หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 237 บรรลุข้อตกลง
บทที่ 237
บรรลุข้อตกลง
หลังจากที่อยู่กับแม่ของเขาพักใหญ่ๆ เทียนเอ๋อก็พอจะเดาอะไรบางอย่างออก จึงได้ถามอย่างสงสัย “ท่านแม่ ท่านต้องการให้พวกเราจับแมลงมามากมายเพื่อวางยาพิษมันเหรอ?”
“แม่กำลังสร้างแมลงวิปลาสอยู่น่ะ” หลินซีเหยียนก็ได้วางเหยือกนี้เอาไว้ในที่ลับ แล้วรอดูผลพรุ่งนี้
ในเวลานี้ก็ดึกมากแล้ว แต่เทียนเอ๋อยังคงถามคำถามมากมายอย่างสงสัย “ท่านแม่ แมลงวิปลาสคืออะไร? มันเป็นแมลงชนิดหนึ่งเหรอ?”
แล้วเจียงหวายเย่ก็ได้ดึงแขนของเทียนเอ๋อ “เทียนเอ๋อไม่เห็นหรือไงว่าแม่ของเจ้าเหนื่อยแล้ว? เจ้าไปนอนกับอาจารย์กันเถอะ”
แล้วใบหน้าเล็กๆของเทียนเอ๋อก็ได้คิ้วขมวดขึ้นมาทันที แล้วจากนั้นก็ได้เดินตามหลังเจียงหวายเย่ไปที่ห้องของเขาเพื่อไปพักผ่อน
วันต่อมา หลินซีเหยียนก็ได้ตื่นแต่เช้าตรู่ และไม่รอช้าที่จะตรวจสอบสถานการณ์ของแมลงเหล่านั้น นางนึกได้ว่ามีแมลงอยู่มากมายที่มีพิษนิดหน่อยอยู่ โอกาสรอดก็น่าจะสูงมาก แต่พอผลออกมากลับพบว่าแมลงพวกนั้นตายเหี้ยน
ผลที่ออกมาเช่นนี้ทำให้หลินซีเหยียนต้องครุ่นคิด ดูเหมือนว่าโอกาสสำเร็จจากแมลงธรรมดาเหล่านี้คงจะไม่สูง แล้วควรจะใช้แมลงแบบไหนดีนะ?
หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวด แล้วในใจของนางก็เต็มไปด้วยความหงุดหงิดใจ
“ตอนเช้าคือการเริ่มต้นของวันใหม่ แต่เจ้าต้อนรับวันใหม่ด้วยสีหน้าแบบนั้นเหรอ?”
ด้วยนิ้วมือเย็นๆ เขาได้นวดคิ้วของนางเพื่อคลายคิ้วบนหัวของนางที่ขมวดกันอยู่ “เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องของแมลงหรอกนะ เปิ่นหวางได้ส่งคนออกไปรวบรวมแมลงมีพิษมาให้แล้ว หากว่าเป็นแมลงที่มีพิษในตัวอยู่แล้ว ความทนทานต่อพิษของพวกมันก็น่าจะสูง”
แล้วหลินซีเหยียนก็ได้ตาเป็นประกายขึ้นมาจากในดวงตาของนาง แล้วจากนั้นก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่ ด้วยดวงตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าองค์ชายจะยังมีประโยชน์เหมือนกันนะ”
เจียงหวายเย่นั้นไม่ได้สนใจที่อีกฝ่ายพูดหยอกล้อเขาแล้วกล่าว “เพราะตัวเราคือสามีในอนาคตของเสี่ยวเหยียนเอ๋อ ถ้าปัญหาแค่นี้ยังแก้ไม่ได้ ก็คงทำให้เสี่ยวเหยียนเอ๋อผิดหวังแย่”
ในขณะที่หลินซีเหยียนอยากที่จะพูดอะไรบางอย่างอยู่นั้น ก็ได้มีเสียงกระแอมดังมาจากข้างหลังนาง
ในเวลานี้หลินซีเหยียนก็พบว่าใบหน้าของเจียงหวายเย่นั้นเข้ามาใกล้กับดวงตาของนางตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ นางจึงรู้สึกตกใจแล้วผลักเจียงหวายเย่ออกไปโดยไม่รู้ตัว
เจียงหวายเย่ก็ได้บิดริมฝีปากของเขา แล้วจดชื่อของ หลินหนานเฟิงไว้ในบัญชีแค้นส่วนตัวของเขา ว่าสิ่งที่เขาทำเอาไว้ในวันนี้ เขาจะต้องเอาคืนสักวันเมื่อมีโอกาส
พรุ่งนี้เป็นวันพิธียอมรับจากบรรพบุรุษและกลับเข้าตระกูล ดังนั้นหลินหนานเฟิงจึงจำเป็นต้องเตรียมตัวมากมาย แม้แต่ในเวลาอาหารเช้า ก็ยังมีข้ารับใช้มากมายมาตามหาเขา
หลินหนานเฟิงจึงได้มีสีหน้าหมดความอดทนเช่นนี้
“พี่ใหญ่ท่านอดทนอีกแค่วันเดียวเท่านั้น หลังจากวันนี้ไปก็จะไม่มีใครมารบกวนท่านแล้วล่ะ” หลินซีเหยียนก็ได้พูดปลอบเขา แล้วคีบน่องไก่ใส่ลงไปในชามของหลินหนานเฟิง
หลินหนานเฟิงก็ได้เงยหน้าขึ้นมา แล้วตาสีดำของเขาก็ได้มองไปมองมาระหว่างน่องไก่กับหลินซีเหยียน
หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ๆ หลินหนานเฟิงก็ได้หยิบเอาน่องไก่นั้นใส่คืนในชามของหลินซีเหยียน แล้วก็ทำตาช่วยไม่ได้ “ข้าเป็นพี่ของเจ้านะ ไม่ต้องมาเอาใจข้าเหมือนเทียนเอ๋อก็ได้!”
