หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 885 อวยพร
อันที่จริง ตอนที่อู๋เหล่าเพิ่งเข้ามา ไม่มีใครสนใจเขาเลย แม้แต่คุณป้าน้าอาเยี่ยเทียนต่างก็พูดคุยอยู่กับแขก แต่ทันทีที่อู๋เหล่าเอ่ยปากพูด ทุกคนในนั้นถึงกับหันไปทางเดียวกันหมด
ภาพที่เกิดขึ้นยังไม่เท่าไหร่ จู้เหวยเฟิงรับบุหรี่จากเยี่ยตงผิงกำลังจุดไฟอยู่ เปลวไฟเผาโดนผม เฉินสี่ฉวนกำลังจะดื่มน้ำชา มือสั่นจนชาร้อนหกใส่ตัว
เว่ยหงจวินเพิ่งเยี่ยมเด็กเสร็จ กำลังก้าวข้ามคานประตู ถึงกับขาอ่อน ถ้าไม่ใช่เพราะจับประตูไว้ คงล้มไปกับพื้นแล้ว
ทุกคนมีท่าทีเช่นนี้ก็เพราะว่า…ไม่มีใครเคยคิดว่าจะได้เจออู๋เหล่าที่บ้านของเยี่ยเทียน
อู๋เหล่าเป็นใคร เขาเป็นถึงบุคคลสำคัญอันดับสองของประเทศ อันดับของเขาสูงกว่าซ่งเฮ่าเทียนตั้งหลายระดับ แล้ววาระการดำรงตำแหน่งยังเหลืออีกหลายปี ถือเป็นผู้มีตำแหน่งสูงมาก
หากว่ามีบุคคลสำคัญของประเทศเสียชีวิต แล้วอู๋เหล่าทำหน้าที่เป็นตัวแทนท่านประธานเยวี่ย ก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล
แต่ในวันนี้ เพียงแค่เยี่ยเทียนคลอดลูกชาย บวกลบเวลาแล้วยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง อู๋เหล่าปรากฏอยู่ที่นี่แล้ว เหตุการณ์ผิดปกติเช่นนี้ นอกจากจะตกตะลึงกันถ้วนหน้าแล้ว จะไม่ให้ทุกคนคิดไปต่างๆนานาได้อย่างไรกัน
แล้วเมื่อครู่ อู๋เหล่าแทบไม่ได้เอ่ยถึงซ่งเฮ่าเทียนเลย นั่นเท่ากับว่า เขามาที่นี่ก็เพราะเยี่ยเทียน ซึ่งการมาของเขาทำให้เยี่ยตงผิงกับซ่งเวยหลันและญาติสนิททุกคน ต่างก็งงงวยกันไปหมด
“ขอขอบคุณท่านประธานเยวี่ยเป็นอย่างสูง ขอบคุณอู๋เหล่าด้วยครับ!”
ต่อหน้าผู้คน ท่าทีบางอย่างเยี่ยเทียนจำเป็นต้องทำ เช่นการแสดงความขอบคุณยิ่ง เขากล่าวว่า
“คุณตาอยู่ด้านใน เชิญอู๋เหล่าเข้าไปดื่มน้ำชาด้วยกันก่อนครับ!”
“อ้าว ซ่งเหล่าก็อยู่ด้วยงั้นหรือ?”
อู๋เหล่ารู้อยู่แล้วว่าการปรากฏตัวของเขาจะทำให้ผู้คนตกใจ เขายิ้มและกล่าวว่า
“อย่างไรแล้วผมก็ยังไม่สนิทกับคุณเท่าซ่งเหล่าสินะ งั้นผมต้องรบกวนน้ำชาสักแก้วแล้วล่ะ!”
ตั้งแต่กินยาที่เยี่ยเทียนให้ อู๋เหล่ารู้สึกว่าร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก จากใจลึกๆ เขาอยากกระชับความสัมพันธ์กับเยี่ยเทียนมากกว่า แต่เยี่ยเทียนไม่ได้ให้ความสำคัญมาก จึงไม่ค่อยปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาบ่อยนัก เพราะฉะนั้น ทันทีที่ได้รับคำเชิญ แม้จะยุ่งแค่ไหน อู๋เหล่าก็ไม่มีทางปฏิเสธคำเชิญแน่นอน
“ท่านประธานอู๋ มาได้ไงครับเนี่ย?”
