หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 291 คาดไม่ถึง
บทที่ 291
คาดไม่ถึง
ผมของผู้ชายคนนั้นยุ่งเหยิงเล็กน้อย ซึ่งจะเห็นได้ว่าเขานั้นเดินทางตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน ท่ามกลางแสงจันทร์นี้ใบหน้าที่ไร้จุดด่างพร้อยนี้ก็ได้เผยโฉมออกมา
ใบหน้าของชายคนนั้นมีเส้นสีดำแปลกๆอยู่บนใบหน้าของเขาด้วย แต่ก็ยังไม่สามารถบั่นทอนรูปโฉมของเขาได้เลย แต่กลับช่วยเพิ่มความรู้สึกที่อันตรายให้กับเขา
ที่นอกชายชายป่า ชายคนนั้นก็ได้กลับมาที่รถม้าที่อยู่นอกป่า หลินหนานเฟิงก็ได้เปิดผ้าม่านออกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งทื่อ “พบน้องสาวข้าไหม?”
พบ
นางปลอดภัยดี
เจียงหวายเย่ไม่ได้พูดทั้งสองคำนี้ออกมา แต่กลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก “ไม่ พวกเราค่อยเข้าไปหาด้วยกันพรุ่งนี้”
กับคำพูดของเจียงหวายเย่แล้วหลินหนานเฟิงไม่นึกสงสัยเขาเลยแม้แต่น้อย แล้วจากนั้นก็ได้ยื่นของบางอย่างให้เจียงหวายเย่
เจียงหวายเย่ก็ได้ยื่นมือของเขามารับ แล้วจากนั้นก็ได้ยินที่อีกฝ่ายกล่าว “นั่นคือเนื้อกระต่ายป่าที่ข้าย่าง องค์ชายกินเสีย!”
โดยไม่พูดอะไร เจียงหวายเย่ก็ได้เดินไปที่กองไฟข้างรถม้า แล้วมองไปที่กองไฟที่สว่างท่ามกลางความมืด แล้วกินอย่างไม่เกรงใจ
ในวันนี้ก็เป็นเวลา 7 วันมาแล้วนับตั้งแต่พิษของหนอนด้ายแดงวิปลาสกำเริบ เจียงหวายเย่ก็ได้นอนพิงต้นไม้อย่างเงียบๆแล้วมองไปข้างหน้าด้วยสีหน้าที่สับสนและฝืนทนต่อความเจ็บปวดที่แผ่ไปทั่วทั้งร่างอยู่อย่างเงียบๆ
เขากำลังสั่นอยู่
หรือว่าเขาไม่ควรจะมาดี?
จากสภาพร่างกายของเขาแล้ว เกรงว่าเขาคงมีชีวิตเหลืออยู่อีกไม่มากนัก และหลินซีเหยียนก็ยังอยู่ในช่วงที่ดีที่สุดในชีวิตของนาง
บางทีเขาควรจะจากไปเพื่อถนอมดวงใจของเสี่ยวเหยียนเอ๋อ
ในเวลานี้ความเจ็บปวดทางกายนั้นช่างเบาบาง เพราะเขานั้นเจ็บปวดที่ใจมากกว่าและไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
ไม่นานนักวันใหม่ก็ได้มาถึง เพราะหลีเจี้ยนเฉินฟื้นฟูเรี่ยวแรงมาได้บ้างแล้ว และเขาเองก็อยากจะไปดูไปชมด้วย แต่เพราะทั้งสองนั้นเป็นคู่รักกันในสายตาของคนภายนอก ทั้งคู่จึงต้องเดินจูงมือกันไป
และเพื่อไม่ให้ต้องตกเป็นที่สนใจมากนัก หลีเจี้ยนเฉินจึงได้เปลี่ยนการแต่งกายของเขาจากเดิมที่เป็นแบบเย้ายวนใจ ในวันนี้เขาสวมชุดขาวธรรมดาๆมา แต่เมื่อรวมกับใบหน้าที่เป็นได้ทั้งหนุ่มหล่อและสาวหล่อของเขาแล้ว ก็ได้กุมหัวใจของสาวๆเป็นจำนวนมากทันที
เจียงอี๋และลู่หลีที่เดินออกมาจากด้านหนึ่ง เมื่อมองไปที่กลุ่มฝูงชนที่ดูโกลาหลแล้ว นางก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา
ลู่หลีก็ได้หรี่สายตาของนางแล้วกล่าว “พี่เจียงอี๋ หรือว่าคนเหล่านี้จะตื่นเต้นเพราะการปรากฏตัวของท่านพี่งั้นเหรอ?”
