพรัสเซียเพียงคนเดียวได้เหรอ?”
ได้ยินข้อเสนอของเยี่ยเทียนแล้ว มาลาไกย์ก็สั่นหน้ารัว รีบพูดต่อว่า “ต่อให้คุณไม่กลัวลูกกระสุน แต่ปืนสไนเปอร์ ปืนต่อต้านรถถัง ระเบิดมือ จรวดนำวิถีที่ติดมากับเฮลิคอปเตอร์ก็สามารถฆ่าคุณได้อยู่ดี”
เมื่อก่อนเยี่ยเทียนในสายตาของมาลาไกย์ คือเทพเจ้าผู้ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งของรัสเซีย เหล่าหม่าก็เกิดความสงสัยในความเชื่อของตนเอง อย่างไรเสียสหายเยซูคนนั้น ก็ถูกตะปูตรึงให้เลือดไหลจนเสียชีวิตบนไม้กางเขนเช่นกัน
“เหล่าหม่า นั่นมันเรื่องของผม ผมแค่ถามคุณ ว่าสามารถนำสองคนนี้หนีออกไป ในช่วงที่การคุ้มกันผ่อนคลายลงได้ไหม?”
เยี่ยเทียนโบกมือ ตัดบทคำถามของมาลาไกย์ ถึงแม้ตอนนี้ภายในร่างของเขาจะเหลือปราณแท้ไม่ถึงหนึ่งในสิบ แต่เยี่ยเทียนก็มั่นใจว่า ขอเพียงไม่มีลุงกับหลานตระกูลต่งถ่วงพลังงาน เขายังสามารถหนีการไล่ล่าของรัสเซียได้
พอเห็นว่าเยี่ยเทียนไม่ได้ล้อเล่น มาลาไกย์ก็ครุ่นคิดอย่างจริงจัง ตอบว่า “บอสส์ครับ ถ้าหากคุณสามารถดึงความสนใจของพวกมันไปได้จริงๆ ผมก็สามารถพาพวกเขาข้ามเขตแดนไปได้ แต่ว่าคุณจะทำยังไงต่อล่ะ?”
ไซบีเรียเป็นพื้นที่ที่มีผู้คนมากมายหลายเผ่าผสมผสานรวมกัน หนึ่งในนั้นครอบคลุมถึงชาวฮั่น เมื่อลุงหลานตระกูลต่งไม่ใช่คนที่ทางพระราชวังเครมลินให้ความสนใจ ด้วยความสามารถของมาลาไกย์ ย่อมสามารถผ่านพ้นจุดนี้ไปได้
แต่ไม่ว่าอย่างไรมาลาไกย์กลับไม่อาจเข้าใจการตัดสินใจของเยี่ยเทียน เวลานี้ความคิดของเขาค่อนข้างสับสน หรือว่าเยี่ยเทียนจะเป็นชาวตะวันออกเฉียงเหนือในตำนาน เป็น “เหลยเฟิงที่มีชีวิต” จากเพลงพื้นบ้านสักเพลง?
“งั้นก็ดี เหล่าหม่า ในหนึ่งชั่วโมงนี้ คุณสามารถขับรถหนีไปได้เลย ผมรับประกันว่า จะไม่มีใครคิดย้อนกลับไปตรวจค้นรถของคุณ”
เห็นท้องฟ้าเหลือเวลาเพียงสามชั่วโมงก่อนสว่างตรงหน้า เยี่ยเทียนก็ตัดสินใจได้ในที่สุด ปราณแท้ที่ฟื้นฟูขึ้นมาภายในร่างกายเขา ถึงแม้ไม่เพียงพอจะใช้วิชาเหินเวหา แต่ถ้าหากแค่ใช้ปกปิดร่องรอย กลับมีมากอย่างเหลือเฟือ
เห็นมาลาไกย์อ้าปากจะพูดต่อ เยี่ยเทียนก็ส่ายหน้าตอบว่า
“เอาเถอะ เวลากระชั้นเข้ามาแล้ว ไม่ต้องพูดอีกแล้วล่ะ เหล่าหม่า ขอเพียงคุณสามารถพาสองคนนี้ไปยังจีนได้ สัญญาจ้างวานสามสิบล้านดอลลาร์อเมริกาจะมีผลทันที”
เยี่ยเทียนยังออกจะกังวลจริงๆ ว่าหลังจากมาลาไกย์แยกจากตัวเองไปแล้ว จะทอดทิ้งต่งเทียนอี้กับหลาน จึงให้คำมั่นเรื่องเงินก้อนใหญ่ คำกล่าวที่ว่านกตายเพราะเห็นแก่กิน ไม่ได้นำมาประยุกต์ใช้กับชาวจีนเพียงชนชาติเดียว