หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 126 ล้างไม่ออก
บทที่ 126
ล้างไม่ออก
สุดท้ายเทียนเอ๋อจึงได้กัดฟันและคิดที่จะสั่งสอนท่านอาจารย์ของเขาให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และรสนิยมของผู้คน ดังนั้นเขาจึงได้เดินไปใกล้ๆหลินซีเหยียน
“ท่านอาจารย์ คนคนนั้นน่ะนะหน้าตาก็งดงามไม่เท่าท่านแม่ของข้า แล้วยังไม่มีวิชาการแพทย์และความสามารถรอบด้านอย่างท่านแม่อีก อย่างนางน่ะไม่เหมาะสมกับท่านหรอก ถ้าหากใครจะเป็นภรรยาของท่านอาจารย์แล้วก็ควรจะเป็นอย่างท่านแม่”
เทียนเอ๋อกล่าวอย่างน่าจะเป็น
เจียงหวายเย่ก็ยินดีขึ้นมาเมื่อได้เขาได้ยินเช่นนี้ “เทียนเอ๋อนี่วิสัยทัศน์ดีจริงๆ แต่ถ้าแม่ของเจ้าไม่สนใจอาจารย์ล่ะ?”
“ไม่เป็นไรขอรับ ข้าจะช่วยท่านเอง”
เทียนเอ๋อก็ได้ทุบอกเล็กๆของเขา แต่ไม่ได้รู้เลยว่าท่านแม่ของเขาที่อยู่ข้างหลังนั้นมีใบหน้าสีดำขึ้นมา ราวกับว่าเวลาตายของเขานั้นอยู่อีกไม่ไกล
และเพื่อป้องกันไม่ให้ปากเล็กๆของเทียนเอ๋อนั้นพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมาอีก หลินซีเหยียนก็ได้ดึงหูของเจ้าลูกชิ้นขาว
“การที่ท่านอาจารย์ของเจ้าจะไปชอบใครรักใครนั้น? มันก็ไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า?”
ท่ามกลางเสียงคร่ำครวญของเทียนเอ๋อ เสียงที่น่ากลัวของแม่ของเขาก็ได้ดังเข้าหูของเขามา และอารมณ์โกรธที่แฝงอยู่ในนั้นทำให้เจ้าลูกชิ้นรู้สึกกลัวขึ้นมา
นี่เขาพูดอะไรผิดไปเหรอ? ทำไมท่านแม่ของเขาถึงได้ออกอาการขนาดนี้!
ก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น หลินซีเหยียนก็ได้บอกให้เจียงหวายเย่พาพวกนางลงไปข้างล่าง
เจียงหวายเย่ก็ได้มองด้วยสายตาที่มีนัย มองเห็นปลายหูของนางที่แดงเถือกและรอยโค้งที่มุมปากของนางได้อย่างชัดเจน
“อ๊ะ ท่านแม่ดูนั่นสิ นั่นตาแก่ราชครูซูที่ชั่วร้ายไม่ใช่เหรอขอรับ?” ดวงตาของเทียนเอ๋อเต็มไปด้วยความยินดี
หลินซีเหยียนก็ได้มองดู แล้วเมื่อพบว่าเป็นราชครูซูจริงๆ นางก็ได้ยักคิ้วขึ้นมาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนว่าสวรรค์จะยังเข้าข้างเราอยู่ อุตส่าห์มอบโอกาสให้ข้าได้ล้างแค้นมาถึงที่หน้าบ้านเลย”
“องค์ชายเย่ พาข้ากับเทียนเอ๋อลงไปข้างล่างที”
หลังจากนั้นหลินซีเหยียนก็ได้คิดที่จะเดินตามไป แต่นางก็ได้ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะได้เดิน เพราะที่ด้านหลังของนางนั้นมีสายตาที่ไม่ชอบมาพากลกำลังจ้องมาอยู่
แต่เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย หลินซีเหยียนจึงได้ปล่อยให้เจียงหวายเย่ทำตามใจ
หลังจากที่สะกดรอยตามราชครูอยู่พักหนึ่ง หลินซีเหยียนกับคนอื่นๆก็ได้มาถึงที่หน้าร้านย้อมผ้า
เจียงหวายเย่เองก็อ่านบรรยากาศได้ดี ก่อนที่ หลินซีเหยียนจะได้พูดอะไร เขาก็ได้อุ้มเทียนเอ๋อแล้วพา หลินซีเหยียนเข้าไปด้านใน