ซ่งเฮ่าเทียนได้ยินบทสนทนาด้านนอก จึงเดินออกมาต้อนรับ
“ซ่งเหล่า ยินดีด้วยครับ นี่มันตระกูลสี่รุ่นเลยนะ!”
อู๋เหล่ารับของจากคนยืนด้านหลัง กล่าวว่า
“นี่เป็นภาพเขียนหนังสือฝีมือของท่านประธานเยวี่ย ที่มอบให้เยี่ยเทียนเป็นของขวัญ ซ่งเหล่า คุณอย่าหาว่าพวกผม ขี้งกนา!”
สิ่งที่อู๋เหล่าพูดออกมา คนในเรือนยิ่งตาค้างไปกันใหญ่ ลูกชายเยี่ยเทียนเพิ่งเกิดได้กี่ชั่วโมงเอง ภาพเขียนหนังสือโดยประธานเยวี่ยก็ส่งมาถึงที่เรือนแล้ว คงไม่ต้องถามต่อ เพราะท่านคงลงมือเขียนทันทีที่ได้ยินข่าว
คนในเรือนยิ่งเกิดคำถามกันใหญ่ ด้วยสถานะของอู๋เหล่ากับท่านประธาน งานศพของเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนแต่แสดงความเสียใจโดยการส่งตัวแทนไป แล้วเยี่ยเทียนทำบุญด้วยอะไร พวกเขาถึงขั้นมอบของขวัญให้ คนหนึ่งเป็นผู้ลงมือเขียน อีกคนหนึ่งเป็นผู้เดินทางมามอบให้
“ไม่หรอกครับ ขอบคุณท่านประธานมากครับ ท่านประธานอู๋ เชิญเข้ามานั่งก่อนครับ!”
เมื่อเห็นว่าเยี่ยเทียนรับภาพหนังสือไปเรียบร้อย ซ่งเฮ่าเทียนจึงเชิญอู๋เหล่าเข้าไปห้องโถงใหญ่
“เยี่ยเทียน ทำไมลูกไม่เข้าไปด้วย?”
เยี่ยตงผิงที่เพิ่งได้สติ หันไปมองลูกชาย กล่าวว่า
“ถึงแม้ท่านประธานอู๋มาเพราะเห็นแก่หน้าของคุณตา แต่ลูกเป็นเจ้าของงาน ลูกควรเข้าไปด้วยนะ!”
คำพูดของเยี่ยตงผิงจี้จุดหลายคนมาก บุคคลระดับพบได้เฉพาะในโทรทัศน์มาปรากฏอยู่ตรงหน้า การมาของเขาต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ เกรงว่านอกจากโก่วซินเจียที่อยู่ในห้องและโจวเซี่ยวเทียนที่อยู่ในสวนตั้งใจไม่ออกมาแล้ว ทุกคนในงานต่างก็รู้สึกว่าเยี่ยเทียนละเลยอู๋เหล่ามากเกินไป
ในมุมมองของโก่วซินเจียและโจวเซี่ยวเทียน เขาสองคนบรรลุโลกของมนุษย์ไปแล้ว แม้อู๋เหล่าจะมีอำนาจเสียดฟ้า แต่ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับพวกเขา ในเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างก็อยู่คนละระดับ ความต้องการก็ไม่เหมือนกันแน่นอน
“ไม่เป็นไรหรอกครับพ่อ อู๋เหล่าไม่ได้มาหาผมหรอก”
เยี่ยเทียนยิ้มและส่ายหัว หันไปมองโจวเซี่ยวเทียนและพูดว่า
“มา กางภาพเขียนตัวหนังสือให้ทุกคนดูกันดีกว่า”
“อืม มาดูกันว่าท่านประธานเยวี่ยเขียนว่าอะไร”
“เยี่ยเทียน รีบเปิดดูสิ!”
คำพูดของเยี่ยเทียน ดึงดูดความสนใจจากอู๋เหล่ามาอยู่ที่เขา สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังภาพเขียนหนังสือที่ม้วนเก็บอยู่ คนที่เล่นของเก่าเหมือนกับเยี่ยตงผิง มองแว๊บเดียวก็มองออกแล้วว่า น้ำหมึกบนภาพยังไม่แห้งสนิท
“ขอแสดงความยินดีกับเยี่ยเทียน จากxxเยวี่ย”
ประโยคธรรมดา มีลายเซ็นและวันเวลาที่เขียนกำกับอยู่ใต้ภาพ ถึงแม้นี่จะเป็นคำอวยพรง่ายๆ แต่ตราประทับสีแดงสดที่อยู่ใต้ชื่อผู้เขียนนั้น สร้างความชื่นชมให้กับทุกคนไม่น้อย
“ลายมือแย่มาก ศิษย์พี่ใหญ่ใช้มือซ้ายเขียนยังสวยกว่านี้!”
