หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 329 ซ่อนเร้น
บทที่ 329
ซ่อนเร้น
เพราะเหล่าทหารและม้าที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางยาวนานไม่หยุดพัก เยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้ตัดสินใจที่จะพักที่โรงเต ตี๊ยมแห่งหนึ่ง หลังจากคนหายเหนื่อยกันแล้วค่อยรีบออกเดินทางกันต่อ
เหล่าทหารนั้นก็ได้เริ่มเหนื่อยในระดับหนึ่งหลังจากที่ต้องคอยระแวดระวังมาตลอดทั้งวัน พวกเขาจึงได้พากันนอนฟุบ บไปบนโต๊ะและเริ่มนอนหลับกัน
“ท่านแม่ทัพเยี่ย ลำบากหน่อยนะขอรับ”
จงซู่เฟิงก็ได้มีความรู้สึกผิดบนใบหน้าของเขาเมื่อเห็นเช่นนี้ และมีความอ่อนโยนแผ่ออกมาจากตัวของเขาซึ่งทำให้คนร รู้สึกดี แต่ทว่าตัวเขานั้นไม่ต้องการที่จะเข้าใกล้อีกฝ่ายสักเท่าใดนักเพราะลูกพี่ลูกน้องของเขาได้บอกกับเขาว ว่าจงซู่เฟิงนั้นมี วรยุทธ์
มันเป็นเรื่องดีที่องค์ชายนั้นจะมีวรยุทธ์ เพื่อที่เขาจะได้สามารถคอยปกป้องอาณาจักรได้ แต่จงซู่เฟิงกลับเลือกท ที่จะปิดบังเอาไว้ มันจะต้องมีบางอย่างที่ไม่รู้ซ่อนอยู่แน่
“ไม่เป็นไรคุณชายจง มันเป็นหน้าที่ของพวกเรา” เมื่อ เยี่ยจุนเจี๋ยพูดจบ ดวงตาของเขาก็ได้เยือกเย็นขึ้นมาแล้ว วจากนั้นก็ได้เตะโต๊ะเพื่อปลุกทหารให้ตื่น
“ท่านแม่ทัพ!?” แล้วเหล่าทหารก็ได้พากันสะลึมสะลือตื่น และถามกลับไปอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นเหรอขอรับ?”
“ระวังตัวให้ดี” เยี่ยจุนเจี๋ยพูดยังไม่ทันจะขาดขำ ก็ได้มีเสียงปรบมือดังมาจากชั้นบน “ช่างไม่เลวเลยสมกับที่เ เป็นท่านแม่ทัพกระหายเลือด มีลางสังหรณ์รับรู้อันตรายที่เฉียบคมยิ่งนัก!”
เมื่อคนคนนั้นได้มาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน จงซู่เฟิงก็ได้ตะโกนออกมา “เสด็จพี่สอง ท่านมาทำอะไรที่นี่?”
“เรามาทำอะไรที่นี่? น้องชายคนดีของข้าเจ้าไม่รู้จริงๆงั้นเหรอ?” จงซู่เฟิงก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาด้วยใบหน้าที่เก กรี้ยวกราดของเขา ซึ่งได้แผ่บรรยากาศที่รู้สึกไม่ดีออกมา
เหลยถิงยืนอยู่ข้างหน้าจงซู่เฟิงแล้วกล่าว “องค์ชายสอง ท่านน่าจะรู้ดีว่าองค์ฮ่องเต้นั้นเกลียดการฆ่าฟันระหว่าง งพี่น้องมากที่สุดน่ะ”
“แน่นอนข้ารู้ดี แต่เจ้าไม่คิดบ้างเหรอว่าคนอย่างข้าจะกลัวตาแก่ที่สภาพกึ่งเป็นกึ่งตายอย่างเขาน่ะ?” ท่าทีข ของ จงจวินหรานในเวลานี้ ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าตัวเขานั้นไม่ได้สนใจฮ่องเต้จงเลยแม้แต่น้อย
เขาชักเอามีดออกมาจากแขนเสื้อของเขา มีดเล่มนั้นมีสีที่ดำสนิทและแผ่บรรยากาศที่หนาวเย็นออกมา เพียงมองแค่ ปราดเดียวก็สามารถรับรู้ได้ว่าอาวุธชิ้นนี้ไม่ธรรมดา
เขาเดินลงบันไดมาอย่างช้าๆแล้วมองไปที่เยี่ยจุนเจี๋ย “เนื่องจากท่านนั้นเป็นแม่ทัพของรัฐจง ดังนั้นเราจะไม่ฆ่าเ เจ้าถ้าเจ้ารีบหนีไปเสียตั้งแต่ตอนนี้”
เยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้มองไปที่เขาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ขออภัยด้วย ตัวข้านั้นได้รับมอบหมายให้ไปส่ง งองค์ชายสี่ของรัฐจงไปให้ถึงรัฐจงให้ได้ ไม่อย่างนั้นทั่วทั้งรัฐจงคงได้คิดว่าองค์ชายของพวกเขานั้นถูกฆ่าทิ้งโ โดยข้าเป็นแน่ เมื่อถึงเวลานั้นคงได้เกิดสงครามใหญ่ระหว่างรัฐเจียงกับรัฐจงขึ้นเป็นแน่ และข้าก็จะต้องกลายเป็ นคนบาปไปหลายพันปีอย่างแน่นอน”
แม้ว่าพวกเขานั้นจะถูกล้อมอยู่ก็ตามที แต่เยี่ยจุนเจี๋ยนั้นจะไม่ยอมให้ตระกูลแม่ทัพเจิ้นกว๋อของเขานั้นเสียชื่อ อเสียงเด็ดขาด
“ท่านแม่ทัพเยี่ย ข้านั้นอุตส่าห์ให้โอกาสท่านรอดแล้ว แต่ท่านกลับเมินเสียนี่” จงจวินหรานกล่าว จากนั้นก็ได้ มองไปที่น้องสี่ของเขา “ไม่รู้ว่าน้องสี่ยังจำน้องสาวของตัวเองได้ไหม?”
