หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 143 คิดจะไปงั้นเหรอ?
บทที่ 143
คิดจะไปงั้นเหรอ?
หลินซีเหยียนยังคงไม่ยอมขยับ แล้วก็ได้เปิดประเด็นขึ้นมา “แล้วองค์ชายรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
“จี๋เฟิงมีวิธีที่จะใช้ติดต่อกับเปิ่นหวางน่ะสิ” เจียงหวายเย่ก็ได้เดินเข้าไปหาหลินซีเหยียนในขณะที่กล่าว แต่ในขณะที่ หลินซีเหยียนกำลังอยากที่จะพูดอะไรบางอย่างนางก็ได้ถูกอุ้มโดยเจียงหวายเย่เสียก่อน
“วางข้าลง!” ทันใดนั้นเองหลินซีเหยียนก็ได้พูดอย่างตกใจ แต่ก็พยายามพูดด้วยเสียงเบาๆ
“ที่นี่จะกลายเป็นสนามรบได้ทุกเมื่อ ข้าจะปล่อยให้เจ้าอยู่ที่นี่ไม่ได้” เสียงที่แข็งกร้าวของเขานั้นทำให้ผู้คนรู้สึกไม่ดีขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
แต่ทันทีที่เจียงหวายกำลังจะออกไปพร้อมกับ หลินซีเหยียนในอ้อมแขนของเขานั้นเอง เขาก็พบกับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นยะเยือกและแดกดัน “คิดจะไปไหนเหรอ?”
หลินซีเหยียนก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วก็เผยรอยยิ้มที่สงบนิ่งออกมา “วันนี้เจอแต่เรื่องน่าตกใจต่อเนื่องไม่หยุดเลยนะฮะ อู๋จื้อเฟิงเจ้ารู้อยู่แล้วสินะว่าข้าเป็นตัวปัญหาน่ะ?”
อู๋จื้อเฟิงก็ได้หรี่ดวงตาสีดำของเขาลงและมองกวาดไปรอบๆ ซึ่งปรากฏความแหลมคมในดวงตานั้นอยู่รางๆ “ตอนแรกข้าก็ไม่มั่นใจเท่าไรหรอก”
“แล้วท่านมั่นใจเพราะข้าแอบเข้าไปในห้องของท่านงั้นเหรอ?” หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาของนางลงแล้วนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
นอกจากตรงนั้นแล้ว นางก็รู้สึกมั่นใจมากว่านางนั้นน่าจะไม่มีตรงไหนที่เป็นจุดบกพร่องแล้ว
แต่อู๋จื้อเฟิงก็ได้ส่ายหัวของเขา แล้วเขาก็ได้ควงมีดขนาดครึ่งแขนของเขาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่าหลงใหล “กลิ่นของผู้หญิงต่างหากล่ะที่ทรยศเจ้า”
“…….”
ใบหน้าของหลินซีเหยียนนั้นก็ได้ซีดเผือดขึ้นมาและหน้าอกของนางก็ได้สั่นไหวอย่างต่อเนื่อง หากมองผ่านๆแล้วจะพบว่านางนั้นกำลังโกรธจัด นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่านางนั้นจะถูกล้อเล่นเช่นนี้ในวันหนึ่ง
ในขณะที่นางกำลังเงียบอยู่นั้น เจียงหวายเย่ก็ได้วางนางลงแล้วจ้องไปที่อู๋จื้อเฟิงด้วยสายตาที่มุ่งร้าย
หากเทียบแรงกดดันของทั้งสองคนแล้ว ของอู๋จื้อเฟิงนั้นก็ได้หายไปในชั่วระยะเวลาหนึ่ง ถึงทั้งสองคนนั้นจะเป็นตัวตนที่อยู่ในระดับสูง แต่ก็ต่างตรงที่อู๋จื้อเฟิงนั้นเป็นเพียงแค่งูที่ใหญ่แค่ในพื้นที่หนึ่ง ในขณะที่เจียงหวายเย่นั้นเป็นมังกรที่แท้จริง
เมื่อถูกจ้องโดยดวงตาที่มืดดำไร้ก้นบ่อของเจียงหวายเย่แล้ว ก็รู้สึกได้ว่าหากเขาตกลงไปแล้วคงเปล่าประโยชน์ที่จะดิ้นรนหนีออกมาแน่
“ลูกพี่ใหญ่?” แล้วคนที่อยู่ข้างหลังเขาก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของอู๋จื้อเฟิงจึงได้เรียกเขาเบาๆ ซึ่งพออู๋จื้อเฟิงรู้สึกตัว ก็พบว่ามีเหงื่อไหลออกมาเต็มหลังของเขา
