หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 789 ปากไม่ตรงกับใจ
“ทางเจียงซานเธอไม่มีปัญหาหรอก ฉันให้คนไปเชิญเธอมาแล้ว”
เหลยหู่พยักหน้า ถ้าไม่มีไพ่เด็ดในมืออย่างเจียงซาน เขาอาจจะไม่ถึงกับเรียกทหารรับจ้างให้มาในครั้งนี้ แม้ว่าเหลยหู่จะเกลียดเยี่ยเทียนเข้ากระดูก แต่เขายังเห็นชีวิตของตัวเองมาก่อนอื่นใด
“ลุงเหลย เช้าขนาดนี้มาเคาะเรียกหนูมาทำไมคะ?”
ประตูห้องของเด็กสาวถูกเคาะเรียก เธอเดินสะลึมสะลือมาเปิดให้ ทั้งการอ่านใจคนหรือการมองเห็นอนาคตในฝันทำให้เธอสูญเสียพลังไปมาก ต้องการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
เพราะเหลยหู่ได้ดูแลเธอและแม่เลี้ยงอย่างดีตอนที่อยู่ออสเตรเลีย เจียงซานคงจะชักสีหน้าใส่อย่างไม่พอใจไม่ได้ แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่าทางของเด็กสาวยังดูขัดใจอยู่ไม่น้อย
เหลยหู่รู้ว่าเด็กสาวตรงหน้าอ่านใจคนอื่นได้ ต่อหน้าเธอไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำ เขาจึงพูดตามตรงว่า “เจียงซาน คนเลวที่บีบบังคับให้ลุงอยู่อย่างไร้หนทางคนนั้นตอนนี้เขาอยู่ในเคปทาวน์ ลุงอยากจะยืมแรงหนูจัดการเขาเสีย!”
เหลยหู่ตอนพักอยู่ที่ออสเตรเลีย เขามักจะอารมณ์เศร้าหมองไม่เบิกบาน หลังจากรู้จักหนูเจียงซานคนนี้ เขาได้พูดว่าร้ายเยี่ยเทียนว่าเขาเป็นคนเลวให้เธอฟังอยู่เป็นประจำ
“ลุงเหลยคะ เมื่อคืนหนูฝัน ฝันร้ายมาก!”
เจียงซานขยี้ตาอย่างง่วงงุน พูดต่อว่า “มีแต่เลือดเต็มไปหมด คนตายเยอะแยะเลย ลุงเหลย คนๆนั้นน่ากลัวมาก ลุงอย่าไปหาเรื่องเขาดีกว่านะคะ….”
เมื่อก่อนที่เจียงซานฝันร้าย วันรุ่งขึ้นในตำบลหมู่บ้านของเธอจะมีคนตาย ตอนเด็กๆเธอยังไม่เข้าใจ จึงเล่าเรื่องความฝันออกไป คนในตำบลต่างมองว่าเธอเป็นตัวซวย เมื่อโตขึ้นหน่อยแล้ว เจียงซานก็ไม่พูดให้ใครฟังอีก
ตามอายุที่เติบโตขึ้น ความฝันของเจียงซานเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ความฝันเมื่อคืนน่าสยดสยองมาก เป็นครั้งแรกที่เธอฝันแบบนี้ ในฝันนั้นมีเลือดไหลนองไปทั่วทั้งท้องฟ้าและผืนดิน คนตายไม่ได้มีแค่คนเดียว
“ฝันร้าย?”
เหลยหู่อึ้งไป “เจียงซาน เมื่อวานหนูเหนื่อยเกินไปต่างหาก ความฝันมันจะกลายเป็นความจริงไปได้อย่างไร?”
ในต่างประเทศก็ยังมีลัทธิที่งมงายหลงเหลืออยู่ เพียงแค่มองว่าเหตุการณ์ผิดธรรมชาติเป็นการกระทำของผีสางเทวดา ตอนเด็กๆเจียงซานคิดแบบนี้ จนเกือบทำให้เธอและแม่เลี้ยงถูกไล่ออกจากตำบล
เจียงซานจึงไม่ค่อยเล่าเรื่องความฝันของเธอให้ใครฟังว่าเป็นอนาคตที่กำลังจะเกิด เหลยหู่ก็ไม่รู้เช่นเดียวกันว่าเธอยังมีความสามารถแบบนี้อีกอย่าง และเห็นว่าความฝันของเธอไม่สำคัญ
เจียงซานส่ายหัว “ลุงเหลย ความฝันของหนูแม่นยำมาก ลุงอย่าไปหาเรื่องคนๆนั้นเด็ดขาด เขาจะฆ่าพวกของลุงตายหมด!”
เจียงซานสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็ก ถูกหญิงชาวยิปซีรับเลี้ยง ตลอดชีวิตที่เธอโตมามักถูกคนดูถูกดูแคลน ดังนั้นในความคิดของเธอความดีความชั่วนั้นแยกกันอย่างชัดเจน เหลยหู่เคยทำดีกับเธอมาก่อน เด็กสาวจึงเตือนด้วยความหวังดี
“หนูเจียงซาน คนๆนั้นเป็นคนเลว ทำเรื่องไม่ดีมามากมาย ครั้งนี้เขามาถึงเคปทาวน์ เป็นโอกาสที่ดีของเรา ฉันกับลุงเหลยก็เลยอยากให้เธอช่วย!”
เมื่อวานได้รู้ฤทธิ์วิชาอ่านใจของเด็กสาวแล้ว เหมียวจื่อหลงจึงเอ่ยปากด้วยความระมัดระวัง แต่เขาเหมือนกับเหลยหู่ที่ไม่เชื่อเรื่องความฝันของเธอ ตามทฤษฎีการทำนายฝัน เห็นการนองเลือดและคนตายกลับเป็นเรื่องดี เพราะความฝันมักจะตรงข้ามกับความเป็นจริงเสมอ
“ไม่ได้ค่ะ หนู….หนูกลัวเขาคนนั้น!”
สีหน้าของเจียงซานปรากฏแววหวาดหวั่น ในฝันเมื่อคืน แม้เธอจะไม่เห็นหน้าคนๆนั้นชัดๆ แต่รู้สึกว่าพลังจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวของเขากับร่างคนตายเกลื่อนเต็มพื้น ทำให้เธอตกใจจนนอนหลับไม่เป็นสุข และทำให้เธอจามไม่หยุดอยู่ตอนนี้
“เมเดียน่า เพียงแต่เธอช่วยควบคุมร่างกายเขาไว้ไม่กี่วินาทีเท่านั้นก็พอ”
เหลยหู่พยายามปั้นหน้ายิ้มเรียกชื่อเล่นของเธออย่างพะเน้าพะนอ “เรื่องแค่นี้สำหรับเธอไม่ได้หนักหนาอะไรเลยใช่ไหม? เพียงแค่ให้เขาขยับตัวไม่ได้ไปครู่เดียวเอง บ้านสวนของลุงเหลยที่ตำบลนั้นลุงยกให้เธอเลย!”
ระหว่างที่พูดเหลยหู่รู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ เขาอายุสี่สิบกว่าแล้ว ไม่คิดว่าจะต้องมาตะล่อมหลอกเด็กสาวแบบนี้ ถ้าใครรู้เข้า ถึงจะฆ่าเยี่ยเทียนได้สำเร็จ แต่เขาคงขายหน้าจนไม่กล้าอยู่ในยุทธภพต่อ
“ลุงเหลยคะ ได้โปรดเรียกหนูว่าเจียงซาน หนูมีชื่อภาษาจีน”
เด็กสาวไม่พอใจที่เหลยหู่เรียกชื่อเล่นของเธอ แต่แล้วก็หลงกลคำพูดประโยคหลังของเหลยหู่ เธอเบิ่งตาโตถามว่า “ลุงว่าจะยกบ้านหลังนั้นให้หนูใช่ไหมคะ?”
บ้านเก่าของพ่อแม่เธอเป็นบ้านเช่าอยู่ พอพ่อแม่ตายไปบ้านก็ถูกริบคืน สิบกว่าปีมานี้เธอกับแม่เลี้ยงอาศัยอยู่ในห้องเช่าขนาดสิบกว่าตารางเมตรเท่านั้น บ้านสวนของเหลยหู่มีพื้นที่ใหญ่เท่ากับสนามฟุตบอลหลายสนามรวมกัน ช่างเป็นข้อเสนอที่เย้ายวนใจ
“ใช่แล้ว เพียงแค่หนูรับปากลุงช่วยบังคับเขาให้ขยับตัวไม่ได้ไปครู่หนึ่ง ไม่เพียงแค่บ้านนะ ยังมีเงินสดที่ลุงจะมอบให้เธออีกสิบล้านดอลลาร์ด้วย!”
