หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 313 เวลาชั่วครู่แห่งค่ำคืนฤดูใบไม้ผลิมีค่าล้ำเท่าพันตำลึงทอง
บทที่ 313
เวลาชั่วครู่แห่งค่ำคืนฤดูใบไม้ผลิมีค่าล้ำเท่า
พันตำลึงทอง
หลินซีเหยียนนั้นไม่ค่อยพอใจกับสีหน้าที่น่าสงสารนี้ของเขานัก นางจึงได้จับไปที่ใบหน้าของเขาทำให้เขาหันมามองที่นาง แล้วจากนั้นก็กล่าว “นี่ไม่ใช่ความฝัน ข้าคือหลินซีเหยียนตัวจริง”
“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ”
เพราะผลจากพิษวิปลาส ทำให้ตาของเจียงหวายเย่นั้นเป็นเหมือนกับบ่อน้ำที่ในเวลานี้กำลังเอ่อล้นไปด้วยน้ำ เมื่อเห็นเช่นนั้นหัวใจของหลินซีเหยียนก็ได้เต้นเร็วขึ้นมา ทำให้นางรู้สึกราวกับว่าถ้านางนั้นมีอะไรกันกับเจียงหวายเย่สักครั้งก็คงไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย
เมื่อนางคิดได้เช่นนั้น หลินซีเหยียนก็ไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป แล้วนางก็ได้พลิกตัวกลับมาแล้วจับเจียงหวายเย่ไว้ข้างใต้ตัวนางซึ่งทำให้นางรู้สึกถึงความกล้าขึ้นมา
แล้วองค์ชายเย่ผู้สง่างามก็กลายเป็นเหมือนคนรักตัวน้อยของหลินซีเหยียน ที่ห่อตัวเองเข้าหาอ้อมแขนของอีกฝ่ายด้วยความรัก
แล้วหลินซีเหยียนก็ได้ก้มหัวลงแล้วใช้ปากของนางแนบชิดกับริมฝีปากบางๆของเจียงหวายเย่ด้วยสัมผัสที่อ่อนโยน การกระทำที่ธรรมดาเช่นนี้นำพามาซึ่งความรู้สึกที่ทะลักออกมา
แล้วเจียงหวายเย่ก็ดูเหมือนจะอดทนไม่ไหวอีกต่อไป ตัวเขานั้นไม่อาจทนต่อการกระทำที่ไม่สำรวมนี้ของหลินซีเหยียนได้ แล้วก็ปรากฏแววตาที่อันตรายในดวงตาของเขาแล้วจับ หลินซีเหยียนกดลงไปอยู่ด้านล่างของเขาอีกครั้ง
ท่ามกลางแสงจันทร์สว่างพร่ามัว แต่ก็ไม่อาจปิดบังภาพอันงดงามในห้องที่น่าอายห้องนั้นได้
วันต่อมาหลังจากที่เทียนเอ๋อตื่นขึ้น เขาก็ได้มาที่โต๊ะหินอ่อนที่หน้าห้องของเจียงหวายเย่ แล้วนั่งลงเพื่อรออาจารย์ของเขาตื่นและมาทานข้าวเช้าด้วยกัน แต่เขากลับไม่คิดว่าจะเป็นท่านแม่ที่ออกมาจากห้องของท่านอาจารย์
ในชั่วขณะนั้นเอง ตัวเขานั้นคิดว่าเขาคงมองผิดไปจึงได้ขยี้ตาด้วยมือของเขา แต่ก็พบว่าตัวเขานั้นไม่ได้มองผิดไป นั่นคือท่านแม่ของเขาจริงๆ และท่านแม่นั้นก็ดูเหมือนจะเหนื่อยๆด้วย นางกำลังนวดเอวด้านหลังของนางด้วยมือทั้งสองข้างด้วยอารมณ์โกรธๆ
“ท่านแม่”
เทียนเอ๋อก็ได้รีบวิ่งมาหาพร้อมอ้าแขนน้อยๆของเขา ตัวเขานั้นคาดหวังให้ท่านแม่ของเขานั้นอุ้มเขาแต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะท่านแม่นั้นจู่ๆก็หายไป นางบิดเอวที่ปวดของนางเพื่อหลบเขา
หลินซีเหยียนนั้นก็ได้ยิ้มอย่างเจ็บปวด ตัวนางนั้นไม่กล้าที่จะมองมาที่เทียนเอ๋อ นางนั้นรู้สึกอับอายตัวเองยิ่งนัก
ด้วยการกระแอมสองหน หลินซีเหยียนนั้นพยายามที่จะเปลี่ยนเรื่องแล้วนางก็ได้กล่าว “ช่วงที่แม่ไม่อยู่หลายวันมานี้ เจ้าสนิทกับท่านลุงของเจ้าดีหรือเปล่า?”