เมื่อเข้ามาด้านใน พวกเขาก็พบต้นไม้ให้ใช้ซ่อนตัว
“เลิกพูดไร้สาระแล้วบอกข้ามาได้แล้วว่า พวกเจ้าใช้อะไรในการฟอกขาวผ้าของที่นี่?” หลังจากที่ผ่านมาไม่กี่วัน เสียงของราชครูซูก็ได้แหบแห้งอย่างไม่ธรรมดา และดูเหมือนว่าจะกระวนกระวายอย่างมากเสียด้วย
“น..นายท่านขอรับ พวกเราก็ใช้สารฟอกขาวธรรมดาเท่านั้นเองขอรับ” เถ้าแก่ร้านย้อมผ้าตอบไปตรงๆ
ราชครูซูก็ได้กล่าวอย่างฉุนเฉียว “รีบไปบอกให้คนไปเอาอ่างมา”
เถ้าแก่ร้านย้อมผ้านั้นไม่รู้ว่าราชครูซูนั้นต้องการที่จะทำอะไรกับสารฟอกขาวกันแน่ แต่เขาก็ทำตามอย่างเชื่อฟัง
จากนั้นราชครูซูก็ได้ดึงเอาผ้าที่ปิดหน้าของเขาออก แล้วจากนั้นเถ้าแก่ก็ได้ร้องออกมาด้วยความกลัว
“เจ้าจะพูดอะไร? ถ้าพูดออกมาข้าจะฆ่าเจ้าเสีย” สีหน้าของราชครูซูก็ได้ดุดันขึ้นมา และแม้แต่ตัวหนังสือสีฟ้าคำว่า “สารเลว” นั้นก็ยังบิดเบี้ยวตามไปด้วย
หลินซีเหยียนที่เห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ใบหน้าของราชครูซูนั้นดูแย่มาก มีคำว่าสารเลวอยู่บนใบหน้าของเขา และแม้แต่คิ้วกับผมก็ยังเกลี้ยงเกลาราวกับไข่ต้ม
แต่ก็ยังมีรอยเหี่ยวย่นมากมายของคนชราอยู่ดี
เทียนเอ๋อนั้นก็ไม่ได้ตกใจอะไรกับใบหน้าของราชครูซู เพราะว่ามันเป็นฝีมือของเขาเอง
ในขณะนั้นเองเถ้าแก่ร้านย้อมผ้าก็ได้เอามือปิดปากด้วยความกลัวแล้วบอกกับตัวเองว่าอย่าพูดออกไป จนกระทั่งคนที่เขาส่งไปกลับมา
ราชครูซูก็ได้จ้องไปที่เถ้าแก่ร้านย้อมผ้า “เจ้าโง่ มัวชักช้าอะไรอยู่ทำไมไม่รีบเอาออกมาอีก อยากให้มีคนรู้มากกว่านี้รึยังไง?”
เสียงที่เย็นเฉียบราวกับงูพิษนี้ ก็ได้ทำให้เถ้าแก่ร้านย้อมผ้ารีบวิ่งออกจากห้องไปด้วยความกลัว แล้วหลังจากนั้นสักพักก็ได้ให้ลูกจ้างนำสารฟอกขาวขวดใหญ่ออกมาให้ แล้วลูกจ้างก็ได้นพมาให้กับราชครู
“น….นี่ขอรับ…ท่าน สารฟอกขาวขอรับ”
“มั่วแต่งุ่มง่ามอยู่ได้” แล้วราชครูซูก็ได้หยิบเอาสารฟอกขาวในมือของลูกจ้างมาแล้วจากนั้นก็เทออกมาใส่ในมือ ราวกับว่าเขาต้องการเอามันมาล้างหน้า
แล้วเถ้าแก่ร้านฟอกขาวที่กลับเข้ามาเห็นเข้า ก็ได้รีบห้ามทันที “นายท่านซูขอรับ อย่าทำเช่นนั้นนะขอรับ สารฟอกขาวมันมีฤทธิ์กัดกร่อนนะขอรับ จะให้โดนกับผิวหนังโดยตรงไม่ได้”
ใช่ว่าราชครูซูนั้นไม่รู้ว่าฤทธิ์กัดกร่อนนั้นเป็นเช่นไร แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยให้มีคำว่าสารเลวอยู่บนหน้าของเขาต่อไปได้ ในหลายวันที่ผ่านมานี้เขาได้ลองมาแล้วทุกวิถีทาง แต่ก็ไม่อาจล้างออกได้เลย
สารฟอกขาวจึงได้เป็นความหวังสุดท้ายของเขา
ด้วยเหตุนี้ราชครูซูที่ยังถือสารฟอกขาวเอาไว้ในมือ ก็ได้นำมาล้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ในท้ายที่สุดคำว่าสารเลวนั้นก็ยังไม่หายไป แต่ราชครูซูกลับกรีดร้องด้วยเสียงที่เสียดแทงหัวใจออกมาแทน
แล้วเสียงของเทียนเอ๋อก็ได้ดังเข้ามาในหูของนาง “ท่านแม่ คนไม่ดีคนนั้นเขาตะโกนทำไมเหรอขอรับ?”