เหลยหู่พยักหน้าอย่างแข็งขัน พ่อลูกตระกูลเหลยอยู่ในสมาคมหงเหมินมาหลายปี สะสมทรัพย์สินเอาไว้ทั้งชีวิต เพื่อต้องการสะสางการถูกลบหลู่ อย่าว่าแต่สิบล้านหยวนเลย ต่อให้เขายกสมบัติครึ่งหนึ่งให้เขาก็ยินยอม
“หนูขอคิดดูก่อน!”
เด็กสาวอยากจะเน้นย้ำเรื่องความฝันที่จะเป็นจริงของเธออีกครั้ง แต่พอได้ยินข้อเสนอของเหลยหู่แล้ว เธอนิ่งเงียบลง ลำพังแค่เงินสิบล้านดอลลาร์นั้นก็เพียงพอให้เธอกับแม่เลี้ยงออกไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆได้อย่างสบายแล้ว
แต่พอคิดถึงความฝันเมื่อคืน เด็กสาวลังเลอยู่ไม่น้อย หลังจากเธออายุเต็มสิบขวบ เรื่องราวในความฝันมักจะเกิดขึ้นจริงอยู่เสมอ ถึงเธอจะมีความสามารถด้านการทำนาย กลับไม่มีทางแก้ไขเรื่องที่จะเกิดขึ้นได้
ศาสตร์การทำนายเป็นศาสตร์ที่ลึกลับซับซ้อน เด็กสาวมีความสามารถพิเศษมาแต่กำเนิด แต่การทำนายของเผ่ายิปซีถ้าเทียบกับการทำนายของจีนแล้วตื้นกว่ามาก เด็กสาวไม่อาจทำนายอนาคตของตัวเองได้ เธอจึงยังตัดสินใจไม่ได้เสียที
เห็นดวงหน้าสับสนของเด็กสาวแล้วเหลยหู่โน้มน้าวต่อ “ยี่สิบล้านดอลลลาร์ เมเดียน่า ขอแค่หนูช่วยลุง ลุงเพิ่มบ้านอีกหลังที่ฮาวายให้ หลังจากนี้หนูจะได้มองเห็นทะเลทุกวัน!”
“ยี่สิบล้านดอลลาร์ จริงหรือคะ?”
เด็กสาวตกใจจนอ้าปากค้าง บนโลกนี้ไม่ใช่ว่าใครจะมีเงินยี่สิบล้านดอลลาร์ได้โดยไม่ต้องทำอะไรเลย เผ่ายิปซีไม่มีงานการเป็นหลักแหล่ง ลำพังแค่ทำนายชะตาเพียงพอแค่หาเลี้ยงชีพไปวันๆเท่านั้น
ต่างประเทศไม่เหมือนกับประเทศจีน ที่ผู้คนต่างนับถือพระเยซู เวลามีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจอะไรก็มักไปเข้าโบสถ์หาบาทหลวง อาชีพทำนายดวงชะตายิ่งอยู่ยากขึ้นทุกที ดังนั้นเธอกับแม่เลี้ยงจึงอยู่อย่างอัตคัตมาตลอด
“จริงอยู่แล้ว ถ้าหนูไม่เชื่อละก็ ลุงจะเขียนเช็คเงินสดให้หนูก่อน รอจนงานสำเร็จแล้วค่อยทำเรื่องโอนบ้านสวนให้หนู!” เหลยหู่พยักหน้าอย่างหนักแน่น เงินไม่กี่สิบล้านกับบ้านหลังหนึ่ง ในสายตาเขาไม่ได้สำคัญเลย มันคุ้มค่ากับข้อแลกเปลี่ยนให้เด็กสาวยอมลงมือ
“ได้ค่ะ หนูรับปาก!”