หลินซีเหยียนก็ได้หัวเราะ “ที่แท้พี่ใหญ่เองก็เป็นคนที่อ่อนไหวเช่นนี้ ดูเหมือนว่าน้องจะคิดตื้นไปหน่อย”
เจียงหวายเย่ก็ได้คิ้วขมวด ถึงแม้เขาจะคิดว่าพี่เขยของเขาคนนี้จะชอบขัดแข้งขัดขาเขา แต่เขาเองก็รู้สึกยินดีที่พี่น้องได้กลับมาอยู่ด้วยกัน
หลังจากนั้น เจียงหวายเย่ก็ได้จ้องมองไปที่ เสี่ยวเหยียนเอ๋ออย่างตั้งใจหรือไม่ตั้งใจไม่ทราบ แล้วเขาก็พบว่าน่องไก่ในชามของอีกฝ่ายนั้นไม่ขยับเขยื้อนเสียที โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นชอบหรือไม่ชอบ แต่เขาก็ได้คีบเอาน่องไก่นั้นมาใส่ในชามของตัวเอง
มองไปที่เสี่ยวเหยียนเอ๋ออย่างยั่วโมโหแล้วกิน
เทียนเอ๋อที่เห็นน่องไก่ขานั้นที่ควรจะเป็นของเขา แต่กลับถูกแย่งไปทานโดยอาจารย์ของเขาเช่นนี้ จึงได้ดึงแขนเสื้อของแม่ของเขา “ท่านแม่ เทียนเอ๋อลืมบอกไปว่าน่องไก่ชิ้นนั้นเทียนเอ๋อเลียไปแล้ว”
เมื่อได้ยินที่พูด ตัวของเจียงหวายเย่ก็ได้สะดุ้งทันที แล้วจากนั้นก็ได้มองไปที่น่องไก่ที่เขากินไปแล้วอย่างไม่เชื่อสายตา เขานั้นอยากที่จะร้องไห้แบบไร้น้ำตาแล้วกล่าว “เทียนเอ๋อล้ออาจารย์เล่นเหรอ?”
เทียนเอ๋อก็ได้กล่าวอย่างภูมิใจ “เทียนเอ๋อไม่เคยพูดโกหกหรอก”
ในเวลานี้เจียงหวายเย่ก็ได้ตกตะลึงขึ้นมา เขานั้นไม่อาจที่จะคายที่กินไปแล้วออกมาได้ เขาจึงทำได้แค่มองดูอย่างเศร้าๆ แล้ววางน่องไก่ที่เหลือไว้ข้างๆโดยที่ไม่แตะต้องมันอีก
เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ หลินซีเหยียนก็ได้หัวเราะออกมา และในท้ายที่สุดเจียงหวายเย่ก็คิดว่า สงสัยเขาจะต้องสั่งสอนเทียนเอ๋อจริงจังเสียแล้ว
หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ เทียนเอ๋อก็ได้มาหา เจียงหวายเย่ “ท่านอาจารย์ยังโกรธข้าอยู่เหรอ?”
เจียงหวายเย่ก็ได้จ้องไปที่เขาอย่างอ่อนโยนแต่ไม่ได้พูดอะไร
“ท่านอาจารย์อย่าโกรธเลยนะ เทียนเอ๋อหลอกท่านน่ะ” เทียนเอ๋อนั้นดีใจที่เขาสามารถหลอกท่านอาจารย์ได้ แต่อาจารย์ยังโมโหอยู่ เขาจำเป็นจะต้องง้อท่านอาจารย์ให้หายโมโห
เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่เทียนเอ๋อแล้วยักคิ้ว “มันเป็นความจริงหรือหลอก?”
