หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 910 มอบรางวัลให้
“อืม มีของดีมากอันหนึ่ง แล้วก็ยังมีของที่ได้มาอย่างไม่คาดคิด กลับไปแกก็จะรู้”
เยี่ยเทียนพยักหน้าพลางยิ้ม การที่สามารถตามหาส่วนที่ขาดหายไปของ “ทุยเป้ยถู” ในต่างแดนได้ เยี่ยเทียนรู้สึกเหมือนมีมือใหญ่คู่หนึ่งอยู่ในความมืด กำลังจัดการความเป็นไปของเรื่องอยู่ และได้ถูกกำหนดตั้งแต่ตอนที่เจอหน้ากับตระกูลคิตะมิยะแล้ว
“อาจารย์ ของดีอะไรครับ?”
โจวเซี่ยวเทียนรู้จักสายตาของอาจารย์เป็นอย่างดี สิ่งของที่เขาพูดว่าเป็นของดี แสดงว่าต้องไม่ใช่ของธรรมดาแน่นอน ถ้าหากไม่ใช่เพราะอยู่ในธนาคารล่ะก็ เกรงว่าโจวเซี่ยวเทียนคงจะเปิดกระเป๋าเดินทางไปนานแล้ว
“รีบร้อนอะไร? เดี๋ยวกลับไปจะให้แกเลือกแล้วมอบเป็นของขวัญให้ติงติง ถือว่าอาจารย์มอบให้เป็นของขวัญทักทายเด็กน้อยของแกก็แล้วกัน”
เมื่อเห็นท่าทางดีใจเหมือนลิงของโจวเซี่ยวเทียนแล้ว เยี่ยเทียนจึงอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เพราะลูกศิษย์ที่อยู่ต่อหน้าตัวเองนี้ ก็ยังคงไร้เดียงสาเหมือนตอนแรกไม่เปลี่ยน แต่ความจริงเขาก็โตเป็นผู้ใหญ่สามารถจัดการเรื่องต่างๆ ได้ด้วยตัวเองแล้ว อีกทั้งเรื่องจุกจิกมากมายของสำนักเสื้อป่านก็ได้เขาที่ค่อยช่วยเหลือเหลยหู่มาตลอด
“ฮ่า ๆ ขอบคุณครับอาจารย์” โจวเซี่ยวเทียนได้ยินแล้วจึงหัวเราะขึ้นมา ของที่เยี่ยเทียนเอาออกมา จะเป็นของกิ๊กก๊อกได้อย่างไร?
ระหว่างที่ทั้งสองคนพูดกันอยู่ก็เดินมาถึงหน้าประตูธนาคาร กู้ต้าจวินได้รับข้อความแล้วจึงขับรถเข้ามา หลังจากรถที่เยี่ยเทียนนั่งพ้นสายตาของเบิร์นไซด์แล้ว หัวหน้าที่ดูแลเรื่องตู้เซฟก็ถูกเจอโรมเรียกเข้าไป ซึ่งประธานกรรมการก็แค่อยากถามเขาว่ารู้หรือไม่ว่าเยี่ยเทียนได้ของอะไรไป?
แน่นอนว่าเจอโรมได้ถูกกำหนดให้เจอกับความผิดหวัง อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่กู้ต้าจวินที่ใกล้ชิดกับเยี่ยเทียน หลังจากส่งเยี่ยเทียนกลับถึงตึกเล็กแล้ว ก็ยังถูกเยี่ยเทียนหาข้ออ้างแล้วไล่ออกไป
“อาจารย์ ตอนนี้เปิดได้หรือยังครับ?”
หลังจากไล่กู้ต้าจวินออกไปแล้ว โจวเซี่ยวเทียนก็ถูมือทั้งสองข้าง มองกระเป๋าเดินทางของเยี่ยเทียนที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชาอย่างอดใจไม่ไหว เนื่องจากพลังจิตของเขายังไม่ก่อตัว จึงไม่สามารถตรวจสอบว่าในกระเป๋าเดินทางมีของอะไรกันแน่ จึงทำให้หัวใจของเขาคันยุกยิกอยากรู้มาตลอดทาง
“อืม แกดูเองก็แล้วกัน!”