ถ้าให้เลือกระหว่างความกลัวกับเรื่องเงินทอง เด็กสาวเลือกอย่างหลัง ในมุมมองของชาวยิปซี สิ่งที่จะได้มาต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอ แน่นอนว่าชนเผ่ายิปซีไม่ได้มีพรสวรรค์ด้านการค้าเหมือนคนเชื้อชาติยิว ถึงจะเป็นชนชาติที่สิ้นชาติเหมือนกันแต่คนยิวยังถือว่ามีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าชนเผ่ายิปซีมาก
“แต่จะให้หนูควบคุมเขา จะต้องเข้าไปในรัศมีห้าเมตรนะคะ พวกคุณต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย”
เด็กสาวหยุดคิดเล็กน้อยแล้วขอเพิ่มข้อเสนอ ตอนที่เธออายุเจ็ดขวบเธอถึงรู้ว่าเธอสามารถควบคุมร่างกายคนอื่นได้ ตอนนั้นมีเด็กในตำบลรังแกเธอ เจียงซานตัวน้อยถูกกลุ่มเด็กผลักจนล้มลงกับพื้น ด้วยความไม่ตั้งใจเธอใช้จิตบังคับให้เด็กคนพวกนั้นขยับตัวไม่ได้
ครั้งนั้นครั้งเดียว เด็กผู้ชายที่แกล้งเธออยู่บ่อยครั้งถูกเด็กหญิงต่อยจนจมูกหัก หลังจากนั้นเป็นต้นมา เด็กในตำบลก็ไม่มีใครกล้ารังแกเธอีกเลย
เมื่อเจียงซานโตขึ้น เธอพบว่าความสามารถที่ควบคุมร่างกายของคนอื่นได้หลายวินาที แต่กับคนที่ร่างกายกำยำล่ำสันระยะเวลายิ่งสั้นลง แต่ต่อให้เป็นคนที่แข็งแรงมากแค่ไหน ภายใต้การควบคุมของเจียงซานร่างกายของเขาขยับเขยื่อนไปไหนไม่ได้
“ศิษย์น้องเหมียว แกต้องให้การรับรองว่าคนของแกจะไม่ทำร้ายเจียงซาน!”
ฟังคำร้องขอของเจียงซานจบเหลยหู่หันมาทางเหมียวจื่อหลง เขารู้ว่าอาวุธหนักนั้นใช้กับเยี่ยเทียนไม่ค่อยได้ผล ถึงตอนนั้นจะต้องเกิดเหตุการณ์ระดมยิงขึ้นแน่ เด็กสาวตัวน้อยคนนี้ต้องตกอยู่ในอันตราย
“แน่นอนอยู่แล้ว ศิษย์พี่เหลย วางใจได้เลย ผมจะรับรองความปลอดภัยของเจียงซานเอง!”
เหมียวจื่อหลงรับปาก ในใจแอบยิ้มเย็น หลอกใช้ง่ายแบบนี้สิถึงจะคุ้ม เยี่ยเทียนตายแล้ว เด็กสาวจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับเขาแล้ว
แอบคิดอยู่ในใจแล้วเหมียวจื่อหลงตกใจรีบหยุดความคิดนั้นแล้วหันไปมองทางเด็กสาวทันทีด้วยความกลัวว่าจะถูกเธออ่านใจเข้าแล้วรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกหรือไม่?
ดูท่าทางเด็กหญิงเป็นปกติดี เหมียวจื่อหลงถึงโล่งใจ ดูแล้วเธอไม่ถึงกับอ่านใจคนอื่นตลอดเวลา คิดได้ดังนี้ เขารีบเอ่ยขึ้น “ศิษย์พี่เหลย อยู่เป็นเพื่อนคุณหนูเจียงซานก่อน ผมจะไปเตรียมการ!”
เพราะคำพูดกับความคิดไม่ตรงกัน เขาไม่กล้าคิดอะไรต่อ หากถูกเด็กหญิงจับความคิดได้จะเสียงานเปล่า เขาหาข้ออ้างเพื่อรีบหลบออกมาจากห้องนั้น
รอจนเหมียวจื่อหลงออกไปแล้วเจียงซานเบ้ปาก “ ลุงเหลยคะ คนแซ่เหมียวนั่นไม่ใช่คนดี!”
เหมียวจื่อหลงเดาไม่ผิด การอ่านใจคนทำให้เธอเสียพลังมาก เธออ่านใจคนอื่นตลอดเวลาไม่ได้ แต่ในวิชาการทำนายของชนเผ่ายิปซีนั้น ศึกษาด้านจิตวิทยามนุษย์อย่างลึกซึ้ง จากสายตาของเหมียวจื่อหลงเมื่อครู่ เธอรู้ได้ทันทีว่าเขาปากไม่ตรงกับใจ
…………………………………………