หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 234 พิษแมลงวิปลาสกำเริบ
บทที่ 234
พิษแมลงวิปลาสกำเริบ
หลินหนานเฟิงก็ไม่ได้ตอบอะไร แต่มองไปที่ หลินเสวี่ยเหยียนอย่างดุดัน ในเวลานี้หลินเสวี่ยเหยียนนั้นได้นั่งลงไปกองกับพื้น ผมที่ผูกเอาไว้อย่างสวยงามก็ได้หล่นลงมาอย่างยุ่งเหยิง และเครื่องสำอางที่แต่งเอาไว้บนหน้าของนางก็ได้เละไปหมดเพราะน้ำตา
ราวกับคนบ้าที่อยู่ตามถนนชัดๆ
หลินเสวี่ยเหยียนก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนอย่างดุดัน “เจ้าจะต้องวางแผนเอาไว้แล้วแน่ๆนังร่าน ทำไมเจ้าถึงไม่หายไปแล้วไปลับทำไมถึงต้องอยากกลับมาที่นี่ด้วย”
“นี่น้องไม่อยากให้ข้ากลับมาหรอกเหรอ?” หลินซีเหยียนก็ได้ตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่สับสนและสงสัยราวกับกวางน้อยที่ไร้เดียงสา ซึ่งได้โดนหัวใจของเหล่าผู้ชายเต็มๆ
มองไปที่เหล่าคนหนุ่มที่ได้จับจ้องมาที่นางและหายใจแรงๆแล้ว ดวงตาของเจียงหวายเย่ก็ได้เย็นยะเยือกขึ้นมา และปรากฏรังสีมุ่งร้ายแผ่ออกมาจากในหัวใจของเขา แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้
เสี่ยวเหยียนเอ๋อของเขานั้นเหมือนกับนางฟ้าจริงๆ ออกท่าทางเพียงแค่เล็กน้อยก็สามารถคว้าหัวใจของทุกคนได้แล้ว
เมื่อหลินเสวี่ยเหยียนได้ยินที่หลินซีเหยียนถาม นางก็ได้หัวเราะออกมาเบาๆ “ถ้าเป็นตัวเจ้าเมื่อก่อนกลับมาก็ไม่มีปัญหาหรอก เพราะเจ้ามันก็เป็นแค่นังโง่”
ถ้าพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง พวกเขาก็คงไม่อยากที่จะเชื่อจริงๆว่าหลินเสวี่ยเหยียนนั้นพูดกับพี่สาวของนางเช่นนี้จริงๆ
คนเรานั้นไม่สามารถตัดสินกันได้เพียงแค่หน้าตาจริงๆ ความลึกของทะเลนั้นไม่อาจวัดได้จริงๆ!
จริงๆแล้วที่หลินเสวี่ยเหยียนขาดสติไปนั้น ไม่ได้เป็นเพราะว่านางกำลังโกรธอยู่ แต่เป็นเพราะหลินซีเหยียนได้ทำอะไรบางอย่างกับยาบำรุงหัวใจเอาไว้
ไป๋รุ่นนั้นเดิมที่ก็เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการประพฤติตนอยู่แล้ว เมื่อเห็นท่าทีของหลินเสวี่ยเหยียนในเวลานี้แล้ว คิ้วของเขานั้นก็ได้ขมวดราวกับจะฆ่าแมลงวันตายได้
แล้วหลินเสวี่ยเหยียนก็ได้เริ่มตะโกนใส่หลินซีเหยียน ด้วยคำพูดที่ซ้ำไปซ้ำมาเหล่านี้ “เป็นนังโง่ไปตลอดก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ! เป็นนังโง่ก็ดีอยู่แล้วแท้ๆไม่รู้จะกลับมาทำไมอีก!”
ไป๋รุ่นก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนที่ยังคงสงบอยู่ได้ แล้วในใจของเขาก็ได้เต็มไปด้วยความชื่นชม แต่สุดท้ายเขาก็เริ่มที่จะทนไม่ไหวแล้วสั่งลูกน้องของเขา “พวกเจ้าพานางออกไปเดี๋ยวนี้”
เมื่อได้ยินที่ไป๋รุ่นพูดเช่นนั้น ดวงตาของหลินเสวี่ยเหยียนก็ได้จับจ้องไปที่เขา จากนั้นก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งไปหาเขา “เป็นเจ้าที่จ้างหมอพวกนั้นมาใช่ไหม?”
ทันทีที่คำพูดนั้นหลุดปากออกมา สีหน้าของไป๋รุ่นก็ได้ไม่ดีขึ้นมาอย่างมาก “ข้าสาบานต่อสวรรค์ก็ได้ว่าข้าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย”
ไฉ่อันเชิงก็ได้มองไปที่หลินเสวี่ยเหยียนด้วยสายตาที่ดูถูกและด่าว่านางในใจ “นังโง่เอ๊ย ไม่รู้หรือไงว่าเถ้าแก่ไป๋น่ะเกลียดการถูกคนอื่นให้ร้ายมากที่สุด?”