เยี่ยเทียนพยักหน้า เขารู้ว่าลูกศิษย์ของตัวเองยากจนมาตั้งแต่เด็ก บวกกับยังไม่เข้าสู่ระดับเซียนเทียน ความปรารถนาในเรื่องเงินทองจึงเข้มแข็งกว่าคนธรรมดาทั่วไปเพียงเล็กน้อย ดังนั้นของที่อยู่ในกระเป๋านี้จะต้องทำให้เขาตื่นตะลึงแน่นอน
“ทำ…ทำไมอัญมณีเยอะจังครับ?”
หลังจากเปิดกระเป๋าแล้ว ดวงตาของโจวเซี่ยวเทียนจึงตื่นตะลึง เพราะสิ่งที่เข้าตาส่วนใหญ่คือเพชรแพรวพราวที่ส่องประกายไปทั่วภายใต้แสงไฟที่สาดส่อง เกิดเป็นสีสันที่สวยสดงดงาม แม้แต่เยี่ยเทียนก็ยังต้องเอียงศีรษะเล็กน้อย จึงไม่ตาลายเพราะแสงของเพชรและอัญมณี
“อาจารย์ ของพวกนี้คือไอ้ญี่ปุ่นตระกูลคิตะมิยะเหลือไว้เหรอครับ?”
โจวเซี่ยวเทียนพูดพึมพำ
“นี่คือหยกจักรพรรดินี่ครับ คุณภาพของหยกชิ้นนี้ใสเหมือนแก้วเลย แม่เจ้า หยกแดงเกรดดี หรือว่าหยกที่ดีที่สุดในพม่าต่างก็มาอยู่ที่นี่ครับ?”
โจวเซี่ยวเทียนเคยทำงานร้านขายเก่ากับเยี่ยตงผิงมาสองปี แถมยังเคยเป็นโจรขโมยขุดสุสานมาก่อน จึงมีความเข้าใจลึกซึ้งเรื่องหยกและของโบราณมาก แค่มองคร่าวๆ ก็สามารถแยกแยะประเภทเพชรพลอยที่อยู่ในกระเป๋าได้ทันที
“อาจารย์ ในนี้นอกจากทับทิมเกรดดีสีแดงเหมือนเลือดนกแล้ว ก็คือหยกที่มีมากที่สุด แถมยังเป็นหยกเกรดสูงทั้ง หมด แค่หยกพวกนี้ ก็น่าจะมีมูลค่ามากกว่าห้าร้อยล้านแล้วนะครับ แถมยังเป็นเงินดอลลาร์อีกด้วย!”
หลังจากคัดแยกประเภทของพลอยและอัญมณีแต่ละเกรดแล้ว โจวเซี่ยวเทียนจึงอดพ่นลมหายใจเย็นออกมาไม่ ได้ เหมือนกับว่าของสะสมอย่างอัญมณีประเภทนี้ เป็นสิ่งของหายากและมีปริมาณน้อย และหยกจำนวนหนึ่งร้อยถึงสองร้อยชิ้นที่อยู่ในกระเป๋านี้ จึงมีมูลค่าราคาที่ยากจะประเมินได้
“เยอะขนาดนั้นเชียว? ฉันคิดว่าอย่างมากก็แค่สองหรือสามร้อยล้านหยวน!”
หลังจากได้ยินคำพูดของลูกศิษย์แล้ว เยี่ยเทียนจึงตกใจ ถึงแม้เขาจะเคยพนันหินมาก่อน แต่ก็ไม่รู้ราคาที่แท้จริงของสิ่งของพวกนี้
“แน่นอนครับ อาจารย์ ท่านดูหยกอันนี้หรือยังครับ?”
