หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 765 ไล่ล่าล้อมสกัด
ตอนที่ 765 ไล่ล่าล้อมสกัด
“รายงานผู้การ ทั้งสิบสองคนจากค่ายฝึกเสียชีวิตหมดแล้ว ส่วนเคิร์ทหายสาบสูญครับ!”
หลังจากเยี่ยเทียนจากไปได้สองชั่วโมง บริเวณสมรภูมิถูกเก็บกวาดเสร็จแล้ว บรรดาร่างของศพที่ตอนแรกก็ไม่ได้สมประกอบอยู่แล้วนั้นก็ไม่อาจรอดพ้นการระเบิดไปได้เช่นกัน แขนขาขาดกระจุยกระจายไปทุกทิศทาง จนสถานที่เกิดเหตุคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
“ส่งทีมเฮลิคอปเตอร์ไปดำเนินการค้นในเขตภูเขา จากนั้นให้กระจายกำลังไปเป็นหมู่ ล้อมสกัดตามแนวชายแดนไว้ พร้อมกันนั้นก็สั่งให้กองกำลังที่ประจำอยู่เขตชายแดนให้ความร่วมมือในการค้นหาด้วย!”
กินเนสส์พึมพำกับตัวเองครู่หนึ่ง แล้วจึงออกคำสั่งลงไป ก่อนที่จะได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ เขาก็เห็นจากภาพที่ดาวเทียมตรวจการณ์ถ่ายออกมาได้แล้ว
เนื่องจากสภาพอากาศที่แจ่มใส และกินเนสส์ยังใช้อำนาจที่ตนมีอยู่ในการเปลี่ยนแปลงวิถีโคจรของดาวเทียม จึงสามารถจับภาพสถานการณ์ที่นั่นได้ในทันที และเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้นกว่าเดิมมาก
“นอกจากนี้ ให้ส่งหน่วยพลร่มที่หนึ่งออกไป กระจายกำลังลงไปตามเส้นทางการหลบหนีของศัตรู เราจะต้องหาตัวมันออกมาให้ได้!”
แม้ว่าจะยังคงมองเห็นรูปพรรณสัณฐานของฝ่ายศัตรูได้ไม่ชัดเจน แต่ก็สามารถสรุปได้คร่าวๆ แล้วว่าฝ่ายนั้นเป็นชาวตะวันตกคนหนึ่ง ทางเครมลินที่มอสโควจึงจริงจังกับเรื่องนี้มาก เพราะอาจเป็นอุบายของบางประเทศทางตะวันตก ด้วยเหตุนี้กินเนสส์จึงพลอยได้รับความกดดันอย่างหนักไปด้วย
ส่วนการตัดสินใจที่จะส่งหน่วยพลร่มออกไปนั้น ก็ได้รับการอนุมัติจากท่านประธานาธิบดีแล้วด้วย หน่วยพลร่มนี้เป็นกองกำลังที่มีฝีมือเยี่ยมที่สุดในกองทัพของรัสเซีย หากจะกล่าวในบางแง่มุมแล้ว หน่วยทหารนี้ยังมีประสบการณ์ในการรบตามป่าและภูเขาสูงกว่ากองกำลังพิเศษอีก
ในสงครามโลกครั้งที่สอง หน่วยพลร่มของสหรัฐอเมริกาเคยสร้างผลงานในการสู้รบที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดเอาไว้
ดังนั้นหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ละประเทศจึงเริ่มพัฒนาหน่วยพลร่มของตนขึ้นเป็นการใหญ่ รัสเซียมีหน่วยพลร่มทั้งหมดสามหน่วย โดยหน่วยพลร่มที่หนึ่งมีความสามารถในการสู้รบสูงที่สุด จะเรียกว่าเป็นหน่วยทหารพลร่มพิเศษก็ว่าได้
“เคิร์ทไปอยู่ที่ไหนแล้วล่ะเนี่ย?”
หลังจากออกคำสั่งไปแล้ว กินเนสส์ก็นั่งอยู่หน้าแผนที่อย่างเหม่อลอย หลังจากดูภาพในวิดีโอที่ไม่ได้ชัดเจนมากนักช่วงนั้น เขาก็รู้แล้วว่า ชาวอังกฤษที่ท่านนายพลพามาแนะนำคนนั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่
“สลัดพวกมันไม่หลุดสักที ใช้คนมากรังแกคนน้อยแบบนี้ได้ยังไงกัน!”