เทียนเอ๋อก็ได้ผงกหัวแล้วกล่าวอย่างภูมิใจ “ก็ เทียนเอ๋อน่ะทั้งฉลาดและน่ารัก มันแน่อยู่แล้วที่ข้าน่ะจะเป็นที่โปรดปรานในบ้านของท่านแม่ทัพ ไม่เพียงแค่ท่านลุงนะ แม้แต่ท่านตาทวดและยายทวดก็ยังพูดชมเทียนเอ๋อเลย”
หลินซีเหยียนก็ได้ลูบหัวของเขา แล้วนางก็พลันนึกถึงข่าวลือที่นางได้ยินตอนที่นางกลับมาถึงที่นี่ได้ นางจึงได้หันไปมองอันอี้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆแล้วถาม “องค์ชายได้กลายเป็นมหาอุปราชแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
เขาก็ได้ผงกหัว แต่แล้วเขาก็ถูกขัดโดยเทียนเอ๋อเสียก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ “ท่านแม่ มีผู้ชายไม่มากหรอกนักที่ทั้งสง่างาม, ร่ำรวยและทรงพลังมากเหมือนท่านอาจารย์ ทำไมท่านแม่ถึงไม่แต่งกับท่านอาจารย์ล่ะขอรับ พวกเราจะได้มีเงินมากมายยังไงล่ะขอรับ”
ทันทีที่อันอี้ได้ยินประโยคนี้ เขาก็ได้แอบยกนิ้วโป้งให้เทียนเอ๋อในใจ
หลินซีเหยียนก็ได้หน้าแดงขึ้นมาเมื่อนางได้ยินที่เจ้าตัวแสบพูด แล้วจากนั้นก็ได้เขกกบาลเทียนเอ๋อไปทีนึง “หนอย นี่เจ้าจะให้แม่แต่งงานกับคนอื่นเพื่อเงินอย่างนั้นเหรอ?”
เทียนเอ๋อก็ได้หดหัวของเขาลงแล้วกล่าว “เทียนเอ๋อไม่ได้พูดเช่นนั้นขอรับ เทียนเอ๋อก็แค่นึกว่าท่านแม่จะชอบท่านอาจารย์เท่านั้นเองขอรับ”
ในขณะที่แม่กับลูกกำลังทะเลาะกันอยู่นั้น องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ที่ประตูด้านนอกก็ได้เข้ามาเพื่อรายงานว่าองค์หญิงรั่วจิ่งนั้นมาเพื่อขอพบองค์ชาย
“องค์หญิงรั่วจิ่ง?” หลินซีเหยียนที่ได้ยินก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา จากนั้นจึงได้ถามด้วยสีหน้าแปลกๆ “หลินรั่วจิ่งมาทำอะไรที่นี่งั้นเหรอ?”
