หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 235 แมลงที่น่ารัก
บทที่ 235
แมลงที่น่ารัก
“เตรียมเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ทำให้หนานเฟิงผิดหวังแน่”
เมื่อนึกถึงลูกชายคนโตของเขาแล้ว สีหน้าของมหาเสนาบดีหลินก็ได้เบิกบานขึ้นมา เขามองไปรอบๆอย่างมีความสุขแล้วกล่าวอย่างภูมิใจ “ข้าได้จัดการปูทางให้หนานเฟิงเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้หนานเฟิงจะได้ทำงานรับใช้ราชสำนักอย่างเป็นทาง”
นี่ถือเป็นข่าวดี หลินซีเหยียนนั้นอดไม่ได้ที่จะมีความสุขแทนพี่ใหญ่ของนาง
“เหอะ ต่อให้เข้าพระราชสำนักได้ ก็เป็นได้แค่คนเฝ้าประตูเท่านั้นแหละ” หลินเฉิงอวี้คิ้วขมวดแล้วบ่นออกมา “รอจนถึงปีหน้า ข้าจะเหนือกว่าเขาให้ดู”
เมื่อได้ยินที่พูด มหาเสนาบดีหลินก็ได้เริ่มรู้สึกเบื่อขึ้นมา แล้วก็ได้กล่าวอย่างเหน็บแนมโดยไม่หันไปมองหลินเฉิงอวี้ “ให้รอเจ้างั้นเหรอ? ข้าคงรอไปอีกสัก 3 ปี”
สีหน้าของหลินเฉิงอวี้ก็ได้ม่วงคล้ำด้วยความโกรธที่พ่อของเขาได้เปิดเผยความไร้ความสามารถของเขาต่อหน้าคนอื่นเช่นนี้ เขาจึงได้ตะโกน “ปีหน้าข้าจะทำให้ดู”
จากนั้นเขาก็ได้ก้มหัวให้แล้วเดินออกจากห้องไป ฮูหยินอวี้ก็ได้มองดูอย่างเป็นกังวลแล้วรีบเข้าไปปลอบเขา “เฉิงอวี้เจ้าอย่าเพิ่งโกรธ ต่อให้พ่อของเจ้าไม่เชื่อเจ้า แต่แม่ยังเชื่อเจ้านะ”
หลินเฉิงอวี้นั้นไม่ได้หยุดเพราะคำพูดของฮูหยินอวี้
“ท่านพี่ ท่านพูดเช่นนั้นกับลูกได้ยังไง?” แผ่นหลังของหลินเฉิงอวี้ค่อยๆลับสายตาของฮูหยินอวี้ไป แล้วนางก็ได้คิ้วขมวดและมองไปที่มหาเสนาบดีหลิน “เฉิงอวี้นั้นยังเด็กอยู่ วันหนึ่งหากเขามีชื่อเสียงขึ้นมา แล้วท่านจะต้องเสียใจในไม่เร็วก็ช้า”
“เหมือนฮูหยินอวี้จะมีปัญหาสินะ!” หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาของนางลงแล้วยิ้ม “เมื่อพูดถึงเรื่องของความเอ็นดูแล้ว หลินเฉิงอวี้นั้นมักจะเป็นคนที่ถูกเอ็นดูโดยมหาเสนาบดีอยู่ตลอดนี่นะ!”