อย่างที่คิด ไป๋รุ่นก็ได้โกรธจริงๆและโกรธมากเสียด้วย “ทุกท่าน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทำให้ข้าไป๋รุ่นหมดสนุกด้วยแล้ว ขอเชิญพวกท่านกลับไปเถิด!”
แล้วงานประจำปีนี้ก็ได้จบลงอย่างรวดเร็วเพราะความโง่นี้ของหลินเสวี่ยเหยียน!
“เถ้าแก่ไป๋อย่าเพิ่งโกรธเลย หลินเสวี่ยเหยียนเป็นคนทำให้ท่านโกรธ ท่านก็แค่ไล่นางไปก็พอนี่ ทำไมถึงต้องเลิกการแข่งขันประจำปีของหอเสียงสัมผัสสมบูรณ์ด้วยล่ะ?”
เมื่อคนอื่นๆได้ยินที่ไฉ่อันเชิงพูด ต่างก็พากันผงกหัวเพื่อแสดงความเห็นของพวกเขา
แต่ไป๋รุ่นกลับดื้อรั้นมาก “ต่อให้พวกเจ้าไล่นางกลับไป พวกเจ้าก็ไม่สามารถทำให้ข้ารู้สึกถึงความงดงามได้อยู่ดี วันนี้พอแค่นี้แหละ!”
เมื่อพูดจบไป๋รุ่นก็ได้จากไป แล้วหลินรั่วจิ่งก็ได้พา หลินเสวี่ยเหยียนออกไปท่ามกลางสายตาเกลียดชังของผู้คน
ซึ่งจริงๆแล้วหลินรั่วจิ่งเองก็เกลียดหลินเสวี่ยเหยียนในใจของนางเช่นกัน เป็นเพราะหลินเสวี่ยเหยียนจึงทำให้นางหมดโอกาสที่จะแสดงฝีมือตัวเอง
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่ผู้คนที่พากันกระจัดกระจายออกไป แล้วก็มองไปที่เจ้าตัวแสบที่กำลังกินอย่างเป็นสุข
“อร่อยมากไหม?” คำพูดที่เย็นติดลบก็ได้ดังเข้าหูของเทียนเอ๋อ
เมื่อเทียนเอ๋อได้ยินเสียงก็ได้หยุดมือที่กำลังทานอยู่ทันที แล้วหันไปกะพริบตาให้หลินซีเหยียนอย่างน่ารัก “ท่านแม่ เทียนเอ๋อมาเพราะเป็นห่วงว่าท่านจะถูกบังคับให้มาที่นี่จริงๆ ข้าไม่ได้อยากมาร่วมเพราะอยากสนุกจริงๆนะ”
หลินหนานเฟิงที่อยู่ข้างๆหลินซีเหยียนก็ได้เอามือจับหน้าผากของเขาอย่างพูดไม่ออก เด็กคนนี้เป็นสายเลือดของน้องสาวเขาจริงๆเหรอ? ช่างโง่เขลาอะไรเช่นนี้ แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว
“ตอนนี้ที่นี่ไม่มีอะไรให้ชมแล้ว พวกเราก็กลับกันเถอะ!” หลังจากที่เจียงหวายเย่พูดจบ เขาก็ได้เดินไปข้างๆหลินซีเหยียนแล้วถาม “เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เจ้าได้อ่านหนังสือหนอนแมลงวิปลาสที่ข้าให้ไปถึงไหนแล้ว?”
หลินซีเหยียนก็ได้ส่ายหัวของนาง “ยังเลย”
เจียงหวายเย่นั้นเริ่มรู้สึกปวดที่มือขวาขึ้นมาแล้วกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างฝืนๆ “เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เจ้าต้องรีบศึกษาเร็วๆนะ อย่างไรเสียตอนนี้เปิ่นหวางนั้นก็มีแมลงนั่นอยู่ในร่าง”
“ท่านมีแมลงพิษอยู่ในร่างงั้นเหรอ?” หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่อย่างประหลาดใจ “ท่านโดนเมื่อไรกันแล้วทำไมถึงได้เพิ่งมาบอกข้าตอนนี้?”