บนเทือกเขาที่อยู่ระหว่างเขตปกครองไซบีเรียและสาธารณรัฐซาฮานั้น ร่างของเยี่ยเทียนกำลังโจนทะยานสลับทางไปมาอยู่ในป่า แต่ก็ยังคงมีเสียงเฮลิคอปเตอร์ดังมาจากเหนือศีรษะอยู่เป็นระยะ
“ไม่ได้การ ยังไงคนก็หนีเครื่องบินไม่ทันอยู่ดี หาที่พักก่อนดีกว่า!”
การเข่นฆ่าเมื่อหลายวันก่อนทำให้พลังกายของเยี่ยเทียนยังไม่ได้ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ และก่อนหน้านี้ยังถูกจู่โจมโดยเครื่องยิงจรวดอีก แม้ว่าจะหลบหลีกได้ทันเวลา แต่อวัยวะภายในก็ยังคงถูกกระทบกระเทือน หลังจากหนีตายโดยไม่หยุดพักเป็นเวลาสองชั่วโมงกว่าๆ พลังกายของเยี่ยเทียนจึงเริ่มจะไม่ไหวแล้ว
“เวรเอ๊ย จะไม่ยอมให้ฉันได้อยู่เป็นสุขเลยใช่ไหม!”
ขณะที่เยี่ยเทียนกำลังจะหาที่พักเอาแรงสักครู่ ทันใดนั้นเขากลับเห็นว่า เครื่องบินขนส่งทหารขนาดใหญ่สามลำได้บินผ่านเหนือศีรษะไป จุดดำๆ มากมายนับไม่ถ้วนทยอยกันกระโดดลงมากลางอากาศ
เยี่ยเทียนคาดไม่ถึงเลยว่า ฝ่ายตรงข้ามจะถึงขั้นส่งหน่วยพลร่มมาจัดการเขา เรื่องนี้ทำให้เขาเริ่มรู้สึกกดดันขึ้นมาแล้ว เพราะความเหนื่อยล้าทั้งทางร่างกายและจิตใจ เขาจึงไม่มีทางอำพรางกายได้ตลอดเวลาแน่นอน
“อ้าว? ถูกพบแล้วรึ?”
เยี่ยเทียนพลันรู้สึกชาวาบบนหนังศีรษะ เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าก็เห็นว่า เหนือศีรษะของเขาขึ้นไป มีทหารพลร่มนายหนึ่งโดดลงมาพอดี แล้วสายตาก็ดูเหมือนจะพุ่งเป้ามาที่ตัวเขาแล้ว
มนุษย์มีสัญชาติญาณชนิดหนึ่งมาตั้งแต่เกิด นั่นก็คือจะสามารถรู้สึกได้เองโดยธรรมชาติเมื่อตนตกเป็นเป้าสังเกตของผู้อื่น อย่างเวลาที่สายตาของคนอื่นมองมาที่เรา แม้จะอยู่ท่ามกลางคนหมู่มาก แต่ผู้ที่มีประสาทสัมผัสไวก็จะสามารถรู้สึกได้
ขนาดคนธรรมดายังเป็นเช่นนั้น เยี่ยเทียนยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ไม่ว่าจะเป็นสายตาที่ประสงค์ดีหรือประสงค์ร้าย จิตของเขาก็สัมผัสได้ทั้งนั้น พลร่มนายนั้นแม้จะยังอยู่ห่างจากเขาอีกไกลถึงเจ็ดแปดร้อยเมตร แต่เยี่ยเทียนก็สามารถบอกได้ว่า พลร่มนายนั้นพบเห็นเขาแล้ว
ดังคาด หลังจากผ่านไปสิบกว่าวินาที เสียงใบพัดหมุนก็ดังขึ้นมาระลอกหนึ่ง เฮลิคอปเตอร์ทหารสิบกว่าลำบินมาทางตำแหน่งของเยี่ยเทียนแล้ว
เยี่ยเทียนได้ยินเสียงดัง “ฟ้าว!” เบาๆ เขาไม่มีเวลาขบคิด กระโจนไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงขึ้นทันที แล้วก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นที่ข้างหลังของเขา
“ปังๆ…ปังๆๆ!”