“สารที่ใช้ในการฟอกผ้าขาวนั้นมีฤทธิ์กัดกร่อนน่ะ ถ้าหากเข้าไปในตาของเจ้าล่ะก็ ดวงตาของเจ้าก็จะเสียหายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
เทียนเอ๋อก็ได้กะพริบตาแล้วรีบถามกลับทันที “แล้วคำว่าสารเลวบนหน้าของเขาจะหายไปไหม?”
“….แน่นอนว่าไม่” จากนั้นหลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เทียนเอ๋อแล้วถามอย่างในเย็น “เรื่องนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าใช่ไหม?”
“มันจะเป็นไปได้อย่างไรล่ะขอรับ? เทียนเอ๋อเป็นเด็กดี จะมีเวลาไปทำเช่นนั้นได้อย่างไรล่ะขอรับ?”
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวแล้วกล่าวออกมาอย่างไม่ตั้งใจ “ไม่ว่าใครจะเป็นคนทำ ก็ทำให้แม่รู้สึกโล่งใจขึ้นมา และอยากที่จะขอบคุณเขาอย่างจริงใจมาก”
“จริงเหรอขอรับ?”
“แม่พูดเหมือนโกหกเหรอ?” สีหน้าของหลินซีเหยียนนั้นจริงจังมา แต่นางนั้นแอบยิ้มออกมาเพราะนางเห็นหางของจิ้งจอกตัวน้อยโผล่ออกมาแล้ว
ดวงตาของเทียนเอ๋อที่เป็นประกายก็ได้พูดออกมา “ท่านแม่ เทียนเอ๋อจะบอกให้ก็ได้ว่าคนที่ทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากข้าเองขอรับ”
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เขาราวกับเห็นหางที่ฟูๆของเขากำลังแกว่งไปมาอยู่ข้างหลังเทียนเอ๋อ ด้วยท่าทางที่ภาคภูมิใจมาก
แต่น่าเสียดายที่ ความเป็นจริงนั้นช่างโหดร้ายยิ่งนัก
แล้วหลินซีเหยียนก็ได้สมนาคุณเทียนเอ๋อด้วยมะเหงก ทำเอาเจ้าลูกชิ้นขาวถึงกับตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ เขานั้นไม่ใช่คนโง่จึงเข้าใจได้ในทันทีว่าท่านแม่ของเขานั้นจงใจวางกับดักเขา
“ท่านแม่ ท่านโกหกนี่!” เทียนเอ๋อเอามือกุมหัวของเขาแล้วตะโกนออกมา
เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่ทั้งสองคนแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แล้วจากนั้นเขาก็ได้รับสายตาที่ไม่พอใจมาจากเทียนเอ๋อทันที
แล้วทั้งสามคนที่ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้นั้น ก็พากันพูดคุยหัวเราะอย่างมีความสุข ในขณะที่ราชครูซูกลับเป็นทุกข์
เถ้าแก่ร้านย้อมผ้าก็ได้นำน้ำสะอาดมาแล้วบอกให้ราชครูซูล้างหน้า แต่สุดท้ายอาการแสบคันก็ยังไม่ได้หายไป และราชครูซูก็พบว่าเขานั้นไม่สามารถที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“มันเป็นความผิดของเยี่ยจุนเจี๋ยและหลินอวิ๋นเซวียน ถ้าข้ายังไม่ตายข้าจะไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปแน่”
ราชครูซูกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ชิงชังราวกับผีที่ออกมาจากยมโลก ทำเอาผู้คนที่ได้ยินต่างก็รู้สึกปากสั่น
ด้วยการช่วยเหลือของพ่อบ้าน ราชครูซูก็คิดจะเดินทางกลับไปที่จวน แต่ก่อนที่จะออกดวงตาของราชครูซูก็ได้จ้องไปที่เถ้าแก่ร้านย้อมผ้า แล้วเถ้าแก่ก็ได้รีบก้มหัวให้แล้วกล่าว “ไม่ต้องกังวลนะขอรับ ข้าจะกำชับทุกคนเองว่าไม่ให้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปเด็ดขาด”
เขาก็ทำเสียงขึ้นจมูกแล้วจากนั้นราชครูซูก็ได้จากไป
“ดูอะไรดีๆจบแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ!” เจียงหวายเย่กล่าว “ข้าได้ยินมาว่ามีร้านอาหารดีๆอยู่แถวนี้ พวกเราไปทานที่นั่นกันเถอะ!”