จงซู่เฟิงก็ได้คิ้วขมวดแล้วกล่าว “เกิดอะไรขึ้นกับอิ๋งอิ๋ง?”
“หึ ดูท่าน้องสี่ของเราคงจะยังไม่รู้ว่าองค์หญิงอิ๋งอิ๋งนั้นถูกลอบโจมตีและฆ่าตายโดยพวกโจรระหว่างการเดินทา างไปแต่งงานสินะ” จงจวินหรานนั้นกล่าวโดยไม่สนใจจงซู่เฟิงที่มีใบหน้ามืดมนมากขึ้นเรื่อยๆ
บางทีควรจะบอกว่าตัวเขานั้นรู้สึกพึงพอใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของจงซู่เฟิงมากกว่า ดังนั้นเขาจึงได้เล่าอย่างละ ะเอียดยิบมากขึ้นไปอีก
จงซู่เฟิงนั้นไม่อยากที่จะเชื่อ เขานั้นยังจำได้ดีในตอนที่เขาจะต้องเดินทางไปยังรัฐเจียงในฐานะตัวประกัน น้องสา าวของเขายังได้บอกกับเขา “เสด็จพี่ ท่านไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงอิ๋งอิ๋งนะเจ้าคะ อิ๋งอิ๋งนั้นปกป้องตัวเองได้ ถ ถ้าข้าเป็นสาเหตุต้องทำให้ท่านต้องเป็นห่วง ข้าคงจะรู้สึกแย่ยิ่งกว่าตายเสียอีก”
ทำไมคนที่เป็นคนรอบคอบเช่นนั้นถึงได้ตายง่ายๆได้?
ในตอนนั้นเองจงซู่เฟิงก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ เขาก็ได้เงยหน้าขึ้นมาแล้วดวงตาของเขาก็ได้เต็มไปด้วยเลือดสี แดง “ท่าน….มันเป็นท่านที่ทำร้ายนาง!”
“น้องสี่นั้นไม่ได้โง่อย่างที่ข้าคิดแฮะ” จงจวินหรานก็ได้หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวเราะนั้นดังก้องไปทั วทั้งโรงเตี๊ยมนั้นอยู่พักใหญ่ๆ
ในขณะที่จงซู่เฟิงยังไม่รู้สึกตัว จงจวินหรานก็ได้เล่าต่อ “ทำไมเจ้าถึงไม่อยู่ที่รัฐเจียงต่อไปนะ? ไม่รู้ว่าจะกล ลับมาทำไม?”
เดิมทีเราก็อยากที่จะไว้ปล่อยเจ้าไปแท้ๆ แต่เจ้าดันกลับมารนหาที่ตายเช่นนี้ ดังนั้นเจ้าจะมาโทษข้าไม่ได้หรอกนะ ”
“แม้ว่าเราอยู่ที่รัฐเจียงต่อไป แต่มีหรือที่เจ้าจะปล่อยเราไปน่ะ?” แล้วความเสียใจบนใบหน้าของจงซู่เฟิงก็ได้หาย ยไปและแทนที่ด้วยใบหน้าที่ด้านชาแทน ซึ่งแม้จะแฝงด้วยอารมณ์ที่วุ่นวายแต่ก็ไร้ซึ่งความหวาดกลัว
แล้วจงซู่เฟิงก็ได้ดันเหลยถิงให้หลบออกแล้วไปเผชิญหน้ากับจงจวินหรานผู้ที่ฆ่าน้องสาวของเขาอย่างตรงไปตรงมา “ท ท่านรู้ใช่ไหมว่าอิ๋งอิ๋งเป็นน้องสาวของข้าน่ะ?”
