หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 840 พลอยวิเศษธาตุไม้
เยี่ยเทียนเคยได้พลอยวิเศษธาตุไม้มาก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเทียบกับเบาะรองนั่งสมาธิที่ทำมาจากหัวใจของต้นไม้แล้ว ทั้งสองอย่างไม่สามารถนำมาเทียบกันได้
ปราณวิเศษธาตุไม้ที่อยู่ในหัวใจของต้นไม้นั้น บริสุทธิ์มากกว่าแร่พลอยมากนัก แต่จากคำพูดของจางซันเฟิง หลังจากสูญเสียการเติมเต็มของปราณวิเศษที่ได้รับจากต้นไม้ยักษ์แล้ว พลังธาตุไม้ที่อยู่ในเบาะรองนั่งสมาธิที่ทำมาจากหัวใจของต้นไม้จะเหลือน้อยลงไปทีละนิด หลังจากรอให้ปราณวิเศษที่อยู่ภายในถูกดูดซับไปหมดแล้ว ของสิ่งนี้อย่างมากสุดก็มีประโยชน์ทำให้สุขภาพของคนแก่ชราแข็งแรงขึ้น
เนื้อหนังของจางซันเฟิงที่ไม่เน่าเปื่อยมากว่าสองร้อยปี ส่วนใหญ่ก็อาศัยการหล่อเลี้ยงของปราณวิเศษที่อยู่ในหัวใจของต้นไม้ ก่อนหน้านั้นก็ยังถูกเยี่ยเทียนดูดซับไปไม่น้อย ตอนนี้ปราณวิเศษที่จึงเหลืออยู่น้อยมาก จากการคำนวณของเยี่ยเทียน หากสามารถใช้ได้อีกสามถึงห้าปีก็ถือว่าไม่เลว
เยี่ยเทียนคิดว่ารอให้เหลยหู่เลื่อนเข้าสู่ระดับเซียนเทียนแล้ว เขาจะนำเบาะรองนั่งสมาธิมาแกะออกทั้งหมด แล้วทำเป็นจี้คล้องคอหรือพกพาสำหรับคนทั่วไป อีกทั้งยังจะใช้วิชาผนึกปราณวิเศษให้อยู่ในจี้ เพื่อให้ความเร็วในการสูญเสียปราณวิเศษถูกปล่อยออกมาอย่างช้าที่สุด
ปราณวิเศษธาตุไม้ มีคุณประโยชน์กับร่างกายของมนุษย์เป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับเครื่องรางของขลังที่ป้องกันคุ้มกันตัวแล้วยังแข็งแกร่งกว่าเป็นพันเท่า หากคนธรรมดาพกติดตัวเป็นระยะเวลานาน อย่างน้อยที่สุดก็ยังเพิ่มอายุขัยได้ถึงสิบปี เบาะรองนั่งสมาธิที่ใหญ่มากขนาดนี้ จึงมากพอที่เยี่ยเทียนจะทำให้คนในครอบครัวกับเพื่อนสนิททุกคน
ถ้าหากคนที่อยู่ในเสินหนงเจี้ยรู้ความคิดของเยี่ยเทียนล่ะก็ คงจะด่าว่าเขาเป็นคนที่ฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่ายอย่างแน่นอน
หัวใจของต้นไม้ที่เป็นของแปลกนี้ แม้อยู่จะอยู่ในเสินหนงเจี้ยก็ถือว่าเป็นวัตถุในตำนาน ต่อให้มันมีปราณวิเศษอยู่ภายในเพียงน้อยนิด แต่การนั่งทำสมาธิอยู่บนนี้ทุกวันจะมีผลทำให้สมาธิแน่วแน่และจิตใจสงบ นอกจากนี้เวลาที่จะต้องฝ่าด่านฝึกวิชานั้น จะยิ่งช่วยต้านทานจิตแห่งมารที่เข้ามาโจมตี เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่ประเมินค่าไม่ได้
ถึงแม้เยี่ยเทียนจะรู้ แต่เขาก็ไม่สนใจอะไรมาก เพราะเขาก็เป็นปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง มีความผูกพันกับเรื่องทางโลกมากเกินไป นับประสาอะไรกับสำนวนที่ว่าหนึ่งคนบรรลุธรรม ไก่สุนัขล้วนพากันขึ้นสวรรค์ และพ่อแม่ญาติพี่น้องของเยี่ยเทียนก็ไม่สามารถมีชีวิตที่ยืนยาวได้ ดังนั้นเขาจึงยอมเสียสละ ขอเพียงสามารถยืดอายุขัยของพ่อแม่และคนในครอบครัวได้ เยี่ยเทียนก็จะทำอย่างไม่คิดมาก
“ที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อมาเอาพลอยวิเศษ ไม่เกี่ยวอะไรกับแกเลย แกรีบถอยไป ฉันจะให้อภัยกับที่แกมาล่วงเกินฉัน!”