“แน่นอนว่าจริง เทียนเอ๋อไม่ทำอะไรน่ารังเกียจอย่างเลียน่องไก่แล้วเอากลับคืนที่เดิมหรอก?” เทียนเอ๋อก็ได้หัวเราะอย่างบ้าคลั่งและมีน้ำตาไหลออกมาเล็กน้อย
เจียงหวายเย่ก็ได้ดึงหูของเทียนเอ๋อแล้วกล่าวอย่างดุดัน “ไปกับอาจารย์ เดี๋ยวอาจารย์จะพาเจ้าไปที่ดีๆ”
เทียนเอ๋อก็ได้สะอึกด้วยความกลัว แล้วจากนั้นก็ได้รู้สึกผิดขึ้นมาแล้วกล่าว “ท่านอาจารย์ เทียนเอ๋อไม่กล้าทำอีกแล้วขอรับ”
“มันสายไปแล้ว” เจียงหวายเย่ก็ได้อุ้มเทียนเอ๋อขึ้นมาแล้วพาเหาะข้ามกำแพงไป เป็นการเคลื่อนไหวที่ดุดันราวกับเสือ
ในเวลานี้เทียนเอ๋อนั้นรู้สึกเหมือนกำลังนั่งรถไฟเหาะตีลังกาอยู่ แต่ทว่าเขานั้นไม่รู้สึกกลัวเลย แต่ยังรู้สึกตื่นเต้นมากอีกต่างหาก
เมื่อเขามาถึงที่หมายแล้ว เจียงหวายเย่ก็ได้วาง เทียนเอ๋อลงกับพื้น เทียนเอ๋อมองไปรอบๆแล้วจากนั้นเขาก็พบอาวุธมากมายกับตุ๊กตาฟางมากมาย
“ว้าว ท่านอาจารย์ใช้ที่นี่เป็นฐานทัพของท่านเหรอ?” เทียนเอ๋อได้อุทานขึ้นมา แล้วความชื่นชมเจียงหวายเย่ของเขาก็ได้พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุด “ท่านอาจารย์พาข้ามาที่นี่ ก็เพื่อจะฝึกข้าให้กลายเป็นจอมยุทธ์ใช่ไหมขอรับ?”
เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่เขาอย่างพึงพอใจ ก่อนจะยิ้มอย่างแปลกๆออกมาที่มุมปากของเขา แล้วจากนั้นก็ได้พูดออกมาอย่างโหดร้าย “เปล่า อาจารย์แค่พาเจ้ามาดูเฉยๆ”
……….
ใครก็ได้บอกเขาทีว่าทำไมอาจารย์ของเขาถึงได้เป็นคนขี้เหนียวแบบนี้เนี่ย!?
แทบไม่ต้องคิดเลยว่า อาจารย์นั้นยังโมโหเรื่องที่เขาหลอกเมื่อเช้านี้อยู่จริงๆ เขาจึงได้รอหาจังหวะล้างแค้น
“ท่านอาจารย์เทียนเอ๋อผิดไปแล้ว ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว” เทียนเอ๋อก็ได้ขอร้อง แล้วดึงแขนเสื้อของเจียงหวายเย่แล้วก็หยอดคำหวานตามลงไป “ท่านอาจารย์นั้นเก่งที่สุดแล้วยังสง่างามที่สุดด้วย”
การหยอดคำหวานนั้น คือประสบการณ์ที่เทียนเอ๋อได้สั่งสมมาจากการใช้ชีวิตของเขา ทุกครั้งที่เขาทำให้แม่โมโห เขาก็มักจะเอาตัวรอดด้วยไม้นี้เสมอมา
แต่น่าเสียดายที่เจียงหวายเย่นั้นหาใช่คนที่ยอมง้อด้วยคำหวานเช่นนั้น
ในเวลานี้ เทียนเอ๋อจำต้องใช้ไม้ตายสังหารของเขาแล้ว เขาดึงแขนเสื้อของเจียงหวายเย่แล้วกระซิบกระซาบ “ถ้าอย่างนั้น ข้าจะช่วยส่งเสริมให้ท่านแม่แต่งกับท่านอาจารย์ดีไหมขอรับ?”
“ตกลง” เจียงหวายเย่ก็ได้จับมือของเทียนเอ๋อ ราวกับว่าเป็นพี่น้องกัน
“แล้วท่านอาจารย์จะสอนวรยุทธ์ให้เทียนเอ๋อใช่ไหมขอรับ?” เทียนเอ๋อก็ได้ถามอย่างชาญฉลาด
เจียงหวายเย่ก็ได้ผงกหัว แล้วตอบด้วยเสียงที่แหบ “สอน”
“แล้วท่านจะพามาที่นี่อีกไหม?” เทียนเอ๋อนั้นเก่งในเรื่องการพูดชักจูง
แต่ทว่าเจียงหวายเย่นั้นก็เป็นองค์ชายที่ชาญฉลาด เขาไม่ยอมที่จะตกลงทั้งหมดง่ายๆ “จะได้มาที่นี่อีกครั้งหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเอง”
เทียนเอ๋อก็ได้หรี่สายตาของเขาราวกับผู้ใหญ่แล้วกล่าว “เทียนเอ๋อจะพยายามอย่างแน่นอน”