เมื่อเห็นลายมือในภาพนั้นแล้ว เยี่ยเทียนอดพึมพำไม่ได้ แม้ลายลักษณ์อักษรนี้มีพลังอำนาจแฝงอยู่ แต่หากใช้มุมมองการเขียนพู่กันในการดู พื้นฐานการเขียนพู่กันแทบจะไม่มี ไม่เข้าตาเยี่ยเทียนเลยก็ว่าได้
“พูดอะไรของแก?”
เยี่ยตงผิงยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงพึมพำของลูกชาย จึงหันไปเขม่นตาใส่และพูดว่า
“เอาภาพมาให้ฉัน เดี๋ยวฉันจะเอาไปแขวนประดับ!”
“พ่อ ก็แค่ภาพเขียนหนังสือ พ่อไม่ต้องไปเองก็ได้ครับ”
เยี่ยเทียนเบ้ปาก เห็นฉางเฮ่ายืนอยู่หน้าประตูกลางฉวนฮวาเหมิน จึงกวักมือเรียกและพูดว่า
“เหล่าฉาง ช่วยไปแถวหลิวหลีฉ่าง หากรอบมาใส่ให้ที ไม่มีใครว่างไปเลยอะครับ!”
อันที่จริงเยี่ยเทียนขี้เกียจไปต่างหาก อย่าว่าแต่ใส่กรอบเลย การแขวนภาพเขียนนี้ไว้บนกำแพง สู้ให้โก่วซินเจียใช้มือซ้ายเขียนคำขวัญคู่ยังดีเสียกว่า ถึงจะเป็นเช่นนั้น ต่อหน้าผู้คนเยี่ยเทียนก็ต้องแสดงความใส่ใจออกมาบ้าง เขาจึงเรียกให้ฉางเฮ่าเป็นคนไปหาซื้อ
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของเยี่ยเทียน ฉางเฮ่ารีบเดินมาหาและตอบว่า
“ครับคุณเยี่ย ผมจะหาช่างทำกรอบที่ดีที่สุดให้ครับ!”
หลังจากย้ายมาอยู่ตรอกซอยนี้ กำลังภายในที่ไร้การพัฒนาของฉางเฮ่า มีการพัฒนาเก่งขึ้นพอสมควร เพราะได้รับคำแนะนำจากเยี่ยเทียนเพียงไม่กี่คำ ด้วยเหตุนี้แหละเขาจึงเชื่อฟังคำที่ออกจากปากของเยี่ยเทียนมากกว่าคำสั่งเจ้านายที่เขาต้องปกป้องเสียอีก
“เยี่ยเทียนเคยทำอะไรเหรอ? แม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอู๋เหล่าก็กล้าเรียกใช้งาน?”
ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์นี้ยิ่งงงไปกันใหญ่ พวกเขาล้วนแต่เป็นบุคคลที่พบเจอผู้คนหลายระดับ โดยเฉพาะจู้เหวยเฟิง ที่รู้จักเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้เป็นอย่างดี ความสงสัยที่มีอยู่บนใบหน้าของเขาก็ชัดมากที่สุดเช่นกัน
ผู้นำสำคัญทุกท่านจะมีกองกำลังป้องกันเฉพาะทุกคน แล้วคนพวกนี้จะรับผิดชอบความปลอดภัยของผู้นำเท่านั้น เวลาไปข้างนอกตัวติดแทบไม่เคยห่าง นอกจากคำสั่งของผู้บังคับบัญชาแล้ว หากประสบปัญหาด้านความปลอดภัย พวกเขาจะไม่สนใจความรู้สึกใดใดของผู้นำที่ถูกป้องกันจากอันตราย และจะพาผู้นำไปยังที่ที่ปลอดภัยด้วยการบังคับด้วยซ้ำไป
และสมาชิกหน่วยป้องกันที่มีวินัยคนนี้แหละ ที่ปฏิบัติต่อเยี่ยเทียนด้วยความนอบน้อมและเคารพ ทำตามคำสั่งของเยี่ยเทียนได้โดยไม่แม้แต่จะคิด และไม่ได้ทำเพราะซ่งเฮ่าเทียนแน่นอน ทำให้เยี่ยเทียนที่คุ้นชินอยู่แล้ว เวลาอยู่ในสายตาของทุกคน กลับดูลึกลับมากขึ้นอีก
“ลุงเฉิน ท่านประธานจู้ พวกคุณสองคนคุยกันไปก่อน เดี๋ยวผมขอตัวก่อน!”