“แมลงที่อยู่ในตัวของเปิ่นหวางตอนนี้ยังไม่มีปัญหาเท่าไรนัก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องดีที่จะปล่อยให้อยู่กับเปิ่นหวางไปตลอดเช่นกัน” เจียงหวายเย่ก็ได้ทำสีหน้าระรื่นออกมา แต่เขาก็ทำสีหน้าเช่นนี้ได้แค่ชั่วขณะ
“ต่อไปถ้าท่านมีปัญหาอะไรอีกจะต้องบอกข้านะ อย่าได้แอบปิดบังข้าอีก” หลินซีเหยียนทำสีหน้าจริงจัง และในขณะเดียวกันนางก็ได้ตัดสินใจที่จะตั้งใจศึกษาเคล็ดวิชาแมลงวิปลาสแล้วพยายามเอาแมลงนั้นออกมาจากร่างของ เจียงหวายเย่ให้ไวที่สุด
ณ จวนมหาเสนาบดี หลังจากที่หลินเสวี่ยเหยียนกลับมาถึงแล้ว นางก็ได้เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องโถงใหญ่ของหอเสียงสัมผัสสมบูรณ์ให้มหาเสนาบดีหลินฟัง และต้องการให้มหาเสนาบดีหลินช่วยตัดสิน
“ท่านพ่อ หลินซีเหยียนนั้นคิดที่จะทำลายชีวิตของลูกสาวของท่านนะ?” หลินเสวี่ยเหยียนก็ได้ร้องห่มร้องไห้ และฮูหยินสองแม่ของนางก็ได้มาร่วมร้องไห้ด้วย “ท่านพี่เจ้าค่ะ ชีวิตของลูกสาวที่พวกเราเฝ้าทะนุถนอมป่นปี้หมดแล้ว ท่านพี่จะต้องเอาคืนให้เสวี่ยเหยียนนะเจ้าคะ!”
ส่วนหลินซีเหยียนได้ถูกเชิญให้ไปที่ห้องโถงทันทีที่นางกลับมาจวนมหาเสนาบดี แล้วนางก็พบเหตุการณ์นี้ทันทีที่นางมาถึงที่หน้าประตู
จากนั้นนางก็ได้ยิ้มอย่างเยาะเย้ยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “หืม ไม่ทราบว่าฮูหยินสองกับน้องสี่มีธุระอะไรกับข้าเหรอ? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“หลินซีเหยียน เจ้าอย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ เจ้าอยู่ในหอเสียงสัมผัสสมบูรณ์แล้วพูดให้ร้ายข้าต่อหน้าผู้คนมากมายอีกด้วย วันนี้เจ้าจะต้องให้คำอธิบายกับข้าต่อหน้าท่านพ่อด้วย”
แล้วหลินเสวี่ยเหยียนก็ได้เริ่มร้องไห้ออกมาอีกหลังจากที่พูดจบ น้ำตาของนางก็ได้พรั่งพรูออกมาอย่างต่อเนื่อง
หลินซีเหยียนก็ได้ปิดปากตัวเองเมื่อเห็นเช่นนี้ ไม่แปลกในเลยที่คนเขาชอบพูดกันว่าผู้หญิงนั้นสามารถผลิตน้ำได้ ตอนแรกนางก็ไม่เชื่อแต่ตอนนี้นางเริ่มที่จะเชื่อขึ้นมาบ้างแล้ว
“ซีเหยียน เจ้าเป็นถึงพี่ ทำไมเจ้าถึงได้รังแกเสวี่ยเหยียนเช่นนี้?”
เมื่อไม่มีใครในห้องโถงนี้พูดเพื่อลูกสาวของนางได้เลย ฮูหยินสองจึงได้อดรนทนไม่ไหว และได้พูดในแบบของผู้อาวุโสและกดดันหลินซีเหยียน
แต่ทว่าหลินซีเหยียนที่แม้แต่มหาเสนาบดีหลินก็ยังไม่กล้าทำอะไร จะมีใครที่กล้าทำอะไรนางได้!
ตั้งแต่กลับมาที่จวนมหาเสนาบดีหลินซีเหยียนก็ไม่เคยได้พบหน้าฮูหยินสองเลย ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะจ้องหน้าไปที่นางอยู่หลายหน ดูท่าฮูหยินสองนั้นจะถูกฮูหยินอวี้ข่มมาเป็นเวลานาน ทำให้ใบหน้าของนางเหี่ยวย่นดูแก่กว่าวัยนัก
ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารนางขึ้นมานิดหน่อย จึงได้ตอบคำถามของฮูหยินสอง “ฮูหยินสองอย่าได้โทษข้าเลย ในวันนี้เถ้าแก่ไป๋แห่งหอเสียงสัมผัสสมบูรณ์นั้นได้เชิญท่านหมอสามคนให้มาดูอาการน้องสี่ แล้วก็พบว่าเป็นโรคตัวเย็น”
“เป็นไปไม่ได้ เสวี่ยเหยียนนั้นไปหาหมออยู่เป็นประจำเพื่อตรวจร่างกายของนาง”
“ฮูหยินสองไม่เชื่อก็ไม่เป็นอะไร” หลินซีเหยียนก็ได้หันไปมองมหาเสนาบดีหลินแล้วหลังจากนั้นก็กล่าว “มหาเสนาบดีหลินพร้อมที่จะจัดพิธียอมรับจากบรรพชนหรือยัง? ข้าไม่ต้องการให้มีอะไรผิดพลาดในวันนั้นนะ”
มหาเสนาบดีหลินก็ได้คิ้วขมวดเมื่อได้ยินที่นางพูด แล้วรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยกับท่าทีของหลินซีเหยียน แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขายังติดหนี้หลินซีเหยียนกับหลินหนานเฟิงอยู่ ยอมทำตามความต้องการของพวกเขาไปก่อนจะเป็นการดีกว่า