โจวเซี่ยวเทียนหยิบหยกน้ำงามที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นขึ้นมาหนึ่งชิ้น แล้วพูดว่า
“หยกชิ้นนี้น้ำงามเป็นสีเดียวกัน คือหยกจักรพรรดิ ท่านรู้ไหมครับ แหวนของหยกจักรพรรดิที่มีขนาดเท่าเล็บมือก็มีราคาถึงหลักล้าน เม็ดใหญ่ขนาดนี้ จะสามารถทำเป็นแหวนได้กี่วง…”
เนื่องจากหยกผลิตขึ้นในพม่า และช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เนื่องจากความขาดแคลนของทรัพยากรในเหมืองแร่ ทำให้ราคาจึงเพิ่มสูงขึ้น มีหยกมากมายที่มีราคาแซงเพชรไปแล้ว แน่นอนว่า นี่คือกิจการที่อยู่ในแถบเอเชียเท่านั้น เพราะระดับการยอมรับของตลาดตะวันตก หยกขายได้ราคาน้อยกว่าเพชรมาก
สำหรับเงินทองไม่มีความหมายใดๆต่อเยี่ยเทียนอีก หลังจากได้ยินคำพูดของโจวเซี่ยวเทียน เขาจึงอดเกาคางไม่ได้ จากนั้นจึงยิ้มพูดว่า
“กลับไปฉันจะเอาของพวกนี้ให้พ่อ คาดว่าน่าจะหักล้างราคาภาพวาดสีน้ำมันของปีกัสโซได้”
“แพงกว่าภาพวาดนั่นแน่นอนครับ!”
โจวเซี่ยวเทียนพยักหน้าเหมือนลูกไก่จิกข้าว เมื่อรู้ว่าเยี่ยเทียนจะเอาหยกชิ้นนี้มอบให้พ่อของอาจารย์ เขาจึงได้แต่วางกลับไปอย่างเสียดาย
เมื่อเห็นท่าทางของโจวเซี่ยวเทียนแล้ว เยี่ยเทียนจึงอดสบถด่าไม่ได้ “ดูท่าทางของแกเข้า ยังมีของดีอยู่ในถุงอีก แกก็หยิบไปถุงหนึ่งก็แล้วกัน!”
“เพชร? โอ้พระเจ้า ทั้งหมดเป็นเพชรร่วมสามสิบกะรัตขึ้นไป? นี่…มันอยู่ในถุงนี้ทั้งหมดใช่ไหมครับ?”
ตอนที่โจวเซี่ยวเทียนหยิบถุงแล้วเทเพชรออกมานั้น ดวงตาของเขาเบิกกว้างทันที
ถึงแม้ของล้ำค่าที่ตระกูลคิตะมิยะจะมีมากมาย แต่โจวเซี่ยวเทียนก็คิดไม่ถึงว่าของพวกนี้จะมีมูลค่าสูงถึงเพียงนี้ แค่เพชรเม็ดเดียว ก็เกรงว่าจะมีคุณภาพสูงกว่าปริมาณการผลิตเพชรภายในสามปีทั่วโลกก็เป็นได้
“อาจารย์ ยังมีของดีอะไรอีกครับ?”
หลังจากดูเพชรที่อยู่ในกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว โจวเซี่ยวเทียนจึงมองเยี่ยเทียน เพราะเขารู้ว่าด้วยสายตาของอา จารย์ สิ่งของที่เขาชอบนั้นไม่สามารถใช้เงินประเมินค่าได้ จึงคิดว่าในตัวของเยี่ยเทียน จะต้องมีของมีค่าซ่อนอยู่แน่นอน
เยี่ยเทียนได้ยินจึงยิ้มขึ้นมาแล้วพูดว่า
“เอากระเป๋าไปเก็บในห้องเถอะ แล้วแกก็ไปเรียกกู้ต้าจวินกับท่านฑูตมาด้วย พวกเราพักอยู่ที่นี่ ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายหน่อย”
“เรียกพวกเขามาทำไมครับ? หรือว่าจะต้องแบ่งผลประโยชน์ให้พวกเขาด้วย?”