เยี่ยเทียนทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว เมื่อเห็นสายตาของทุกคน เขาไม่คิดว่าอู๋เหล่าจะส่งของขวัญด้วยตัวเองอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นจู้เหวยเฟิงหรือคนอื่น ก็คงตกใจไม่แพ้กัน
แต่เรื่องนี้เยี่ยเทียนไม่รู้จะอธิบายให้ทุกคนฟังยังไง หลังจากขอตัว เขาเดินไปห้องที่อู๋เหล่ากับซ่งเฮ่าเทียนอยู่ทันที
คนที่อยู่ด้านนอก มีจำนวนไม่น้อยที่รู้ว่าเยี่ยเทียนไม่เหมือนคนทั่วไป ถึงแม้จะตกใจพอควร แต่ไม่มีใครกล้าวิจารณ์อะไร กลับเป็นอีกคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วเอามือปิดปากเอาไว้
“พี่จ้าว ผมไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม? คนนั้นคือท่านประธานอู๋จริงเหรอ?”
พยาบาลหลิวที่เปิดซองของเยี่ยเทียนก่อนคนแรก คลายมือออก ปากที่อ้าค้างไว้กว้างจนยัดไข่เข้าไปได้ทั้งฟอง
หมอและพยาบาลเหล่านี้ มีแต่อาจารย์หวังที่มีโอกาสพบเจอผู้นำระดับประเทศ ฉะนั้นจึงไม่ตกใจที่เจออู๋เหล่า แต่คนอื่นกลับตกตะลึงกันถ้วนหน้า เพราะพวกหล่อนเห็นเหตุการณ์และบทสนทนาทั้งหมดอย่างชัดเจนผ่านประตูที่แง้มเอาไว้
“ใช่ครับท่านประธานอู๋!”
หัวหน้าจ้าวสีหน้าดูตื่นเต้นเล็กน้อย เขามองพยาบาลกับหมอเหล่านั้น พูดกับพวกเขาด้วยสียงแผ่วเบาว่า
“ตอนกลับ รีบนำซองเหล่านี้ส่งมอบขึ้นไปให้องค์กร ถ้าทำผิดกฎ ไม่มีใครช่วยพวกคุณได้นะ!”
หลังจากได้ยินหัวหน้าจ้าวพูดแบบนั้น พยาบาลพยักหน้าด้วยความไม่เต็มใจ เพราะเมื่อครู่พวกเธอตกใจเพราะจำนวนเงินบนเช็ค ตอนนี้ตกใจเพราะท่านประธานอู๋ปรากฏตัว แล้วใครจะกล้ารับเงินนั้นไว้อีกล่ะ?
“หืม? เงินไม่ถึงมือเหรอ?”
เยี่ยเทียนถอดจิตคลุมทั้งเรือนเอาไว้ พอเขาได้ยินบทสนทนาของพยาบาลเหล่านั้น เขาแอบขำ
ท่านประธานเห็นท่าทีของเยี่ยเทียน ถามด้วยความสงสัยออกไปว่า
“เสี่ยวเยี่ย ทำไมหรือ? ไม่ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนฉันหรอก ไปดูแลภรรยากับลูกชายเถอะ!”
“ไม่เป็นไรครับ เอ่อ ท่านครับ ผมมีเรื่องจะรบกวนท่านนิดนึงครับ”
เยี่ยเทียนไอหนึ่งที กล่าวว่า
“อาจารย์หวังกับพยาบาลที่ช่วยทำคลอดให้ชิงหย่าเหนื่อยกันมาก ผมเตรียมอั่งเปาไว้ให้พวกเขา แบบนี้ไม่ถือว่าทำผิดกฎใช่ไหมครับ?”
ท่านประธานอู๋เป็นใคร? หลังจากได้ยินเยี่ยเทียนพูดประโยคนี้เสร็จ เขาเข้าใจความหมายทันที การปรากฏตัวของเขาทำให้ซองแดงของเยี่ยเทียนไปไม่ถึงมือคนพวกนั้น เขายิ้มและกล่าวว่า
“วันมงคลแบบนี้ ให้อั่งเปาไม่ถือว่าผิดกฎ เยี่ยเทียน พาผมไปหาพวกเขาหน่อย!”
………………………