“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่? ข้าแนะนำให้พวกเจ้าอย่ามายุ่งกับเรื่องของเราจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าจะได้เจอกับผลที่ตามมาแน่” อู๋จื้อเฟิงคิดว่าเขาไม่พูดจะดีกว่า เพราะทันทีที่เขาพูดออกมาก็แสดงให้เห็นความขี้ขลาดของเขา
ในเวลานี้มีผู้คนหลายสิบคนร้อยคนอยู่ในบริเวณบ้านไม้ไผ่ แต่มีเจียงหวายเย่มีอยู่เพียงคนเดียวคือหลินซีเหยียนที่อยู่ข้างหลัง แต่ถ้าพูดให้ชัดยิ่งขึ้นก็ยังมีจี๋เฟิงที่ยังซ่อนตัวอยู่ในความมืด
ซึ่งไม่ว่ามองยังไงทางฝั่งโน้นก็ได้เปรียบกว่าเห็นๆ แต่หลินซีเหยียนก็พลันนึกขึ้นมาได้ว่ายังมีอันอี้และหน่วยอันคนอื่นๆที่น่าจะคอยติดตามเจียงหวายเย่อยู่ด้วย
“องค์ชาย อันอี้อยู่ที่นี่ด้วยใช่ไหม?” หลินซีเหยียนที่เดินเข้าไปหาเจียงหวายเย่แล้วพูดด้วยน้ำเสียงค่อยๆ
เมื่อลมหายใจที่ชื้นและอุ่นโดนคอของเจียงหวายเย่นั้น ทำให้ดวงตาของเขานั้นอ่อนโยนลงขึ้นมา แล้วจากนั้นเขาก็ได้ส่ายหัวอย่างอ่อนโยน “ข้าได้สั่งให้พวกเขาออกไปตามหา เยี่ยจุนเจี๋ยอยู่น่ะ”
เมื่อเห็นหลินซีเหยียนเข้ามาหาเขาเองอย่างนี้แล้ว เจียงหวายเย่ก็รู้สึกชุ่มชื่นหัวใจขึ้นมา ถ้าไม่ใช่เพราะสถานการณ์ในปัจจุบันไม่อาจทำให้เขาทำเช่นนั้นได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะยิ้มแก้มปริสักหลายหนแล้ว
“เสี่ยวเหยียนเอ๋อไม่ต้องกังวล ลำพังข้าแค่คนเดียวก็จัดการกับคนพวกนี้ทั้งหมดได้แล้ว” เสียงที่ทั้งเย็นยะเยือกและสงบนิ่งนี้กลับทำให้ความกังวลของหลินซีเหยียนเบาลงไปได้อย่างน่าประหลาด
หลินซีเหยียนก็ได้พูดกับตัวเองในใจว่าในเวลานี้นางทำได้แค่เชื่อมั่นในตัวเขาเท่านั้น แล้วเจียงหวายเย่ก็ได้เดินออกไปข้างหน้า
จากเดิมที่บ้านไม้ไผ่หลังนี้นั้นทั้งเงียบสงบและงดงาม ก็ได้มีเสียงเอะอะดังขึ้นมาเพราะเสียงกระบี่จากทั้งสองฝ่าย
“เจ้าพอจะปล่อยพวกเราไปได้หรือไม่?”
ได้เกิดความสงบเงียบไปพักใหญ่ เมื่อเจียงหวายเย่ได้กล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ เขาถามราวกับว่าเป็นคนกันเองมาก
อู๋จื้อเฟิงก็ได้ยิ้มขึ้นมา “ปล่อยให้เจ้าไปพาคนกลับมาจัดการกับข้างั้นเหรอ? นี่ข้าดูโง่มากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
หลินซีเหยียนก็ได้โผล่หัวมาจากด้านหลังของ เจียงหวายเย่แล้วกล่าว “พวกเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อจัดการกับเจ้า ส่วนคนที่จะจัดการกับเจ้าน่ะ เจ้ายังตามจับไม่ได้เลยไม่ใช่รึไง?”
“เหอะ ข้าแนะนำให้เจ้าอย่าพูดมากจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นหากเจ้ามาตกอยู่ในมือของข้าเมื่อไร ข้าจะหันเจ้าออกเป็นพันชิ้นแน่” อู๋จื้อเฟิงก็ได้จ้องไปที่หลินซีเหยียนด้วยสายตาที่ข่มขู่และไม่ปรานี
หลินซีเหยียนก็ได้เอามือจับหน้าผากของตัวเอง หรือว่านางจะเป็นไข้กัน? ทำไมการข่มขู่สั่วๆเช่นนี้ถึงได้ใช้ข่มขู่นางได้?