“ข้าไม่อยากที่จะโต้เถียงกับเจ้า” ฮูหยินอวี้นั้นรู้ดีว่าตัวนางนั้นไม่สามารถพูดอะไรกับหลินซีเหยียนได้ นางจึงได้เร่งรีบจากไป “ต่อให้ท่านพี่ไม่ช่วยเฉิงอวี้และมีแค่ข้า ข้าก็จะทำให้เฉิงอวี้เหนือกว่าหลินหนานเฟิงให้ดู”
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะรอชม”
หลินซีเหยียนมักที่จะเมินเฉยต่อการเห่าหอนของผู้แพ้อยู่แล้ว
ในเวลานี้ฮูหยินสองที่ยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้นนั้นก็ได้มีสีหน้าตกใจในใบหน้าของนาง นางที่ถูกเมินในการเรียกร้องให้ลูกสาวของนางเมื่อสักครู่นั้น ในเวลานี้นางได้พบในสิ่งที่นางไม่เคยคิดมาก่อน
หลินซีเหยียนนั้นรู้ดีว่านางนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะ ฮูหยินอวี้ที่ปกติมีอำนาจมากเช่นนั้นแต่กลับทำอะไรเด็กสาวตัวคนเดียวในจวนมหาเสนาบดีไม่ได้
“ฮูหยินสอง ท่านคุกเข่าอยู่กับพื้นตั้งนานไม่รู้สึกเมื่อยบ้างเหรอ?” หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่ฮูหยินสองด้วยรอยยิ้ม แล้วพบความเยือกเย็นอยู่ในดวงตาที่หวาดกลัวของฮูหยินสอง
แล้วฮูหยินสองก็ได้จับมือของหลินเสวี่ยเหยียนแล้วจากนั้นก็ลุกขึ้นยืน “พวกเรายังมีธุระต้องไปทำ วันนี้ข้าไม่รบกวนแล้ว”
เมื่อได้ยินที่กล่าว หลินเสวี่ยเหยียนก็ได้มองไปที่ท่านแม่ของนางอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา “ท่านแม่ ความยุติธรรมของลูกสาวของท่านยังไม่ได้ทวงมาเลยนะ”
ฮูหยินสองนั้นไม่ได้มองไปที่ดวงตาของหลินเสวี่ยเหยียนเลย แต่กลับดึงพาหลินเสวี่ยเหยียนไป
“ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรไปคะ? ไม่ใช่ว่าท่านรักลูกสาวคนนี้มากที่สุดหรอกเหรอ?” ในขณะที่หลินเสวี่ยเหยียนรู้สึกแปลกๆ ดวงตาของนางก็ได้มองไปเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของหลินซีเหยียนเข้า นางจึงได้โมโหขึ้นมาแล้วสลัดตัวเองหลุดจากมือของฮูหยินสอง
นางชี้ไปที่หลินซีเหยียนแล้วต่อว่านาง “หลินซีเหยียนมันจะต้องเป็นฝีมือของเจ้าเล่นลูกไม้อะไรแน่ๆ!”
หลังจากที่พูดจบนางก็ได้วิ่งไปหามหาเสนาบดีหลินแล้วกอดขาของเขา “ท่านพ่อ ท่านจะปล่อยให้หลินซีเหยียนทำลายชีวิตของลูกจริงๆเหรอเจ้าคะ?”
มองไปที่ลูกสาวของเขาที่ทำให้เขารู้สึกไม่ดีขึ้นมา มหาเสนาบดีหลินจึงได้เตะนางออกไปด้วยสีหน้าที่รังเกียจ “ถ้าเจ้าดูสภาพของเจ้าในเวลานี้ ต่อให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในหอเสียงสัมผัสสมบูรณ์ ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะได้แต่งงานหรอก”
หลังจากนั้นมหาเสนาบดีหลินก็ได้มองไปที่ฮูหยินสองแล้วสะบัดแขนเสื้อของเขา “นี่คือลูกสาวแสนดีที่เจ้าสอนเหรอ?”
“ท่านพี่ เสี่ยวเหยียนคือว่านาง….” ฮูหยินสองนั้นอยากที่จะอธิบาย แต่มหาเสนาบดีหลินก็ไม่ได้ปล่อยให้นางได้มีโอกาส และเดินผ่านนางไปโดยไม่ได้หันกลับมามองเลย
ดูสภาพของสองแม่ลูกที่ถูกทิ้งอย่างโง่เง่าในห้องโถงแล้ว ทำให้ลูกคนอื่นๆที่มองดูอยู่ต่างพากันหัวเราะกันอย่างสนุกปาก
ตอนนี้เวลานั้นมีค่านัก และหลินซีเหยียนก็ขี้เกียจเกินกว่าที่จะมาดูสองคนนี้อย่างสนุกสนานด้วย นางจึงได้เดินกลับไปที่เรือนเชียนเหยียนเพื่อหาตำราเคล็ดวิชาแมลงวิปลาสแล้วเริ่มศึกษา
ตำราแมลงวิปลาสนั้นไม่ทำให้คนอ่านรู้สึกเบื่อมากนัก เพราะมีรูปวาดแมลงที่น่ารักอยู่เต็มไปในนั้น
จนกระทั่งถึงเวลาอาหาร หลินซีเหยียนก็ยังอ่านหนังสือเล่มนั้นอยู่ ซึ่งนางเริ่มรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะเร่งอ่านหนังสือเล่มนี้ เนื่องจากจำเป็นจะต้องทำตามขั้นตอนในหนังสือเล่มนี้
ซึ่งด้วยวิธีนี้จำต้องใช้เวลาศึกษานานมาก อย่างไรก็ดีการจะสร้างหนอนแมลงวิปลาสขึ้นมาได้นั้นก็จำเป็นที่จะต้องใช้สมุนไพรและแมลงมากมายให้พวกมันกินกันเองจนกว่าจะสำเร็จได้แมลงวิปลาสตามในหนังสือ
สิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้คือต้องทำการคุ้นเคยกับวิธีการทำแมลงวิลาสให้ได้ก่อน แล้วถึงจะศึกษาหลังจากนี้ได้สำเร็จ
“ท่านแม่ขอรับ ถึงเวลาอาหารแล้ว แต่ถ้าท่านแม่ไม่ออกมากิน ส่วนของท่านแม่จะถูกเทียนเอ๋อกินหมดเอานะขอรับ”
ในเรือนเล็กๆแห่งนี้ เทียนเอ๋อที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ ก็ได้มองไปที่อาหารที่วางเต็มโต๊ะ อย่างน้ำลายสอแล้วพูดบอกกับแม่ของเขา
หลินซีเหยียนก็ได้วางหนังสือลงแล้วออกมาจากห้อง ซึ่งไม่แปลกใจที่นางจะพบหลินหนานเฟิงกับเจียงหวายเย่ แต่นางไม่นึกว่าจะพบจงซู่เฟิงอยู่ที่นี่ด้วย!
