หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 277 ความจริงของคุณชายซางกวนจิ่น
บทที่ 277 ความจริงของคุณชายซางกวนจิ่น
ฮูหยินอวี้พ่นลมออกทางจมูกเสียงดังเฮอะ “ข้าหวังว่าในโรงหมอโกโรโกโสนั่นจะมีแต่หมอไม่ได้เรื่อง แล้วพลั้งมือทำให้นางนั่นตาย”
หากหลินซีเหยียนหายไปสักคน ก็ไม่มีใครในตระกูลหลินที่จะมาขัดขวางนางอีกแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ
“ช่วยข้าแต่งตัวหน่อยซิ ข้าจะไปหาลูกหกหน่อย” ฮูหยินใหญ่ว่าพลางนั่งลงหน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง
เพียงคิดว่าหลินรั่วจิ่งจะได้รับรู้เรื่องเช่นนี้ด้วยก็เนื้อเต้นแล้ว
ไม่นาน ข่าวเรื่องที่หลินซีเหยียนบาดเจ็บสาหัสก็แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง ปฏิกิริยาของผู้คนนั้นแตกต่างกันไป มีทั้งตาเป็นประกาย บางคนก็ถึงขึ้นยินดีอย่างออกนอกหน้า กระนั้นก็ยังมีอีกหลาย ๆ คนที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยออกมากัน ซึ่งกลุ่มหลังนี้เองก็เตรียมรถม้าอย่างรวดเร็วและมุ่งหน้ามาที่โรงหมอหุยชุนทันทีที่ได้ข่าว
ซึ่งคนกลุ่มหลังนี้ส่วนมากแล้วจะเป็นบรรดาคุณชาย
แม้แต่หลินซีเหยียนเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวนางเป็นที่สนใจของเหล่าคุณชายขนาดนี้
มีรถม้าสามคันมาจอดที่หน้าโรงหมอหุยชุน คันหนึ่งเป็นของตระกูลกว๋อกงซางกวน อีกคันหนึ่งเป็นของคุณชายจง และอีกคันเป็นรถม้าของเยี่ยจุนเจี๋ยผู้ที่เพิ่งพบกันไม่นานมานี้
เมื่อเยี่ยจุนเจี๋ยลงมาจากรถม้าแล้วพบจงซู่เฟิงกับซางกวนจิ่นเข้า ก็คิ้วขมวดโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็คารวะให้ทั้งสอง “พวกท่านมาที่นี่เพื่อเยี่ยมน้องซีเหยียนของข้าอย่างนั้นหรือ?”
แม้ซางกวนจิ่นจะพยักหน้ารับด้วยท่าทีสุขุม แต่สีหน้าของเขาก็ไม่อาจปิดความกังวลไว้ได้มิด “ใช่แล้ว” จากนั้นก็ทอดถอนหายใจออกมาเบา ๆ “แปลกจริง ทำไมถึงได้มีคนหมายจะฆ่าซีเหยียนได้นะ ถ้าข้ารู้ว่าใครทำนะ ข้าจะอัดมันให้ไปกองกับพื้นหาฟันไม่เจอเลย”
โชคดีที่คำพูดนี้เขาไม่ได้พูดต่อหน้าหลินซีเหยียน ไม่อย่างนั้นหญิงสาวคงจะได้หัวเราะสักสามหน แล้วบอกให้เขารู้ตัวว่าตัวเองนั้นไม่เอาถ่านเรื่องวรยุทธ์มากเพียงไหน ยิ่งเมื่อครั้งล่าสุดที่ซางกวนจิ่นคิดจะปกป้องสาวงาม แต่กลับกลายเป็นว่าสาวงามปกป้องเขาไว้เองเสียอย่างนั้น
ส่วนจงซู่เฟิงที่ยืนอยู่เฉย ๆ แต่ก็มีบรรยากาศที่อบอุ่นอ่อนโยนแผ่ออกมาอยู่เสมอ ๆ นั้น ก็พยักหน้าเห็นด้วย
“พูดไปก็เท่านั้น ข้าว่าเราเข้าไปหาแม่นางหลินกันเถอะ” ซางกวนจิ่นสะบัดพัดในมือตนดึงพรึบ และเมื่อผนวกกับดวงตาลูกท้อบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาแล้ว ก็ยิ่งทำให้รูปร่างและท่าทางทั้งหมดดูเหมือนคณิกาชายเป็นที่สุด
ทว่าก่อนที่ทั้งสามจะทันได้เข้าไปด้านในของโรงหมอหุยชุน ก็ถูกขวางเข้าเสียก่อน
เป็นหมอจงนั่นเอง
ฝ่ายที่เพิ่งเข้ามาขวางกระแอมไอนิดหนึ่งเพื่อเพิ่มความกล้า “แม่นางหลินตอนนี้ร่างกายอ่อนแอมากจึงไม่สะดวกที่จะรับแขก ขอให้พวกท่านกลับไปก่อน!”