ในฐานะที่เป็นหมอผีแล้ว มือของนางนั้นใช้มีดได้อย่างชำนาญมากแม้ว่าจะไม่เคยชำแหละศพเป็นพันส่วนก็ตาม ไม่อย่างนั้นนางจะแม่นยำอย่างทุกวันนี้ได้อย่างไร
สำหรับหลินซีเหยียนแล้ว การหลั่งเลือดนั้นถือเรื่องปกติ
ไม่ว่ามันจะออกมาจากหัวใจของนางหรือไม่ แต่มือของนางนั้นก็เปื้อนเลือดแล้ว ถึงแม้ว่าจะสาสมกับความชั่วของคนพวกนั้นแล้วก็ตามที
เมื่อคิดเช่นนี้แล้วหลินซีเหยียนก็ได้ยืดตัวตรงขึ้นมา แล้วทำให้ใบหน้าที่หวาดกลัวของนางกลับกลายเป็นใบหน้าเมื่อก่อนหน้านี้ แล้วเดินออกไปด้วยรอยยิ้มเบาๆและยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับเจียงหวายเย่
“เจ้าอาจจะพูดผิดก็ได้นะ ไม่ใช่ข้าที่ตกอยู่ในมือของเจ้า แต่เป็นเจ้าต่างหากที่ตกอยู่ในมือของข้าน่ะ” หลินซีเหยียนกล่าวคำพูดล้อเล่นออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจังมาก
นางในเวลาเหมือนกับเครื่องเพชรที่เปื้อนฝุ่นที่ได้ถูกล้างแล้วก็เปล่งแสงเป็นประกายออกมา
อู๋จื้อเฟิงที่ถูกตอกกลับโดยคนอื่นเช่นนี้ แต่ก็ยังเผยรอยยิ้มออกมาได้แล้วกล่าว “เก่ง ช่างปากเก่งเหลือเกินนะ? ข้าจะคอยดูว่าหลังจากนี้เจ้าจะทำปากเก่งแบบนี้อีกได้ไหม? เด็กๆไปจัดการจับนางมาให้ข้า”
ก็ได้มีกลุ่มคนเดินมาข้างหน้าแล้วจากนั้นก็พุ่งเข้าหา เจียงหวายเย่และหลินซีเหยียนอย่างวู่วาม
หลินซีเหยียนก็ได้ขว้างผงยาที่กำเต็มมือเตรียมเอาไว้อยู่แล้วออกไป และไม่นานนักกลุ่มคนจำนวนมากก็ได้พากันทรุดลงไปกองกับพื้น
“รีบเอามือปิดปากปิดจมูกเร็วเข้า!” เมื่อคนฉลาดเห็นเข้าก็ได้รีบตะโกนเตือนทันที
หลินซีเหยียนที่ถูกล่วงรู้ลูกไม้ตื้นๆแล้วก็ได้ยักไหล่ด้วยสีหน้านิ่งๆ จากนั้นก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่แล้วกล่าว “อย่าเคลื่อนไหวหักโหมมากนักล่ะ”
เจียงหวายเย่ก็ได้ผงกหัวแล้วจากนั้นก็ได้รีบพุ่งตัวไปอย่างรวดเร็ว
หลินซีเหยียนนั้นรู้นานแล้วว่าวรยุทธ์ของเจียงหวายเย่นั้นสูงส่งมาก แต่ในวันนี้นางก็โชคดีที่ได้เห็นกับตาตัวเองเช่นนี้ หลินซีเหยียนก็ได้ยืนอยู่ห่างๆ แล้วจากนั้นก็ได้ปรบมือและตะโกนเชียร์เป็นช่วงๆ
อู๋จื้อเฟิงก็ได้มองไปที่คนของเขาที่ร่วงลงไปนอนทีละคนสองคน สีหน้าของเขาก็ได้แย่ลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายเขาก็ต้องออกโรงเองอย่างช่วยไม่ได้
“สมแล้วที่สามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ ช่างเป็นคนที่มากความสามารถจริงๆ” มองดูกระบวนท่าที่ทั้งโหดร้ายและน่ารังเกียจของอู๋จื้อเฟิงแล้ว หลินซีเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะเหงื่อแตกแทนเจียงหวายเย่
แต่หลังจากที่พยายามต่อต้านอยู่ไม่นานนัก เจียงหวายเย่ก็พบหนทางเอาชนะอีกฝ่ายได้ แล้วจากนั้นเขาก็ได้ซัดเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างแรงแต่ก็ยังไม่ตาย
ในขณะที่อีกฝ่ายนั้นพากันเร่งรีบและเข้าไปดูอู๋จื้อเฟิงอยู่นั้น เจียงหวายเย่ก็ได้หลบหนีไปพร้อมกับหลินซีเหยียนทันที
เมื่อทั้งคู่มาถึงที่ปลอดภัย เจียงหวายเย่ก็ได้หยุดพัก เขามองไปที่หลินซีเหยียนที่กำลังหอบแล้วพูดเบาๆ “เยี่ยจุนเจี๋ยไม่ได้อยู่ในอำเภอจ้าว”
เรื่องนี้ทำให้นางถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
แล้วหลินซีเหยียนก็ถาม “แล้วทำไมท่านถึงได้มั่นใจนักว่าเยี่ยจุนเจี๋ยนั้นไม่ได้อยู่ในอำเภอจ้าว?”