ถึงแม้จะรู้สึกตื่นเต้นมากกับภูติต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้า เยี่ยเทียนก็พยายามข่มความโลภที่อยู่ในใจ เพราะว่าวรยุทธของภูติต้นไม้นี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา บวกกับเพลิงแท้ก่อนกำเนิดระดับเซียนเทียนของเยี่ยเทียนนั้นก็มีความสามารถจำกัดในการใช้ หากทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันขึ้นมา เยี่ยเทียนจึงไม่มีเปอร์เซ็นต์ในการเอาชนะได้
เยี่ยเทียนเข้าใจดี ถ้าหากตัวเองจุดไฟไปทุกที่ ก็จะเป็นการทำให้ต้นหม่อนยักษ์ต้องโกรธเคืองอีก เกรงว่าเขาจะไม่มีแม้แต่โอกาสหนี ถึงอย่างไรต้นไม้โบราณก็มีอายุนับพันปีแล้ว ต่อให้ไม่เกิดสตินึกรู้ แต่ถ้าหากมันได้รับการข่มขู่จากความเป็นความตาย กลัวว่ามันจะช่วยภูติต้นไม้กำจัดเยี่ยเทียนเป็นแน่
เมื่อลองคิดคำนวณดูแล้ว โอกาสที่เยี่ยเทียนจะฆ่าภูติต้นไม้ชนะ จึงมีน้อยมากจริงๆ ต่อให้เยี่ยเทียนรู้ถึงคุณค่าของหัวใจต้นไม้ แต่การเสียเปรียบอะไรแบบนี้ เขาไม่ทำเด็ดขาด ขอเพียงสามารถได้พลอยวิเศษในปริมาณที่มากพอ ก็ถือว่าเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้สำเร็จแล้ว
“พละ…พลอยวิเศษ? นั่นคืออะไร?”
เมื่อเห็นเยี่ยเทียนลดเปลวไฟที่อยู่กลางฝ่ามือแล้ว จิตใจที่ตึงเครียดของภูติต้นไม้จึงผ่อนคลายลงทันที เพราะเปลวไฟนั่นสร้างความกดดันให้มันสูงมาก ทำให้ภูติต้นไม้เกิดการเตือนโดยสัญชาตญาณ ว่าสิ่งนั้นสามารถเผาไหม้ต้นกำเนิดของมันได้ จึงตั้งสติและคิดว่าจะต้องจำกัดให้สิ้นซาก
สัญชาตญาณในการดำรงชีวิตอยู่ทำให้ภูติต้นไม้เลือกที่จะเจรจา และขอเพียงจิตวิญญาณแห่งพืชหญ้านั้นเกิดสตินึกรู้ ก็จะมีความเฉลียวฉลาดมากกว่าสัตว์ร้ายเสียอีก หลังจากที่ใช้พลังจิตเจรจากับเยี่ยเทียนพักหนึ่งแล้ว ภูติต้นไม้ก็สามารถแสดงความต้องการของตัวเองออกมาได้อย่างแม่นยำ
“ก็คือของแบบนี้!” เยี่ยเทียนหงายฝ่ามือขึ้นมา แล้วพลอยวิเศษธาตุโลหะก็ปรากฏอยู่กลางฝ่ามือของเขา อานุภาพที่สามารถทำลายกำแพงเหล็กที่แข็งแกร่ง ก็ได้แผ่ซ่านออกมาจากในนั้น
“ที่นี่…ที่นี่ไม่มีของแบบนี้!”
เพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง เถาวัลย์ที่อยู่บนตัวของภูติต้นไม้ก็ส่ายไปมาเช่นกัน มันไม่เคยเห็นของแบบนี้มาก่อนจริงๆ ถ้าหากมี มันก็จะยอมให้เยี่ยเทียน เพื่อให้ตัวอันตรายอย่างเขารีบไปจากที่นี่
“ฉันไม่ได้หมายถึงอันนี้ แต่เป็นก้อนหินที่มีปราณวิเศษแผ่ออกมาเหมือนกับมัน…”
จิตของภูติต้นไม้ เต็มไปด้วยความคิดของเด็กอายุห้าหกขวบ ความสามารถในการเข้าใจจึงมีจำกัด เยี่ยเทียนต้องเสียเวลาพูดอยู่นาน ภูติต้นไม้ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ
“ก้อนหิน ภูเขาตรงโน้นก็มีก้อนหิน ก้อนหินนั่นสามารถกลายร่างเป็นคนมีพลังมาก ฉันยังไม่กล้าเข้าไป!”
“ยังมีตัวที่เก่งกว่าแกอีกหรือ? มันคืออะไร อยู่ที่ไหนกัน?”
เยี่ยเทียนรู้สึกหัวเราะไม่ออกและร้องไห้ไม่ได้กับคำพูดของภูติต้นไม้ แต่กลับคิดขึ้นมาในใจว่า สถานที่ที่มีพลอยวิเศษธาตุไม้จะมีภูติต้นไม้คอยปกปักษ์รักษาอยู่ เขาก็ไม่เคยเห็นพลอยวิเศษธาตุไม้มาก่อน ไม่รู้ว่าสถานที่ที่หินประหลาดนั่นอาศัยอยู่ใช่ที่ภูติต้นไม้พูดถึงหรือไม่?
ตอนนี้เยี่ยเทียนดูดซับพลอยวิเศษไปสี่ธาตุแล้ว นอกจากนี้ยังหลอมรวมกันได้เป็นอย่างดี เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะสา มารถดูดซับปราณวิเศษของธาตุดินได้หรือไม่ แต่สิ่งล่อใจมากมายขนาดนี้ กลับทำให้เยี่ยเทียนหัวใจเต้นโครมๆ
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว ภูติต้นไม้คิดอยู่นานครึ่งค่อนวัน แล้วพูดอย่างไม่ค่อยถูกเท่าไรว่า
“ที่ภูเขาตรงโน้น ถ้าเดินไปถึงพระอาทิตย์ตกดิน ก็จะเลยอาณาเขตของแม่ ดังนั้นข้าจึงสู้มันไม่ได้!”
“ความหมายของแกคือ ถ้าหากมันมาที่อาณาเขตของแก ก็จะสู้แกไม่ได้ใช่ไหม?”
เยี่ยเทียนตาสว่างทันที เพราะเขารู้ว่าแม่ที่ภูติต้นไม้พูดถึงนั้นก็คือต้นหม่อนโบราณต้นนั้น ในขณะที่ตื่นตะลึงกับขนาดใหญ่ของต้นไม้ยักษ์ ในใจของเขาก็ยังตื่นเต้นและคาดหวังอยู่บ้าง สงสัยว่าภูติภูเขาที่เกิดมาจากก้อนหินนั่น คงมีพลังไม่ถึงระดับจินตัน
เยี่ยเทียนสามารถพูดได้ว่าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกของการฝึกบำเพ็ญตบะ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในเสินหนงเจี้ยก็ตามแต่ ยอดฝีมือระดับจินตันนั้นก็น้อยจนสามารถนับนิ้วได้ การเกิดสติปัญญาของมนุษย์ก็เช่นกัน ไม่ต้องพูดถึงภูติผีปีศาจ สิ่งที่พวกเขาต้องแลกทั้งหมดเพื่อบำเพ็ญตบะนั้น ยังมากกว่ามนุษย์หลายพันเท่า
ต่อให้เกาะแห่งนี้จะใหญ่กว่าหลายมณฑลในประเทศจีน เมื่อเทียบกับจำนวนต้าเยาระดับจินตันก็ถือว่าน้อยจนนับนิ้วได้เช่นกัน รวมทั้งหมดแล้วมีเพียงเจ็ดแปดตนเท่านั้น สามารถพูดได้ว่า อัตราที่เยี่ยเทียนจะเจอกับต้าเยาพวกนั้น มีน้อยกว่าอัตราในการถูกรางวัลใหญ่จากการซื้อลอตเตอรี่เสียอีก
“แน่นอนอยู่แล้ว ถ้ามันกล้ามา ก็สู้ข้าไม่ได้หรอก!”