แต่มันก็ไม่เคยเป็นที่นิยมขนาดนี้มาก่อนเลย
แม้เจียงอี๋จะคิดเช่นนั้น แต่นางก็ได้จัดแต่งตัวเองให้เรียบร้อยแล้วค่อยๆเดินไปแบบย่างก้าวดอกบัว
ลู่หลีที่เดินตามหลังเจียงอี๋นั้นก็ได้มองไปที่ความสง่างามและความสวยของเจียงอี๋แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่และแอบบ่นในใจ “ก็แค่เป็นที่ชื่นชอบของคนนิดหน่อยแล้วคิดว่ายิ่งใหญ่รึยังไง? เมื่อใดที่ข้าโตขึ้นข้าเองก็ทำได้เหมือนกัน”
แต่หลังจากที่ก้มหน้าลงแล้วมองไปที่หน้าอกไข่ดาวของนางแล้ว ก็ได้กัดฟันแล้วพูดในใจ “สู้ได้อยู่น่า!”
ในเวลานี้เจียงอี๋ก็ได้เดินเข้าไปหาฝูงชน แต่นางกลับไม่ได้เป็นเป้าสายตาของผู้คนเช่นเคย ซึ่งทำให้สีหน้าของนางนั้นไม่ดีเล็กน้อย
เมื่อมองตามสายตาของผู้คนไป ไม่นานนักนางก็พบ หลีเจี้ยนเฉินที่อยู่ในชุดสีขาวปลอด
ขอบคุณใบหน้าของหลีเจี้ยนเฉิน ใบหน้าที่แดงและน่าหลงใหลของเขานั้นเมื่อรวมกับชุดสีขาวที่ไร้ซึ่งฝุ่นผงแล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายแต่เขาก็มีความน่าหลงใหลที่เหนือกว่าเจียงอี๋
เมื่อเจียงอี๋ได้มองไปที่หลีเจี้ยนเฉินแล้ว นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหลงใหลขึ้นมา แล้วนางได้เดินเข้าไปหาด้วยใบหน้าซีดๆของนาง แล้วจากนั้นก็ได้แกล้งทำเป็นอ่อนแรงแล้วล้มลงไป
ผู้ชายรอบๆเมื่อเห็นเช่นนั้น ตาของพวกเขาก็ได้เป็นสีแดงขึ้นมา พวกเขาต่างก็ต้องการที่จะเข้าไปใกล้สาวงามและเบาะให้กับนาง แต่น่าเสียดายที่มีคนที่เหนือกว่าพวกเขาอยู่ใกล้ๆนางอยู่แล้ว
เกรงว่าทุกคนคงคิดว่าหลีเจี้ยนเฉินนั้นคงจะไม่พลาดโอกาสที่จะได้เข้าใกล้ชิดสาวงามเช่นนั้นแน่นอน
หลินซีเหยียนจึงได้แอบหัวเราะเบาๆอย่างสนใจ ส่วน หลีเจี้ยนเฉินก็ได้เดินหลบและถอยไปอยู่ข้างหลังหลินซีเหยียน ในขณะที่เจียงอี๋นั้นล้มลงไปที่พื้นและลงไปคลุกฝุ่น
“ทำไมท่านถึงไม่คิดจะช่วยข้าบ้าง?” ดวงตาของเจียงอี๋นั้นเหมือนกับบ่อน้ำที่มีน้ำเอ่อออกมา และใบหน้าที่ซีดเซียวของนางก็ได้แสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้มองไปที่ใบหน้าที่บริสุทธิ์ของนางแล้วกล่าวออกมาอย่างโหดร้าย “แม่นางล้มลงไปเพราะเดินไม่ดีเอง ทำไมเจ้าถึงได้โทษข้าด้วย?”
“กะอีแค่ยื่นมาออกมาช่วยแค่นั้น มันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรกัน?” เจียงอี๋พูดออกมาอย่างไม่พักหายใจราวกับว่า หลีเจี้ยนเฉินนั้นได้ทำอะไรผิดร้ายแรง
ถ้าหากว่าเป็นคนอื่น ก็คงจะหลงใหลกับเสียงนุ่มนวลของเจียงอี๋ไปแล้วไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม แต่ทว่ามันไม่ได้ผลกับ หลีเจี้ยนเฉิน
“แม่นางคนนี้ช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก เจ้ากับข้าไม่รู้จักกันแม้แต่น้อย ถ้าข้าเกิดช่วยเจ้ามันจะนำปัญหาใหญ่มาข้าน่ะสิ แล้วทำไมข้าถึงจะต้องช่วยเจ้าด้วย?”