อันอี้ก็ได้ถอนหายใจที่สถานการณ์จู่ๆก็เลวร้ายลง จากนั้นเขาก็ได้มองไปที่ประตูห้องขององค์ชายที่กำลังปิดอยู่แล้วคิด องค์ชายถ้าท่านยังไม่รีบออกมาล่ะก็ แม่นางหลินคงได้จากไปอย่างโมโหแน่ๆ
มองไปที่อันอี้ที่มีสีหน้าที่ผิดปกติแล้ว หลินซีเหยียนก็รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลขึ้นมาทันที แล้วจากนั้นก็ได้เดินไปตรงหน้าของอันอี้อย่างช้าๆ “บอกมาเสียดีๆ ว่าหลินรั่วจิ่งมาทำอะไรที่นี่?”
“แค่กๆ” อันอี้ก็ได้แกล้งทำเป็นไออย่างรุนแรง และคิดที่จะขอตัวเพราะไม่สบายมาก
แต่หลินซีเหยียนก็ได้คว้าตัวของเขาเอาไว้แล้วจากนั้นก็ได้มองไปที่อีกฝ่าย แล้วนางก็ได้ยักคิ้วแล้วกล่าว “ข้าคือหมอผีนะ เจ้าคิดว่าจะแกล้งทำเป็นป่วยต่อหน้าข้าได้อย่างนั้นเหรอ?”
อันอี้ก็ได้มีสีหน้าผิดแผนออกมา จากนั้นภายใต้การ ขู่เข็ญของหลินซีเหยียน เขาก็จะต้องอธิบายออกไปตามตรง “ในตอนที่องค์ชายได้เข้าไปที่วังหลวงเพื่อจับกุมตัวองค์ชายสามและจัดการกับพวกก่อการกบฏนั้น ก็ได้ช่วยองค์หญิงรั่วจิ่งไว้โดยบังเอิญขอรับ แล้วตั้งแต่นั้นมาเมื่อใดที่นางว่าง นางก็จะมาที่วังรัตติกาลขอรับ”
“งั้นเหรอ?” หลินซีเหยียนก็ได้มีสีหน้าเหมือนบรรลุสัจธรรมขึ้นมา แล้วจากนั้นก็ได้กดดันอันอี้อีกหนแล้วกล่าว “แล้วที่เจียงหวายเย่ที่ถูกพิษหนักเมื่อคืนเนี่ย ก็เป็นเพราะนางไปทำให้เจียงอี๋ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์โมโหเข้าอย่างนั้นเหรอ?”
ถ้าหากทำได้ เขาก็อยากที่จะตอบว่าไม่ใช่ แต่อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็คงจะถูกรู้เข้าโดยแม่นางหลินในอีกไม่เร็วก็ช้าอยู่ดี ถ้าหากโกหกไปก็คงไม่ดีต่อองค์ชายแน่
สุดท้ายเขาก็ได้เล่าความจริงทุกอย่างออกไป หลังจากที่หลินซีเหยียนได้ยินเข้า รอยยิ้มของนางก็เต็มไปด้วยความอันตราย จากนั้นก็ได้คว้าตัวเทียนเอ๋อที่กำลังเอร็ดอร่อยออกจากวังรัตติกาลไป
ในเวลานี้หลินรั่วจิ่งที่รออยู่หน้าประตูวังนั้นก็ได้ถูกเชิญเข้ามาในห้องโถงใหญ่เพื่อรอองค์ชาย ทำให้นางไม่พบ หลินซีเหยียนที่กำลังโมโห
เมื่อองค์หญิงมาถึงผู้คนในวังรัตติกาลต่างก็ไม่กล้าที่จะขัดนาง แน่นอนว่าได้มีการเตรียมชากับขนมอย่างดีมาให้นาง จากนั้นอันอี้ที่อยู่หน้าประตูก็ได้ลังเลอยู่พักใหญ่แล้วในที่สุดเขาก็ได้เคาะประตูแห่งความตาย “องค์ชายขอรับ”
“มีธุระอะไรงั้นเหรอ?”