ภูติต้นไม้ไม่รู้ว่าเยี่ยเทียนกำลังหลอกถามอยู่? มันเพิ่งเกิดสติปัญญาได้ไม่นาน และยิ่งไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่สามารถสื่อสารได้ จิตใจจึงบริสุทธิ์เหมือนกระดาษสีขาว หลังจากที่ได้ใช้พลังจิตสื่อสารกับเยี่ยเทียนสองสามประโยค มันจึงดีใจมากเป็นพิเศษ กระทั่งเรื่องบาดหมางใจที่เยี่ยเทียนวางเพลิงมันก็ลืมไปแล้ว
“เดี๋ยวรอให้ฉันหาพลอยวิเศษธาตุไม้เจอก่อน แล้วฉันจะพาแกไปสู้กับมันดีไหม? มีฉันช่วยแก มันจะต้องสู้แกไม่ได้แน่นอน!”
เนื่องจากเยี่ยเทียนเคยท่องเที่ยวในยุทธภพจึงได้ฝึกความหน้าด้านมาด้วย ตอนที่พูดคำพวกนั้นออกไปก็ยังรู้สึกคันยุกยิก เพราะภูติต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้านี้ไร้เดียงสาเหมือนกับเด็กมากจริงๆ ดังนั้นตัวเองจึงเป็นเหมือนลุงแก่ๆ ที่พูดจาหลอกเด็กไปโดยปริยาย
“ดี ดี มีเจ้าช่วยข้า ข้าต้องสู้มันชนะแน่นอน!”
ภูติต้นไม้ตื่นเต้นดีใจจนกิ่งก้านและใบไม้สะบัดวุ่นไปทั่วตัว แต่ไม่ช้ามันก็มองเยี่ยเทียนอย่างระมัดระวังทันที แล้วส่งเสียงไปว่า
“พลอยวิเศษที่เจ้าต้องการมันคืออะไรกันแน่? สิ่งที่อยู่ในตัวของข้าให้เจ้าไม่ได้นะ!”
ภูติต้นไม้สามารถสัมผัสกลิ่นอายที่คล้ายจากตัวของมันได้จากภายในร่างของเยี่ยเทียน และภูติต้นไม้ก็รู้ดีว่า พวกภูติอย่างพวกมัน ถ้าหากสูญเสียแก่นสำคัญของต้นไม้ไป ก็จะทำให้สตินึกรู้หายไปทันที
เมื่อเป็นเช่นนี้ กลิ่นอายแบบนั้นที่อยู่ในตัวของเยี่ยเทียน เห็นได้ชัดว่าเป็นการเข่นฆ่าพวกเดียวกันกับตัวเอง นี่จึงเป็นสาเหตุหลักที่ภูติต้นไม้ออกมาเพื่อฆ่าเยี่ยเทียน
“ไม่ต้องการของของแกหรอก แกแค่อย่ามาขัดขวางฉันทำธุระก็แล้วกัน!”
เยี่ยเทียนโบกมือ เงยหน้ามองตำแหน่งของพระอาทิตย์ หลังจากยืนยันทิศทางแล้ว จึงเดินไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือของภูติต้นไม้ แล้วจึงก้มหน้าตรวจสอบพื้นดินครู่หนึ่ง จากนั้นจึงใช้สองมือขุดดินขึ้นมา
เยี่ยเทียนใส่ปราณแท้ไปที่มือทั้งสองข้าง จึงเป็นเหมือนเครื่องขุดดิน แค่กรงเล็บมือจับลงไป มือของเขาก็ไม่ได้ติดดินโคลนอะไรมาก ไม่นานรอบๆ ตัวของเยี่ยเทียนก็มีกำแพงดินที่พูนสูงขึ้น บดบังร่างของเยี่ยเทียนทั้งหมด
“เจ้ากำลังหาอะไรเหรอ?”