“ไหนท่านพูดออกมาให้ชัดเจนซิ ว่าข้าจะนำพาปัญหามาให้ท่านได้อย่างไร?” เจียงอี๋นั้นยังคงไม่ยอมแพ้ ราวกับว่านางจะต้องการคำอธิบายเพื่อรักษาหน้าของนาง
ในขณะที่หลินซีเหยียนนั้นสงสัยว่าหลีเจี้ยนเฉินนั้นจะพูดอะไร นางก็เห็นหลีเจี้ยนเฉินมองมาที่นางด้วยสีหน้าที่รักใคร่ “นี่คือภรรยาของข้า ถ้าเกิดข้าช่วยเจ้า ภรรยาของข้าก็โกรธข้าน่ะสิ”
เจียงอี๋นั้นไม่นึกฝันว่าผู้ชายที่สวยงามเช่นนี้จะเป็นของผู้หญิงคนนั้น!
ทำไมผู้หญิงคนนี้นอกจากจะเลี้ยงแมลงวิปลาสเก่งแล้ว นางยังเป็นที่รักของชายหนุ่มผู้นี้อีก
ตอนแรกหลินซีเหยียนนั้นคิดที่จะโต้แย้งหลีเจี้ยนเฉิน แต่หลังจากที่เห็นสีหน้าของเจียงอี๋แล้ว นางก็ได้เปลี่ยนใจแล้วกล่าว “ใช่แล้ว ข้านี่แหละจะโกรธเขา”
การที่เห็นทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าเจียงอี๋มาพลอดรักกันเช่นนี้แล้ว ทำให้เจียงอี๋นั้นรู้สึกอับอายขึ้นมา
แต่แล้วก็มีชายที่เต็มไปด้วยเส้นแปลกๆบนใบหน้าปรากฏตัวออกมาแล้วเดินไปหาเจียงอี๋แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น “แม่นางในที่สุดข้าก็พบเจ้า”
หลินซีเหยียนก็ได้จ้องไปที่คนคนนั้น แล้วนางก็ได้ตกใจขึ้นมาทันที ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาได้!
หลังจากที่ยินดีแล้วก็พลันเกิดความสงสัยขึ้นมา ว่าทำไมเขาถึงไม่ได้มาหานาง? หรือว่าเขาจะทักผิดคน?
หลินซีเหยียนนั้นไม่เข้าใจว่าเจียงหวายเย่นั้นกำลังทำอะไรอยู่กันแน่อยู่พักใหญ่ๆ!
หลังจากที่เจียงอี๋เห็นเจียงหวายเย่แล้ว ก็ได้มีสีแววตาประหลาดใจปรากฏในดวงตาของนาง แล้วจากนั้นนางก็ได้ปล่อยเลยตามเลยคล้องแขนของอีกฝ่ายแล้วพูดอย่างภูมิใจ “ท่านพี่ พวกเขารังแกข้า!”
สีหน้าของเจียงหวายเย่ก็ได้เปลี่ยนไปทันที มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าเขาต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหนที่จะห้ามตัวเองไม่ให้ฆ่าผู้หญิงคนนี้ ที่บังอาจมาแตะตัวของเขาเช่นนี้
“สามี?”
“แม่นางเจียงแต่งงานตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
ข่าวนี้ถือเป็นหมัดน็อคสำหรับเหล่าผู้ชายจำนวนนับไม่ถ้วนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ “แม่นางเจียงคนสวยมีเจ้าของเสียแล้ว”
ประโยคนี้ทำให้หลินซีเหยียนรู้สึกสับสน เจียงหวายเย่เป็นสามีของเจียงอี๋งั้นเหรอ?”
นี่เขาเป็นอะไรไป?
ไม่อยากจะเชื่อว่าเจียงหวายเย่นั้นจะทำกับนางเช่นนี้ นางเดินไปหาเจียงหวายเย่อย่างช้าๆทีละก้าว แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบต่ำของนาง “ท่านเป็นสามีของนางอย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว เราเป็นสามีของนาง”
เจียงหวายเย่ไม่ได้หลบสายตาไปไหน แต่หลินซีเหยียนไม่ได้มองไปที่อีกฝ่ายและเผยรอยยิ้มอย่างประชดประชันที่มุมปากของนาง “เราลืมบอกแม่นางหลินไปว่าตอนที่เราพิษกำเริบหนักและเกือบตาย เราได้แม่นางเจียงช่วยเราเอาไว้ด้วยเลือดของนาง”