เมื่อตำแหน่งของเยี่ยเทียนถูกพบ เฮลิคอปเตอร์เหล่านั้นก็กระจายกำลังกันมา ลูกกระสุนเทกระหน่ำลงมาเหมือนห่าฝนโดยมุ่งเป้าไปที่เยี่ยเทียน พลร่มบางนายที่พบร่องรอยของเยี่ยเทียนแล้วก็ลั่นไกมาทางเขาจากกลางอากาศด้วย
ขณะเดียวกัน เฮลิคอปเตอร์สามลำนั้นก็ยิงพลุนำทางลงมาสามดอก
“ปัง! ปังๆ!” หลังจากเสียงดังขึ้นสามครั้ง บนฟ้าเหนือร่างของเยี่ยเทียนก็ปรากฏประกายแสงสีขาวเจิดจ้าเป็นทางจากสามมุม ลำแสงนั้นสว่างมากจนแม้แต่เยี่ยเทียนยังตาพร่า
ป่าบนภูเขาที่ตอนแรกเริ่มมืดลงไปแล้วหลังจากอาทิตย์ตกดิน กลับสว่างขึ้นมาราวกับกลางวันแสกๆ ทันที และพลุนำทางเหล่านั้นก็ทำให้ตำแหน่งของเยี่ยเทียนถูกเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน
“ยกกำลังทั้งประเทศมาจัดการกับเราเลยรึ? มันไม่ได้ดูถูกเราเลยนี่หว่า!”
สถานการณ์ของเยี่ยเทียนในขณะนี้เรียกได้ว่า เป็นครั้งที่อันตรายที่สุดตั้งแต่เข้าสู่ยุทธภพมาเลย พลร่มจำนวนไม่น้อยได้กระโดดลงมาถึงพื้นดินแล้ว และกำลังโอบล้อมตำแหน่งของเขาไว้ ส่วนเฮลิคอปเตอร์ที่อยู่เหนือศีรษะก็อาจเป็นภัยต่อชีวิตของเขาได้ทุกเมื่อ
“เป้าหมายอยู่ที่ตำแหน่งสิบสองนาฬิกา เล็งเป้าไว้เรียบร้อยแล้ว ทุกหมู่จงฟัง ระดมยิงเข้าไปพร้อมกัน ไม่ต้องเจรจาฆ่าได้ทันที!”
หลังจากตำแหน่งของเยี่ยเทียนเปิดเผยออกมาแล้ว ทุกคนก็ได้ยินคำสั่งที่ถ่ายทอดลงมาทางวิทยุสื่อสารอย่างชัดเจน พลร่มพิเศษที่กระโดดลงมาถึงพื้นแล้วเหล่านั้นจึงเร่งเคลื่อนกำลังไปยังตำแหน่งของเยี่ยเทียนจากทุกทิศทางทันที
ตำแหน่งของเยี่ยเทียนในขณะนั้นเป็นเนินเขาเล็กๆ ลูกหนึ่ง ไม่เอื้อต่อการหลบซ่อนเลย นี่จึงเป็นสาเหตุหลักที่เขาถูกพลร่มบนฟ้าสังเกตเห็นได้
“อยากให้ฉันตายรึ? ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”
ดวงตาของเยี่ยเทียนฉายแววอำมหิต เดิมทีเขาตั้งใจจะลดการก่อบาปฆ่าสัตว์ตัดชีวิตลงบ้าง เพียงหนีออกจากรัสเซียให้ได้ก็พอแล้ว แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับบีบคั้นอย่างก้าวร้าวรุนแรงเช่นนี้ ทำให้เยี่ยเทียนเกิดโทสะขึ้นมาแล้ว
แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่แสงจากพลุสว่างขึ้น เยี่ยเทียนแค่นเสียงดังเฮอะ ร่างย่อต่ำลงไปในฉับพลัน แล้วกระโจนออกไปข้างหน้าราวกับเสือชีตาห์ ข้ามผ่านระยะทางหนึ่งร้อยกว่าเมตรในชั่วพริบตา ร่างของเยี่ยเทียนลงไปจากเนินเขาลูกนั้นแล้ว
เมื่อแผ่จิตออกไปรอบด้าน สภาพการณ์ภายในรัศมีสิบกว่ากิโลเมตรก็ปรากฏขึ้นในห้วงสมองของเยี่ยเทียนราวกับภาพสามมิติ จุดสีแดงแต่ละจุดที่เป็นตัวบ่งบอกตำแหน่งของสิ่งมีชีวิตนั้น ก็คงจะเป็นพวกทหารที่มาล้อมสังหารเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