ขณะที่เยี่ยเทียนกำลังขุดอย่างบากบั่น เสียงของภูติต้นไม้ก็ดังเข้ามาในหูของเขา ทำให้เยี่ยเทียนตกใจจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว ขนาดคนหลอกคนยังตกใจ มาเจอผีหลอกคนจึงยิ่งทำให้ตกใจเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะตอนที่เจ้าตัวนี้เข้ามาใกล้นั้น กลับไม่มีสุ้มเสียงใดๆ ออกมา
“ก็บอกแกไปแล้วไม่ใช่หรือ พลอยวิเศษ ฉันต้องการหาพลอยวิเศษ!”
เมื่อเห็นว่าภูติต้นไม้ไม่คิดโจมตีตัวเอง เยี่ยเทียนจึงวางใจ ถึงแม้สัตว์ป่าและภูติผีจะทำสิ่งต่างๆ โดยอาศัยสัญชาต ญาณ มีการกระทำที่โหดเหี้ยมอย่างมากเป็นบางครั้ง แต่หากมองในอีกแง่มุมหนึ่งแล้ว พวกมันมีความไร้เดียงสาและน่า เชื่อถือมากกว่าสังคมของมนุษย์เสียอีก
“เอ๋? ปราณวิเศษเกิดการเปลี่ยนแปลง สงสัยฉันจะหาถูกตำแหน่งแล้ว ฮ่าๆๆ!”
ตอนที่เขากำลังพูดอยู่นั้น จู่ๆ เยี่ยเทียนก็หัวเราะออกมาเสียงดัง เพราะเขารู้สึกถึงปราณวิเศษธาตุไม้ที่หนาแน่นส่งผ่านมาจากใต้ดิน จึงรู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก สายแร่ของพลอยวิเศษเท่าที่เขารู้มา สามารถใช้พลังจิตในการตรวจสอบได้ทั้งหมด และตอนนี้ก็สามารถสัมผัสกับปราณวิเศษธาตุไม้ได้แล้ว จึงคิดว่าสายแร่ต้องอยู่ข้างล่างนี้แน่นอน
“นักพรตเฒ่าไม่ได้โกหกฉันจริงๆ ที่นี่มีพลอยวิเศษธาตุไม้อยู่!”
ความเร็วในการขุดของเยี่ยเทียนช้าลงมาก ตอนที่มือขวาของเขาขุดได้วัตถุที่แข็งแกร่งและเย็นชิ้นหนึ่งออกมาจากใต้ดินนั้น ใบหน้าของเขาจึงอดมีสีหน้าดีใจออกมาไม่ได้
นี่คือแร่พลอยสีน้ำเงินอ่อนทั้งชิ้น มีขนาดประมาณฝ่ามือของเด็กทารก ข้างบนเต็มไปด้วยเส้นลายไม้ ถ้าหากไม่มองอย่างละเอียด ก็คงจะคิดว่านี่คือท่อนไม้ที่แข็งกลายเป็นหิน แต่เยี่ยเทียนไม่ได้เห็นของพวกนี้เป็นครั้งแรก พอมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นพลอยวิเศษธาตุไม้
“ที่แท้ก็เป็นธาตุไม้จริงๆ ด้วย!”
เยี่ยเทียนเอามือลูบไปที่พลอยวิเศษชิ้นนี้ด้วยความชอบมาก หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่เกือบธาตุไฟเข้าแทรกที่สระมังกรดำมาแล้ว ในใจของเยี่ยเทียนนั้น คิดว่าผลการจากทำงานของพลอยวิเศษธาตุไม้มีประโยชน์มากกว่าพลอยวิเศษธาตุอื่น
คำโบราณกล่าวว่าของที่หายากย่อมมีราคาแพง ยกเว้นที่ได้พลอยวิเศษธาตุไม้ขนาดเท่านิ้วมือมาจากศิษย์น้องของติงหงแล้ว เยี่ยเทียนก็ไม่เคยได้ยินว่าที่ไหนจะมีพลอยวิเศษชนิดนี้อีก ตอนนี้จึงเก็บพลอยวิเศษอย่างระมัดระวังเป็นอย่างมาก จากนั้นจึงพับแขนเสื้อขึ้นแล้วเริ่มขุดต่อ
………………………………..