จงซู่เฟิงที่รู้สึกได้ถึงสายตาของหลินซีเหยียน จึงได้รีบลุกขึ้นยืนแล้วกล่าว “ข้ารบกวนแม่นางหลินหรือเปล่า?”
“องค์ชายจงมาที่นี่ มีอะไรผิดปกติกับร่างกายของท่านอย่างนั้นหรือ?” หลินซีเหยียนกล่าว แล้วนางก็ได้ใช้สายตาสังเกตดู แต่ก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ
จงซู่เฟิงจึงได้มีสีหน้าเหงาๆเล็กน้อย แต่ก็ได้ตอบกลับไปอย่างอบอุ่น “ถ้าข้าไม่ได้เป็นอะไร แล้วแม่นางหลินจะไม่ต้อนรับข้าอย่างนั้นเหรอ?”
หลินซีเหยียนที่เดาเหตุผลขององค์ชายท่านนี้ไม่ออก จึงทำได้แค่ต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม “ใช่ที่ไหนกันองค์ชายจง ข้ายินดีต้อนรับท่านอยู่แล้ว”
เมื่อเจียงหวายเย่เห็นหลินซีเหยียนยิ้มให้จงซู่เฟิงแล้ว ใบหน้าหล่อๆของเขาก็ได้มืดดำขึ้นมาทันที ในขณะที่กำลังทานอยู่นั้นเจียงหวายเย่นั้นจับตะเกียบอยู่น้อยครั้ง
เขาต้องการที่จะทำให้เสี่ยวเหยียนนั้นรู้สึกถึงความไม่พอใจของเขาผ่านการงอนแบบเด็กๆ
อย่างที่เขาหวังเอาไว้ หลินซีเหยียนที่เห็นถึงท่าทีของเขาที่ทานอย่างช้าๆแล้วนั้น นางก็ได้คีบเอาผักสีเขียวแล้วยื่นส่งให้เขาไป
ด้วยเหตุนี้ เรือนเชียนเหยียนก็ได้กินอาหารมื้อนี้กันอย่างมีความสุข
หลังจากที่กินอาหารเสร็จ หลินหนานเฟิงนั้นยังไม่ได้กลับไป เพราะเขานั้นไม่ไว้ใจที่จะให้น้องสาวของเขาอยู่กับ เจียงหวายเย่ตามลำพัง และเขาก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่จงซู่เฟิงเองก็ปล่อยไว้ไม่ได้เช่นกัน
หลินซีเหยียนนั้นก็ลำบากใจเกินกว่าจะบอกให้อีกฝ่ายนั้นกลับไป นางจึงได้ดึงเทียนเอ๋อมาใกล้ๆแล้วจากนั้นก็ซุบซิบข้างหูของเขา เทียนเอ๋อก็ได้กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
จากนั้นเทียนเอ๋อก็ได้กลับมาที่โต๊ะหินแล้วกล่าวอย่างตื่นเต้น “ท่านอาจารย์, ท่านลุงกับองค์ชายจง ท่านแม่บอกว่าพวกเราจะแข่งจับแมลงกัน พวกท่านสนใจจะร่วมด้วยไหมขอรับ?”
จับแมลง?
สีหน้าของคนทั้งสามคนนั้นต่างก็ตกใจมากเมื่อพวกเขาได้ยินที่กล่าว
เจียงหวายเย่ก็ได้เข้าใจขึ้นมาทันทีว่าเสี่ยวเหยียนเอ๋อนั้นหาแมลงไปทำไม เกรงว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับแมลงวิปลาสเป็นแน่
หลินหนานเฟิงก็คิดว่าถ้าการหาแมลงนั้นจะทำประโยชน์ให้กับน้องของเขาได้ แน่นอนว่าเขาก็ยินดีที่จะทำ