ซางกวนจิ่นไม่พอใจทันที “นี่ท่านหมอเห็นพวกเราเป็นแค่แขกธรรมดาอย่างนั้นหรือ?” เขาไม่ยอมกลับไปมือเปล่าแน่ ชายหนุ่มพูดพลางเดินไปด้านหน้า “ดูสิ นี่ก็ลูกพี่ลูกน้องของแม่นางหลิน ส่วนข้าก็ว่าที่สามีของเสี่ยวเหยียนเอ๋อ ส่วนนี่….” คำพูดชะงักลงกะทันหันเมื่อสายตาคนไปปะทะเข้ากับจงซู่เฟิง จากนั้นเขาก็ส่ายหัวแล้วกล่าวต่อ “พี่ชายท่านนี้ดูเหมือนจะเป็นแขกจริง ๆ”
ทว่าไม่ว่าทั้งสามคนจะมีความสัมพันธ์เช่นไรกับหลินซีเหยียน หมอจงก็ไม่อาจให้เข้าพบได้ “ขอพวกท่านได้โปรดอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย”
ซางกวนจิ่นที่เริ่มตระหนักได้ว่าวิธีการพูดเกลี้ยกล่อมกันซึ่ง ๆ หน้าเช่นนี้ไม่ได้ผลแล้ว ก็หันไปขยิบตาส่งสัญญาณให้เยี่ยจุนเจี๋ย เพื่อให้อีกฝ่ายช่วยพูดตำหนิหมอจงว่าเขานั้นไม่มีเหตุผลเพียงไหน
แต่น่าเสียดายที่ซางกวนจิ่นไม่รู้จักนิสัยเยี่ยจุนเจี๋ย ฝ่ายหลังนั้นเป็นคนที่ตงฉินอย่างหาใดเปรียบ ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่คิดจะใช้วิธีการเช่นนี้
ซางกวนจิ่นจึงอึ้งค้างทันทีที่เห็นเยี่ยจุนเจี๋ยทำมือคารวะ
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอตัวกลับก่อน แล้วฝากทักทายน้องสาวของข้าด้วย”
ส่วนฝ่ายหมอจงนั้นเพียงยิ้มอย่างยินดีระคนโล่งใจ
จงซู่เฟิงเองเมื่อเห็นว่าวันนี้ตนคงไม่ได้เจอหลินซีเหยียนก็ขอตัวกลับเช่นกัน
ตอนนี้จึงเหลือเพียงซางกวนจิ่นเพียงผู้เดียวเบื้องหน้าหมอจง
กระนั้นด้วยความที่ซางกวนจิ่นผู้นี้เป็นคนดื้อด้าน หรือถ้าจะให้พูดตรงกว่านี้ก็คือเป็นคนหน้าด้าน ไม่คิดจะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปข้างในโดยที่หมอจงไม่อาจยื้อไว้ได้ทัน ในไม่ช้าซางกวนจิ่นก็เห็นหลินซีเหยียนกำลังนั่งกินขนมอยู่ในสวน
“แม่นางหลิน ข้าไม่อาจห้ามเขาได้จริง ๆ” หมอจงพูดอย่างรู้สึกจนใจขณะที่พยายามกันเงาร่างรูปโฉมอันงดงามอย่างสุดชีวิต
เมื่อหลินซีเหยียนเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นว่าเป็นใคร นางจึงโบกมือให้ “ไม่เป็นไร ให้เขาเข้ามาข้างใน”
เมื่อหลุดออกจากการยื้อยุดได้แล้ว ซางกวนจิ่นก็รีบถลันเข้ามาใกล้หญิงสาวทันที “ข้าเคยพูดไว้แล้วว่าคนดีมักอายุสั้น ส่วนคนชั่วนั้นอายุยืนยาวพันปี คนอย่างเจ้าจะตายง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน”
“…”
ซานกวงจิ่นที่เพิ่งตระหนักได้ว่าตนได้พลั้งปากพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไป แทบอยากจะตบปากตัวเองตอนนั้นให้รู้แล้วรู้รอด ในขณะเดียวกันข้ารับใช้ที่ตามเขามาด้วย เวินซื่อก็กล่าวขึ้นราวคนไม่รู้จังหวะ “คุณชาย ไม่ใช่ว่าก่อนที่ท่านจะออกมา ท่านก็หลั่งน้ำตาด้วยไม่ใช่หรือ?”
“เงียบน่า ข้าบอกให้เจ้าพูดตอนไหน หือ?”
เมื่อถูกเปิดโปงเช่นนี้ ใบหน้าหนา ๆ ของซางกวนจิ่นก็ดูจะบางขึ้นมาได้เช่นกัน เขายิ้มแหยก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่องพูด “ว่าแต่ใครกันที่อยากจะฆ่าเจ้า?”
หญิงสาวไม่ตอบคำถาม แต่กลับพินิจมองอีกฝ่ายก่อนจะพูดขึ้นว่า “ข้าสงสัยเหลือเกินว่า ทำไมท่านถึงได้เป็นห่วงข้ามากขนาดนี้? อย่าบอกนะ ว่าเป็นแค่เพราะท่านชอบข้าน่ะ?”