เฮลิคอปเตอร์บนฟ้ายังคงไล่ตามเยี่ยเทียนต่อไป แต่ระดับความเร็วในการบินของพวกนั้นกลับตามไม่ทันเยี่ยเทียนแล้ว ลูกกระสุนเป็นตับเหล่านั้นก็ยิงลงมาที่ข้างหลังเยี่ยเทียนทั้งหมด
ตั้งแต่มีการค้นพบดินปืนเป็นต้นมา ทักษะการต่อสู้ส่วนบุคคลจึงค่อยๆ ลดความสำคัญลงไป ส่วนอาวุธที่ใช้ดินปืนกลับถูกนำมาใช้ในการทำสงครามสมัยปัจจุบันมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงปืนและเสียงระเบิดที่ดังมาจากข้างหลังนั้น จึงทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกถึงภัยอันตรายอย่างรุนแรง
“อาวุธสมัยนี้ถึงจะมีอานุภาพสูง แต่สุดท้ายก็เป็นแค่พลังภายนอก ถ้าคิดจะฆ่าฉันละก็ คงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”
แม้ภายนอกจะดูคับขัน แต่บนใบหน้าแบบชาวตะวันตกของเยี่ยเทียนนั้น กลับไม่ปรากฏความลนลานเลยแม้แต่น้อย เพราะเขารู้ว่า ในสถานการณ์แบบนี้ หากไม่สุขุมเยือกเย็นเข้าไว้ ก็มีแต่จะทำให้ตัวเองยิ่งตายเร็วขึ้น
“พระเจ้า นี่มันยังใช่คนอยู่ไหมเนี่ย? วิ่งเร็วยิ่งกว่าเสือชีตาห์อีกนะ!”
เยี่ยเทียนซึ่งกำลังเร่งความเร็วสุดกำลังนั้น ดูราวกับเป็นเงาสายหนึ่งก็ไม่ปาน คนบนเฮลิคอปเตอร์ต่างก็มองกันตาค้าง แม้แต่เจ้าหน้าที่สังเกตการณ์ที่มีประสบการณ์มากที่สุดก็ยังไม่อาจจับภาพของเยี่ยเทียนได้เลย
แทบจะเพียงไม่กี่ชั่วอึดใจ ร่างของเยี่ยเทียนก็กระโจนออกไปไกลถึงเจ็ดแปดร้อยเมตร พลร่มที่เพิ่งจะโดดลงมาถึงพื้นและกำลังจะปลดร่มชูชีพออกนายหนึ่งถูกเยี่ยเทียนพุ่งชนเข้าที่หน้าอกอย่างจัง
เกิดเสียงดัง “ตูม!” พลร่มนายนั้นยังไม่ทันได้ตอบโต้ ร่างก็ถูกชนจนกระเด็นขึ้นไปสูงลิ่ว ระหว่างที่ร่างอยู่กลางอากาศ อวัยวะภายในที่แหลกเป็นชิ้นๆ ก็สาดกระจายออกมาพร้อมกับเลือด
โดยปกติแล้ว พลร่มที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดนั้น ย่อมสามารถควบคุมตำแหน่งที่ตนจะร่วงลงไปได้อยู่แล้ว และก็มักจะโดดลงไปพร้อมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ เพื่อไม่ให้ถูกข้าศึกสอยร่วงไปทีละคน
ขณะนั้นภายในรัศมีสิบกว่าเมตรโดยรอบพลร่มนายนั้น ก็ยังมีเพื่อนร่วมทีมของเขาอยู่อีกสิบกว่าคน พลทหารเหล่านี้สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วยิ่ง ขณะเดียวกันกับที่เพื่อนทหารลอยกระเด็นขึ้นไป พวกเขาก็เล็งปากกระบอกปืนไปที่เยี่ยเทียนแล้ว
เพียงแต่ว่า หลังจากเยี่ยเทียนใช้แรงกระแทกที่สะสมมาจากการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงไปกับพลร่มนายนั้นจนหมดแล้ว ร่างของเขาก็เปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน เงาสายหนึ่งไหววูบผ่านบริเวณนั้น วนรอบๆ พลร่มเหล่านั้นไปรอบหนึ่งราวกับสายฟ้าแลบ แล้วบนพื้นดินบริเวณนั้นก็ไม่เหลือคนเป็นๆ อยู่อีกเลย
“พวกแกอยากจะมีชีวิตต่อ แต่ฉันเองก็ไม่อยากตายเหมือนกันนั่นแหละ!”