โจวเซี่ยวเทียนพูดบ่นไม่พอใจออกมา แต่ก็ยังเอากระเป๋าเข้าไปเก็บในห้องนอนอย่างเชื่อฟัง แล้วจึงโทรเรียกกู้ต้าจวินกับท่านฑูตให้เข้ามา
“คุณเยี่ย เป็นยังไงบ้างครับ จัดการเรื่องเรียบร้อยไหมครับ?”
เนื่องจากพรุ่งนี้ก็จะเปิดการประชุมใหญ่แล้ว เวลานี้เยี่ยเทียนคือหัวใจสำคัญของท่านฑูตโจว ดังนั้นเรียกปุ๊บต้องมาปั๊บ
“เรียบร้อยครับ ท่านฑูตโจวครับ เหล่ากู้ การได้รู้จักกันถือว่าเป็นวาสนาอย่างหนึ่ง ผมมีของจะมอบให้พวกคุณครับ!”
เยี่ยเทียนยิ้ม แล้วจึงหยิบกล่องคริสตัลออกมาจากกระเป๋า ยื่นต่อหน้าโจวจี้หวา
“คุณเยี่ย พวกเราจะรับของขวัญจากคุณได้ยังไงครับ?”
เมื่อเห็นเยี่ยเทียนหยิบกล่องคริสตัลเป็นประกายออกมา จึงรู้ว่าไม่ใช่ของธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด โจวจี้หวาจึงพูดอย่างขมขื่นว่า
“กฎระเบียบของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานต่างประเทศเข้มงวดมากครับ ต่อให้เป็นการรับของขวัญจากเพื่อนต่างชาติ ก็ต้องเขียนแบบฟอร์มขออนุญาตแล้วส่งให้ประเทศครับ คุณเยี่ย ของชิ้นนี้พวกเราขอยืนกรานไม่รับเด็ดขาดครับ”
ตอนนั้นท่านฑูตโจวเป็นคนกำหนดกฎระเบียบของคนที่ทำงานต่างประเทศขึ้นมาเอง แม้ว่าจะเป็นการรับของที่ไม่มีค่าอะไรแค่หนึ่งชิ้น ก็ต้องเขียนรายงาน ซึ่งหลายปีที่ผ่านมานี้ เจ้าหน้าที่ด้านการฑูตก็ปฏิบัติตามกฎระเบียบมาตลอด มีน้อยมากที่จะแอบรับของขวัญเป็นการส่วนตัว
“ของสิ่งนี้ไม่ได้ให้พวกคุณครับ ผมจะให้พวกคุณมอบเป็นรางวัลให้กับประเทศ!”
เยี่ยเทียนเบ้ปาก แล้วพูดว่า
“ถ้าหากพวกคุณไม่รับก็อย่าเสียใจทีหลังนะครับ เพราะมีคนมากมายที่อยากได้!”
“อย่าครับ คุณเยี่ย ถ้ามอบให้กับประเทศพวกเรายินดีมากครับ!”
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว ดวงตาของโจวจี้หวาจึงเป็นประกายทันที ยื่นมือไปรับกล่องคริสตัล เปิดออกดู
“นี่คืออะไรครับ? หรือว่าจะเป็นแหวนหยกครับ?”
ของที่อยู่ในกล่องได้ใส่แหวนที่คล้ายกับหยกสีขาวบริสุทธิ์ เวลาที่มองของสิ่งนี้ ก็เหมือนจะทำให้จิตใจของคนเราสงบลง โจวจี้หวาจึงอดยื่นมือออกไปไม่ได้ อยากจะหยิบวัตถุชิ้นนี้มาเล่นในมือเสียหน่อย
“คุณโจวครับ ของสิ่งนี้จะจับสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ครับ”
เยี่ยเทียนรีบขวางมือของโจวจี้หวาที่ยื่นออกมาแล้วพูดว่า
“นี่คือพระบรมสารีริกธาตุ จากการวิเคราะห์ของผมแล้ว น่าจะเป็นพระบรมสารีริกธาตุข้อนิ้วของพระศากยมุนี ถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ท่านฑูตโจวจะดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้นะครับ!”