“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไง ว่าเจ้าน่ะคล้ายกับคนที่ข้าเคยพบในตอนที่ข้ายังเป็นเด็ก”
เมื่อเจอเข้ากับสายตาที่ติดแววสงสัยของหลินซีเหยียน ซางกวนจิ่นก็ทำตัวเหมือนเม่นพองขน ดูแข็งขันขึ้นผิดไปจากเดิม
หลินซีเหยียนพลันหรี่ตาลงราวคนไม่เชื่อ เพราะถ้าคุณชายท่านนี้เคยพบนางเมื่อตนเด็กจริง ก็คงไม่ใช่นางในร่างนี้เป็นแน่ เช่นนั้นแล้วคนที่เขารักย่อมเป็นเจ้าของร่างนี้
หญิงสาวจึงเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ข้าไม่เคยพบท่าน ขอให้ท่านอย่าได้ส่งผ่านความรู้สึกดี ๆ ของท่านที่มีต่อคนอื่นมาให้ข้าอีกเลย”
คำพูดนี้รุนแรงราวกับคมมีด มันปักเข้ามาในอกซางกวนจิ่นเข้าอย่างจัง ชายหนุ่มถึงกับหน้าหมองหม่นและชะงักไป ทว่าไม่ช้านักเขาก็ฝืนยิ้มพลางพูดกับฝ่ายหญิงสาวว่า “เจ้าไม่ใช่นาง ข้าดูออกชัดเจนอยู่แล้ว”
ในตอนที่ซางกวนจิ่นยังเด็กอยู่นั้น เขาเคยถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่ไป ถึงแม้ว่าจะแอบหนีออกมาได้ แต่ก็ไม่รู้ถนนหนทาง ไม่รู้ว่าจะต้องกลับบ้านทางไหน สุดท้าย ก็ต้องมาขอทานกับพวกวณิพกอยู่ตามข้างทาง
จนกระทั่งมีวันหนึ่งที่หิมะตก ผู้คนไม่ค่อยสัญจร ทำให้ไม่มีอะไรตกถึงท้องเขาเช่นกัน ขณะที่เขากำลังจะตายเพราะความหนาวและความหิว ก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ถือตุ๊กตาตัวใหญ่บังหน้าเอาไว้ พร้อมกันนั้นก็ส่งหมั่นโถวอุ่น ๆ ลูกหนึ่งมาให้เขา
ซางกวนจิ่นดีใจเหลือเกิน ขณะที่รับมาเขาก็ถามชื่อของเด็กหญิงคนนั้นไว้ ซึ่งนางก็ตอบกลับมาอย่างเหนียมอาย “ชื่อของข้าคือหลินซีเหยียน”
ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าอย่างไรเด็กหญิงหลินซีเหยียนคนนั้นจะเป็นหลินซีเหยียนที่อยู่เบื้องหน้าเขาตอนนี้ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายจำเขาไม่ได้ เขาก็จะไม่กดดันคาดคั้นนาง
ซางกวนจิ่นจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน “ในเมื่อเสี่ยวเหยียนเอ๋อไม่ต้อนรับข้า ข้าก็คงต้องขอตัวลา”
แม้ว่าครั้งนี้เขาจะชนเข้ากับกำแพงอันสูงใหญ่ แต่เมื่อได้รู้ว่าอีกฝ่ายปลอดภัย เท่านั้นก็พอแล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง ซางกวนจิ่นจึงจากไปอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับเวินซื่อ
หลินซีเหยียนที่เห็นอีกชายหนุ่มยิ้มระรื่นเช่นนั้น จึงได้แต่นั่งมองดูอย่างจนใจ
…
ณ พระราชวังรัตติกาล
เจียงหวายเย่ที่นั่งอยู่ในห้องทรงงานนั้นมีสีหน้ามืดมนยิ่งนัก ด้วยในเวลานี้มีชายสองคนที่ตัวโชกเลือดคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเขา
ชายหนุ่มถามด้วยเสียงทุ้มต่ำน่ากลัว “พูดอย่างที่เจ้าพูดในคุกมาอีกครั้งซิ”
“ขะ…ข้าน้อยไม่เคยแตะต้องแม่นางหลินเลยจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ เมื่อห้าปีก่อนพวกเราไม่มีเงิน ก็เลยโดนฮูหยินอวี้หลอกเข้า นางบอกกับพวกเราว่าให้ไปรออยู่ในหอนางโลม แล้วเดี๋ยวนางจะพาสาวงามมาให้พวกเราได้เล่นสนุกกัน”
“ตอนแรกพวกเราก็สงสัยอยู่ว่าจะมีเรื่องดี ๆ เช่นนี้เกิดขึ้นในโลกนี้จริง ๆ หรือ ที่จะได้ร่วมหลับนอนกับสาวงามแล้วยังได้เงินใช้อีก”
“แล้วในคืนนั้นฮูหยินอวี้ก็พาสาวงามมาหาพวกเราจริง ๆ แต่ว่าตอนที่พวกเรากำลังจะเอ่อ… นั่นน่ะ อยู่ ๆ เทียนในห้องก็ดันดับขึ้นมา จากนั้นพวกเราก็สลบไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย พอตื่นขึ้นมาอีกวันก็ไม่มีใครอยู่บนเตียงแล้ว”