แล้วเสียงที่ดุดันและน่าเกรงขามของเจียงหวายเย่ก็ได้ดังออกมาจากในห้อง เพราะความง่วงเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อยจากเมื่อคืน
อันอี้ก็ได้รายงานออกไปด้วยความเคารพ “องค์หญิง รั่วจิ่งมาหาท่านขอรับ ในขณะนี้นางกำลังรอท่านอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ขอรับ”
“ต่อจากนี้ไป ให้บอกไปทีว่าองค์ชายนั้นไม่สบาย และไม่สะดวกที่จะรับแขก” แล้วคำรามก็ได้ดังออกมาจากในห้อง เป็นน้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่พอใจ หลังจากนั้นเขาก็ได้ล้างหน้าและแต่งตัว เขานั้นไม่เร่งรีบที่จะไปพบหลินรั่วจิ่งที่รออยู่ใน ห้องโถงใหญ่
กลับกันเขามีท่าทางขี้เกียจแล้วให้คนนำอาหารมาเสิร์ฟในห้อง ในระหว่างที่กำลังทานนั้นเจียงหวายเย่ก็ได้จ้องไปที่อันอี้ด้วยความครุ่นคิดแล้วกล่าว “เมื่อคืนเจ้าส่งคนมาหาเราอย่างนั้นเหรอ?”
ดูจากร่องรอยที่อยู่ในห้องก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่าเมื่อคืนนั้นเขาปลดปล่อยตัวเองไปขนาดไหน?
ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ตอนนี้เขามีคนที่เขาชอบแล้ว แม้ว่าอีกฝ่ายนั้นจะไม่ได้สนใจเขาเลยก็ตามที
อันอี้ก็ได้ก้มหัวลง และอยากที่จะบอกให้ทราบว่าคนที่อยู่กับเขาเมื่อคืนนี้คือแม่นางหลิน แต่เขาก็ถูกขัดโดยใครบางคนที่จู่ๆก็โพล่งเข้ามาเสียก่อน
และคนคนนั้นก็คือหลินรั่วจิ่งที่ทนรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่ต่อไปไม่ไหว หลินรั่วจิ่งก็ได้กรีดร้องเมื่อนางเห็นใบหน้าของ เจียงหวายเย่ที่ไม่ได้สวมหน้ากากที่เต็มไปด้วยเส้นลวดลายสีดำบนใบหน้าของเขา
เจียงหวายเย่ก็ได้คิ้วขมวดอย่างไม่พอใจแล้ววางตะเกียบลง เขานั้นหมดซึ่งความอยากจะกินต่อแล้ว
หลินรั่วจิ่งก็รู้สึกได้ถึงความเสียมารยาทของนางและรีบทำท่าขอโทษทันที “รั่วจิ่งเสียมารยาทไปแล้ว ที่การมาหาของ รั่วจิ่งนั้นไปขัดการพักผ่อนขององค์ชายเข้า”
เมื่อได้ยินที่กล่าว มุมปากของเจียงหวายเย่ก็ได้กระตุกเล็กน้อย แล้วก็มีสีหน้าที่เหมือนกับปีศาจบนใบหน้าที่เยือกเย็นของเขา “ถ้าหากองค์หญิงรู้ตัวก็ไม่เป็นไร แล้วคราวหน้าอย่าได้พรวดพราดเข้ามาเช่นนี้อีก”
สีหน้าของหลินรั่วจิ่งก็ได้ซีดเผือดขึ้นมาในทันที แต่นางก็ยังฝืนยิ้มออกมา “องค์ชายคะ ที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้ เพราะข้าทราบมาว่าองค์ชายนั้นกำลังตามหาสมุนไพรชนิดหนึ่งอยู่ และบังเอิญว่ารั่วจิ่งนั้นเคยพบสมุนไพรชนิดนั้นมาก่อนค่ะ”
“งั้นเหรอ?” เจียงหวายเย่ก็ได้หรี่สายตาลง แต่สีหน้าของเขานั้นไม่ได้ดูยินดีเหมือนที่นางคาดหวังเอาไว้เลย
ในช่วงเวลานั้นเอง หลินรั่วจิ่งก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาว่าข่าวที่นางได้ทราบมาจากไทเฮาอาจจะผิดไป