สาเหตุที่เยี่ยเทียนทำดีกลับโจวจี้หวาขนาดนี้ เนื่องจากพระบรมสารีริกธาตุนี้ เป็นพลังศรัทธาของมวลมนุษย์ ถ้าหากมันได้รับการกราบไว้บูชา พลังปรารถนาก็จะทำให้อันตรายและโรคภัยพ้นตัว แต่ถ้ามีจิตใจที่ไม่เคารพ ก็จะทำให้ชาวบ้านเป็นไข้ล้มป่วยตาย
“พระบรมสารีริกธาตุ? เยี่ย..คุณเยี่ย คุณพูดจริงหรือครับ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว โจวจี้หวาเดิมทีที่ยิ้มเล็กน้อยกลับกลายเป็นนิ่งทื่อขึ้นมา เพราะตกใจคำพูดของเยี่ยเทียนอย่างเห็นได้ชัด
ถึงแม้ลัทธิเต๋าจะมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตอนนี้จำนวนของสาวกพระพุทธศาสนามีมากกว่าลัทธิเต๋ามาก โดยเฉพาะสถานที่ที่มีความเชื่อในศาสนาอย่างทิเบต ที่ใช้ศาสนาเป็นตัวกำหนดความมั่นคงในสังคม
สำหรับเขตพื้นที่พวกนี้ หลายปีที่ผ่านมาทางประเทศได้มีการออมมือมาโดยตลอด การปรากฏขึ้นของพระบรมสารีริกธาตุ จะทำให้ได้รับความสำคัญจากประเทศ ยังได้รับการประเมินและมีฐานะที่สูงมากขึ้น ตอนนั้นที่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปที่ฮ่องกงและใต้หวัน ก็ทำให้เกิดความอึกทึกครึกโครมเป็นอย่างมาก
สามารถพูดได้ว่า พระบรมสารีริกธาตุในศาสนาพุทธ มีตำแหน่งสำคัญมากกว่าสิ่งใด ถ้าหากประเทศประกาศออกไปว่าค้นพบพระบรมสารีริกธาตุล่ะก็ คงจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมากเรื่องหนึ่ง และเอื้อต่อความสามัคคีและสงบสุขของประเทศ
ในฐานะเอกอัครราชทูตของประเทศ โดยเฉพาะสถานที่ที่นับถือศาสนาพุทธที่น้อยมากในยุโรป โจวจี้หวาจึงทราบคุณค่าของพระบรมสารีริกธาตุเป็นอย่างดี พร้อมกับแววตาที่แสดงความตื่นเต้นออกมา ส่วนกู้ต้าจวินที่เป็นทหารกลับงุนงง พลางมองสีหน้าของท่านฑูตโจวที่เปลี่ยนไปมาอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
“คือพระบรมสารีริกธาตุ จริงแท้แน่นอนครับ ท่านฑูตโจว ถ้าหากคุณไม่ต้องการ ผมก็จะส่งให้ประเทศจีนโดยตรงนะครับ!”
ที่เยี่ยเทียนมอบพระบรมสารีริกธาตุ ตัวเองก็ได้พิจารณาแล้วว่า ถึงแม้พระบรมสารีริกธาตุจะมีมูลค่ามาก แต่ปราณวิเศษที่อยู่ภายใน ไม่เหมาะสมกับผู้บำเพ็ญเต๋าอย่างพวกเขา
และสิ่งที่ทำให้เยี่ยเทียนลำบากใจที่สุดก็คือ เขาไม่สามารถขายพระบรมสารีริกธาตุได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการไม่เคารพต่อพระพุทธศาสนา และเกรงว่าเยี่ยเทียนจะโดนคำครหาจากสาวกของพระพุทธศาสนาทั่วโลกอีกด้วย
……………………………