เมื่อเห็นพวกทหารที่นอนกองอยู่เต็มพื้น เยี่ยเทียนก็อดรู้สึกหดหู่ขึ้นมาไม่ได้ ดูจากรูปลักษณ์แล้ว ทหารพวกนี้ก็น่าจะมีอายุไม่ห่างกับเขามากนัก
แต่สถานการณ์ในขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่เยี่ยเทียนจะมามัวขบคิด เพราะระหว่างที่เขากำลังกำจัดพลร่มทีมนี้ เฮลิคอปเตอร์สิบกว่าลำนั้นก็พบเห็นตำแหน่งของเขาแล้ว
ทันใดนั้น เยี่ยเทียนรู้สึกว่าจุดสำคัญบนใบหน้าและตามร่างกายหลายจุดชาวาบขึ้นมา คาดว่าคงจะถูกมือปืนบนเฮลิคอปเตอร์เล็งเป้าหมายไว้เรียบร้อยแล้ว
เยี่ยเทียนยื่นมือออกไปเหมือนจะคว้าบางอย่าง แล้วปล่อยพลังดึงดูดปืนกลที่อยู่บนพื้นขึ้นมาถือไว้กระบอกหนึ่ง เขาปลดซองกระสุนออกอย่างคล่องแคล่ว สองมือนวดๆ คลึงๆ แล้วปืนกลที่ผลิตขึ้นจากเหล็กกล้าทั้งกระบอกก็ถูกเขาปั้นจนกลายเป็นก้อนเหล็กก้อนหนึ่ง
เยี่ยเทียนเงยหน้าขึ้นไปมองดูเฮลิคอปเตอร์ลำที่อยู่ใกล้กับเขามากที่สุด บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเย็นเยียบ มือขวาพลันขว้างลูกเหล็กออกไปอย่างแรง
“ตูม!”
ไม่กี่เสี้ยววินาทีหลังจากลูกเหล็กถูกขว้างออกไป เปลวเพลิงกลุ่มหนึ่งก็พลันระเบิดขึ้นกลางอากาศ ถังน้ำมันของเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นถูกลูกเหล็กพุ่งชน จึงระเบิดขึ้นมากลางท้องฟ้าทันที
หลังจากขว้างลูกเหล็กลูกที่หนึ่งออกไปแล้ว เยี่ยเทียนก็ไม่ได้หยุดนิ่งเลย ขว้างลูกเหล็กออกไปอีกสามลูกติดๆ กัน เฮลิคอปเตอร์ทั้งสามลำที่บินขนานกันมาเป็นทีมจึงร่วงตกลงไปบนพื้นในเวลาเดียวกัน
“ฝ่ายศัตรูมีอาวุธในครอบครอง ขอเสนอให้ใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดครับ!”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้คนขับเฮลิคอปเตอร์ที่ตามมาข้างหลังรีบหยุดลงทันที แล้วขอกำลังเสริมไปทางวิทยุสื่อสาร
แต่ทหารนายนั้นก็ไม่ได้คิดว่า หน่วยพลร่มต่างกระโดดลงไปกันหมดแล้ว ถ้าใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดตอนนี้ สงสัยว่าเยี่ยเทียนยังไม่ทันถูกระเบิดตาย ทหารพลร่มเหล่านั้นก็คงจะเหลือรอดชีวิตอยู่ไม่กี่นายแล้ว
“อ้าว? เจ้าผีดูดเลือด ตามมาเร็วเหมือนกันนี่”
หลังจากเฮลิคอปเตอร์ถอนกำลังไปชั่วคราว เยี่ยเทียนก็รู้สึกกดดันน้อยลงไปมาก เพียงแต่ขณะที่เขากำลังจะฝ่าออกไปจากวงล้อม ร่างก็กลับพลันหยุดยืนอยู่กับที่