“แน่นอนข้านั้นทราบดี”
จงจวินหรานนั้นได้ใช้มีดนั้นชี้ไปที่ใบหน้าของจงซู่เฟิง ซึ่งจงซู่เฟิงก็ไม่ได้หลบแต่อย่างใด ใบมีดนั้นคมกริบม มากด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ใบหน้าของจงซู่เฟิงมีรอยเลือดเกิดขึ้นมา แล้วเลือดสีแดงๆก็ได้เริ่มไหลออ อกมาจากผิวขาวๆของเขา
เป็นความงดงามที่น่ากลัวมาก
“จริงๆแล้วข้าเองก็ไม่ได้อยากจะฆ่านางหรอก แต่เป็นนางเอกที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ ข้าได้ให้นางไปแต่งงานแต่ นางกลับหนีพร้อมไปกับองครักษ์ของนาง” จงจวินหรานกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน เขานั้นจับไปที่ค คางของจงซู่เฟิงแล้วจ้องไปที่ดวงตาของอีกฝ่าย “เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงได้รู้น่ะ?”
“มีใครบางคนบอกเจ้าสินะ?” จงซู่เฟิงกล่าวอย่างเยือกเย็น
“น้องสี่เดาถูกต้องแล้ว แต่เจ้ารู้ไหมว่าคนคนนั้นคือใคร?” มีความสงสารปรากฏขึ้นที่ฟันของจงจวินหราน “คนคนนั นก็คือองครักษ์ที่น้องของเจ้าชอบยังไงล่ะ เขาเป็นคนที่ฆ่าองค์หญิงแล้วเอาเรื่องนี้มาบอกกับข้าว่าองค์หญิง งนั้นล่อลวงเขา”
แล้วอารมณ์บนใบหน้าของจงซู่เฟิงก็ได้เปลี่ยนไป แล้วจากนั้นก็ปรากฏซึ่งใบหน้าที่เสียดายและรู้สึกผิด ตัวเขานั้น ต้องการที่จะให้น้องสาวของเขาได้มีชีวิตที่ดี แต่สุดท้ายเขาก็ทำไม่สำเร็จจนได้
“องครักษ์คนนั้นคือใคร?” แล้วเสียงที่มืดหม่นที่ขัดแย้งกับภาพลักษณ์ที่อบอุ่นอยู่ตลอดของจงซู่เฟิงก็ได้ดังขึ้ นมา
จงจวินหรานนั้นหาได้สนใจไม่ ตัวเขานั้นรู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีจิตใจมืดดำซ่อนอยู่ภายใต้ผิวหนังของจงซู่เฟิง
“เขาถูกฆ่าโดยข้าเอง เขาเป็นคนฆ่าองค์หญิงของอาณาจักรเรา ต่อให้เป็นข้าก็ไม่อาจไว้ชีวิตเขาได้” เมื่อเขาพูด ดประโยคนี้จบ บรรยากาศรอบตัวของจงจวินหรานนั้นก็ได้หนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ เขามองไปที่จงซู่เฟิงแล้วกล่าว “อิ๋ง งอิ๋งนั้นเป็นรักของผู้คนมากกว่าพี่ชายของนางเสียอีก แต่น่าเสียดายหัวแข็งเกินไปหน่อย”
โดยอาศัยจังหวะที่จงจวินหรานกำลังหายใจ จงซู่เฟิงก็ได้รีบคว้าข้อมือของอีกฝ่าย แล้วจากนั้นก็ได้จับหักด้วยกำ ำลังภายใน ทำให้มีดในมือของจงจวินหรานตกลงมาที่มือของจงซู่เฟิง จากนั้นจงซู่เฟิงก็ได้จับจงจวินหรานเป็นตัวประก กัน
เพราะว่าเกิดขึ้นเร็วมาก ทำให้เหล่าองครักษ์และคนขององค์ชายสองนั้นตามไม่ทัน พวกเขาทำได้แค่จ้องไปที่จงซู่เฟิ งด้วยความกลัวว่าอีกฝ่ายนั้นจะทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อชีวิตของ องค์ชายสอง
แม้ว่าจะมีมีดจ่ออยู่ที่คอหอยของเขา แต่องค์ชายสองก็ยังหาได้มีสีหน้าหวาดกลัวบนใบหน้าของเขาไม่ กลัวกันเขา าได้ยิ้มออกมาอย่างประชดประชัน “ดูเหมือนว่าข้าคงจะประมาทไปหน่อย ไม่นึกเลยว่าน้องสี่ของเราที่เคยอ่อนแอจะมีวรย ยุทธ์สูงถึงเพียงนี้”
“หุบปาก”
จงซู่เฟิงที่ดูเหมือนจะละทิ้งบรรยากาศที่อบอุ่นราวกับหยกก่อนหน้าทิ้งไปแล้ว ในเวลานี้เขาได้แผ่อำนาจคุกคามออกมารา าวกับว่าตัวเขานั้นสามารถจัดการกับผู้คนมากมายได้ทุกเมื่อ
“น้องสี่ ข้าแนะนำให้เจ้ายอมจำนนแล้วปล่อยข้าไปจะดีกว่า บางทีข้าอาจจะเปลี่ยนความคิดปล่อยเจ้าไปก็ได้ ไม่อย่างนั้น เจ้าจะทำให้ข้ามีเหตุผลให้อยากฆ่าเจ้าเสียเปล่าๆน่า”